“เราเลิกกันเถอะ” เขาบอกเธอเช่นนั้น เมื่อถามถึงเหตุผล รมิตาก็ได้รับคำตอบเพียงว่า "พี่เบื่อ"
“เราเลิกกันเถอะ” เขาบอกเธอเช่นนั้น เมื่อถามถึงเหตุผล รมิตาก็ได้รับคำตอบเพียงว่า "พี่เบื่อ"
บทนำ
“เราเลิกกันเถอะ”
เสียงนุ่มทุ้มราวกับไม่รู้สึกอะไรในคำพูดของขุนศึกบอกคนตรงหน้าด้วยท่าทางปกติ ไม่ต่างกับการถามเรื่องสภาพอากาศวันนี้เลยแม้แต่น้อย
ดวงตากลมใสสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองคนพูด พลางย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก คำพูดเมื่อครู่เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม
เขาบอกเลิกเธอ
รมิตากลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคออย่างยากเย็น มือที่เพิ่งหยิบของบางอย่างในกระเป๋าออกมาถือชะงักนิ่ง ของที่เธออยากจะให้เขาเห็นที่สุด
“เคทอยากได้เหตุผล”
หญิงสาวพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นตามความรู้สึกที่กำลังตีตื้นขึ้นมา วันนี้เธอมีเรื่องสำคัญจะบอกเขา และเขาก็นัดเธอออกมาก็เพื่อบอกเลิก...นี่หรือคือเรื่องสำคัญที่เขาบอก
“พี่เบื่อ”
สั้น ง่าย ไม่ซับซ้อนหรือยุ่งยากอะไรเลยแม้แต่น้อยในความรู้สึกของคนพูด แต่มันช่างซับซ้อนและยุ่งยากเหลือเกินในความรู้สึกของคนฟัง รมิตาพยายามนึกตามและหาเหตุผล แต่นึกเท่าใดเธอก็ยังนึกไม่ออก เมื่อในที่สุดเธอไม่สามารถให้คำตอบได้ หญิงสาวก็ทำเพียงเงยหน้ากลับขึ้นมามองคนที่ได้ชื่อว่าคนรักที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นอดีตคนรักในไม่กี่นาทีต่อจากนี้
“อย่างนั้นเหรอคะ”
ไม่มีคำร้องโวยวายอย่างที่เขาอยากให้เธอทำ มีเพียงน้ำเสียงเรียบหวานเย็นเฉียบเท่านั้นที่เอ่ยออกมา น้ำเสียงที่ราวกับไม่รับรู้อะไรในประโยคที่เขาบอก
“ถ้าอย่างนั้นเคทขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เมื่อไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ สิ้นคำหญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้นลายดอกไม้สีชมพูสดระบายอยู่ทั่วตัวก็ลุกขึ้นยืน มือบางซุกของชิ้นนั้นเข้ากระเป๋าถือใบเล็กดังเดิม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องตากับเขาอีกครั้ง ก่อนจะข่มความรู้สึกที่มีเพื่อเอ่ยลา
“ลาละค่ะ”
“เดี๋ยว!” คนถูกเอ่ยลาเรียกเอาไว้ก่อนที่เธอจะผละจาก ร่างโปร่งบางอย่างลูกเสี้ยวชาวออสซี่ชะงักกึก ขุนศึกผุดลุกขึ้นมายืนมองตามหลังบางอย่างขลาดๆ
“เคทไม่โกรธพี่ใช่ไหม”
แทนคำตอบ หญิงสาวที่ยืนหันหลังให้ส่ายหน้าจนผมสีน้ำตาลเข้มยาวเลยสะโพกไหวกระเพื่อม
“เคทไม่มีสิทธิ์โกรธพี่ขุนหรอกคะ”
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม” เขาถามขึ้นอีก หวังใช้มันยื้อเธออีกสักนิด แต่มันคงไม่มีค่าพอที่จะให้เธออยู่ เมื่อคำพูดที่ตอบกลับมานั้นตัดรอนเขาอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่โกรธ ไม่อาละวาด และพร้อมจะเข้าใจทุกอย่างได้ชัดเจน
มือบางข้างที่ว่างยกขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาก่อนที่มันจะหล่นลงให้เขาได้เห็นว่าเธออ่อนแอแค่ไหน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะได้เห็น รมิตาไม่อยากให้เขารู้สึกสมเพชเธอมากกว่าที่เป็นอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งที่เฝ้ารักเขามานานหลายปี ผู้หญิงที่ชอบจุ้นจ้านกับชีวิตของเขาจนถูกหาว่ารำคาญครั้งแล้วครั้งเล่า และหลายครั้งที่ถูกมองข้ามความรู้สึก ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งไม่เคยชัดเจนได้เท่าครั้งนี้ ร่างสมส่วนหันกลับมามองเขาอีกครั้ง รอยยิ้มหวานถูกส่งให้ แต่ดวงตากลับอ่อนแสงลงจนคนมองสบนิ่งไป
“ได้สิคะ ยังไงพี่ขุนก็เป็นรุ่นพี่ แล้วก็ลูกค้าคนสำคัญของที่ร้านเคทนี่นา” ว่าแล้วก็เสมองไปทางอื่น ไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอกำลังจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“แล้วที่เคทบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกพี่ล่ะ”
ดวงตาคมมองเธอนิ่ง ริมฝีปากเม้มแน่นเมื่อทางที่เขาเลือกเองตอนนี้เป็นได้แค่ลูกค้าคนสำคัญ สิ่งที่ถามออกไปจึงเป็นเพียงแค่การยื้อเวลาให้เขาได้มองเธอเต็มตาอีกสักครั้ง ขอเพียงเท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่างมันจะว่างเปล่า...ว่างเปล่าเหมือนบางสิ่งหลุดหาย อกข้างซ้ายกำลังรู้สึกเบาโหวงราวกับบางอย่างไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิม ตำแหน่งที่เคยมีต่อแต่นี้จะไม่มีอีกต่อไป แต่ไม่เป็นไรหรอก...เขาเต็มใจ หากสุดท้ายมันจะทำให้เธอมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่
“มันไม่สำคัญแล้วละค่ะ”
รมิตาตอบกลับเสียงเยาะ ใบหน้าเรียวเงยขึ้นสบตาเขานิ่ง อยากจะจำผู้ชายคนนี้ให้ลึกเข้าไปสุดหัวใจ ไม่สนใจว่าน้ำตาเม็ดหนึ่งกำลังร่วงหล่นลงมาให้เขาได้เห็นหรือไม่ เพราะอย่างไรทุกอย่างมันก็จบอย่างที่เขาอยากให้เป็นอยู่ดี
“ลาก่อนนะคะ”
สิ้นคำลาคำรบสอง ร่างบางก็หมุนตัวเดินกลับออกไป ขาเรียวยาวภายใต้กระโปรงบางพลิ้วก้าวออกไปอย่างไม่มั่นคงนัก แต่เธอต้องทำเป็นเก่งเพื่อไม่ให้เขาดูถูกเธอมากกว่าที่เป็นอยู่ มือข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกระเป๋า หยิบแว่นกันแดดสีชาขึ้นมาสวมปกปิดไม่ให้ใครต่อใครที่เดินผ่านมาเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ ก่อนจะล้วงหยิบวัตถุบางอย่างขึ้นมาอีกครั้ง เผยรอยยิ้มหยันให้กับตัวเองเมื่อก้มมองมัน
แล้วตัดสินใจยื่นของในมือทิ้งลงในถังขยะข้างบันไดระหว่างที่ก้าวออกจากร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่นที่มันเป็นร้านโปรด ร้านที่เขาเลือกขอคบหากับเธอในครั้งแรกและบอกเลิกในครั้งล่าสุด แท่งตรวจการตั้งครรภ์ที่มีขีดสีแดงถึงสองขีดอยู่คั่นกลางร่วงหล่นจากมือบางลงถังได้อย่างแม่นยำ
มันจบแล้ว...
ตอนที่ 1 ความรักในความลับ
แลนด์โรเวอร์สี่ประตูสีดำมันปลาบแล่นออกจากเขตรั้วอธิรักษ์โยธินในเวลาเกือบเที่ยงคืน บ้านหลังใหญ่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่ก่อจากหินอ่อนสีขาวมุกทั้งหลังค่อยๆ เล็กลงตามระยะทางที่ห่างออกไป
ขุนศึก อธิรักษ์โยธิน บุตรชายคนที่สามของคุณภาวิน อธิรักษ์โยธิน ประมุขแห่งอาณาจักรอธิรักษ์โยธินกรุ๊ป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศกับคุณพัตรา วงศ์สกุล ภรรยาคนที่สาม
‘ลูกเมียน้อย’ นั่นคือความจริงที่กัดกินก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจมาตั้งแต่จำความได้
แม้ว่าความอบอุ่นที่ได้รับจากภรรยาทุกคนของบิดาจะทำให้เขาและน้องสาวฝาแฝดอย่างแก้วกานต์ อธิรักษ์โยธิน เติบใหญ่ขึ้นมาจนกระทั่งอายุยี่สิบหกปีบริบูรณ์ แต่ขุนศึกก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเกลียดชังสายเลือดที่ไหลเวียนในตัวนี้มากเหลือเกิน สายเลือดของผู้ชายมักมาก ผู้ชายที่ไม่เคยรักใครจริงนอกจากตนเอง คำหวานละมุนแผ่วกระซิบเป็นเพียงคำลวงให้คุณพัตราในตอนนั้นตายใจ และนั่นทำให้เขาเกลียดคำว่า ‘รัก’ เพราะมันไม่เคยสำคัญเท่า ‘การกระทำ’ และเกลียดชังคำว่า ‘การแต่งงาน’ เพราะมันไม่เคยสำคัญหากว่าคนสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ใบหน้าคมคายออกไปทางเข้มขรึมเพราะผิวกร้านแดดจากการทำงานกลางแจ้งเป็นประจำจ้องมองถนนเบื้องหน้านิ่ง มือทั้งสองข้างยังคงทำหน้าที่กุมพวงมาลัยเอาไว้มั่น ขณะที่ขาทั้งสองข้างก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่าทางไม่สนใจใครทำให้คนที่นั่งมาด้วยหน้าม่อยลงอย่างเห็นได้ชัด
รมิตา อัศวกุล ถอนหายใจแผ่วเบาเมื่อถูกคนที่ได้ชื่อว่า ‘คนรัก’ แสดงท่าทีเฉยเมยใส่ ทั้งที่เขาเพิ่งพาเธอไปงานของครอบครัวเป็นครั้งแรกแท้ๆ แม้ว่าความจริงแล้วคนที่เชิญเธอไปจะเป็นสี่ทิศ อธิรักษ์โยธิน พี่ชายคนโตของเขาก็ตาม แต่การได้ออกงานด้วยกันครั้งแรกในฐานะคนรัก เธอควรจะได้รับสีหน้าที่ยินดีมากกว่าใบหน้าบึ้งตึงไม่ใช่หรือ
ดวงตากลมหวานสีน้ำตาลของสาวลูกเสี้ยวออสเตรเลียเหลือบมองช่อบูเก้สีขาวในมือด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาคงโกรธที่เธอขัดคำสั่งลุกออกไปรับช่อดอกไม้เจ้าสาวจากภีมชญา ภรรยาคนสวยของสี่ทิศ และนั่นคือต้นเหตุที่ทำให้เธอถูกลากกลับบ้านทันทีที่ส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าหอเรียบร้อย
‘น้องเคทได้ช่อดอกไม้แบบนี้ สงสัยจะเป็นรายต่อไปที่ได้แต่งงานนะคะเนี่ย’
คำสัพยอกจากเพื่อนในกลุ่มของขุนศึกเอ่ยล้อเมื่อเธอเดินกลับมาที่โต๊ะหลังจากไปร่วมพิธีการโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว และเธอคือผู้โชคดีที่รับช่อดอกไม้ได้ ตั้งแต่นั้นใบหน้าที่ยุ่งอยู่เป็นนิจก็ยิ่งขรึมลงไปอีก เพราะเธอขัดคำสั่งของเขาหลายอย่างเหลือเกิน จากที่เพียงแค่มองและเอ่ยห้ามบ้างกลายเป็นนิ่งเงียบ เฉยชา และไม่คุยกับเธออีกเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้
“พี่ขุนคะ” รมิตาเอ่ยเรียก แต่คนที่มีหน้าที่ขับรถกลับยิ่งเพิ่งความเร็วมากยิ่งขึ้นจนเธอสัมผัสได้ ความเร็วคือสิ่งที่เธอหวาดกลัวและเขารู้ดี แต่ที่ชายหนุ่มกำลังทำกลับตรงกันข้าม นี่อาจเป็นบทลงโทษของคนไม่เชื่อฟังเช่นเธอก็เป็นได้
“เคทกลัว”
น้ำเสียงสั่นไหวทำให้เท้าที่กดหนักบนคันเร่งถอนออก การจราจรในเวลาเกือบเที่ยงคืนเช่นนี้ถนนค่อนข้างโล่ง และนั่นเหมือนจะเป็นตัวเรียกสติคนโมโหจนไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
“เคทขอโทษค่ะ”
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าผิด” เสียงทุ้มตอบกลับแทบจะทันทีที่ประโยคนั้นจบลง
รมิตาก้มหน้าคล้ายเด็กที่กำลังสำนึกผิด ความจริงเธอควรจะเชื่อเขา อยู่ในที่ของตนเองโดยไม่ยุ่งวุ่นวายกับเขา และที่สำคัญไม่ควรไปวุ่นวายกับครอบครัวของเขา
“เคทแค่อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์เท่านั้น”
“ประโยชน์ของเคทคือการประกาศให้คนทั้งงานรู้ว่ากำลังคบอยู่กับพี่สินะ”
คนฟังน้ำตาเอ่อคลอหน่วย เธอผิดหรือที่อยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่ครอบครัวของเขาบ้าง และเธอผิดหรือที่จะบอกใครต่อใครว่าเธอมากับใคร
“ก็เราคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ แต่ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครรู้ก็ได้”
“แต่เราคบกันมานานแล้วนะคะ” เธอท้วงกลับ เขาและเธอคบกันตั้งแต่สมัยเรียนซึ่งมันก็เจ็ดปีมาแล้ว หลายคนเคยบอกเลขเจ็ดคือเลขอาถรรพ์ แต่เธอเชื่อการกระทำและความรู้สึกของตนเองมากยิ่งกว่า สายตาของรมิตามีเพียงขุนศึกไม่ว่าจะวันนี้หรือพรุ่งนี้ ไม่มีใครทำให้ความรักที่เธอมีต่อเขาลดน้อยลงได้ เพราะนับวันมันยิ่งเพิ่มมากขึ้น
จากที่คบหากันลับๆ บางครั้งเธอก็นึกอยากที่จะประกาศให้ใครต่อใครได้รับรู้เช่นเดียวกัน แต่มีเพียงเหตุผลเดียวที่เธอไม่สามารถทำอย่างนั้นได้คือขุนศึกไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็เลือกที่จะยอมทำตามที่เขาต้องการ
“และมันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“พี่ขุน” รมิตาครางเรียกชื่อคนข้างกายเบาหวิว “พี่ขุนไม่อยากให้ใครรู้ว่ากำลังคบอยู่กับเคทเหรอคะ”
“ทำไมเคทไม่เข้าใจ” เขาหันมาตวาด “เราก็มีความสุขกันดีไม่ใช่เหรอที่เป็นแบบนี้”
‘คำถาม’ แต่มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นที่เขาต้องการ และนั่นทำให้รมิตาต้องกล้ำกลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่กลางอกให้กลับลึกลงไปสุดหัวใจ
“ค่ะ มีความสุขดี” เธอโกหก
รมิตาคือผู้หญิงธรรมดาๆ ที่อยากได้คำหวานจากคนรัก เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ที่อยากจะบอกใครต่อใครว่าเขาคือคนพิเศษ และเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ที่อยากจะเป็นผู้ได้รับการยอมรับไม่ใช่ผู้หลบซ่อน แต่สิ่งที่เธอทำได้ก็มีเพียงแค่เดินตามทางที่เขาขีดไว้ ทางที่เธอไม่เคยต้องการแต่มันก็ดีกว่าการที่ต้องทะเลาะกันจนสุดท้ายต้องเลิกรากันไป เพราะหากว่าถึงเวลานั้นเธอคงไม่มีแม้แต่แรงที่จะหายใจ
“เข้าใจอะไรง่ายๆ ก็ดี ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก พี่ไม่ชอบ”
“ค่ะ”
รมิตารับคำเหมือนที่ทำมาตลอด เธออาจจะอ่อนแอและหวาดกลัวความเสียใจมากเกินไปจนไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจเขา และทุกครั้งที่ทะเลาะกันก็เป็นเธอเองที่ต้องเป็นฝ่ายยอม เพราะต้องการประคับประคองให้ความรักงอกงามเพื่อเฝ้ารอว่าสักวันหัวใจด้านชาของเขาจะเปิดออกและช่วยเธอดูแลต้นรักต้นนี้ไปด้วยกัน
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เสิ่นหยวูแต่งงานกับเหอซวี่ที่เป็นสูติแพทย์ตอนอายุยี่สิบสี่ปี สองปีต่อมา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เหอซวี่ก็วางแผนแท้งลูกเธอด้วยมือตัวเอง และหย่าร้างกับเธอ ระหว่างช่วงเวลาที่มืดมนเหล่านี้ ตู้หยวุนปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเสิ่นหยวู เขาทำดีต่อเธออย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน สุดท้าย เสิ่นหยวูจึงเข้มแข็งขึ้นหลังผ่านพ้นไปกับทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อความจริงก็ถูกเปิดเผยในที่สุด เธอจะยอมรับและอดทนได้ไหม? อยู่เบื้องหลังตู้หยวุนผู้ที่หล่อเหลาดูมีเสน่ห์นั้นเป็นใคร?และเมื่อพบคำตอบแล้ว เสิ่นหยวูจะรับมือยังไง ?
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด