สำหรับเธอ ความรัก ไม่มีความแค้น สำหรับเขา รักที่มอบให้ คือความแค้นต้องชำระ เพราะความเข้าใจผิด ทำให้เขาเกลียดเธอ คิดเสมอว่าเธอคือผู้หญิงแสนร้ายกาจ หลอกลวงเขา เห็นเขาเป็นผู้ชายหน้าโง่ สำหรับเธอ เขาคือรักแรก รักเดียว และรักสุดท้าย ไม่ว่าเขาจะโกรธ จะเกลียดเธอเท่าไร เธอก็ยอม นั่นเป็นเพราะคำว่ารัก...คำเดียว แต่สำหรับเขา เธอคงเป็นได้แค่เครื่องระบายความแค้น
บทที่ 1
เกล็ดน้ำตาใสวาวราวกับน้ำค้างหยาดรินไหลอาบสองแก้มบอบบางช้าๆ ประหนึ่งเม็ดฝนไหลรินจากท้องฟ้าอย่างไม่ขาดสายราวกับสายเลือด กระบอกตาทั้งสองข้างของเธอร้อนผ่าวปวดร้าวไปหมด แต่ความรู้สึกทั้งหมดต้องอดกลั้นเอาไว้ให้ลึกสุดใจ ริมฝีปากสั่นระริกค่อยๆ ฝืนแย้มรอยยิ้มออกมา มือเล็กสั่นระริกบีบมือที่ผอมซีด เห็นเส้นเลือดปูดออกมานอกผิวหนังจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกของพี่ชายเอาไว้ หยาดน้ำที่คอยจะรินไหลออกมาอีกถูกผลักให้ไหลย้อนกลับเข้าไปในอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เธอจะไม่ยอมให้พี่ชายที่เธอรักเป็นห่วงอีกต่อไป
“นกยูง...นกยูงของพี่ พี่ขอโทษ...ขอโทษ...ที่คอยแต่ทำให้นกยูงเสียใจ พี่มันเลว...สมควรแล้วที่ชีวิตเป็นแบบนี้ อย่าโกรธพี่นะ...อย่าโกรธ”
น้ำตาที่ถูกกล้ำกลืนเข้าไปในอกแทบจะไหลรินออกมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินถ้อยคำแหบพร่าของพี่ชาย เรียวปากบางสั่นระริกพยายามฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง เปลือกตาบางกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอนั้นออกไปอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ชัช...ไม่เป็นไรเลย พี่ชัชไม่ต้องพูดอะไรอีกนะคะ พักผ่อนเถอะ”
“นกยูงน้องรักของพี่...พี่คงไม่ได้อยู่ดูแลน้องอีกแล้ว พี่ขอโทษ ถ้าพี่ไม่พูดตอนนี้คงไม่มีโอกาสได้พูดกับนกยูงอีกแล้ว ตลอดเวลาพี่มีแต่ทำให้นกยูงเสียใจเพราะความเลวของพี่ รวมทั้งเรื่องของไอ้ลัน...ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ ป่านนี้นกยูงกับไอ้ลันคงไม่ต้องแยกกันแบบนี้ พี่อยากขอโทษ อยากให้ลันยกโทษให้พี่ อยากขออโหสิกรรมในสิ่งที่พี่เคยทำ เคยทรยศ อยากฝากให้มันดูแลนกยูงของพี่”
เสียงแห้งแหบพร่าของเมชัชติดขัด เสียงหายใจหอบสะท้าน เขารู้ตัวดี...รู้ว่าคงจะอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน แต่ตอนนี้ที่เขากังวลที่สุด ใครจะดูแลน้องน้อยของเขาคนนี้ ถ้าเขาไม่อยู่สักคนใครจะดูแล ใครจะดีกับมัญชุลิกาเท่าเขา ถึงแม้เขาจะไม่ใช่พี่ชายที่ดีนัก แต่เขาก็ไม่เคยยอมให้ใครทำร้ายน้องน้อยของเขาเนื่องจากบิดากับมารดาสั่งแล้วสั่งอีกก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตว่าอย่าทิ้งน้อง...กระบอกตาปวดร้าวขึ้นมาทันทีเมื่อคิดถึงตรงนี้ ตอนนี้เขาไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผู้มีอุปการะคุณทั้งสองท่านได้แล้ว เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขา...เพราะความโลภเพียงสิ่งเดียว
มัญชุลิกาสะอื้นไห้อีกครั้ง มือบางบีบกระชับมือของพี่ชายแน่นเรียวปากบางที่สั่นระริกพยายามส่งยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างที่สุด
“ไม่เป็นไรคะพี่ชัชไม่ต้องเป็นห่วง นกยูงจะทำทุกอย่างเพื่อให้พี่ลันอภัยให้พี่ชัชให้ได้ ต่อให้เขาโกรธและเกลียดนกยูงมากแค่ไหน นกยูงจะพาพี่ลันมาหาพี่ชัชนะคะ พี่ชัชทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดมากสักวันหนึ่งพี่ลันจะต้องมาขอโทษและให้อภัยกับเรื่องทั้งหมด เชื่อนกยูงนะคะ”
มือผอมซีดเซียวของเมชัชพยายามอย่างเหลือเกินที่จะบีบมือบางของน้องสาว ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ เสียงหายใจหอบสะท้าน นี่เอง...ที่เขามารู้สึกตัวเมื่อสายเมื่อไม่เหลือใคร ทรัพย์สมบัติ ชีวิต หรือแม้แต่เพื่อนเพียงคนเดียวอย่างลวรรษเขายังทรยศความไว้ใจ เชื่อใจ เพียงเพราะความโลภเพียงตัวเดียว ทั้งๆ ที่ครอบครัวของเขาไม่ได้ยากจนหรือเดือดร้อนการเงินแม้แต่น้อย แต่เจ้าความโลภนั้นมันก็ยังครอบคลุมและมีอิทธิพลต่อใจของเขา เรื่องทุกอย่างมันถึงลงเอยแบบนี้ ตอนนี้เขาไม่เหลือใครทั้งสิ้น
“นกยูงถ้ามีโอกาสได้เจอไอ้ลัน... ฝากบอกว่าพี่ขอโทษขออโหสิกรรมกับเรื่องทั้งหมด บอกมันว่าพี่เสียใจ... แต่ถ้ามันไม่ให้อภัยพี่ล่ะก็ พี่ก็ไม่โกรธเพราะพี่ทำตัวเองทั้งนั้น คนเลวอย่างพี่ก็สมควรแล้วที่ไม่เหลือใครสักคนสมควรแล้วที่จะตายไปอย่างไม่มีใครเสียใจแต่พี่เสียใจอยู่อย่างเดียว ความรักของนกยูงกับไอ้ลันเพิ่งเริ่มเท่านั้น พี่ก็เป็นคนทำลายมันลงด้วยน้ำมือของพี่”
เสียงของเมชัชขาดห้วงอีกครั้งน้ำเสียงแหบพร่าพยายามอย่างเหลือเกินที่จะพูดออกมา เพราะถ้าเขาช้าอีกเพียงแค่วินาทีเดียว เขาอาจไม่ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา... สงสารน้องน้อยตรงหน้ายิ่งนัก นกยูงตัวน้อยต้องอยู่อย่างเดียวดายใบโลกใบกว้างเพราะความเลวของคนเป็นพี่ เมชัชพยายามบีบมือเล็กของมัญชุลิกาอีกครั้งแต่สัมผัสนั้นก็เบาหวิวจนแทบไม่รู้สึกในความคิดของมัญชุลิกา สายตาของเมชัชมีเพียงความเสียใจ ขอโทษ เมื่อสบตาดวงตาพราวระยับไปด้วยหยาดน้ำของน้องสาว
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ชัช นกยูงไม่เป็นไร ถือเสียว่านกยูงกับเขาไม่ใช่คู่กัน ถ้าผู้ชายคนนั้นรักนกยูงจริง เขาคงไม่คิดทิ้งนกยูงไปหรอก แต่ที่เขาทิ้งนกยูงไปเพียงเพราะว่าเรารักกันไม่พอ ป่านนี้เขาคงจะลืมนกยูงแล้วก็ได้ พี่ชัชไม่ต้องรู้สึกเสียใจอะไรกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น ทำใจให้สบาย พักผ่อนนะคะ...อย่าพูดอีกเลย ยิ่งพูดยิ่งเหนื่อย ขอให้พี่ชัชรับรู้ไว้แค่เพียงว่า นกยูงตัวนี้ของพี่ชัชแข็งแรงเสมอ นกยูงอยู่ได้ ต่อให้โลกใบนี้เลวร้ายขนาดไหน...นกยูงก็จะสู้ นกยูงจะพาพี่ลันมาอโหสิกรรมต่อหน้าพี่ชัชให้ได้...นกยูงสัญญา แต่ตอนนี้พี่ชัชพักผ่อนก่อนนะคะ”
รอยยิ้มซีดเซียวของเมชัชพยายามฝืนออกมาอย่างสุดกำลัง นั่นไง...นกยูงน้อยของเขาเป็นแบบนี้เสมอ ให้อภัย ไม่ยึดติดยึดแค้นอะไรทั้งสิ้น...
“พักหรือนกยูง... อีกไม่กี่นาทีพี่ก็ได้พักยาวแล้ว...พักตลอดชีวิต ตอนนี้ให้พี่พูดเถอะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดออกมา พี่ขอโทษ...ขอโทษทุกเรื่องที่เคยทำให้นกยูงเสียใจ และอยากฝากนกยูงไปขอโทษไอ้ลัน บอกมันว่าพี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ขออโหสิกรรมกับมันทุกเรื่อง...และถ้าชาติหน้ามีจริง ก็ขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก พี่สัญญา...ชาติหน้าพี่จะไม่ทำให้นกยูงเสียใจอีกเด็ดขาด พี่จะปกป้องนกยูงให้นานกว่าชาตินี้...นกยูงของพี่”
ร่างบางของมัญชุลิกาสะอื้นไห้อีกครั้ง หยาดน้ำตาพรั่งพรูจากสองตาเปียกสองแก้มของเธอหลั่งไหลออกมาราวกับหยาดฝน ความเสียใจของเธอไม่เคยจากหาย เพียงแต่เธอเก็บมันเอาไว้ลึกสุดหัวใจเท่านั้น
วันนั้นฝนตกหนัก ภาพพี่ชายของเธอกับเขาคนนั้นกำลังถกเถียงกันเสียงดัง เธอกำลังวิ่งลงมาจากชั้นบน เมื่อสาวใช้วิ่งเข้าไปบอกเธอว่าคุณลันมาหา แต่หญิงสาวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงลวรรษตะโกนใส่หน้าพี่ชายของเธอดังลั่น
“ฉันไม่คิดเลยไอ้ชัชว่าแกจะเลว หักหลังได้แม้กระทั่งเพื่อนของแก”
เมชัชใช้สองมือของตัวเองผลักอกกว้างของลวรรษออกไปอย่างแรง ก่อนจะชี้หน้าชายหนุ่มตรงหน้า รอยยิ้มเหยียดออกมาพร้อมกับสายตาเหยียดหยามดูแคลน
“ก็แกมันโง่คนอย่างแกจะไปทันอะไรกับเกมส์แข่งขันของธุรกิจ ฉันลงทุนมากกว่าแก ฉันก็ต้องได้มากกว่าแกสิถึงจะถูก ถึงเงินเราจะลงกันคงละครึ่ง...แต่ฉันต้องบากหน้าฝ่าฟันกับไอ้พวกเขี้ยวลากดินนั่นมากกว่าแก ส่วนแบ่งฉันก็ต้องมากกว่าสิ”
ลวรรษมองหน้าผู้ชายตรงหน้าอย่างผิดหวังเสียใจ เมื่อครั้งที่ตกลงทำธุรกิจร่วมกันเมชัชไม่เห็นพูดแบบนี้ เงินก้อนนั้นเป็นก้อนที่เขาเก็บมาทั้งชีวิต เป็นก้อนที่เขาคิดจะสร้างอนาคตกับใครคนหนึ่ง การอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพังโดยไม่รู้ว่าใครเป็นบิดามารดา อยู่กับหลวงตาที่วัดมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ทำให้เขาเก็บเล็กผสมน้อย ใช้เงินอย่างประหยัด หนักเอาเบาสู้กับงานทุกชนิด บากบั่นส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี แต่ตอนนี้ความภูมิใจของเขากำลังจะสลายเพียงเพราะเพื่อนทรยศอย่างเมชัช
เขากับเมชัชเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาวิทลัยเดียวกัน ในตอนนั้นเมชัชเป็นหนุ่มสังคมมากขนาดใครๆ ทั่วมหาวิทยาลัยก็รู้จักหมด แต่ชายหนุ่มก็ยังลดตัวมาสนิทสนม ไม่รังเกียจกับความจนของเขา คบค้าสมาคมกันตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา จนวันหนึ่งเมชัชชวนเขาทำธุรกิจ ในตอนนั้นเขาลังเลเล็กน้อย แต่พอคิดถึงอนาคตที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ หากธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จ และที่สำคัญสิ่งที่สร้างขึ้นมาทั้งหมดก็เพื่อมัญชุลิกา เขาจะสร้างตัวให้หญิงสาวไม่ต้องอายใครที่ตัดสินใจคบกับผู้ชายที่มีแต่ตัวอย่างเขา เขาก็ตกลงกับเมชัชทันที แต่พอได้ยินคำพูดของเมชัชในตอนนี้ ความไว้วางใจ เสียใจก็ประเดประดังเข้ามาบนอกของเขาอย่างจัง
“เป็นอะไรคะ...ไข้กลับมาหรือเปล่า” มือเล็กยื่นไปแตะหน้าผากของชายหนุ่มอย่างร้อนใจเพราะความเป็นห่วง แต่หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวก็ต้องไหววูบหล่นกับพื้นเมื่อมือหนาของอนรรฆปัดมือเล็กของเธอออก “กะ...เกิดอะไรขึ้นคะ” “เก่งนี่...ตีหน้าได้เนียนสนิท...คิดจะโกหกฉันไปอีกนานแค่ไหน” หัวใจดวงน้อยของกมิตตราไหววูบหล่นไปกองกับเท้าทั้งดวง “ทะ...ทำไมคุณเอียนพูดแบบนั้นคะ” ถามไปแล้วหญิงสาวก็ต้องกลั้นหายใจรอคำตอบของอีกฝ่าย ก่อนที่ซองสีน้ำตาลสำหรับใส่เอกสารจะถูกโยนมาตรงหน้าเธอ “นี่ใช่ไหม...สิ่งที่เธออยากได้” น้ำเสียงราบเรียบกับสายตาเย็นชาของอนรรฆมันทำให้กมิตตราแทบจะหายใจไม่ออก “มันซื้อเธอเท่าไร บอกฉันมาสิ...เผื่อฉันจะเสนอเงินในราคาที่สูงกว่ามัน ตัวเธอราคาเท่าไร...กมิตตรา เธอถึงได้ยอมทรยศความไว้ใจของฉัน” ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกเขวี้ยงใส่หน้ากมิตตราอย่างแรงด้วยน้ำมือของอนรรฆ “อยากได้ไอ้เอกสารนี่มากใช่ไหม ได้...ถ้าเธออยากได้นักฉันก็จะให้...แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ” ความหวาดหวั่นของกมิตตราฉายชัดในดวงตาคู่ที่ฉ่ำด้วยหยาดน้ำตาอย่างเห็นได้ชัด “คะ...คุณทำอะไร ยะ...อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ” เสียงสั่นสะท้านถามออกมาเพียงแผ่วเบาเมื่อเห็นมือหนากระชากสาบเสื้อของตัวเองจนกระดุมหลุดหล่นกระจายลงบนพื้นไปคนละทิศละทาง ดวงตาวาวโรจน์พุ่งมองมาที่เธอ “ยะ...อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ แก้มขอร้อง” กมิตตรายกมือขึ้นไหว้อ้อนวอน “ไง ตัวสั่นระริกเลย...กลัวหรือว่าตื่นเต้นกันล่ะ” น้ำเสียงเยาะหยันของอนรรฆบีบเค้นหัวใจของเธออย่างแรง “คุณเอียนขา...แก้มขอโทษ อย่าโกรธแก้มเลยนะคะ แก้มจำเป็นจริง ๆ อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ แก้มกลัว...” เสียงสะอื้นวอนขอของกมิตตราไม่ได้ทำให้อนรรฆใจอ่อนลงแม้แต่น้อย “กลัว...กลัวอะไร เธอควรจะดีใจสิที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสสนองตัณหาของนายอนรรฆ เอียน แบรนดอน เจ้าพ่อธุรกิจคอมพิวเตอร์ ที่เธอยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพราะเงิน” “มะ...ไม่จริงนะคะ...พวกนั้นขู่แก้ม จะทำร้ายน้อง ๆ ของแก้ม...แก้มถึงต้องทำแบบนี้ แก้มไม่ได้อยากหลอกคุณเอียนนะคะ ไม่ได้อยากหลอกทุกคน” “หยุดพูดเถอะ...ฉันสะอิดสะเอียนกับคำพูดมารยาจอมปลอมของเธอจริง ๆ” ดวงตาวาวโรจน์ของอนรรฆลุกโชนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของกมิตตราพูดออกมาแบบนั้น อนรรฆมองผู้หญิงใต้ร่างอย่างสมเพช กมิตตราที่เคยหยิ่งในศักดิ์ศรี เงินไม่สามารถซื้อเธอได้ แม้จะเป็นแค่เด็กกำพร้าไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ไม่ได้ร่ำรวย ผู้หญิงที่เขาชื่นชมคนนั้นหายไปไหน ทำไมถึงได้เหลือเพียงผู้หญิงโกหกหลอกลวง และซื้อได้ด้วยเงินคนนี้ ดวงตาแดงก่ำของอนรรฆมองหญิงสาวใต้ร่างอย่างสมเพช “ถือเสียว่าฉันซื้อเธอด้วยใบประมูลนั่นละกัน...ราคามันเกือบพันล้านเลยนะ...ผู้หญิงอย่างเธอหาอีกกี่ชาติก็ไม่มีใครเป็นพ่อบุญทุ่มเท่าฉันหรอกกมิตตรา” พูดจบมือหนาทั้งสองข้างของอนรรฆก็ดึงสาบเสื้อของกมิตตราออกจากกันอย่างแรง เผยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านใน ในขณะที่หญิงสาวใต้ร่างดิ้นรนพร้อมกับวอนขอเขาอย่างน่าสงสาร แต่อนรรฆหาได้ฟังไม่ “จะดีดดิ้นเพิ่มราคาให้ตัวเองหรือยังไง เรียกมา...กมิตตรา ฉันทุ่มไม่อั้นอยู่แล้ว” แววตาหวาดกลัว เสียงร่ำไห้ มือบางที่ยกขึ้นไหว้วอนขออนรรฆ ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนลงแม้แต่น้อย แววตาเย็นชามุ่งร้ายมองมาที่เธอเขม็ง ในนั้นมีแต่ความโกรธและเกลียดชัง “คุณเอียน...อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ แก้มกลัวแล้ว แก้มขอร้อง” กมิตตราสะอื้นไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกับเธอ ตอนนี้อนรรฆเหมือนสัตว์ร้ายดี ๆ นี่เอง ไม่มีอะไรมาดลใจให้เขาเปลี่ยนใจได้ เสียงกมิตตรากรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อใบหน้าคมเข้มก้มลงซุกไซ้กับซอกคอของเธอ โดยที่มือทั้งสองข้างของเขาตรึงข้อมือทั้งสองข้างของเธอให้กางออกบนเตียงกว้าง ไม่ให้เธอดิ้นรนหนีรอดจากเขาไปได้ “อย่า...อย่านะ” เสียงกรีดร้องวอนขอของกมิตตราถูกปิดด้วยริมฝีปากหนาของอนรรฆที่บดขยี้อย่างไร้ความปรานี เพียงครู่เดียวกลีบปากบางของกมิตตราก็ช้ำบวมเจ่อ รสเค็มที่ลิ้นของเธอสัมผัสได้มันทำให้เธอรู้ว่านั่นคือเลือด ร่างบางพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดแต่มันกลับไม่ได้ผล หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวด หวาดกลัว ไหลรินจากหางตาไม่ขาดสาย
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง