บัลลังก์สีชาดแห่งสินทูรถึงคราผลัดแผ่นดิน เมื่อเจ้าหลวงสิ้นพระชนม์ แต่ เจ้าฟ้ารัชทายาททรงพระเยาว์ ซ้ำยังถูกตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ มีเพียงพระธำมรงค์วงน้อยจากพระหัตถ์พระบิดา ที่ตรึงตำแหน่งรัชทายาทเอาไว้แม่นมั่น เมื่อเติบใหญ่ เจ้าหลวงพระองค์ใหม่จะพิสูจน์ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของพระองค์ได้อย่างไร และหญิงสาวที่เฝ้าติดตามถวายดอกแก้วและอารักขานั้น มีส่วนคลี่คลายปริศนา หรือตอกย้ำว่าพระองค์เป็นแค่ “เงา” หรือเจ้าของบัลลังก์ที่แท้จริง
บัลลังก์แรเงา
บทที่๑
หน้าตะแลงแกงที่ยกพื้นขึ้นสูงประหนึ่งต้องการให้คนเบื้องล่างรับชมภาพ ‘การประหาร’ ได้ถนัดชัดตา สตรีสูงศักดิ์ในเครื่องทรงสวยงามล้ำค่า ฉลองพระองค์เข้ารูปสีครีม ปักลายดอกไม้พันเกี่ยวด้วยเส้นไหมสีทองยาวลงไปถึงช่วงพระโสณี ซึ่งเป็นรอยตะเข็บตัดต่ออย่างประณีต ท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวกรอมพระบาทรูดพองเล็กน้อย เส้นพระเกศาสีดำขลับเกล้ามวยสูง บางส่วนที่รุ่ยลงมาระต้นพระศอสลวยแวววาวดุจเส้นไหมสีดำเนื้อดี ทรงมงกุฎเพชรล้ำค่าส่องประกายสะท้อนรับกับแสงอาทิตย์เพลาเที่ยงวัน
ดวงพักตร์สงบนิ่งบ่งบอกถึงความสงบในจิตใจ แม้คนเบื้องล่างจะดังอึงมี่ หากแต่วรองค์บนนั้น ที่กำลังหยุดยืนกวาดสายพระเนตรเย็นชาทอดพระเนตรไปโดยรอบ วางพักตร์เฉย แค่เพียงภาพเด็กชายวัยแปดขวบปรากฏในจอรับภาพ สายพระเนตรที่ไม่สะท้อนพระอารมณ์ใด ๆ เมื่อครู่กลับฉายแววระริก ห่วงหา เจ็บปวด และทุกข์ทรมานยิ่ง
“สุริยการ...”
พระสุรเสียงที่เปล่งออกอย่างตื่นเต้นหากแผ่วเบา แม้อยากถลาเข้าไปสวมกอดเด็กชายผิวขาว ผมหยักศกสีดำของเด็กน้อยอยู่ภายใต้เครื่องประดับศีรษะแวววาวล้ำค่า แต่ทรงทำได้แค่เพียงคิด ด้วยเวลานี้มีชายฉกรรจ์หน้าตาดุดัน ถืออาวุธคมกริบยาวนับวาจับจ้องด้วยอาการระแวดระวัง และดูเหมือนพร้อมจะวาดคมอาวุธนั้นลงมาทันทีที่ นาฬิกาแดดบอกเวลา ‘เที่ยงตรง’
เด็กชายที่ยืนมองอยู่เบื้องล่างท่ามกลางฝูงชนมากมาย แม้มิได้แสดงอาการใด ๆ แต่ดวงตาที่เคยฉายแววไร้เดียงสานั้นทอประกายปวดร้าวยิ่ง หากแต่มิได้ปวดร้าวที่จะได้เห็น ‘ทูลหม่อมแม่’ ถูกคมขวานบั่นพระศอ แต่ปวดร้าวกับพระราชอาญาที่พระมารดาทรงได้รับต่างหาก
‘เหล่าคณะผู้พิพากษาคดีลงความเห็นแล้วว่า ทรงกระทำผิดต่อองค์เจ้าหลวง ด้วยการลักลอบเป็นชู้กับชายมากหน้าหลายตา ต่างกรรมต่างวาระ และการกระทำที่ทำให้เจ้าหลวงทรงเสื่อมเสียที่สุดคือ พระราชินีทรงร่วมประเวณีกับองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าหลวง คณะผู้พิพากษาจึงมีมติให้ปลดออกจากตำแหน่งราชินี และประหารด้วยการตัดพระศอ’
‘ไม่จริง ใส่ความทั้งเพ เราไม่เคยทำผิดประเวณี ไม่เคยทรยศต่อพระสวามี ไม่เคย !’
รับสั่งสุดท้ายนั้นโหยหวน ก่อนจะมาประทับสงบนิ่งบนตะแลงแกงยามรับรู้พระชะตากรรม ไม่ว่าจะทรงร่ำร้อง ทรงอ้อนวอน หรือทรงกระทำสิ่งใด ก็ไม่มีทางจะลบล้างความผิดและโทษทัณฑ์ที่พระองค์มิได้ก่อขึ้นได้ และดูเหมือนพระสวามีจักไม่ทรงสนพระราชหทัยไต่ถาม ทรงหลบพระพักตร์ไปตั้งแต่วันนั้น วันที่ทหารกรูเข้าไปจับพระองค์เชิญไปที่ ‘ตำหนักนิทรา’ ตำหนักในพระราชฐานชั้นใน ตำหนักที่ใช้ควบคุมตัวนักโทษสูงศักดิ์ ซึ่งเป็นนางห้าม นางใน รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ที่เป็นผู้หญิง
‘ประทับที่นี่รอคำพิพากษา’
นายทหารยศสูงกล่าวด้วยความนอบน้อม และดูเหมือนเขาจะเป็นคนเดียวในเพลานี้ ที่แสดงท่าทีต่อหน้าพระพักตร์เช่นนี้ ทหารนายอื่นนั้นเล่า เมื่อเห็นว่าพระองค์ต้องพระราชอาญา ก็มีท่าทีกระด้างกระเดื่องขึ้นมาฉับพลัน คงหันไปประจบ...มเหสีรองสิท่า แน่นอนแล้ว ถ้าพระองค์ต้องพระราชอาญา พระโอรสผู้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทบัลลังก์คงร้อนเป็นแน่ พวกมันคงหาทางเขย่าบัลลังก์ของ ‘สุริยการ’ ในอนาคตหรืออาจจะในทันทีที่เราหัวหลุดจากบ่า กับพระราชอาญาที่น่าขันนัก แค่การที่นายทหารคนสนิทของพระเจ้าอยู่หัว หิ้วฉลองพระบาทให้พระราชินีก็มีความผิดฐานคบชู้ผิดประเวณีแล้ว แล้วต่อไปใครจะกล้าทำสิ่งใดถวาย
“ได้เวลาประหารแล้ว” เสียงผู้ควบคุมการประหารดังขึ้น พร้อมหัวใจของผู้คนที่เฝ้ารอ และพระหทัยที่แหลกละเอียดของพระราชินีนอกบัลลังก์ ที่ทอดพระเนตรพระโอรสซึ่งยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน แววตาลูกน้อยที่ทอดมองพระองค์แปลกไป ไม่เหลือเยื่อใยแม้แต่นิดเดียว
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"