เธอถูกพ่อแท้ๆ ที่เพิ่งพบหน้าฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด ในตอนแรกเธอคิดว่าคงไม่ชีวิตรอดเป็นแน่ ที่จะเจอผู้ชายที่เป็นหนี้ชีวิตเธออีกครั้ง แต่อยู่ๆ เธอกลับฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของน้องสาวของเธอเอง และโชคชะตาของเธอทำให้เธอต้องแต่งงานกับคนที่เธอรักจนหมดใจ
เธอถูกพ่อแท้ๆ ที่เพิ่งพบหน้าฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด ในตอนแรกเธอคิดว่าคงไม่ชีวิตรอดเป็นแน่ ที่จะเจอผู้ชายที่เป็นหนี้ชีวิตเธออีกครั้ง แต่อยู่ๆ เธอกลับฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของน้องสาวของเธอเอง และโชคชะตาของเธอทำให้เธอต้องแต่งงานกับคนที่เธอรักจนหมดใจ
หลินเพ่ยเพ่ยสาวน้อยอายุสิบขวบที่อาศัยอยู่สถานสงเคราะห์มาตั้งแต่เด็ก เธอเป็นสาวน้อยที่หน้าตาน่ารักและสวยงามมากคนหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกคนใจร้ายนำมาทิ้งไว้หน้าสถานสงเคราะห์แห่งนี้ตั้งแต่ยังเป็นทารกแรกเกิด
ที่ผ่านมามีคนต้องการที่จะอุปการะเธอไปเลี้ยงดูอยู่แล้วหลายคน แต่พอถึงวันที่จะมารับตัวเธอไปนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทุกครั้ง เลยทำให้พวกเขาคิดว่าเธอเป็นนั้นตัวซวย พอหลายครั้งเข้าทำให้ไม่มีใครกล้ามาอุปการะเธออีกเลย เด็กน้อยหลินเพ่ยเพ่ยจึงจำต้องอยู่สถานที่นี้ต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ มองดูเพื่อนๆ ของเธอถูกอุปการะไปคนแล้วคนเล่า
"เพ่ยเพ่ยเธออยู่ไหน" หลันอี้เรียกหาหลินเพ่ยเพ่ย เธอเป็นคุณครูที่คอยสอนและช่วยดูแลเด็กๆ อยู่ที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้มานาน วันนี้อิ้งหานตี้มาเฟียใหญ่ของเมือง A พร้อมกับอิ้งหานเหนียนลูกชายเพียงคนเดียวของเขามาที่นี่เพื่อมาทำบุญกับเด็กๆ เนื่องในวันครบรอบวันเกิดสิบแปดปีของอิ้งหานเหนียนลูกของเขา
"หนูอยู่นี่คะ"
"มาหลบอยู่นี่เอง ทำไมถึงไม่ออกไปรับของกินอีกล่ะ"
"หนูไม่กล้าออกไปค่ะ หนูมันตัวซวย"
สาวน้อยหลินเพ่ยเพ่ยโดนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอิจฉาในความสวยของเธอ พวกเขาจึงเอาเรื่องที่เธอเป็นตัวซวยมาล้อกับเธอ ทำให้เธอกลายเป็นเด็กที่ไม่เข้าหาใครและไม่ค่อยพูดจากับใคร ซึ่งเป็นเรื่องที่หลันอี้กังวลใจเป็นอย่างมาก
"เรื่องนี้หนูไม่ต้องคิดมากนะเพ่ยเพ่ย มีครูอยู่ทั้งคนต่อไปใครกล้ามาว่าเธอให้มาบอกครู ครูจะให้ความเป็นธรรมแก่เธอเอง"
"......."
"เอาล่ะๆ ออกกันไปเถอะได้เวลาทานข้าวเที่ยงแล้ว"
เมื่อหลันอี้เห็นว่าหลินเพ่ยเพ่ยยังคงนิ่งอยู่ จึงจับมือน้อยๆ ของเธอจะพาเธอเดินออกไป ตอนนี้คนใช้บ้านตระกูลอิ้งกำลังแจกจ่ายอาหารเที่ยงให้กับเด็กอยู่
"ยืนเข้าแถวตรงนี้แล้วรอรับอาหารเที่ยงนะ ครูต้องไปดูแลส่วนอื่นก่อน"
หลันอี้บอกกับหลินเพ่ยเพ่ยก่อนที่เธอจะไป แต่พอหลินเพ่ยเพ่ยอยู่คนเดียวเธอกลับโดนเพื่อนๆ แกล้งเบียดเธอจนเธอล้มลงไปกับพื้น ถึงเธอจะเจ็บมากแต่ก็ต้องทนไว้
"ยัยเพ่ยเพ่ยตัวซวย แกกล้ามากนะที่ออกมาเสนอหน้า"
"ใช่ พวกเราอย่าไปเข้าใกล้มันนะ เดี๋ยวจะตายเอาได้"
"นั่นสิ ใครที่จะเอามันไปเลี้ยงก็ตายหมดทุกคนเลยนี่ ตัวซวยชัดๆ "
หลินเพ่ยเพ่ยเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งร้องไห้ออกไป พวกเด็กเหล่านั้นก็พากันหัวเราะอย่างสะใจที่ได้เห็นหลินเพ่ยเพ่ยวิ่งร้องไห้ออกไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตาของอิ้งหานเหนียนทั้งหมด ชายหนุ่มรู้สึกไม่ชอบใจจึงเดินไปสั่งคนรับใช้ว่าห้ามให้ข้าวเที่ยงแก่สามสาวด้านหลังเป็นเด็ดขาด แม้แค่ข้าวเม็ดเดียวก็ห้ามให้
หลินเพ่ยเพ่ยเข้าไปหลบอยู่ในห้องเก็บของ ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่หลบภัยสำหรับเธอ งานเลี้ยงเริ่มจัดขึ้นเรื่อยๆ อิ้งหานเหนียนสั่งคนให้ออกไปตามหาหลินเพ่ยเพ่ยแต่ก็ไม่พบ สามสาวที่โดนคาดโทษไว้ก็ได้แต่แค้นใจ เป็นเพราะหลินเพ่ยเพ่ยพวกเธอจึงโดนทำโทษให้อดข้าวเที่ยงที่แสนอร่อยไป พวกเธอรู้ดีว่าหลินเพ่ยเพ่ยนั้นต้องหลบอยู่ในห้องเก็บของ แต่ก็ไม่มีใครบอกไปในเมื่อพวกเธอทั้งสามคนไม่ได้กินข้าวเที่ยงก็อย่างหวังว่าหลินเพ่ยเพ่ยจะได้กินด้วยเช่นกัน
"พวกเธอทำเกินไปแล้วนะ ครูบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่างพูดแบบนั้นกับเพ่ยเพ่ย"
"พวกหนูพูดตามความจริงมันผิดด้วยเหรอคะ"
"เสี่ยวอี้! ถ้ากลับกันคนที่ถูกว่าเป็นเธอล่ะ เธอจะรู้สึกอย่างไร"
"ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ อาทิตย์หน้าพ่อแม่บุญธรรมก็จะมารับหนูแล้ว ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้ามาว่าร้ายหนูได้อีก"
เสี่ยวอี้พูดอย่างมั่นใจก็ครอบครัวที่จะมาอุปการะเธอนั้นเป็นตระกูลผู้ดีที่ร่ำรวยมากตระกูลหนึ่ง เธอเลยอดไม่ได้ที่จะพูดจาโอ้อวดออกมา เพียงแค่ได้ออกจากที่นี่ไปเธอก็จะกลายเป็นคุณหนูของตระกูลดังแล้ว
"เธอคงลืมไปสินะ ที่จริงเขาเลือกเพ่ยเพ่ยไม่ใช่เธอ ถ้าเพ่ยเพ่ยไม่ปฏิเสธละก็เธอจะมีโอกาสนี้เหรอ เธอสมควรที่จะขอบคุณเพ่ยเพ่ยด้วยซ้ำไป"
"หึ! โอกาสเหรอ บ้าสิ้นดี ยัยเพ่ยเพ่ยมันตัวซวย ใครๆ ก็รู้ว่าครอบครัวไหนคิดจะอุปการะยัยนั่นก็ล้วนแต่มีคนตายเกิดขึ้น เขาได้หนูไปแทนก็ถือไว้โชคดีที่ครอบครัวของเขาจะได้ไม่มีใครตาย"
"เสี่ยวอี้! การเกิดแก่เจ็บตายไม่ล้วนเกิดขึ้นเอง และเป็นสิ่งที่ใครก็ห้ามไม่ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเพ่ยเพ่ยเลย"
"แย่แล้วครับ ไฟไหม้ห้องเก็บของ! "
ในระหว่างที่นั้นมีคนตะโกนว่าไฟไหม้ห้องเก็บของก็ดังขึ้น ทุกคนต่างพากันตกใจไม่คิดว่าไฟจะไหม้ได้ ไฟไหม้ได้อย่างไงกัน ทางฝั่งของหลินเพ่ยเพ่ยที่นอนหลับไปเพราะร้องไห้อย่างหนัก ตื่นขึ้นมาก็เจอว่าไฟไหม้ห้องเก็บของแล้ว เธอพยายามจะออกไปแต่ก็ไม่มีทางออกไปได้เลยตอนนี้ไปมันล้อมรอบเธอ ควันไฟก็เข้าทั้งตาและจมูกของเธอจนเธอเริ่มหายใจไม่ออกล้มลงไปกับพื้นอย่างสิ้นหวัง นี้เธอจะตายแล้วจริงๆ เหรอชีวิตเธอยังไม่เจอกับความสุขเลยนะ แม้แต่พ่อแม่เป็นใครเธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป
"เด็กๆ หลบไปที่ปลอดภัยก่อนเร็ว ใช่แล้วมีใครเจอเพ่ยเพ่ยแล้วหรือยัง อย่าบอกนะว่าเพ่ยเพ่ยอยู่ในห้องเก็บของน่ะ"
หลันอี้มัวแต่จัดการกับเสี่ยวอี้อยู่จนเกิดเหตุไฟไหม้ ก็ลืมนึกไปว่าหลินเพ่ยเพ่ยชอบไปหลบอยู่ในห้องเก็บของ ยิ่งตอนนี้ไฟไหม้เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหลินเพ่ยเพ่ยจะเป็นอย่างไรบ้าง
"ว่าไงนะครับ คุณแน่ใจนะครับว่าเธออยู่ในนั้นจริงๆ "
อิ้งหานเหนียนถามหลันอี้ออกไปด้วยใจร้อนรน ในใจก็คิดไปว่าถ้าเด็กน้อยคนนั้นอยู่ในนั้นจริงละก็....ทันใดนั้นเขาก็วิ่งไปที่ห้องเก็บของทันที ก่อนที่จะนำผ้าห่มที่ตากอยู่ใกล้ๆ มาชุบน้ำก่อนจะเอามาคลุม แล้วถีบประตูห้องเก็บห้องเข้าไป
"นายน้อยครับ! "
"มัวทำอะไรอยู่รีบไปหาอะไรมาดับเพลิงสิ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปพวกแกตาย! "
อิ้งหานตี้รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ลูกชายอย่างอิ้งหานเหนียนเข้าไปช่วยเด็กคนหนึ่งอย่างไม่คิดชีวิตเช่นนี้ เดิมทีนิสัยของลูกชายคนนี้เป็นคนที่เย็นชาและไม่ยุ่งวุ่นวายกับคนอื่น
"ครับนายใหญ่ เอาเร็วรีบไปให้อะไรมาดับเพลิง"
อิ้งหานเหนียนลุยไฟไปก็พบกับหลินเพ่ยเพ่ยนอนกรีดร้องอยู่บนพื้น ใบหน้าของเธอโดนไฟลุกไปซีกหน้า เขาจึงวิ่งเข้าไปช่วยเธอใช้ผ้าผืนนั้นดับไฟให้เธอ จังหวะนั้นเขาเองก็โดนไฟคลอกเข้าที่หลังด้วยเช่นกัน ยังดีที่เขาถอดเสื้อนอกทันไฟจึงโดนไฟคลอกไปเพียงเล็กน้อย
"เด็กน้อยไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะพาเธอออกไปเอง"
อี้หานเหนียนพูดกับหลินเพ่ยเพ่ย แต่ตอนนี้สายตาเธอพร่ามัวนักจึงไม่สามารถเห็นหน้าเขาได้ชัดเจน ในทันใดนั้นสติของเธอนั้นก็ดับวูบไปมารู้สึกตัวอีกทีก็สามวันให้หลังจากนั้น ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลใบหน้าถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล
"ตื่นแล้วเหรอเพ่ยเพ่ย หนูเจ็บตรงไหนบ้าง ครูจะได้ไปตามหมอมาให้ดูอาการ"
"หนูไม่เจ็บ...หนูรอดมาได้ไงคะ"
"นายน้อยอิ้งหานเหนียนช่วยหนูออกมาน่ะสิ ตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บและก็รักษาตัวอยู่ที่นี่เหมือนกันนะ"
"จริงเหรอคะ! เพราะหนูอีกแล้วหนูมันตัวซวยที่นั่นเลยไฟไหม้ เขาเลยได้รับบาดเจ็บ..."
หลินเพ่ยเพ่ยพูดไปร้องไห้ไป เหตุการณ์นี้มันทำให้เธอคิดว่าเธอคือตัวซวยจริงๆ และนี้ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อแม่ของเธอไม่ต้องการเธอจึงเอาเธอมาทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์ก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นจะมีเหตุผลอะไรที่พ่อแม่จะทิ้งลูกของตัวเองได้ล่ะ
"ไม่เอาอย่าโทษตัวเองเลยเด็กน้อย ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอกนะ"
"ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ"
"เท่าที่ครูรู้มาก็ปลอดภัยดีจ้ะ แค่มีบาดแผลที่โดนไฟคลอกที่ด้านหลังเล็กน้อยก็เท่านั้นเอง"
"หนูสามารถเยี่ยมเขาได้มั้ยคะ"
"เห็นทีจะยากจ้ะ นายใหญ่อิ้งหานตี้โกรธพวกเรามาก แต่ดีที่นายน้อยห้ามไว้เลยไม่เอาเรื่องกับพวกเรา เราเลยได้แค่ทำตัวอยู่เฉยๆ อย่างเงียบๆ ถึงอยากจะไปเยี่ยมก็คงจะยาก เพราะมีคนเฝ้าอยู่เยอะแยะ คนที่จะเข้าไปได้ก็มีแค่หมอและพยาบาลบางคนเท่านั้นเอง"
"อย่างนั้นเหรอคะ แล้วหนูจะขอบคุณเขาอย่างไรดี"
"หนูไม่ต้องกังวลวันนี้ไม่ได้ขอบคุณ วันหน้ายังมีโอกาสตราบใดที่หนูยังมีชีวิตอยู่สักวันหนึ่งคงได้ตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ของเขาอย่างแน่นอน"
"ค่ะ หนูจะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้ของเขาอย่างแน่นอน วันข้างหน้าหนูจะตอบแทนบุญคุณของเขาไม่ว่าจะแลกด้วยชีวิตหนูทั้งชีวิตหนูก็ยอมค่ะ"
หลินเพ่ยเพ่ยให้สัญญาไว้กับตัวเองไม่ว่าอย่างไรก็ตามอิ้งหานเหนียนคนคนนี้คือผู้มีพระคุณของเธอที่ต้องตอบแทนพระคุณให้ได้ หลังจากนั้นเธอก็ได้พักรักษาตัวอยู่นานที่โรงพยาบาลกินเวลาไปหลายเดือน เนื่องจากแผลที่ใบหน้าของเธอนั้นได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง และทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้าของเธอด้วย
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออัศวินอยากจะมีลูกน้อยเพื่อเป็นโซ่คล้องใจ แต่พลอยไพลินยังคงรักสนุก เธอยังคงยึดติดกับชีวิตการทำงานและวัยสาวของเธอ ทำให้เธอไม่พร้อมที่จะมีลูกในช่วงเวลานี้ อัศวินจึงต้องวางแผนทุกแผนการเพื่อที่จะมีลูกกับเธอ
ชาลีมาเฟียหนุ่มแห่งอิตาลีเจ้าของกาสิโน เขาเกลียดผู้หญิงไทยเพราะแม่ที่เคยทอดทิ้งเขาในวัยเด็ก เขามีน้องสาวต่างมารดาหนึ่งคนที่เป็นคนไทยชื่อว่าจันทร์เจ้า สามีของจันทร์เจ้าเคยเป็นคู่หมั้นของเอมอรหญิงไทยคนหนึ่งที่กำลังครรภ์ แม้เอมอรจะปฏิเสธว่านั้นไม่ใช่ลูกของภูชิตสามีของน้องสาวตน แต่ชาลีก็ไม่เชื่อคำพูดของเธอ เขาจึงจับตัวเอมอรมาและบังคับให้เธอจดทะเบียนสมรสกับเขา
จะเป็นอย่างไรเมื่อสาวน้อยวัย 18 ปี อย่างพลอยไพลิน ต้องแต่งงานกับหนุ่มใหญ่วัย 32 ปี อย่างอัศวิน เพราะสถานะทางครอบครัว และเขาดันเข้ามาสอนในมหาลัยที่เธอสอบติด ทำให้เธอและเขามีสถานะเพิ่มอีกหนึ่ง คือ “ลูกศิษย์กับอาจารย์”
ความสัมพันธ์ของเธอและเขาเริ่มจากเจ้านายกับลูกน้อง เพราะเขาต้องการใช้เธอเป็นสะพานเข้าไปหาเพื่อนรักของเธอ แต่เพราะความใกล้ชิดทำให้เรา....จนต้องเกิดการรับผิดชอบเกิดขึ้นในสองเดือนคือการทดลองคบกัน
จะเป็นอย่างไงเมื่อสาวน้อยอย่าง "รถเมล์" ต้องกลายเป็นคุณแม่วัยยังสาว และหนุ่มหล่ออย่าง "บิ๊กเอ็ม" ต้องกลายเป็นคุณพ่อซุปตาร์ เพราะเพียงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนของทั้งคู่ทำให้เธอท้อง เธอกลับมาเจอเขาอีกครั้งในวันที่ถ่ายแบบด้วยกัน ซึ่งหลังจากเหตุการณ์คืนนั้นมันก็ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 2 เดือน เธอที่เพิ่งเข้าวงการกับเขาที่อยู่ในวงการถ่ายแบบมานานแล้วและเขากำลังจะเป็นดาราดัง แล้วอย่างนี้ทั้งสองจะทำอย่างไรกับเด็กน้อยที่กำลังจะเกิด
สามีที่เธอมองว่าเขาดีต่อเธอมาตลอด กลับใช้มีดหมอกรีดลงกลางอกของเธอ เขาทำมันก็เพื่อนำหัวใจของเธอไปให้น้องสาวต่างมารดาของเธอ ก่อนที่จากโลกใบนี้ไปก็ปรากฏชายคนหนึ่งเข้ามาช่วยเธอจากการผ่าตัด ชายผู้ที่เธอเคยเกลียดชังเขาและหนีออกมาจากเขา แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่เธอจะนึกเสียใจ ถ้าสามารถกลับไปยังช่วงเวลานั้นได้เธอจะดีต่อเขาและเชื่อฟังเขา
จี้ฮันโจวเป็นคนมีฝีมือร้ายกาจและเด็ดขาด แต่กลับเอ็นดูรักใคร่เสิ่นชือมาก เสิ่นชือ ซึ่งเกือบจะเสียชีวิตเนื่องจากการสมรู้ร่วมคิดจากพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ และเธอได้ช่วยชีวิตหัวจี้ฮันโจว นายน้อยของตระกูลใหญ่ที่สุดใน เมืองเซิ่นจิน ส่งผลให้ทั้งสองบรรลุความร่วมมือ และสุดท้ายตกหลุมรักกัน คนนอก: "ไหนบอกว่าคุณชายจี้จะไม่ชอบผู้หญิง ไหนบอกว่าไร้ความปรารถนา และไม่แยแสกับผู้หญิงล่ะ!"
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
ครั้งที่เก้าสิบเก้าที่ ‘เจต’ ทำให้ฉันใจสลาย คือครั้งสุดท้ายของเรา เราสองคนเคยเป็นคู่รักดาวเด่นของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา อนาคตของเราถูกวางแผนไว้อย่างสวยหรูว่าจะเข้าเรียนที่จุฬาฯ ด้วยกัน แต่แล้วในช่วงปีสุดท้ายของม.ปลาย เขากลับไปหลงรักผู้หญิงคนใหม่ที่ชื่อ ‘แคท’ เรื่องราวความรักของเรากลายเป็นละครน้ำเน่าราคาถูกที่น่าเบื่อหน่าย เต็มไปด้วยการทรยศของเขาและการขู่ว่าจะเลิกอย่างไร้ความหมายของฉัน ในงานเลี้ยงจบการศึกษา แคท ‘บังเอิญ’ ดึงฉันตกลงไปในสระว่ายน้ำกับเธอ เจตกระโดดลงไปช่วยโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เขากลับว่ายผ่านฉันที่กำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดไปอย่างไม่ใยดี แล้วโอบแขนรอบตัวแคทก่อนจะพาเธอขึ้นจากสระอย่างปลอดภัย ขณะที่เขาช่วยพยุงเธอขึ้นจากสระ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ เขาหันกลับมามองฉันที่ตัวสั่นเทา มาสคาร่าไหลเป็นทางสีดำอาบแก้ม “ชีวิตเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนน้ำในสระที่ฉันกำลังจะจมดิ่งลงไป คืนนั้นเอง บางสิ่งในตัวฉันก็แตกสลายลงอย่างสมบูรณ์ ฉันกลับบ้าน เปิดโน้ตบุ๊ก และคลิกปุ่มยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ ไม่ใช่ที่จุฬาฯ กับเขา แต่เป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คนละฟากฝั่งของกรุงเทพฯ
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY