/0/9296/coverbig.jpg?v=06574dc477f738ab27f187e2eed3c1ef)
เขาเป็นหัวหน้าเผ่าที่ได้ชื่อว่าเป็น "คนเถื่อน" ส่วนเธอเป็นคุณหนูตระกูลมาเฟียฉายา "แม่พระ" สงครามอำนาจได้ชักนำทั้งสองให้ได้มาพบกัน จากความแตกต่างจึงกลายเป็นความรัก... ระหว่างหน้าที่กับหัวใจ ทั้งสองจะเลือกสิ่งใด?
อริสานั่งรับบรรยากาศกดดันในที่ประชุมด้วยสีหน้าเฉยชา กระท่อมกลางป่าแห่งนี้ดูจะเป็นสถานที่สมบูรณ์แบบสำหรับจัดงานพบปะแสนอบอุ่นระหว่างฮันเตอร์สองแคลน...
อบอุ่นกับคุณยายท่านสิคะ ปัดโธ่...
เธอถูกเรียกตัวมานั่งแปะอยู่ที่โต๊ะประชุมไม้เก่าๆ นี่ในฐานะฮันเตอร์ระดับผ้าคลุมแดง นั่นหมายความว่าเธอมีระดับและฐานะทางสังคมค่อนข้างสูงในแคลนของตน
การจะไม่มามันก็น่าเกลียดอยู่ ในฐานะหลานสาวที่ดีของหัวหน้าแคลนอาซูร์(ซึ่งเป็นคุณยายไม่ยอมแก่ท่านหนึ่ง) เธอจึงเป็นส่วนหนึ่งของการพบปะครั้งสำคัญนี้อย่างเสียไม่ได้
หญิงสาวถอนหายใจแรงและปัดผมยาวสีดำไปด้านหลัง ทั้งที่ข้างนอกก็ย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่อากาศในนี้ร้อนและเหม็นกลิ่นเหงื่อ พอบวกเรื่องนั้นกับบรรยากาศตึงเครียด มันก็ไม่ใช่สถานที่น่าอยู่นัก
ฝั่งตรงข้ามมีสมาชิกระดับสูงของคู่กรณีนั่งเรียงกันสลอน พวกเขาคือสมาชิกแคลนไม่น่าคบหานามว่าโรโฮ ซึ่งเป็นแคลนใหญ่ที่สุดของแถบนี้
เขาไม่ได้มาหาเรื่องเรา แต่เรานี่แหละไปหาเรื่องเขา...
“คืนตัวลิต้ามา” ชายผู้เป็นมือขวาของบอสแคลนอาซูร์ แคลนสังกัดของอริสากล่าวเสียงเข้ม เขาเป็นชายหนวดเฟิ้มร่างเบิ้มที่เด็กที่ไหนเห็นต้องวิ่งหนี สมัยเด็กเวลาไม่ได้ดั่งใจ อริสามักขู่เด็กที่เล่นด้วยว่าจะเรียกเขามา
“ไม่” มือซ้ายของอีกฝ่ายสวนเสียงต่ำ “ลิต้าเลือกจะทิ้งแคลนของพวกเจ้ามาหาพวกข้าเอง ทำไมพวกข้าต้องคืน?”
“เพราะลิต้ามีข้อตกลงกับเรา”
“ข้อตกลงอะไรกัน? เอาเอกสารมาให้ดูสิ” แคลนโรโฮฝ่ายศัตรูยังไม่ยอม
เรียกมาฟังคนตบตีแย่งโสเภณีรึ...? ไร้สาระสิ้นดี ทำไมฮันเตอร์ผ้าคลุมแดงอย่างข้าต้องมารับรู้อะไรแบบนี้? อริสาถอนหายใจยาว ดวงตาสีดำขลับประดับด้วยแพขนตางามลอบมองคุณยาย
บอสหรือหัวหน้าแคลนเป็นหญิงชราผู้สง่างาม ผมสีเงินเกล้ามวยตรงท้ายทอย ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นของประสบการณ์ สวมชุดรัดกุมน่าเกรงขามสีดำสนิท เสื้อตัวนอกแทนที่จะสวมแขนเข้าไปกลับเอามาคลุมไหล่ดูโก้เก๋ บัดนี้นางนั่งหลังตรงกอดอก หลับตาฟังอยู่เงียบๆ กำลังรอเวลาออกโรง
“สรุปพวกเจ้าต้องการตัวลิต้าและผู้หญิงในสังกัดอีกหกคนคืน” ความสนใจของอริสากลับมาที่เรื่องตรงหน้าเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเอ่ยสรุป “แต่พวกเจ้าก็รู้ว่าเราไม่ต้องการคืนและไม่อยากมีใครกลับไปหาเจ้า”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะส่งตัวผู้หญิงห้าคนของพวกเจ้าคืน แลกกับลิต้าและผู้หญิงของเราอีกสี่คน พวกเจ้าเลือกเองได้ว่าจะส่งใครคืน” มือขวาหนวดเฟิ้มเสนอข้อตกลง ทว่ามือซ้ายของบอสโรโฮกลับทุบโต๊ะ
“เราจะไม่ทำข้อตกลง ลิต้าเบื่อพวกเจ้าและเลือกจะทำงานในถิ่นพวกเรา จบ!” เขาตะโกนเสียงดังเกินความจำเป็น ทั้งห้องเอื้อมมือคว้าด้ามอาวุธของตนเอง ทุกคนรอสัญญาณจากบอสของตนให้เริ่มห้ำหั่นอีกฝ่ายได้ ทว่าก็มีเด็กรับใช้กระหืดกระหอบเข้ามาแบบไม่อ่านบรรยากาศเลย
“จดหมายขอรับ!!!” เขาเดินต๊อกๆ ยื่นให้กับบอสแคลนโรโฮที่ขมวดคิ้วเป็นปมขณะอ่านเนื้อหา
ในสายตาอริสา เขาคนนี้คือบุคคลที่ไม่น่าคบหาอันดับหนึ่งของทวีป ชายผู้เอาแต่ใจกัดไม่ปล่อยนามว่า สกาย เกอติเรซ ซึ่งมักจะชอบเอาเรื่องไร้สาระมาเป็นประเด็นกับคุณยายและน้องสาวของเธอเสมอ หน้าตาของเขาก็ไม่จัดว่าน่าเกลียด เขามีสาวงามเข้ามาติดตรึม ด้วยรูปหน้าเรียวดุดันและดวงตาสีฟ้ารับกับเส้นผมสีทองอมเทา บวกกับรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน เขาคือนิยามของสำนวน “หล่อเสียดายของ”
อริสาสาบานได้ว่าได้ยินเสียงชายหนุ่มวัยฉกรรจ์กัดฟันกรอดๆ
“หมายความว่ายังไง...”
“จะเป็นการดีมากหากท่านจะบอกพวกเราว่าท่านเพิ่งอ่านอะไรไป สกาย เกอติเรซ” คุณยายที่เงียบมาทั้งการประชุมเปิดปากพูด ส่งคลื่นเย็นยะเยือกแล่นตามสันหลังทุกคนในที่นั้น
“นังลิต้ากับพวก บอกว่าได้ขอพวกสุนัขของรัฐจัดตั้งเขตพิเศษ... ที่พวกมันจะบริหารกันเองและจ่ายค่าคุ้มกันให้เราทั้งสองแคลน...” จดหมายสั้นๆ ถูกขยำเป็นก้อน “ใครกัน...พวกโสเภณีบ้านนอกไม่มีทางทำอะไรแบบนี้ได้! พวกแกใช่ไหม?! ยอมรับมาซะดีๆ...โดยเฉพาะแก...”
สายตาของฝั่งตรงข้ามทุกคู่มองมาที่อริสา ไม่สิ... พวกเขากำลังมองคนที่นั่งยิ้มแป้น ไม่รู้ร้อนรู้หนาวที่อยู่ข้างกายอริสาต่างหาก...
เอาแล้วไหมล่ะ...ไปก่อเรื่องไว้อีกแล้ว...!
“นังอลิสา...!!!”
เจ้าของชื่อยังมีรอยยิ้มเรียบๆ ประดับบนใบหน้า เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มและเรือนผมนุ่มฟูสีเกาลัดหัวเราะเสียงหวาน ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศกดดันที่ชายฉกรรจ์อาวุธครบมือกว่ายี่สิบคนแผ่มาทางเธอแม้แต่น้อย
“ได้ส่วนแบ่งตั้งแคลนละยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์โดยไม่ต้องทำอะไร สบายไม่ใช่เหรอคะ?” เธอเอียงคอ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนหยักยิ้มไร้เดียงสา ทว่าดวงตาสีไพลินกลับหรี่ลงเล็กน้อย “เผลอๆ อาจจะดีกว่าขูดเอาแปดสิบเปอร์เซ็นต์แต่ต้องมานั่งจัดการ ดูแลความปลอดภัย แถมทะเลาะแย่งตัวสาวๆ แบบนี้อีก เห็นแล้วเหนื่อยแทนเลยค่ะ”
“แก...ถอนข้อตกลงนั่นเดี๋ยวนี้! เรายังไม่ได้ให้การรับรองสักหน่อย!”
“ถ้าอย่างนั้นก็รับรองตอนนี้เลยสิคะ” สาวน้อยยกกลไกง่ายๆ ขึ้นมา มีปุ่มสีแดงกับสายเชื่อมไปยังใต้ดิน “แต่ว่า... พอดีว่าข้าอยากให้เรื่องจบภายในวันนี้ ไหนๆ ฝ่ายบริหารของทางนั้นก็มากันครบ ถ้าไม่รังเกียจก็ช่วยตกลงกันให้เสร็จเลยนะคะ แต่ถ้าปฏิเสธข้าอาจต้องใช้มาตรการหว่านล้อมที่รุนแรงกว่าเดิมเล็กน้อย”
“จะบ้าหรือไง?!” อริสากระซิบคนที่ชื่อต่างกันแค่ตัวอักษรเดียว “เราจะตายกันหมดนะ...!”
ทว่าอีกฝ่ายยังนั่งนิ่ง นิ้วค้างบนปุ่มสีแดงจนกระทั่งมือซ้ายของบอสโรโฮผ่อนลมหายใจ กดไหล่บอสของตนอย่างสกายให้นั่งลงตั้งสติก่อน ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงตรงเข้าไปบีบคออลิสาแน่
“...จะรู้ได้ยังไงว่ามีระเบิดอยู่ที่นี่จริงๆ?” อีกฝ่ายยังไม่ยอมง่ายๆ “เจ้าคงไม่เอาบอสของตัวเองมาเสี่ยงหรอก”
“อืม งั้นลองคิดดูนะคะ...” อลิสาเอียงคอ “ดูเหมือนว่าพวกเราจะนั่งอยู่คนละฟากของห้อง และที่นั่งก็ถูกกำหนดมาตั้งแต่ก่อนเริ่มประชุม เพราะฉะนั้นถ้าข้าอยากจะวางระเบิด ย้ำว่าถ้าข้าวางระเบิดไว้จริงๆ...”
“แก!!!” สกายลุกพรวด อลิสาเองก็ลุกขึ้นเร็วจนเก้าอี้กระเด็นไปข้างหลัง
“ยอมคุยกันดีๆ ไหมคะ?” เด็กสาวหน้าหวานยื่นคำขาด รอยยิ้มระรื่นผิดกับแรงกดดันที่แผ่จากร่างเล็ก “เห็นว่าแคลนอาซูร์ของพวกข้าเป็นแคลนเล็กไร้กำลังคน เลยวางกำลังติดอาวุธครบมือของทางนั้นล้อมทางหนีของพวกเราไว้เผื่อการเจรจาไม่เห็นผลอย่างที่คาด? คิดว่าพวกข้าไม่รู้ตัวเหรอคะ? การทำให้ทั้งสองฝ่ายแบกรับความเสี่ยงเท่ากันแบบนี้ยุติธรรมดีแล้วค่ะ หรือทุกท่านไม่เห็นด้วย?”
“ฝังระเบิดไว้ใต้พวกเรา...พวกรักษาความปลอดภัยไร้น้ำยาหรือไง?!” บอสฝั่งนั้นยังตะโกนโหวกเหวกต่อไม่หยุด อริสายิ่งคิดว่าหล่อเสียของยิ่งกว่าเดิม ไม่สิ หน้าตาเหยเกแบบนั้นขนาดเด็กส่งของที่ผ่านหน้าบ้านบ่อยๆ ยังดูมีรสนิยมมากกว่า ถ้าบนโลกเหลือผู้ชายแค่สองคนคือไอ้สกายกับเด็กส่งของ เธอขอเลือกแต่งงานกับเด็กส่งของยังจะดีกว่า
“เสียดายจริง ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องคงต้องใช้มาตรการสุดท้าย ทุกคนเตรียมหลบนะคะ นับสาม...สอง...”
ลั่วซินสมัครเข้าไปทำงานเป็นพ่อบ้านเพื่อหาเงินเลี้ยงดูเจเจ้และยาย หารู้ไม่ว่าเขาเพิ่งสมัครไปเป็นสามีบรรณาการของธิดาดอกเหมย ฉางอ้ายชุน ผู้อาศัยอยู่ในตำหนักที่ดอกเหมยไม่มีวันโรยรา สาวน้อยผู้พูดจาไม่รักษาน้ำใจแต่จริงใจยิ่งกว่าใคร แม้รอบตัวเธอจะเต็มไปด้วยความลับ แถมยังไม่มีอะไรน่ารักสักนิด แต่ลั่วซินก็ถูกเธอดึงดูดจนถอนตัวไม่ขึ้น
ทะลุมิติมาในนิยายที่เคยอ่านก็สะดวกดี แต่ดันมีคนเข้ามาเกิดใหม่ในเรื่องนี้ก่อน แล้วทำเนื้อหานิยายผิดเพี้ยนไปหมด! แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคุณหนู ฉันที่เข้ามาอยู่ในร่างภรรยาคนที่สี่ของคุณชายสุดรวยเลยต้องตกอับ ออกท่องยุทธภพกับผู้ชายผมขาวกวนประสาทซะงั้น?! ทั้งต่อสู้กับจอมยุทธ์ที่มีวิชาเพี้ยนๆ อย่างการเอาน้ำเต้าหู้มาจัดการศัตรู ทั้งการจัดการกับความโหยหาหมูกระทะของเพื่อนร่วมเดินทาง ชีวิตฉันจะเป็นยังไงล่ะทีนี้?!
หลังเธอทะลุมิติมา ท่านชายหนิงหลงก็ดูแลเธออย่างดี ทว่านั่นเพราะเธอหน้าเหมือนคนรักที่จากไปของเขาหรือเปล่า?
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า