ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะบอกว่าผมรักเธอ ผมจะไม่ทำร้ายจิตใจจนเธอต้องหนีไปทั้งที่ท้องลูกของเราอยู่
ห้องคลอด......
"อุแว๊ อุแว๊/ อุแว๊ อุแว๊"
"ยินดีด้วยนะคะคุณได้ลูกแฝดเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เด็กสุขภาพแข็งแรงดีค่ะ"
"ลูก" ฉันมองดูลูกน้อยทั้งสองคนที่พยาบาลอุ้มมาให้ฉันดูใกล้ๆ ตัวแกขาวแก้มยุ้ยมากเลยค่ะน่ารักที่สุด นี่คือลูกของฉันจริงๆ ใช่ไหม ลูกที่ฉันอุ้มท้องมาเพียงลำพัง9เดือนกว่า
"แม่สัญญาว่าจะเลี้ยงหนูให้ดีที่สุด"
น้ำตาฉันไหลออกเองเลยค่ะทันทีที่ได้เห็นหน้า บรรยายไม่ถูกเงยจริงๆ มันทั้งดีใจตื้นตันใจที่ได้เจอหน้าพวกแกครั้งแรก แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเศร้าที่พวกแกเกิดมามีแค่แม่เท่านั้น ส่วนพ่อของลูก.......
8เดือนก่อน.........
ตาหวาน...
"พี่จะไปไหนอีกพี่คีย์นี่มันจะห้าทุ่มแล้วนะ"
"ไปกินเหล้า"
"หวานไม่ให้ไป"
"อย่าทำตัวงี่เง่าได้ป่ะ"
"ก็หวานไม่อยากอยู่คนเดียว"
"อยู่คนเดียวไม่ได้ก็กลับไปอยู่บ้านดิมาอยู่ที่นี่กับพี่ทำไม"
"หวานเป็นเมียพี่นะหวานต้องอยู่ที่นี่กับพี่ดิ"
"ถ้าจะอยู่ที่นี่ก็อย่าทำตัวน่าเบื่อน่ารำคาญ"
"ทำไมพี่เปลี่ยนไป เมื่อก่อนพี่ไม่เคยพูดจาแบบนี้กับหวานเลยนะ"
"อยู่ด้วยกันทุกวันมันก็น่าเบื่อป่าววะห๊ะ"
"แต่หวานไม่เคยเบื่อ เพราะหวานรักพี่"
"แต่พี่เบื่อ เบื่อ เบื่อๆๆๆๆ "
"เพราะพี่ไม่รักหวานแล้วไง ใช่มั้ย พี่มีคนอื่นใช่มั้ยพี่บอกหวานมาสิ บอกมา!!!! "
"เออใช่แล้วทำไม!!! และอีกอย่างพี่ไม่เคยบอกว่าพี่รักหวาน!! " เขาตะคอกใส่ฉันดังมากจนน่าตกใจ
"พี่คีย์ ฮือออออ ไม่จริงใช่มั้ย พีโกหกใช่มั้ย พี่ต้องรักหวานสิ และพี่ก็ไม่มีใครด้วย พี่แค่พูดโกหก" ฉันเข้าไปสวมกอดเขาไว้แน่นและไม่อยากจะเชื่อคำตอบที่ฉันถามเขา ฉันแค่ถามเพราะความน้อยใจที่เขาเปลี่ยนไปแค่นั้น แต่คำตอบที่ได้มันทำให้ฉันไม่อยากจะเชื่อ
''พี่ว่าเราเลิกกันเหอะหวาน"
"ไม่...หวานไม่เลิก"
"แต่พี่เบื่อเข้าใจมั้ย"
"ทำไมพี่ใจร้ายแบบนี้ ฮืออออ "
"พี่บอกแล้วไงว่าพี่เบื่อพี่รำคาญ!!! "
"ไม่เลิกนะคะ หวานสัญญาว่าหวานจะปรับปรุงตัว ไม่ทำตัวงี่เง่าอีกนะพี่คีย์ พี่อย่าเลิกกับหวานนะ หวานอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่ ฮือออออ"
เขาผลักฉันให้ออกห่างจากตัวเขาก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วก็เปิดประตูออกไปจากห้อง
ฉันทรุดตัวลงกับพื้นนั่งร้องไห้อยู่แบบนั้น ฉันไม่ได้อยากทำตัวงี่เง่าแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงเป็นนี้ ฉันแค่อยากอยู่กับเขาตลอดเวลาไม่อยากให้เขาไปไหน
***********
เรื่องราวของฉันกับเขามันเริ่มต้นมาจากที่ฉันและเขาเราอยู่บ้านติดกันเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันอยู่บ้านกับแม่แค่สองคนส่วนพ่อเลิกกับแม่ไปนานแล้วตั้งแต่ฉันยังเล็กพอพ่อกับแม่แยกทางกันพ่อก็ย้ายไปทำงานอยู่ต่างประเทศ ส่วนพี่คีย์ก็อยู่กับพ่อกับแม่ แต่พอเข้ามหาลัยพี่คีย์ก็ไม่อยู่บ้านเขาย้ายไปอยู่คอนโดใกล้มหาลัยที่เขาเรียน ส่วนฉันกำลังจะจบมอหกและคิดว่าจะสอบเข้ามหาลัยเดียวกันกับเขา
ฉันแอบชอบเขามาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ส่วนเขาไม่ได้คิดอะไรแต่ด้วยความที่ฉันตามตื้อเขาไปหาเขาที่บ้านเวลาเขากลับบ้าน ไปหาเขาที่คอนโดเวลาป้าคริสทำของโปรดของเขาฉันก็จะอาสาเอาไปให้พี่คีย์เอง เรื่องที่ฉันชอบพี่คีย์แม่ฉันกับพ่อแม่พี่คีย์รู้ดีค่ะ ท่านก็ไม่ว่าอะไร
จนวันนึงฉันไปหาเขาที่คอนโดเพราะเมื่อวานเป็นวันเกิดของเขาแต่เขาไปฉลองกับเพื่อนวันนี้ฉันเลยอยากไปเซอไพรส์ซะหน่อยเลยซื้อเค้กวันเกิดไปให้ ฉันกดออดหน้าห้องพี่คีย์อยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าเขาประตูให้ ฉันคิดว่าเขาไม่อยู่ห้องเลยจะกลับ แต่จู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงประตูห้องเขาเปิดออก ฉันหันกลับไปดู เป็นพี่คีย์ที่เดินออกมาในสภาพหัวยุ่งๆ ชุดก็ยังคงเป็นชุดนักศึกษา ดูจากสภาพชุดนี้คงตั้งแต่เมื่อวาน
"หวาน มาทำไม"
"เมื่อวานวันเกิดพี่ไงวันนี้หวานเลยเอาเค้กมาให้อยากจะมาฉลองกับพี่ย้อนหลัง"
"ขอบใจแต่ไม่ต้อง กลับไปได้ละพี่อยากนอน"
"ทำไมล่ะก็หวานมาแล้วพี่คีย์เป่าเค้กที่หวานซื้อมาหน่อยสิ นะ นะ "
"พี่อยากนอนไม่ว่างมาเป่าเค้กไร้สาระแบบนี้หรอกนะ" เขาพูดจบก็หันหลังเพื่อจะกลับไปนอนแต่ฉันยังดื้อดึงเดินตามเขาเข้ามาแล้วก็ปิดประตูให้เรียบร้อย
"แต่หวานอุส่าห์ซื้อมันมาเพื่อฉลองกับพี่นะ"
"ถามจริงเหอะเมื่อไหร่จะเลิกตามตื้อพี่ซะที"
"พีก็รู้ว่าหวานรักพี่"
"แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรกับหวานไง"
"แล้วทำไมไม่ลองคิดล่ะ หวานมีอะไรที่พี่ไม่ชอบเหรอ หวานไม่สวยเหรอพี่ถึงไม่สนใจ พี่ลองมองสิ หวานก็สวยไม่แพ้ผู้หญิงที่พี่เคยคบเลยนะ ตอนนี้หวานรู้ว่าพี่เลิกกับแฟนแล้วด้วย เป็นหวานบ้างได้มั้ยที่ได้อยู่ข้างๆ พี่"
ฉันเดินเข้ามาใกล้และยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ฉันเอื้อมมือไปจับที่แก้มของเขาทั้งสองข้าง มองไปที่ตาของเขาที่กำลังจ้องมองมาที่ฉัน
และ...ฉันก็ทำในสิ่งที่อยากจะทำกับเขามานานจะว่าฉันแรดก็ได้นะคะ ฉันเขย่งเท้าเพื่อให้ความสูงของเราเสมอกันและฉันก็จูบปากเขา เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ใกล้ชิดเขาขนาดนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จูบผู้ชาย เขานิ่งไปไม่ตอบรับสัมผัสของฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันเริ่มใจเสีย เริ่มละอายใจที่ทำขนาดนี้แล้วเขายังไม่มีทีท่าอะไรเลยสักนิด น้ำตาฉันเริ่มไหลออกมามันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยจริงๆ ว่าต้องทำตัวยังไงหลังจากที่ฉันถอนจูบจากเขา
ฉันหลับตาลงก่อนที่จะค่อยๆ ถอยริมฝีปากของตัวเองออกมาอย่างช้าๆ
"หวานขอโทษนะต่อไปหวานจะไม่มีวุ่นวายกับพี่อีก"
ฉันก้มหน้าพูดออกไปทั้งที่ไม่รู้ตัวเองจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า
ขณะที่ฉันกำลังจะหันหลังกลับ จู่ๆ เขาก็กระชากตัวฉันให้เข้าไปชิดติดกายและก้มลงมาจูบฉันอย่างรุนแรงและเร่าร้อน
"อื้มมมม" ฉันรับสัมผัสของเขาอย่างยินยอมพร้อมใจ เรายืนจูบกันตรงนั้นสักพัก เขาก็ถอนริมฝีปากและพูดกับฉัน
"อยากเป็นผู้หญิงของพี่จริงๆ ใช่มั้ยตาหวาน"
ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบ
"แล้วรู้มั้ยว่าผู้หญิงของพี่ต้องทำอะไรบ้างนอกจากยืนจูบกันแบบนี้"
ฉันก็พยักหน้าเป็นครั้งที่สอง ฉันรู้สิว่าเป็นแฟนกันต้องทำอะไรบ้าง ฉันไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้เรื่องอะไรแบบนั้น เพื่อนที่โรงเรียนก็คุยกันออกบ่อยเวลามีแฟน และแฟนทำอะไรกับพวกเธอบ้าง ตอนนั้นฉันแค่นั่งฟังเท่านั้นเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ไม่เคยมีแฟน มีแต่คนที่แอบชอบนั่นก็คือเขานั่นเอง
แจ้งก่อนอ่าน.....เรื่องนี้มีคำหยาบคายและมีการกระทำที่รุนแรงในบางEPเพราะฉะนั้นใครโลกสวยหรือไม่ชอบนิยายแนวนี้โปรดเลื่อนผ่านXX เขาเอื้อมมือไปที่หัวเตียงแล้วหยิบซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ฉันคุ้นตาออกมาเพราะฉันเคยเก็บเศษซากของมันมาก่อน มันคือถุงยางอนามัย "คุณธามคะ อย่า!!!" ฉันกำลังจะบอกกับเขาว่าอย่าทำเพราะฉันรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรแต่เขากลับเข้าใจไปอีกอย่าง "ทำไม หรืออยากเอาสดกับกู อย่าหวังเลยว่ากูจะยอมสดกับคนอย่างมึง" สวบ!!!! ปึ่ก!!!!! "ไม่ กรี๊ดดดดดดด" ฉันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อเขาสอดใส่ท่อนเอ็นเข้าไปจนสุดทางฉันเจ็บแปลบไปทั้งร่างกาย จนน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด "เชี่ย!!! มึง ไม่เคยเหรอวะ" คุณธามก้มมองดูจุดเชื่อมต่อแล้วอุทานออกมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่บอมคนดีเพื่อนสนิทอัยวาคุณแม่ของน้องเอิงซึ่งมีคุณพ่ออย่างพี่ภูที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไร มาลุ้นความรักต่างวัยของคู่นี้กันนะคะใครชอบแนวโคแก่กินหญ้าอ่อนห้ามพลาดเด็ดขาด ภูผาอัยวาอยู่ในเรื่อง กลลวงร้ายซ่อนรัก นะคะ
"เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนฉันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น" "ค่ะ" ฉันฝืนความรู้สึกแล้วตอบออกไป ฉันไม่คิดว่าพี่ภูจะรับผิดชอบอะไรอยู่แล้วคำพูดของเขาเมื่อคืนฉันยังจำขึ้นใจ "และฉันก็หวังว่าเธอจะไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องแม่ฉันอีกว่าฉันรังแกเธอ" "ค่ะ" "สรุปก็คือเธอห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดเพราะไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องที่เธอเคยโกหกไปบอกพ่อเธอรวมถึงย่าเธอด้วยว่าเธอโกหกสร้างเรื่องหาว่าฉันล่วงเกินเธอทั้งที่ตอนนั้นฉันไม่ได้ทำ เธอคิดเอาก็แล้วกันว่าย่าเธอจะผิดหวังแค่ไหนที่หลานสาวสุดที่รักของท่านสร้างเรื่องโกหกหน้าด้านๆ เพื่อจับผู้ชาย" ฉันก้มหน้าแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง "เข้าใจที่พูดใช่ไหม" "อื้มมม" ฉันตอบเขาได้แค่นั้นเพราะพูดอะไรไม่ออกกลัวเขาจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้อยู่ "แต่ความผิดของเธอยังไม่หมดฉันยังไม่พอใจเพราะฉะนั้นเธอต้องมาที่นี่ทุกครั้งที่ฉันต้องการ แต่ถ้าเธอดื้อไม่ยอมมาฉันจะไปลากตัวเธอถึงบ้านไม่เชื่อก็คอยดู" "พี่ติดใจอัยก็บอกว่าเถอะไม่ต้องเอาเรื่องผิดไม่ผิดมาเป็นข้ออ้างหรอก" ฉันโต้กลับเพราะฉันไม่อยากให้พี่ภูคิดว่าฉันกลัวเขา "เธอพูดว่าไงนะฉันเนี่ยนะติดใจเธอ เหอะพูดผิดพูดใหม่ได้นะ"
"เพลง ฮึก ฮึกเพลง" น้ำเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่ในสภาพนี้ "พะ พี่ไทม์เหรอคะ" มือบางลูบไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างสะเปะสะปะ "พี่เองครับ ฮือออ เพลงพี่ขอโทษพี่ขอโทษพี่มันเหี้ยพี่มันเลวเพลงให้อภัยพี่ได้มั้ย" เขาจับมือคนรักแล้วนำมาแนบแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา "พี่รู้ได้ยังไงว่าเพลงอยู่ที่นี่" "พี่รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ แต่พี่จะพาเพลงไปรักษาต่างประเทศที่นั่นหมอเก่งมากเพลงต้องหาย"
"เธอชอบเพื่อนฉันเหรอวะ เหอะดูสารรูปตัวเองซะก่อนเหอะยัยอ้วนก่อนจะมาบอกรักใครไอ้คิมมันหล่อขนาดนั้นเธอคิดว่ามันจะมาชอบผู้หญิงที่ทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่แบบเธองั้นเหรอห๊ะ อย่างเธอมันไม่มองให้เปลืองลูกกะตาหรอกตัดใจจากมันซะเถอะ" "แต่...ฉันชอบคิมจริงๆนะ" "อย่างเธอถ้าอยากให้ไอ้คิมชอบมันก็พอมีวิธีอยู่นะอยากรู้มั้ยฉันจะบอก" "บอกมาสิ" "ข้อหนึ่งเธอคงต้องไปตายแล้วเกิดใหม่" "ห๊ะนายว่าอะไรนะ!!!" "ฟังฉันยังพูดไม่จบ ฉันยังมีข้อสองให้เธอเลือกนั่นก็คือเธอต้องไปศัลยกรรมให้มันดูดีกว่านี้ไม่แน่ไอ้คิมมันอาจจะหันมาสนใจเธอก็ได้ แต่..ฉันว่าเบ้าหน้าอย่างเธอคงไปไม่รอดทำไปก็แค่นั้นเปลืองเงินเปลืองแรงหมอเปล่าๆ เพราะฉะนั้นเธอตัดใจจากมันซะ" เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชมจันทร์พยาบาลสาวสวยกับอาร์ตเพื่อนสนิทของคิมหันต์จากเรื่อง ชังรักเมียรับใช้ นะคะ
"ลิล ลิลจำพี่ได้มั้ย" "พี่ พี่เหรอ" "ครับพี่เอง พี่คิมไงสามีของลิล" "สามี สามี" แววตาว่างเปล่าจ้องผมไม่วางตาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว "ไม่ ไม่ กรี๊ดดดด ไม่ออกไป ฮืออออ ออกไป ฮืออออ"
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจนฉันต้องลดหนังสือในมือลงชะเง้อคอมองไปที่ถนน “เสียงท่อรถแบบนี้ ผ่านด่านตรวจมาได้ยังไงวะ?” ความรู้สึกแรกหลังได้ยินเสียงแสบหู ท่อไอเสียที่ถูกตัดแต่งเพิ่มเสียงให้ดังมากขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินเกิดความรำคาญ และฉันเป็นหนึ่งในหลายคนที่เบ้ปากร้องยี๋ แต่ฉันอาจจะอาการหนักกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็ได้ เพราะฉันกำลังติดพันกับหนังสือนวนิยายที่เพิ่งได้มา มันเป็นหนังสือนิยายทำมือของนักเขียนท่านหนึ่งแต่ติดเรท ที่ฉันพยายามหลบๆ อ่าน เพราะบางทีสายตาของคนอื่นตอนที่มองปกหนังสือก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กๆ ฉันคิดในใจทุกครั้งหากสายตาคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หนังสือในมือฉัน ฉันซื้อมาด้วยสตางค์ที่หาได้ ไม่ได้ไปใครขโมยใครมา แล้วทำไมล่ะ ความชอบส่วนตัวของฉันจึงไปขัดตาคนอื่น จบเรื่องนั้นกันก่อนเถอะค่ะ เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ไอ้รถบิ้กไบค์คันนั้นดันมาจอดใกล้ๆ แปลที่ฉันนอนซุ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่นี่สิ!!
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
"คุณเข้ามาในห้องของฉันทำไม" "นี่อะไร" ศิวัฒน์ชูเอกสารในมือขึ้น "คุณก็เห็นว่ามันคืออะไร" เธอตอบโดยไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเกี่ยวกับเขาถึงยังไงเขาก็ต้องรู้ "หึ" เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ "เธอคิดว่าเล่นขายของอยู่หรือไง ที่จะเลิกเล่นตอนไหนก็ได้" "คุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากหย่าตั้งแต่แรก ตอนนี้ฉันก็ยอมเซ็นใบหย่าให้คุณแล้วเราไปอำเภอกันพรุ่งนี้เลยฉันเตรียมเอกสารครบแล้ว" "มันสายไปแล้ว" เขาบีบต้นแขนเธอแน่น "อยากเป็นเมียก็จะให้เป็น" "ฉันเจ็บนะคุณไตร" เธอพยายามแกะมือของเขาออก "อยากหย่ากับฉันมากละสิ เสียใจด้วยตอนนี้ฉันไม่อยากหย่าแล้ว" น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่กำลังโกรธ ซึ่งฉัตรนลินทร์ก็ไม่เขาใจว่าทำไมเขาถึงได้โกรธขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอพยายามทำในสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่แรกแล้วแท้ ๆ "คุณจะทำอะไร" ฉัตรนลินทร์ร้องถามพลางเอามือดันอกเขาไว้ เมื่ออยู่ ๆ เขาก็พยายามกอดเธอ ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของเธอ "ทำหน้าที่สามีไง จะทำทุกคืนให้คุ้มค่ากับเงินที่แม่ของฉันจ่ายให้เธอ" แม้จะเห็นใบหน้านวลตรงหน้านั้นกำลังซีดเผือดแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ "ไม่นะ...ปล่อยฉันลงสิคุณไตร" เธอร้องสุดเสียงเมื่อโดนศิวัฒน์อุ้มขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปที่เตียงนอน อึก!! ................................ "เธออยากหย่าขนาดนั้นเลย" "ใช่ค่ะ ไม่หย่าวันนี้วันหน้าก็ต้องหย่าอยู่ดี" ................................. "ถอยไปดิ อย่ามาขวาง" เธอไม่สนใจลูกชาย "อ้อ เอกสารของบริษัททั้งหมดอยู่ในห้องทำงานนะ ฉันยกให้แกหมดเลย" "แม่!!" "ไม่ต้องเรียก ฉันไม่มีลูกโง่อย่างแก" ................................. "เราไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วนะ เรามาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดกันเถอะ" เธอหันไปเผชิญหน้ากับศิวัฒน์ "ฉันขอโทษที่ไม่ยอมปฏิเสธแม่ของคุณในวันนั้น ขอโทษที่ไม่ยอมรับข้อเสนอของคุณ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันไม่อยากให้เรารู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เมื่อมันย้อนไม่ได้เราก็เดินไปข้างหน้าเพื่อลืมเรื่องราวของกันและกันเถอะ" ....................................