เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ตกกระไดพลอยโจรบะหมี่สาวน้อยวัยยี่สิบสี่ปี ที่อยู่ๆถูกพ่อแม่บังเกิดเกล้าบังคับให้แต่งงานกับคนแปลกหน้าเพียงเพราะสัญญาใจของคนรุ่นพ่อที่ให้ไว้กับเพื่อนรักก่อนลาจากกันชั่วนิรันดร์
"ไม่ค่ะ หมี่ไม่แต่ง คุณพ่อจะให้หมี่แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ หมี่ไม่เอาด้วยหรอกนะคะ" หญิงสาวยืนกรานหนักแน่นที่จะไม่แต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกไว้ให้
"แต่ฉันสัญญากับเขาไว้แล้ว ฉันจะไม่มีวันผิดคำพูดกับคนใกล้ตายหรอกนะ" ผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของเธอได้ทำสัญญาใจไว้กับเพื่อนรัก ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากกว่าสี่สิบปี "ในชีวิตฉันไม่เคยขออะไรแกเลย ครั้งนี้แกทำเพื่อฉันสักครั้งเถอะยัยหมี่" นี่หรือคนเป็นพ่อ บังคับลูกให้ไปแต่งงานกับชายแก่ที่ไหนก็ไม่รู้
"ฮือออ.....มะ หมี่ หมี่เกลียดคุณพ่อ!" หญิงสาวสาดพ่นคำน้อยอกน้อยใจที่พ่อแม่แท้ๆ บังคับให้เธอต้องแต่งงานกับคนแก่กว่า เธอรู้เพียงแค่นั้น หน้าตาเขาเป็นยังไง อาชีพการงานอะไรเธอไม่อาจรู้ได้
ครั้งนึกถึงเมื่อวัยเยาว์พ่อแม่ก็ประคบประหงมเธอมาเป็นอย่างดี จนเธอเรียนจบได้เป็นอาจารย์ระดับแนวหน้าของทวีป หรือว่ามันถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะตอบแทนบุญคุณพ่อ แม่ สักครั้ง
[ตอนเย็น]
"คุณพ่อคะ มะ หมี่ยอมแล้ว หมี่จะแต่งงานค่ะ" น้ำตาใสเออล้นออกมานอกดวงตากลมโต หัวใจดวงน้อยสั่นไหวด้วยความเสียใจ ก่อนเดินไปกอดพ่อแม่แท้ๆ ของเธอด้วยความรู้สึกห่วงหา
"ขอบใจลูก พ่อขอบใจมาก" ชายสูงวัยก้มลงกอดลูกสาวด้วยความโล่งอก หากไม่ใช่เพราะสัญญาใจ เขาคงไม่มีวันทำให้ลูกสาวสุดที่รักเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
[โรงพยาบาลเอกชน]
[บะหมี่]
ฉันรอพ่อมาเยี่ยมเพื่อนรักของท่าน แต่ฉันไม่ได้เข้าไปด้วยหรอกนะ เพราะอะไรหนะหรอ เพราะฉันยังไม่อยากเจอกับผู้ชายคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยหน่ะซิ ฉันรู้แค่เพียงว่า เขาชื่อ มอร์แกน
พลั่ก!!!
"อะ .... มะ ... หมี่ขอโทษค่ะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเดินชนกับใครบางคนที่ดูน่าเกรงขาม ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับของชาวยุโรป แลดูเหมือนผู้มีอิทธิพล
ดวงตากลมโตของหญิงสาวจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างลืมตัว พลันต้องตื่นจากภวังค์เมื่อมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาปลุกจากฝันกลางวัน "นี่หรอ บะหมี่ ก็ไม่เลวนิ" น้ำเสียงดุดันเอ่ยขึ้นทักทาย
"เอ๋ .... เออคุณรู้จักหมี่ด้วยหรอคะ"
" ... "
"เออ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อบะหมี่ คุณชื่ออะไรคะ" หญิงสาวยื่นมือเล็กเข้าทักทายชายหนุ่มตรงหน้า หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อถูกชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกระชากแขนเรียวเล็กเข้าหาลำตัว ทำให้หน้าผากมนชนกับแผงอกแกร่งพอดี
หัวใจแกร่งเต้นแรงไม่เป็นสำเมื่อเห็นว่าที่เจ้าสาว จะว่ารักแรกพบก็ได้ เธอช่างสวยถูกใจจริงๆ "เออ คือ หมี่ว่าคุณไม่ควรทำแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักนะคะ มันเสียมารยาท ปล่อยหมี่ด้วยค่ะ" หญิงสาวพยายามสะบัดท่อนแขนเรียวเล็กแต่ยิ่งสะบัดมันยิ่งแน่นขึ้น
ชายหนุ่มรั้งเอวบางด้วยมือแกร่งเพียงข้างเดียว อีกมือจับปลายคางว่าที่เจ้าสาวให้เชิดขึ้น ริมฝีปากหนาฉกจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างอุกอาจ ดวงตากลมโตเบิกโพรงด้วยความตกใจ
พลั่ก!!!
เพี้ยะ!!!
หญิงสาวสะบัดแขนผลักชายหนุ่มเซถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนใช้มือบางตวัดแรงตบใบหน้าคมคายเต็มแรง "ไอ้ทุเรส สกปรก"
หญิงสาวต้องตกใจอีกครั้งเมื่อถูกมือหยาบฉุดกระชากอีกครั้ง ดวงตากลมโตสั่นระริก จมูกโด่งค่อยๆ บรรจงฝังลงซอกคอระหงเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายเธอ
"อ้าว ยัยหมี่ รู้จักกันแล้วหรอ"
"รู้จักอะไรคะ คุณพ่อ" หญิงสาวรีบผลักชายหนุ่มให้ออกห่างก่อนจัดแจงสติของตัวเองให้คงที่
"มอร์แกน ว่าที่เจ้าบ่าวแกไง" ชายสูงวัยยื่นมือชี้ไปทางผู้ชายตรงหน้าเธอ หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบจนแทบจะหยุดเต้น นี่ฉันต้องแต่งงานกับผู้ช่ายป่าเถื่อนคนนี้หรอเนี่ย
"มะ หมี่ ขอตัวก่อนนะคะ หมี่ลืมไปว่าต้องไปเตรียมการสอน เดี๋ยวหมี่ค่อยกลับมารับนะคะคุณพ่อ" ทันทีที่ตั้งสติได้หญิงสาวรีบเอ่ยขึ้นก่อนขอเลี่ยงออกมา เพราะรู้สึกอึดอัด
ทันทีที่เดินออกมาหญิงสาวไม่รู้เลยว่าถูกใครบางคนเดินตามออกมา มือหยาบคว้าท่อนแขนเรียวเล็กรั้งเข้าหาตัว "เธอยังไม่เคลียกับฉันเรื่องสกปรกเลยนะ" ใบหน้าคมคายก้มลงเกือบจะแนบชิด "ฉันก็ไม่ได้อยากจะนอนกับเธอนักหรอกนะ แต่ฉันก็ต้องทำหน้าที่ผัวที่ดีไม่ใช่หรอ"
"คุณพูดอะไรของคุณ หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว เราก็แค่แต่งงานกัน ไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องนอนด้วยกัน หรือว่าคุณแอบพิศวาสฉัน ในหัวถึงคิดแต่เรื่องบนเตียง!!"
"การที่ฉันนอนกับเธอ ไม่ใช่เพราะฉันพิศวาสเธอหรอกนะ แต่ฉันต้องใช้ฐานะผัวของเธอให้มันคุ้มค่าสักหน่อย"
"ปะ ปล่อยฉันนะคุณมอร์แกน คุณไม่ได้พิศวาสฉันก็อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!! "
"ปากเก่งให้สุด ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ตอนที่เธอนอนใต้ร่างฉันเธอจะครางเก่งเหมือนตอนนี้ไหม"
"ปล่อยฉันนะ" หญิงสาวพยายามดีดดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการมาเฟียร้าย
"อืออออ......." ดวงตากลมโตเบิกโพรงเมื่อถูกชายหนุ่มตรงหน้ากระชากแขนเข้าหาตัวเขาอย่างแรงริมฝีปากหนาฉกจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างอุกอาจ
เพี้ยะ!!!
ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงตบของหญิงสาว "อย่า-มา-ยุ่ง-กับ-ฉัน" หญิงสาวสะบัดแขนเรียวเล็กเต็มแรงแต่ก็ยังไม่หลุดจากพันธนาการ
"ฉันคิดว่าถ้าฉันล่อเธอตรงนี้คงจะดีไม่น้อย"
"คุณนี่มันหยาบคายจริงๆ รู้จักผู้หญิงครั้งแรกก็ขโมยจูบเขาอย่างน่ารังเกลียด"
"สาวน้อยฉันขอเตือนอะไรเธออย่าง คนอย่างฉัน จะได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการแน่นอน ต่อให้แย่งชิงมาฉันก็จะทำ ไม่เว้นแม้แต่ความบริสุทธิ์ของเธอ"
น่ากลัวเหลือเกิน ผู้ชายคนนี้ช่างหน้ากลัวเหลือเกิน ฉันต้องแต่งกับเขาจริงๆ หรอ จริงซิ ฉันหนีไปก็สิ้นเรื่อง
"ถ้าเธอคิดหนี ฉันจะพลิกแผ่นดินตามหาเธอ และถ้าฉันเจอเธอ เธอจะไม่มีวันได้รู้จักคำว่าอิสระอีกเลย ถ้าเธอฉลาดพอ เธอจะไม่ทำมัน" ว่าจบพ่อมาเฟียใหญ่ก็เดินหายไปพร้อมกับลูกน้องนับสิบ
เขาเป็นทนายหนุ่มหล่อมากความสามารถที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะทางบ้าน สังคม เรียกได้ว่าเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะโสด ซิง หรือมีคู่ครองแล้วหากเสนอให้เขาก็พร้อมจะสนองทุกเมื่อ สาวๆ ต่างอยากควบคุม และครอบครองเขา แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างเขาน่ะ 'รักสนุก แต่ไม่ผูกพัน' ก็ตาม คนอย่างเขาไม่เคยคิดหยุดอยู่ที่ใคร ความซิงไม่สามารถผูกมัดเขาได้ จนกระทั่ง... เธอเดินเข้ามาในชีวิตเขา
❤ โปรเจกต์สุดฮอตต้อนรับวาเลนไทน์ Match Love Valentines ❤ เรื่องราวของสาวขี้เหงาทั้งสี่คนที่เกิดอาการ เปลี่ยวใจอยากมีใครสักคน เลยต้องเข้าแอปหาคู่อย่าง MATCH LOVE เพื่อตามหาคู่เดตที่มาทำให้วาเลนไทน์ของพวกเธอ ไม่ต้องเหงาใจอีกต่อไป และแอปนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการแมตช์รักของพวกเธอ...แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังจากแอปหาคู่สักหน่อย? ไปลุ้นกันว่าแอปนี้จะช่วยให้พวกเธอสละโสดได้ไหม...!!!!
เธอทำให้เขารัก เธอทำให้เขาแค้น และก็เป็นเธอที่กลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขา เขาที่พยายามลืมความรักของเธอกดความเจ็บแค้นเอาไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ เธอทำให้เขารู้จักคำว่า "ทั้งรัก ทั้งแค้น" เป็นอย่างดี ในเมื่อเธอเลือกจะกลับมาเขาก็จะสาดความเจ็บแค้นคืนกลับไปให้เธอได้รู้สึก ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บช้ำที่ไม่มีวันลืมได้ลง
"ไม่ใช่ นี่มันเกียร์ฉัน!" "Oh! ขะ ... ขอโทษค่ะ ขอโทษ ก็คุณลุงไม่ให้มองมิลก์ก็กำผิดกำถูกสิคะ แล้วข้ามมาทำไมตอนรถไม่นิ่งละคะ" "ใครมันจะไปคิด ว่าเธอจะคิดทำมิดีมิร้ายกับฉันเล่า" "มิลก์เหรอคะ ที่คิดทำมิดีมิร้ายกับคุณลุงน่ะ ไม่ใช่ใช่คุณลุงเหรอคะ มาสอนมิลก์ขับรถแท้ๆ ตรงนั้นยังจะตั้งอยู่อีก"
ผอ. หนุ่มสุดหื่น พ่อปลาไหลตัวพ่อ รักและหวงความโสดยิ่งกว่าชีวิต ใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่างจนมาเจอเธอ หญิงสาวที่เขาจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ใจเธอสักที ความอยากเอาชนะของเขามันเป็นบ่อเกิดความรักที่ก่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"