อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ตอนที่ 1 ทรยศ
ท่ามกลางแสงสีภายในงานจัดเลี้ยงหรูหราใหญ่โตในใจกลางเมืองๆหนึ่ง
บรรดาสุภาพสตรีต่างก็แต่งกายด้วยชุดราตรีหรูหราสวยงามตระการตา เดินเฉิดฉายไปมาอยู่ภายในงาน ส่วนสุภาพบุรุษล้วนแต่งกายด้วยชุดสูทราคาแพง กำลังยืนจับกลุ่มพูดคุยกันเป็นจุดๆ กลุ่มละห้าถึงหกคน
จากการแต่งกายของผู้ที่อยู่ในงานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสุภาพบุรุษ หรือว่าสุภาพสตรี ล้วนบ่งบอกว่าทุกคนในงานต่างก็เป็นคนดัง และชนชั้นสูงในสังคมทั้งสิ้น
เซียถงอยู่ในชุดราตรียาวสีดำรัดรูป ชายกระโปรงลากไปกับพื้นขณะเยื้องย่าง ดวงหน้าเล็กๆนั้นมีเครื่องสำอางบางๆปกคลุมอยู่ ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว ริมฝีปากเป็นสีอมชมพูราวกับลูกพีช เรือนร่างมีสัดส่วนที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ
สายตาของบุรุษในงานต่างก็จับจ้องมองมาที่เรือนร่างของหญิงสาวผู้นี้
เซียถงเดินปะปนเข้าไปท่ามกลางฝูงชน แม้สายตาจะดูสบายๆ แต่ก็แอบระมัดระวัง และสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวรอบตัว
วันนี้เป็นวันเกิดของลู่อวิ๋นโจว เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของเมืองนี้ และงานเลี้ยงคืนนี้ก็จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเขาโดยเฉพาะ
ส่วนภารกิจของเธอก็คือการสังหารลู่อวิ๋นโจว และขโมยคริสตัลม่วงมาจากเขา!
คริสตัลม่วงนี้เป็นสมบัติประจำชาติ มันถูกขุดพบโดยกลุ่มโจรปล้นสุสานกลุ่มหนึ่ง ไม่มีใครล่วงรู้ถึงอายุของคริสตัลม่วง และที่มาที่ไปของมัน ดูเหมือนข้อมูลเกี่ยวกับคริสตัลม่วงจะค่อนข้างลึกลับอย่างมาก และต่อมาคริสตัลม่วงก็ได้ถูกขายให้กับลู่อวิ๋นโจว
ว่ากันว่าคริสตัลม่วงนี้มีพลังงานแปลกประหลาดซ่อนอยู่ และลู่อวิ๋นโจวก็กำลังเตรียมที่จะศึกษา และพัฒนาพลังงานของคริสตัลม่วงนี้มาใช้ ซึ่งหากเขาทำได้สำเร็จ จะก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงต่อประเทศชาติอย่างมาก เซียถงจึงได้ถูกส่งตัวให้มาปฏิบัติภารกิจครั้งนี้
เซียถงได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่อายุหกขวบ และเริ่มปฏิบัติภารกิจได้ตั้งแต่อายุสิบขวบ จนตอนนี้เธออายุยี่สิบหกปีแล้ว ในช่วงระยะเวลาสิบหกปีที่ผ่านมา หญิงสาวสามารถปฏิบัติภารกิจต่างๆที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จลุล่วงทุกครั้งไป ไม่เคยมีครั้งไหนที่ล้มเหลวเลย
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอมีคู่หูที่ดีอย่างมู่เฟย และยังเป็นชายคนรักของเธออีกด้วย
ทั้งคู่ตกลงกันว่า หลังจากปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้น พวกเขาจะขอลาออกจากการเป็นหน่วยพิเศษขององค์กร เพื่อที่จะไปใช้ชีวิตที่เหลืออย่างคนปกติทั่วไป มู่เฟยเองก็เห็นด้วยกับเธอ
เมื่อนึกถึงชีวิตที่เป็นปกติสุขในอนาคตขึ้นมา ริมฝีปากของเซียถงยามนี้ก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
ผู้คนในงานเริ่มส่งเสียงฮือฮาขึ้นเล็กน้อย เมื่อลู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวออกมาจากหลังเวที พร้อมด้วยบอดี้การ์ดร่างกายกำยำแข็งแกร่งถึงแปดคน จากรูปลักษณ์ของลู่อวิ๋นโจว เขาน่าจะอายุมากกว่าห้าสิบปี ศรีษะค่อนข้างล้าน ดวงตาทั้งคู่บ่งบอกถึงความเฉลียวฉลาดล้ำลึกอย่างยากที่จะคาดคะเนได้
“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเลี้ยงวันเกิดของผมในคืนนี้ ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกันอย่างเต็มที่”
ลู่อวิ๋นโจวเอ่ยบอก พร้อมกับยกมือขวาขึ้นโบกไปมาทักทายแขกเหรื่อในงาน
เมื่อเห็นเป้าหมายปรากฏตัว สายตาของเซียถงก็จับจ้องอย่างไม่กระพริบตา
ทุกคนในงานเลี้ยงต่างก็พากันชูแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้น พร้อมกับร้องแสดงความยินดี
เซียถงสัมผัสได้ว่า สายตาของบอดี้การ์ดทั้งแปดดูเหมือนจะจับจ้องมาทางเธอ เธอจึงรีบยกแก้วไวน์ในมือชูขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากนั้น สายตาของเหล่าบอดี้การ์ดก็สอดส่ายมองไปทางอื่นแทน
เสียงเพลงในงานเลี้ยงดังขึ้น สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีต่างก็พากันออกไปเต้นรำ ภาพบนฟลอร์หน้าเวทีเวลานี้มีแต่ความสนุกสนานสวยงาม
เซียถงซึ่งแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคน ค่อยๆขยับเข้าใกล้ลู่อวิ๋นโจวทีละเล็กทีละน้อยโดยที่ไม่มีผู้ใดสงสัย และตอนนี้ เธอก็อยู่ห่างจากเป้าหมายไปเพียงแค่ห้าเมตรเท่านั้น
“โอ๊ย! คุณเหยียบเท้าของฉันค่ะ!”
เซียถงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเล็กๆสวยงามนั้นย่นเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆนั่งลงกับพื้น
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเซียถงรีบเอ่ยปากขอโทษทันที และพบว่า ปลายเท้าสีขาวนวลเนียนของเธอนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีแดง และมีรอยส้นรองเท้าของผู้ชายปรากฏอยู่
แต่ในขณะที่ร่างของเซียถงกำลังนั่งยองๆอยู่นั้น จู่ๆ เรือนร่างงดงามก็กระโดดพุ่งออกไปราวกับเสือดาวที่คล่องแคล่วว่องไว ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาลู่อวิ๋นโจวด้วยความเร็วประหนึ่งสายลมกรรโชก เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
บอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่คุ้มกันลู่อวิ๋นโจวถึงกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“คุ้มครองท่านลู่!”
แต่ในช่วงนาทีวิกฤตินั้นเอง เซียถงก็ได้ล้วงเอาปืนพกสีแดงเก็บเสียงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดราตรีสีดำออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ยังคงวิ่งตรงเข้าไปหาเป้าหมาย มีดบินบางเฉียบแปดเล่มพุ่งทะยานออกจากฝ่ามืออีกข้างของเธอ
เสียงดัง ‘ปัง’ อย่างแผ่วเบาปรากฏขึ้น ลูกกระสุนพุ่งเข้าใส่หน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจของลู่อวิ๋นโจวอย่างแม่นยำ
ส่วนมีดบินบางเฉียบทั้งแปดเล่มนั้น ก็พุ่งปักเข้าที่ลำคอของบอดี้การ์ดทั้งแปดคนซึ่งอยู่ข้างกายลู่อวิ๋นโจวในทันที ร่างสูงใหญ่กำยำเหล่านั้นล้มตึงลงกับพื้นในสภาพที่มือยังคงกำปืนแน่น แต่ก็สายเกินกว่าที่จะเหนี่ยวไกได้ทัน
มีดบินบางเฉียบขนาดเล็กนั้นแต่กลับสามารถสังหารผู้คนได้ในพริบตา หากสังเกตให้ดีจะพบว่า เป็นเพียงแค่เกล็ดเงินที่ใช้ตกแต่งชุดราตรีสีดำหรูหรานั้น ให้ดูสง่างามมากขึ้นเท่านั้นเอง
“เซียถง! จับตัวเธอไว้เร็วเข้า!”
บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านล่างตะโกนอย่างฉุนเฉียว
สาเหตุที่เซียถงสามารถปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จทุกครั้งก็เพราะว่า เธอมีความสามารถหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาบุหงาโบยบิน ที่บ่อยครั้ง เธอสามารถทำสิ่งที่ไม่โดดเด่นสะดุดตา ให้กลายเป็นอาวุธร้ายแรงที่คร่าชีวิตได้ในทันที
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ภายในงานจัดเลี้ยงเริ่มโกลาหลวุ่นวายขึ้นในทันที ผู้คนในงานต่างก็พากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ทำให้ขัดขวางเหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่ภายในงาน
ขณะที่เซียถงกำลังวิ่งตรงเข้าไปที่ร่างของลู่อวิ๋นโจวนั้น ชุดราตรีสีดำบนร่างก็ถูกกระชากออก เผยให้เห็นเสื้อหนังกันกระสุนสีดำด้านใน ซึ่งปกปิดเพียงแค่หน้าอกและต้นขาเท่นั้น ผมยาวปลิวสะบัด ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ดูประหนึ่งเทพธิดาที่ผุดออกมาจากขุมนรก
จังหวะที่ลู่อวิ๋นโจวล้มลงนั้น เซียถงก็วิ่งเข้าไปถึงร่างของเขาพอดี และเอื้อมมือออกไปคว้าคริสตัลม่วงที่อยู่ในมือข้างขวาของลู่อวิ๋นโจว
ทันใดนั้นเอง ลู่อวิ๋นโจวที่นอนตายอยู่บนพื้นก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มชั่วร้าย เขาคว้าข้อมือของเซียถงที่ยื่นออกมาไว้ได้ ร่างที่สวมชุดกันกระสุนนั้นได้พูดเย้ยหยันขึ้นว่า
“เซียถง ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะต้องมาในงานคืนนี้ คิดจะฉกฉวยของจากลู่อวิ๋นโจว มันไม่ง่ายหรอกนะ!”
แต่สีหน้าท่าทางของเซียถงกลับยังคงสงบนิ่ง หญิงสาวยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “งั้นเหรอ?”
เธอตวัดมือซ้ายขึ้นรัดลำคอของลู่อวิ๋นโจวในทันที พร้อมกับออกแรงรัดอย่างไร้ปราณี เวลานี้ดวงตาของลู่อวิ๋นโจวถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ เลือดสีแดงค่อยๆไหลออกมาจากมุมปากของเขา
“ท่านลู่ ดูเหมือนคุณคงจะลืมไปแล้วว่า นอกจากฉันจะยิงปืนแม่นแล้ว ฉันยังมีวิธีฆ่าคนอีกมากมายหลายแบบ”
เสียงไพเราะที่ดังขึ้นนั้น ไม่ต่างจากเสียงเพรียกหาจากนรกที่ดังก้องอยู่ในหูของลู่อวิ๋นโจว
ไม่นานนัก มือของลู่อวิ๋นโจวก็ค่อยๆอ่อนแรงลง และค่อยๆคลายออกอย่างช้าๆ
หลังจากที่แย่งคริสตัลม่วงมาจากมือขวาของลู่อวิ๋นโจวได้ เซียถงก็ได้กระโดดขึ้นกลางอากาศ ราวกับเหยี่ยวที่แข็งแกร่งว่องไว มือของเธอคว้าโคมไฟระย้าเหนือศีรษะไว้ได้อย่ารวดเร็ว ในขณะเดียวกันลูกกระสุนนับสิบก็ได้พุ่งเข้ามาหาร่างของเธอ และเฉียดนิ้วเท้าไปอย่างเฉียดฉิว
เซียถงใช้ปลายนิ้วเหยียบโคมระย้า และอาศัยแรงส่งของมันกระโดดเหินขึ้นไปบนชั้นสองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งไปตามทางเดิน ด้านหน้าเป็นกำแพงกระจกกันกระสุนที่สูงตั้งแต่เพดานจรดพื้น ซึ่งยากนักที่เซียถงจะสามารถฝ่าทะลุเข้าไปได้
แต่เวลานี้ มู่เฟยได้รอเธออยู่ก่อนแล้ว!
ทันใดนั้นอง เสียง ‘ปัง’ ก็ดังขึ้น กำแพงกระจกกันกระสุนบานใหญ่แตกออกในทันที ด้านนอกเวลานี้ มู่เฟยกำลังยืนถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่ด้านนอก ร่างของเขาห้อยลงมาจากหลังคาด้วยสายสลิงที่ติดอยู่กับเอว ปากก็ร้องตะโกนบอกเสียงดัง
“ถงถงเร็วเข้า!”
บอดี้การ์ดจำนวนมากกำลังวิ่งกรูตามหลังเซียถงมา เธอกระโดดออกมาจากกระจกหน้าต่างที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไม่ลังเล
หลังจากนั้น เสียงปืนไรเฟิลจากมือของมู่เฟยก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
เซียถงรีบวิ่งตรงไปที่รถซึ่งจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า ปากก็ร้องตะโกนบอกมู่เฟยที่กำลังวิ่งตามมา
"มู่เฟย รีบหน่อย!"
หลังจากมู่เฟยกระโดดขึ้นรถได้แล้ว หญิงสาวก็รีบขับหนีออกไปในทันที
“ในที่สุดเราก็เสร็จสิ้นภารกิจของเราแล้ว! มู่เฟย นายอยากย้ายไปอยู่ประเทศไหน?”
เซียถงเอ่ยถามออกมาอย่างมีความสุข ริมฝีปากแย้มยิ้ม แววตาสดใสในขณะที่จ้องมองชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
“คริสตัลม่วงล่ะ?”
มู่เฟยไม่ตอบ แต่ย้อนถามหญิงสาวกลับไป
"อยู่นี่!"
เซียถงยื่นคริสตัลม่วงให้กับมู่เฟยโดยไม่ลังเลสังสัยอะไรเลยแม้แต่น้อย
มู่เฟยรับคริสตัลม่วงมา ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายระยิบระยับด้วยความโลภ ปากก็พึมพำออกมาว่า
“ฉันได้ยินมาว่า ใครก็ตามที่ได้ครอบครองคริสตัลม่วงนี้ จะสามารถครอบครองโลกใบนี้ได้!”
“มู่เฟย!”
เซียถงร้องเรียกอีกฝ่ายด้วยความตกใจ เพราะเวลานี้ปากกระบอกปืนเย็นยะเยือกกำลังจ่ออยู่ที่ศรีษะของเธอ
“อย่าขยับ!”
เซียถงได้แต่ร้องถามออกไป "มู่เฟย! นี่นายรู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่?"
“ถงถง ฉันขอโทษ! ฉันไม่ได้อยากไปใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ฉันเป็นคนมีความสามารถ ทำไมฉันต้องทำงานให้กับประเทศนี้ด้วย ฉันต้องการครอบครองโลกใบนี้!”
น้ำเสียงที่เย็นชาของมู่เฟย ทำให้หัวใจของเซียถงต้องแตกสลาย ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน กลับกลายเป็นเย็นชาไร้หัวใจ
“ต่อให้นายได้คริสตัลม่วงไป นายคิดเหรอว่าจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าขององค์กรได้?”
หัวใจของเซียถงแตกสลายลงทีละเล็กทีละน้อย
“แต่ถ้าฉันรายงานองค์กรไปว่า เธอเป็นคนขโมยคริสตัลม่วงไป แล้วก็ทำร้ายฉันล่ะ? เธอคิดว่าองค์กรจะเชื่อใคร?”
“ถงถง ในเมื่อเธอไม่เห็นด้วยกับฉัน ฉันก็จำเป็นต้องฆ่าเธอ?”
สายตาของมู่เฟยเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมดุดันขึ้นมาทันที จากความรักกลายเป็นความเกลียดชัง
“มู่เฟย นี่นายฆ่าฉันได้จริงๆเหรอ? นายไม่ได้รักฉันเลยงั้นเหรอ?”
เวลานี้ ดวงตาทั้งคู่ของเซียถงเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ฝ่ามือซ้ายค่อยๆเอื้อมไปแตะปุ่มใต้เบาะอย่างไม่ลังเล
ชายหนุ่มผู้นี้คือคนที่เธอรัก เขาเป็นความรักของเธอ เป็นคนที่เธอต้องการใช้ชีวิตร่วมด้วยมากที่สุด เมื่อวานเขายังกระซิบข้างหูของเธอด้วยความรักใคร่ แต่ตอนนี้กลับกำลังใช้ปืนจ่อหัวของเธอได้อย่างไม่ลังเล
เพียงเพราะต้องการคริสตัลม่วง…
มู่เฟยจ้องมองเซียถงแน่นิ่ง พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถงถง ฉันขอโทษ! วันนี้เป็นวันตายของเธอแล้ว ฉันไม่ได้รักเธอ ฉันแค่ต้องการคริสตัลม่วง”
เซียถงหลับตาลงช้าๆ และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดกลับอันตรธานหายไป เปลี่ยนมาเป็นสายตาที่เย็นชาแทน
“มู่เฟย ความปรารถนาของนายจะไม่มีวันเป็นจริง!”
นิ้วมือของเซียถงกดลงบนปุ่มสีแดงใต้เบาะอย่างไม่ลังเล ปากก็ร้องตะโกนบอก
มู่เฟยรีบหันไปเปิดประตูเพื่อที่จะกระโดดลงจากรถ แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เสียงระเบิดปังดังขึ้น
จากนั้น รถยนต์ทั้งคันก็ระเบิดขึ้นในทันที เปลวเพลิงสีแดงลุกโชติช่วง พร้อมกับกลุ่มควันหนาทึบที่พวยพุ่งไปในห้วงอากาศ
จากอดีตนักล่าซอมบี้ในวันสิ้นโลกต้องผันตัวเป็นสาวน้อยชาวไร่สุดแกร่งที่ต้องช่วยแม่และน้องสาวให้รอดพ้นจากญาติพี่น้องมหาภัยและความยากจน เปิดธุรกิจร่ำรวยใหญ่โตเอาให้เหลือกินเหลือใช้ไปทั้งชาติ!
เธอถูกย่าแท้ๆฆ่าตายตอนอายุ6ขวบ กลายเป็นผีเร่ร่อนเฝ้าดูอนาคตและจุดจบของทุกคนที่รักอย่างเจ็บแค้น ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขทุกสิ่ง! แต่เอ๊ะ?คุณแม่ผู้ขี้ขลาดคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?!
นักศึกษาสาวหัวกะทิแห่งศตวรรษที่21เกิดใหม่เป็นลูกเลี้ยงบ้านนางเอกนิยาย ทันทีที่ทะลุมิติเข้ามาดันอยู่ในฉากคันขับที่เธอกับวายร้ายหลักของเรื่องต่างเสียรู้ ถูกจับขึ้นเตียงด้วยกันเพื่อรอเวลาถูกเปิดโปง!
หลินจิงซู หญิงสาวผู้ล้มเหลวทุกอย่างในชีวิตเพราะครอบครัวเฮงซวย เธอย้อนเวลาไปยังปี1990 อาศัยความรู้ในโลกอนาคตเพื่อเก็บเกี่ยวโอกาสทางธุรกิจ ก่อร่างสร้างตัวจนมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อบดขยี้ทุกคนที่เคยรังแก!
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
จากชายหนุ่มที่บังเอิญได้รับมรดกตกทอดของบรรพชนสกุลเฉินเพราะอุบัติเหตุ และในที่สุด จากลูกเขยที่ไร้ค่าไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง กลับกลายมาเป็นหมอเทวดาที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศยิ่ง
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ซือมู่อัน หรือคุณชายซือ ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลซือ นักธุรกิจพันล้านผู้ได้ฉายาว่าเย็นชาไร้หัวใจ ผู้หญิงสำหรับเขามีไว้เพื่อระบายเท่านั้น จนวันนึงเขาตกหลุมรักหลิวถิงถิง เด็กสาววัยมหาวิทยาลัยที่ตนรับอุปการะ ทั้งๆที่มั่นใจว่าชีวิตนี้เขาจะไม่รักผู้หญิงคนไหน แล้วเธอมีอะไรดีเขาถึงตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง แต่กว่าจะรู้ตัวว่ารักเธอ เด็กในอุปการะก็เรียนจบจนหนีเขาไปอยู่ต่างเมืองแล้ว แต่มีหรือที่เขาจะปล่อยให้เธอไป ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องกลับมารับผิดชอบกับหัวใจที่เขามอบให้เธอ
เพราะความใจดีทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ยื่นมือเข้าไปช่วยนายน้อยแห่งตระกูลยากูซ่า
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY