ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
“มึงจะทำอย่างนั้นจริง ๆ เหรอดาว คิดผิดคิดใหม่ได้นะมึง”
พันดาวมองหน้าคนพูดที่มีใบหน้าเคร่งเครียดด้วยกังวลและเป็นห่วงเป็นใยในตัวเธอก่อนจะยิ้มอย่างเศร้าหมอง
เธอก็อยากจะคิดทบทวนใหม่อีกครั้งเหมือนกัน...แต่ผ่านกระบวนการคิดมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว สุดท้ายคำตอบที่ได้ก็คือเธอควรจะหยุด...ยุติความสัมพันธ์ที่มีกับชายคนนั้นไว้เพียงแค่นี้ ก่อนที่เธอจะยังถลำรักเขาลึกจนเจ็บปวดใจมากไปกว่านี้ เพราะคนที่เธอรักเขาไม่ได้รักเธอเลย
ไม่ใช่สิ...เขาคนนั้นนะเกลียดเธออยู่แล้ว มีแต่เธอนี่แหละที่ดื้อรั้นดันทุรังรักเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา รักจนลืมแม้กระทั่งรักตัวเอง
“ถ้าไม่ทำอย่างนี้ แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ เดินหน้าต่อไปทั้งที่เขาไม่เคยสนใจ ผลักไสไล่ส่ง ไม่ยอมพบหน้านะเหรอ” พันดาวถามกลับพร้อมกับเหยียดยิ้มอย่างข่มขื่น ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงเขาคนนั้นที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เจ้าของหัวใจหากเป็นเจ้าของร่างกายไปแล้วด้วย
ขอบตาพันดาวร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อล้นคลอหน่วยตา มันเป็นความคิดโง่ ๆ ของเธอที่คิดว่าเมื่อตกเป็นของกันและกันแล้วเขาจะยอมรับเธอเป็นเมีย ในวันนั้นเมื่อมีโอกาส เห็นเขาเมาจนครองสติไม่อยู่ ด้วยความหวัง เมื่อเป็นของเขาแล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เธอรีบพาตัวเข้าไปใกล้ชิด...
“พี่เหนือ” พันดาวลองร้องเรียกชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าจะเมามายไม่น้อย มือเล็กยื่นไปแตะแขนกำยำอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อเห็นว่าแดนเหนือไม่ผลักไสเหมือนทุกที ใจก็ชื้นขึ้นมา เลยกล้าที่จะขยับกายไปใกล้เขาอีกนิด
“หือ...ใครนะเรา” แดนเหนือโน้มกายลงมาเล็กน้อย ดวงตาเข้มดุหรี่ลงเพื่อเพ่งมองสาวน้อยตรงหน้าให้ชัดเจนสักหน่อย เพราะดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะ... “ฉันคุ้นหน้าเธอจังเลย เหมือนยายเด็กนั่นจังเลยแงะ”
เสียงบ่นงึมงำที่ดังมาทำให้พันดาวตกใจจนเผลอสาวเท้าก้าวถอยไปด้านหลัง ตอนนี้ให้แดนเหนือรู้ไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร แต่หลักจากนี้...ไม่เป็นไร
“เอ่อ...”
“แต่ไม่น่าจะใช่หรอก” ศีรษะทุยส่ายสะบัดเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและเชื่องช้าเพราะความมึนงงที่มี “ถึงเด็กนั่นจะชอบตามตื้อ แต่ก็ยังเป็นเด็กดีอยู่นิดหน่อยที่ไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืน”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดมาแบบนี้ พันดาวอดที่จะยิ้มไม่ได้ ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้คิดจะมาที่นี่หรอกนะ แต่พอได้ยินกลุ่มเพื่อน ๆ ของแดนเหนือนัดแนะกันว่าจะมาเที่ยวกัน เธอก็เกิดอยากรู้ขึ้นมา เขาจะดื่มไปเยอะหรือเปล่า แล้วเขาจะเมาจนครองสติอยู่ไหม ระหว่างนั้นจะมีผู้หญิงมาเกาะแกะหรือเปล่า แล้วก็มีจริง ๆ แต่ดีหน่อยที่แดนเหนือยังไม่มีทีท่าสนใจจะสานต่อความสัมพันธ์เกินเลยบนเตียงกับใคร
เมื่อเห็นว่าแดนเหนือสนใจเพียงแค่นั่งดื่มและสนทนากับเพื่อน ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจผู้หญิงที่เข้าหาหวังจะสานความสัมพันธ์ด้วย อีกทั้งนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย กลับบ้านไปนอนดีกว่า แต่เอาเข้าจริงเท้ากลับพาเธอเดินตามร่างหนาแกร่งที่บอกกับเพื่อนว่าจะไปห้องน้ำแทนอย่างไม่ทันจะรู้ตัว
“ว่าแต่...มาคนเดียวเหรอ”
“ค่ะ มาคนเดียว นี่ก็คิดว่าจะกลับแล้ว พี่...คุณละคะ” พันดาวรีบเปลี่ยนคำร้องเรียกแทบไม่ทัน เมื่อสังเกตุเห็นว่าคิ้วของแดนเหนือเลิกขึ้น “จะไปไหน เมาอย่างนี้ระวังจะเดินไปสะดุดเท้าใครเข้านะคะ โดนเขาเอาคืนจนเจ็บตัวไป ฉันไม่ช่วยนะ” หญิงสาวทำใจกล้ากระเซ้าเสียงหวานใส ก่อนแอบเบือนหน้าพร้อมกับผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สงสัยอะไร
แดนเหนือเผลอหลุดเสียงหัวเราะออกไป “จะไม่ช่วยจริงเหรอ...ถ้าผมล้มลงไป คุณจะไม่ยอมกอดช่วยผมจริง ๆ เหรอ”
พันดาวได้แต่อ้าปากค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ยิ่งเมื่อแดนเหนือยกมือขึ้นทาบบนแก้มเนียนใส ปลายนิ้วลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่มก็ยิ่งทำให้หัวใจของเต้นแรงแข่งกับเสียงของดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่บนเวทีด้วยคาดไม่ถึงว่า...แดนเหนือจะจับแก้มของตนเอง
“ช่วย...มั้งคะ” พันดาวตอบเสียงแผ่วเบาอย่างคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“น่ารักจัง...น่ารักแล้วก็น่าจูบด้วย”
พันดาวได้แต่กะพริบตามองแดนเหนือปริบ ๆ เธอคิดว่า... ‘พี่เหนือคงจะเมามากแล้ว ถึงได้พูดออกมาแบบนี้’ และคงจะเป็นเธอเองนี่แหละที่บ้ามากที่ตอบเขาไปว่า “แล้วคุณอยากจะ...ลองจูบฉันดูไหมละคะ”
“น่ารักอย่างนี้กลัวว่าจะไม่ได้หยุดที่จูบนะสิ”
พันดาวยิ้มหวานขณะเอียงคอเล็กน้อย “ถ้าเป็นที่นี่ คงจะหยุดแค่จูบจริง ๆ นั่นแหละ แต่ถ้าที่อื่นก็...ไม่แน่นะคะ คุณอาจจะได้มากกว่ากอด...จูบ” ในเมื่อมีโอกาสใกล้ชิดกับแดนเหนือถึงขนาดนี้แล้วจะให้เธอปล่อยโอกาสดี ๆ นี้ให้หลุดมือไปนะเหรอ...ไม่มีทาง! “ก็ได้นะคะ”
“น่าสนใจจังเลย” นิ้วยาวของแดนเหนือนวดคลึงริมฝีปากอิ่มนุ่ม “แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณคนน่ารักจะกล้าตามผมไปไหมล่ะ เพราะว่าผมนะ...ไม่อยากแค่กอดกับจูบคุณจริง ๆ นั่นแหละ ผมอยาก..” แดนเหนือไม่ทันจะได้บอกว่าเขาต้องการสิ่งใดก็ต้องรีบตวัดแขนกอดกระชับร่างเล็กเพรียวมาแนบชิด เพราะมีบางคนเดินมาแล้วกระแทกจนหญิงสาวเกือบจะล้มลงไป
ความใกล้ชิดทำให้แดนเหนือได้สัมผัสกับกลิ่นกายหอมละมุนที่มันทำให้เขาเผลอทาบมือไปบนแก้มนุ่ม ปลายนิ้วไล้คลึงเคล้นกลีบปากอิ่ม ก่อนจะถือโอกาสกดปากและจมูกลงไปบนแก้มใส ขบเม้มไปถึงใบหูเล็กแล้วก็กระซิบบอกกับหญิงสาวไปว่า
“ผมอยากเป็นคนเอาเสื้อผ้าคุณออก ได้กอด ได้หอม ได้สัมผัสผิวเนื้อเนียนนุ่มหอมขอบคุณ ทุกซอก...ทุกมุม”
อื้อ...พี่เหนือจะพูดออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ...อย่านะ
“ปากนี้...” นิ้วยาวนวดคลึงริมฝีปากอิ่ม “คงจะต้องหวานมากแน่เลย ถ้าได้จูบหลาย ๆ ครั้งก็คงจะดี”
“แล้วทำไมถึงไม่ทำอย่างที่ต้องการละคะ ฉันก็ไม่ได้ห้ามสักหน่อย” พันดาวยังใจกล้าจับเอาแขนแกร่งมาโอบรัดรอบกายให้มือหนาวางบนสะโพก ยอมให้เขาแดนเหนือกดคลึงลงไปโดยไม่สนใจว่าจะมีคนมองมาด้วยซ้ำ แต่ก็ยังโชคดีหน่อยที่ร้านอาหารกึ่งพับแห่งนี้แสงสว่างมีน้อย ถ้าอยู่ไกลกันก็ไม่มีเห็นว่าเธอกับแดนเหนือทำอะไรกัน
“อยากกอด...จูบ ตรงไหนก็ทำได้นะคะ” พันดาวทำใจกล้าลูบไล้ลำตัวแดนเหนือ แต่ก็เสียดายที่ชายหนุ่มใส่เสื้อถึงสองตัว...เสื้อเชิ้ตแขนขาวทับเสื้อยืดตัวในที่ยังจะเอาชายเสื้อใส่ไว้ในกางเกงยีนด้วย ทำให้เธออดได้สัมผัสกับลอนกล้ามเนื้อบึกบึนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นปึก
“ฮื่อ...อย่ายั่วสิ แค่นี้ก็จะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
เพราะครอบครัวเกิดเรื่องไม่ดี เขมกรจึงตัดสินใจทำการแลกเปลี่ยนกับใครบางคน...จากนั้นเขาก็กลายมาเป็นคุณชายเกาหยุนเอ๋อร์ที่ไร้ความทรงจำ ที่...ก่อเรื่องราวไว้นั่นคือ การป่าวประกาศต่อหน้าผู้คนว่าจะเป็น “ฟูเหรินของซ่งหยวนเจ๋อ” อีกฝ่ายคงจะโกรธเขาอยู่นะ ถึงได้ตามติดไม่ยอมห่าง หรือว่าเขาเข้าใจอะไรผิดไป เพราะการตามติดของซ่งหยวนเจ๋อทำให้เขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ แต่คงเท่าอีกฝ่ายที่เดี๋ยวก็เลี้ยงอาหารเขา เดี๋ยวก็ให้เขาขี่หลัง นั่นก็มิหนักเท่ากับคอยป้อนอาหารเขานะสิ... หยุนเอ๋อร์...” ซ่งหยวนเจ๋อเอ่ยเรียกเสียงเข้มแต่นุ่มนวล ขณะทอดสายตาที่อบอุ่นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนสบกับดวงตาของเกาหยุนเหลียง “ไม่...ดื้อนะ” หากมิใช่ถูกซ่งหยวนเจ๋อกอดกระชับเอวเอาไว้...เกาหยุนเหลียงรู้เลยว่าเข่าตนเองจะต้องอ่อนยวบทรุดลงไปกองอยู่บนพื้นแน่นอน ไหนจะหัวใจที่มันเต้นราวกับจะทะลุออกมาจากอกอีกเล่า ทำให้เขาคิดว่า กลับถึงเรือนเมื่อไหร่ ควรให้ท่านแม่เชิญท่านหมอมาดูหน่อย เหตุใดถึงได้มีอาการประหลาดเช่นนี้มากนักเมื่ออยู่กับซ่งหยวนเจ๋อ ถ้าหากว่าเป็นอะไรร้ายแรงจะได้รีบทำการรักษาได้ทันท่วงที “ดีมาก...หยุนเอ๋อร์ที่ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่เกเร ทำตัวเป็นอันธพาล...น่ารัก”
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน