“ก็ถ้ามึงยังอยากจะเข้าไปในตัวกู กูก็จะเสริฟลูกปืนเข้าไปในหัวมึง!” มันยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งเนื้อทั้งตัวเปลื่อยเปล่าอมชมพู
ผมนั่งยอง ๆ ดูดบุหรี่อยู่บนหลังไม้พาเลท มองดูเพื่อนอีก 3 คนรุมกินโต๊ะนักเรียนดีเด่นลูกเสี่ยร้านทองชื่อ "ไอ้คราม" ไอ้ตงประครองท่อนเนื้อสีคล่ำที่แข็งผงาดพร้อมกระแทกมันเป็นอาวุธที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชคโชนเอ็นแข็งอวบจนเส้นเลือดปูดถูไถปากทางเข้าแล้วดันพลวดเข้าไปจนสุดอันมันยืนบดบี้อยู่ตรงบั้นท้ายอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าไม่ติดไข่สองใบผมว่ามันคงหายเข้าไปทั้งตัว
ตอนที่เอ็นของไอ้ตงเข้าไปจนหมดอันไอ้ครามถึงกับต้องคายเนื้อของไอ้ฮานออกมาแล้วร้องจนเสียงเพี้ยนผิดคีย์ ไอ้เหวินพยักหน้าให้ผมเข้าไปเล่นแต่ผมส่ายหน้ารู้สึกวันนี้เหนื่อย ๆ ขอดื่มเบียร์แกล้มหนังสดดีกว่า
“อึก...อื้อ” ไอ้ลูกเสี่ยทำคอแข็งเหมือนจะขย่อนของในกระเพราะออกมา
“ฟันมึงอะ” ไอ้ฮานบีบจมูกแล้วตบปากมันจนแก้มขึ้นรอยนิ้ว
ในกลุ่มพวกเราเรียกว่าหน้าตาดีทุกคนโดยเฉพาะ “เบตง” มันเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทยจีน ผิวขาวสะอาดอมชมพู ตาชั้นเดียว หุ่นลีน ๆ สมสวน เรียกว่าโอปป้าเลยทีเดียว โดยปกติพวกผมจะใช้หน้าตาไอ้ตงเป็นเหยื่อล่อหนุ่มสาวที่อ่อนต่อโลกเอามาขย้ำเล่นฆ่าเวลา
“อือออ..” ไอ้ตงเปลื่ยนท่าใหม่จับไอ้ลูกเสี่ยร้านทองขึ้นมานั่งทับกลางตัว ไอ้ฮานขยับตัวตามมันยืนคร่อมไอ้ตงไว้ ขนาดตอนเปลี่ยนท่าท่อนเนื้อของไอ้ฮานยังตั้งชูชันโด่เด่ไม่มีอ่อน ไอ้ตงรวบเอวบางแล้วกระเด้งเอวสวนขึ้นเสียงดับ “ตับ ตับ ตับ” ไอ้ครามวางมือข้างนึงไว้บนหน้าอกไอ้ตงมืออีกข้างนึ่งกอบกุมเอ็นที่เส้นเลือดปูดโปนใส่ปาก ไอ้ตงกระแทกแรง ๆ ไม่กี่ทีก็แตกคาตูด มันกระตุกสองสามทีแล้วก็ดึงออก ตอนไอ้ตงดึงออกน้ำกามสีขาวขุ่น ๆ ก็หยดลงพื้นบางส่วนไหลราดข้างขา
“ไอ้ฮานมึงมาเอามันอีกดิ” ไอ้ตงยกตัวไอ้ครามถอดออกจากเอ็นที่อ่อนตัวแล้วใช้ปลายเสื้อยืดเช็ดน้ำที่เยิ่มปลายอวัยวะ ไอ้ฮานที่รออยู่ไม่รีรอจะเข้าไปต่อคิวมันดึงเอ็นออกจากปากแล้วมายืนจ่อท้ายดึงสะโพกไอ้ครามยกขึ้นหาตัว แล้วใช้นิ้วล้วงเอาน้ำที่ยังค้างอยู่ในรูข้างในออกมาปายไว้ที่แผ่นหลังของไอ้คราม
“หล่อลื่น ๆ” ไอ้ตงหัวเราะอารมณ์ดีเพราะน้ำแตกแล้ว ไอ้ลูกเสี่ยตอนนี้อยู่ในท่าหมาแขนหน้าหมอบราบไปกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ตอนไอ้ฮานรั้งสะโพกขึ้นมาจะใส่ต่อ มันเห็นเนื้ออ่อนด้านในแดงก่ำจนปลิ้นออกมา
“เดี่ยวกูจะเอาให้บานกว่าเดิมอีก” พูดไปก็ยิ้มอวดเขี้ยวสวยจัดท่าจัดทาง นิสัยปกติของไอ้ฮานคือถ้าไม่มีให้เอาก็คือไม่เอาเลยมันก็อยู่ได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับไอ้ตงไอ้เปรตนั้นเขาฮีทจัดทุกวันต้องเอาน้ำออก
พอได้เหลี่ยมไอ้ฮานก็แทงไม่ยั้ง ไอ้ลูกเสี่ยหัวสั่นหัวคลอนจนนอนไม่ได้ มันเอามือมาดันต้นขาไอ้ฮานแล้วกัดปากกลั้นเสียงแน่น แต่ไอ้ฮานเสือกเกี่ยวแขนสองข้างไว้แล้วรั้งมาข้างหลังจนร่างแอ่นโค้ง ผมกระดกเบียร์แล้วเย็นวาบไปทั้งไขสันหลัง ท่านี้แม่งคงลึกถึงลิ้นปรี่ ไอ้น้องนั้นน้ำตาไหลอาบแก้มกัดปากแน่นร้องไม่ออกมีแค่เสียงในลำคอเวลาโดนกระแทก
“อีก...อ..อื้อ”
ไอ้ฮานกระแทกแรงจนไอ้ลูกเสี่ยก็หน้าทิ่มลงไปนอนกองกับพื้น ไอ้ฮานยังตามไปลงเข็มไม่มีจังหวะให้พักหายใจกล้ามท้องเรียงตัวสวยของมันกระเพื้อมขึ้นลงเร็วตามจังหวะหอบหายใจ
“เฮ้ย...” ไอ้ตงเดินเข้ามาแล้วย่อตัวลงกระดกเบียร์เย็น ๆ ดูไอ้ฮานจัดการเด็กตัวเองแล้วยิ้มถูกใจ ไอ้ครามยังคลานสี่ขาอยู่ที่พื้นแต่ทำท่าจะรับแรงกระแทกจากไอ้ฮานไม่ไหวแล้ว
“ทำไมไม่ดิ้นเลยว่ะไอ้คราม” ไอ้ฮานกดหน้ามองนิดหน่อยแล้วฟาดมือลงก้นขาว ๆ อย่างไม่เบามือ ไอ้ลูกเสี่ยสะดุ้งเพราะเนื้ออ่อนถูกตีจนขึ้นริ้ว ไอ้ฮานกระแทกแบบไม่บันยะบันยังจนร่างกายสั่นสะท้านเพราะความเสียว
“จ..เจ็บ...พี่ผมเจ็บ”
ผมเค้นหัวเราะในลำคอพลางคิดในใจ “มันเพิ่งจะมาเจ็บเหรอหว่ะ” เบียร์ในมือหมดพอดีผมบีบกระป๋องแล้วโยนลงไปที่พวกมันนอนเอากันอยู่
ไอ้ฮานหูดับเพราะความเสียวไปแล้วเลยไม่ได้ฟังว่าไอ้ลูกเสี่ยมันร้องว่าอะไร มีแค่ไอ้เหวินที่ยืนดูพวกมันเอากันมาตั้งแต่ต้นตะโกนเตือนไอ้ฮาน
“เฮ้ย เบาได้เบา”
ผมมองตาไม่กระพริบเหมือนได้ดูละครสัตว์ ไอ้ฮานเหมือนหลุดไปอีกโลกนึง ยิ่งไอ้เด็กนั้นร้องขอให้เบามากเท่าไหร่ก็ยิ่งไปปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบในตัวให้ไอ้ฮานยิ่งลงมือไม่ยั้งราวกับคนใต้ร่างเป็นตุ๊กตายาง ในกลุ่มพวกเราคนที่โหดที่สุด ไร้หัวใจที่สุดคือไอ้ฮาน มันเป็นคนไม่เอาใคร แต่มันก็เป็นคนที่รักเพื่อนรักฝูงที่สุด ไอ้เหวินกลัวว่าไอ้ลูกเสี่ยจะตัวหัก 2 ท่อนซะก่อนเลยต้องเข้าไปเขย่าตัวมัน
“เฮ้ยมึง!”
เวลาที่แสงแดดส่องกระทบกับท้องฟ้าแล้วทำให้เกิดเป็นรุ้งเส้นจาง ๆ ที่ปลายขอบฟ้าเกิดเป็นสีทองเปล่งประกายไปทั้งแผ่นฟ้า ไอ้เหวินเห็นท่าไม่ดีแน่ถ้าไอ้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยกลับบ้านค่ำมืด
“รีบ ๆ เอาให้แตกสักทีไอ้ฮาน” ไอ้เหวินตะโกนบอกเหมือนตอนเชียร์มวย
ไอ้ฮานยังกระเด้งเอวเข้าออกแบบรัว ๆ สุดแรงเกิด หน้าตาบิดเบี้ยวจากความเสียวซ่าน กลิ่นเหงือผสมกลิ่นคาวน้ำกามที่ค้างอยู่บนพื้นและในรูจีบแรงจนไอ้เหวินบอกให้ไอ้ตงเตรียมน้ำไว้ล้างให้เด็กตอนเสร็จ ขืนปล่อยกลับบ้านไปเลยพ่อมันได้กระทืบไส้แตก ผมยังดื่มเบียร์ดูความบรรเทิงชิบหายนี้ต่ออย่างสบายใจ
โดยปกติถ้าผมไม่ถูกใจใครผมก็จะไม่เอาของตัวเองไปใส่ช่องคลอดใครเด็ดขาด คือ เน้นถูกใจมากกว่าคลำว่าไม่มีหางก็เอา ยิ่งไอ้พวกที่ไอ้ตงลากมาเอาส่วนใหญ่ก็มาเพราะตั้งใจจะมาเอากับไอ้ตงเหลาะ บางคนก็ไม่ได้เตรียมใจว่าต้องมาโดนแชร์กับพวกผม แต่บางคนก็เต็มใจ เพราะพอเห็นหน้าไอ้เหวิน ไอ้ฮาน ก็แข่งขาอ่อนอ้าง่ายกันทุกคน แต่มันก็มีบางคนที่ไม่ยอมแล้วปากดี ด่าระรานทำให้ผมไม่สบายใจ ผมก็ทำให้สงบได้ด้วยปืน
นานอีกหลายนาทีกว่าไอ้ฮานจะเอาจนแตกไอ้เด็กนั้นก็หลับกลางอากาศไปก่อนหน้านั้นแล้ว ไอ้เหวินเป็นคนให้มันกอดเอวตอนโดนไอ้ฮานกระแทกจนสลบ มีแค่ไอ้เหวินมั้งที่มีมุมดูแลแบบนี้ ในกลุ่มเราไอ้เหวินอายุเยอะสุดประมาณ 40 และเป็นคนที่จริงจังที่สุด นิ่งสุด ส่วนไอ้ฮานอายุประมาณ 38 ลูกบ้าเยอะสุดและโหดสุด ผมกับไอ้ตงอายุเท่ากัน 35 เป็นสองคนสุดท้ายที่เข้ามาอยู่ในกลุ่ม
ไอ้ตงเขาเป็นคนหน้าดี เจ้าเสหน์ มีหน้าตาโอปป้าเป็นอาวุธ ส่วนตัวผมเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ชอบวุ่นวายกับใคร และก็ไม่ห้ามใครด้วย ใครอยากทำอะไรก็ทำ ถ้าผมไม่เล่นเกมในมือถือ หรือ อ่านหนังสือ ก็จะนั่งดูพวกมันลงแขกเด็กที่ไอ้ตงไปพามาได้บ้าง ไม่ได้บ้างแต่ก็ไม่มีใครคิดเป็นจริงจังว่าต้องได้ฟาดของฟรีเสมอไป ผมรู้ว่างานที่พวกเราทำมันเสี่ยงแขวนอยู่บนเส้นด้าย ดังนั้น SEX คือการผ่อนคลายที่ดี
ใครจะรู้ว่าออกจากบ้านไปตอนเช้า ตอนเย็นไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านหรือเปล่า ดังนั้นใครอยากทำอะไรก็ทำไปผมไม่มีสิทธิไปห้ามความสุขใคร ทุกวันนี้แค่ตื่นมาตอนเช้า มีข้าวกิน มีงานทำ มีเงินเข้าบัญชีไว้ดูแลคนข้างหลังเวลาที่ผมไม่อยู่ในโลกนี้ก็ดีมากแล้ว เรื่องเมียเป็นตัวเป็นตนพวกผมเลิกคิดไปนานแล้ว เอาเป็นว่าถ้าอยากก็ออกไปหากิน ได้ฟรีบ้าง บังคับเอาบ้างก็แล้วแต่ฝีมือของแต่ละคน แต่โดยส่วนตัวผม ผมไม่ถือเป็นสาระสำคัญของชีวิต ผมไม่คิดอยากเอาใครมาถ่วงขาตัวเอง และไม่คิดเอาตัวเองไปผูกกับใคร
หลังจากปลดประจำการผมกับไอ้ตงก็ไม่มีเงินติดตัว เราสองคนก็พยายามหางานมาตลอดจนสุดท้ายไม่มีที่ไหนรับ ไอ้ตงตัดสินใจติดต่อไปหานายเก่า ซึ่งตอนนั้นยังเป็นแค่อันตพาลขาใหญ่ที่ร่ำรวยมากจาก ม้า หวย มวย บ่อน อยู่แต่สุดท้ายอำนาจมืดก็พาถลำไปค้ามนุษย์และค้าอาวุธสงครามกลายเป็นมาเฟียมีชื่อยิ่งใหญ่ติดลมบนอยู่หลาย10ปีจนปัจจุบันนี้นับว่าแก๊งค์ฟางสุ่ยเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด
หลังจากที่เอาจนเรียบร้อยโรงเรียนฮานแล้วมันก็เรียกไอ้เหวินกับผมให้ไปเอาต่อแต่ไอ้เหวินยกมือปรามว่าให้พอแล้วรีบเอามันไปส่งบ้านได้แล้ว ไอ้ตงเป็นคนทำความสะอาดเช็คคราบน้ำที่หว่างขา และยังมีน้ำใจใช้นิ้วสอดเข้าไปทำความสะอาดให้มันถึงในรู หลังจากเช็ดหน้าเช็ดตาให้มันจนเหมือนผู้เหมือนคน จับมันใส่เสื้อผ้า รอมันตื่นแล้วตะล่อมพามันซ้อนท้ายขึ้นบิ๊กไบร์ไปส่งบ้าน
ตอนที่ไอ้ตงเลี้ยวออกไปจากตึกร้าง ผมก็ถามไอ้ฮานว่า “สรุปเด็กใครหว่ะ” ไอ้ฮานหัวเราะก๊ากอารมณ์ดี
“เด็กไอ้ตง ไอ้ครามเขาชอบไอ้ตง”
“อะหะ...”
“เขาเจอกันตอนที่ไอ้ตงเข้าไปนั่งรอบอสที่ร้านข้าวมันไก่ฝั่งตรงข้ามร้านทองพ่อไอ้คราม”
ผมผยักหน้า...อ้อได้เด็กนี้ชื่อคราม...เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของร้านทอง
“ไอ้ตงเขาบอกว่าไม่เคยเอากับผู้ชาย กูเลยยุให้มันลอง”
“อะหะ...หึ้ย!” ผมผยักหน้ารับแต่คิดในใจว่าไอ้ตงนิมันตอแหลสัด ๆ ไม่เคยเอากับผู้ชายได้ไง ผมติดทหารรุ่นเดียวกันมันยังเกือบโดนมันทลวงตูด ในกองทัพเค้ารู้กันทั่วว่าไอ้ตงเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ยิ่งตอนมันติดซอย ติดคุกทหารกระเทยในรุ่นยังไปนอนเอากับมันยันเช้า
“เออป่ะ...กลับท่าเรือกัน” ผมหันไปพยักหน้าชวนไอ้เหวินกลับบ้าน แล้วเดินไปค่อมรถบิ๊กไบร์ ไอ้ฮานหยิบฝูกที่นอนแล้วเหวี่ยงทิ้งไปที่ป่าข้าง ๆ ก่อนจะเดินไปซ้อนท้ายไอ้เหวินแล้วขับตามกันออกมาจากตึกร้าง
รถบิ๊กไบร์สองคันขับตีคู่กันมา ลอดผ่านใต้ทางด่วนแล้วกลับขึ้นมาบนถนนใหญ่ แต่สายตาผมเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวที่ปลายหางตาผมเบรครถกึก คันของจางเหวินและฮาวดี้ขับแซงหน้าและจอดทันทีเหมือนกัน
“มีอะไรหว่ะไอ้เซี่ยน”
ผมนิ่วหน้าเล็กน้อย แต่สายตาหันไปมองตามต้นเสียงเหมือนคนด่ากันอยู่อีกฝั่ง
“ไอ้เหี้ย!”
“ดักไว้ แล้วเอาเงินมันมา”
ผู้ชายชุดดำตัวใหญ่ ๆ สามสี่คนถือไม้เบสบอลในมือกำลังไล่ตามไอ้เด็กหัวหน้าอ่อนนั้น ผมมองจากดาวอังคารก็จำได้ว่าไอ้เด็กเปรตนั้นเหลาะที่ล้วงกระเป๋าผม และมันเป็นคนพาลูกกระจ้อกตัวเล็กตัวน้อยมุดเข้าไปกรีดลังขโมยบุหรี่ออกไปขายหลายคอนตอน ตอนแรกผมผมตามหาตัวมันให้ควักแต่ก็ไปโดนมันหลอกตอนใส่ชุดนักเรียนม.ปลาย
“แสบนักไอ้เด็กเหี้ย...เดี่ยวกูจะบิดให้เนื้อเขียว!!!”
“ไปก่อนเลยเดี่ยวกูมา”
ผมบิดรถออกไปอย่างไวไอ้เด็กนั้นมันโจทย์กูโว้ย ใครก็แตะมันไม่ได้ถ้าไม่ใช่กู!!!
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย