มาร์ติน คลาร์ก อายุ 28 ปี ลูกครึ่งไทย-อเมริกา มีพี่น้อง 4 คน เป็นลูกคนที่3 มีพี่ชาย 2 คน มีน้องชาย 1 คน นักร้องชื่อดังและพ่วงตำแหน่งทายาทธุรกิจอสังหาฯหมื่นล้านและธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย มาร์ตินเกิดและโตที่สหรัฐอเมริกา เป็นคนที่มีความสามารถรอบด้าน มีใบหน้าที่หล่อเหลาสาวๆก็ต่างเข้าหาไม่ขาดสาย แต่มาร์ตินไม่เคยแม้แต่จะสนใจใครเลยและไม่เคยคิดที่สายสัมพันธ์ทางกายกับใครเช่นกัน เพราะเขานั้นยังคงรอผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจและหวังว่าสักวันจะได้เจอเธออีกครั้งที่จากเขาไปโดยไม่แม้แต่จะมีคำล่ำลาพร้อมกับอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดมาจากความรักของทั้งเธอและเขา เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอะไรคือเหตุผลที่เธอไปจากเขาทั้งที่ตลอดเวลาที่คบกันมาพวกเขาทั้งสองคนแทบจำไม่เคยทะเลาะกันถึงขั้นเลิกกันแม้แต่ครั้งเดียว จะมีก็แต่ทะเลาะกันเล็กๆแต่ก็จบด้วยการปรับความเข้าใจกันและก็เหมือนจะรักกันมากขึ้นเสียด้วย นิสัย : เก่ง ขี้หึง ขี้หวง มั่นคงในความรัก “พี่จะไม่มีทางแก้มกับลูกไปไหนอีกแล้ว” แก้ม กัลย์กมล กิจวณิชกุล อายุ 23 ปี คุณแม่ลูกหนึ่งเจ้าของคาเฟ่เล็กๆ เป็นลูกคนเล็กมีพี่น้อง 2 คน มีพี่ชายหนึ่งคน หวงน้องมาก ฐานะทางบ้านปานกลาง มีเพื่อนสนิท 2 คน ทั้งสามรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กคอยช่วยเหลือกันและมาโดยตลอด มีใบหน้าน่ารักแต่ก็ไม่เคยสนใจใครหรือได้ใจเธอไปครอบครองนอกจากพ่อของลูกชายที่เป็นรักแรกและรักเดียวของเธอ เคยเป็นนักเรียนทุนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาช่วงมหาลัยซึ่งเป็นจดเริ่มต้นที่ให้เขาและเธอได้พบกัน พร้อมกับมีพยายานรักตัวน้อยเกิดขึ้นมา แต่แล้วที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองต้องจากกันโดยที่เอไม่แม้แต่จะบอกเหตุผลที่เธอเกิดออกมาจากซีวิตเขาพร้อมกับลูกน้อย นิสัย : ยิ้มเก่ง น่ารัก ขยัน มีความรักผิดชอบ เก่ง ขี้เล่น อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ “ทำไมพี่ตินไม่ป้องกันคะ ถ้าพี่ยังไม่ป้องกันแก้มจะป้องกันเอง” น้องมาร์ช พชร กิจวณิชกุล ลูกชายวัย 3 ขวบ ของแม่แก้มลูกชายที่ทุกอย่างได้พ่อมาทั้งหมดไม่มีอะไรเหมือนแม่ที่เป็นคนอุ้มท้องแม้แต่นิด เด็กชายหน้าตาน่ารักใครเห็นก็ต้องหลงถูกเลี้ยงมาด้วยคุณแม่ยังสาว เกิดที่สหรัฐอเมริกาและกลับมาอยู่ไทยหลังจากมารดาเรียนจบ นิสัย : ร่าเริง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย รักแม่มาก เลี้ยงง่าย เรียนรู้เร็ว “มาร์ชจะปกป้องแม่แก้มเองฮะ” “ลุงทำอะไรแม่ผมนะ!! ทำไมคอแม่มีรอยเต็มไปหมดเลย” ร่างสูงที่ทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะตามหาคนรักและลูกน้อยที่เธอนั้นพาหนีจากเขามา ส่วนเธอทีคอยเอาแต่หลับซ่อนไม่ให้เขาหาเจอเพียงเพราะเหตุผลบางอย่าง แต่ใครจะไปรู้ว่าหญิงที่เป็นที่รักอยู่ใกล้เขาแค่ปลายจมูกและคนที่คอยให้ความช่วยเหลือเธอกลับเป็นคนใกล้ตัวของเขาเสียเอง ความรักของทั้งสองจะดำเนินต่อไปอย่างไรและเหตุผลอะไรกันแน่ที่ทำให้เธอหนีเขาไปพร้อมกับลูกน้อยในท้องโดยมาบอกเหตุผลและไม่มีแม้แต่คำล่ำลา โลกจะเหวียงคนทั้งสองให้ได้กลับมาพบเจอกันได้อีกหรือไม่
ชายแปลกหน้า
แก้ม กัลย์กมล กิจวณิชกุล อายุ 23 ปี สาวน้อยร่างบางพ่วงตำแหน่งคุณแม่ลูกหนึ่งเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆข้างบริษัทส่งออกอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นบริษัทส่งออกอุปกรณ์ทางการแพทย์อันดับต้นๆ ของประเทศ แก้มกลับมาเปิดร้านกาแฟหลังจากเรียนจบจากสหรัฐอเมริกาได้ 1 ปี ซึ่งเธอใช้เวลาเรียนทั้งหมด 3 ปี และในขณะเดียวกันเธอก็ทำงานและเลี้ยงลูกชายตัวน้อยไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ซึ่งเกิดจากชายคนรักที่เป็นรักแรกและรักเดียวของเธอเมื่อครั้งเธอไปเป็นนักเรียนทุกเมื่อ4ปีที่แล้ว ถือว่าเป็นเวลาที่หนักหน่วงมากที่สุดสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวในต่างแดนแบบเธอแต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่คอยช่วยเหลือเธอตลอดซึ่งคนที่ช่วยเธอก็เป็นน้องชายของอดีตคนรักของเธอแต่ก็ต้องแลกเปลี่ยนกับที่เธอต้องบอกความจริงและเหตุผลถึงแม้แม้จะเป็นเหตุผลที่ฟังดูแล้วเห็นแก่ตัวก็ตาม ที่เลือกเดินออกมาจากชีวิตพี่ชายของเพื่อนชายคนนี้ ถึงแม้ในตอนแรกเพื่อนชายคนนี้จะมีท่าทีคัดค้านอยู่บ้างแต่สุดท้ายก็ยอมช่วยซึ่งเรื่องที่เธอท้องจะมีเพียงแค่ครอบครัวเธอและพ่อแม่เพื่อนสนิทของเธอเท่านั้นที่รู้ เธอก็ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนเพื่อไม่ให้ชายคนรักรู้ว่าเธออยู่ไหนโดยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของอดีตคนรัก และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะเธอยังต้องเรียนอยู่ที่เดิมและอาศัยอยู่ใกล้มหาลัยที่เธอเรียนและที่ทำงานที่เธอทำงานช่วงเลิกเรียนและวันหยุดเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปเรียนและทำงานแต่เพราะเอมีพ่อแม่ของชายหนุ่มคอยให้ความช่วยเหลือจึงทำให้เขาหาเธอไม่เจอ
มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ท่านทั้งสองต้องช่วยคนที่ทิ้งลูกชายพวกท่านเพราะเหตุผลที่ฟังแล้วเห็นแก่ตัว แต่ที่ท่านช่วยอาจจะเพราะในท้องคือหลานของท่านในตอนแรกที่เพราะพาไปที่บ้านเพื่อบอกว่าเอท้องก็แอบกลัวว่าจะโดยท่านดุด่าที่เลือกตัดสินใจแบบนี้แต่สุแล้วท่านทั้งสองก็เลิกที่จะเคารพการตัดสินใจของเธอ และคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆโดยไม่ให้อดีตคนรักของเธอรู้
4 ที่แล้ว ประเทศสหรัฐอเมริกา
“สวัสดีค่ะ เอ้ย!! Hello” ร่างบางเดินเข้าไปทักชายแปลกหน้าที่ยืนเหม่อลอยราวกับคนที่ตกอยู่ในห้วงความคิดดังคนถูกมนต์สะกด เพื่อจะถามทางแต่กลับหลุดพูดภาษาไทยออกไปด้วยความเคยชินจึงรีบเปลี่ยนภาษาใหม่
“เอ่อ สวัสดีครับ” ร่างสูงที่ยืนตกตะลึงกับความน่ารักเป็นธรรมชาติบนใบหน้าของร่างบางตรงหน้าที่ไม่ได้ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางสีฉูดฉาดแต่กลับมีใบหน้าที่ขาวนวล แก้มใสแดงระเรื่อของเลือดฝาดทำให้ดูน่ามอง ก่อนจะหลุดจากภวังค์เมื่อเสียงหวานทักขึ้นก่อนจะทักทายร่างบางกลับไปเป็นภาษาไทยเช่นกันพร้อมกับส่งยิ้มที่หาดูได้ยากส่งไปให้เธอ
“อะ..อ้าว แก้ม เอ้ย ฉันนึกว่าคุณเป็น...” ร่างบางที่เกือบหลุดสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองเวลาอยู่กับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวออกไปกับชายแปลกหน้า
“เป็นอะไรครับ คุณคิดว่าผมเป็นอะไรครับ อย่าตัดสินคนที่ภายนอกสิครับ” ร่างสูงถามกลับพูดน้ำเสียงหยอกเย้ายียวน แต่ก็ยังคงเรียบนิ่งตามนิสัยของตนพร้อมยิ้มให้กับท่าทางน่ารักของร่างบางตรงหน้าที่ดูจะเหวอเมื่อเขาพูดขึ้นเป็นภาษาไทย
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะคะ หน้าคุณไม่เหมือนคนไทยหรือคนเอเชียสักนิด มองจากทางเข้าสนามบินยังรู้เลยว่าไม่ใช่คนไทย” ร่างบางตอบกลับตามความคิดของตัวเองในครั้งแรกที่ได้พบชายแปลกหน้า แต่ประโยคหลังเธอเพียงแค่พูดเบากับตัวเองเท่านั้นแต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอพูดกับตัวเองนั้นคนตรงหน้าเธอนั้นได้ยินชัดเจนทุกคำเช่นกัน
“ผมเป็นลูกครึ่ง แม่เป็นคนไทยสอนพูดตั้งแต่เด็กเลยพูดได้ ว่าแต่คุณมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ เหมือนคุณกำลังต้องการความ ช่วยเหลือนะครับ” ร่างสูงไขข้อสงสัยให้สาวน้อยน่ารักตรงหน้าได้รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดภาษาไทยได้ก่อนจะถามเหตุผลที่เธอเดินเข้ามาทักเขา แต่ก็มิวายหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินสาวน้อยตรงหน้าพึมพำกับตัวเองโดยที่ไม่ทันไห้เธอได้สังเกตได้ว่าเขาได้ยินที่เอพูดกับตัวเอง
“เอ่อ คือฉันจะถามคุณว่าที่พัก......จากสนามบินต้องไปยังไงคะ คือฉันพึ่งเคยมาเป็นครั้งแรกไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน” ร่างบางพึมพากับตัวเองเสร็จจึงหันมาสนใจคำถามของชายตรงหน้าและตอบคำถามเขา
“อืม คุณเดินตรงไปนะมันจะมีประตูทางออก ตรงนั้นจะมีแท็กซี่จอดคอยรับคนอยู่คุณก็บอกที่ที่คุณจะไปกับคนขับ ไม่ไกลหรอก” ร่างสูงอธิบายเส้นทางตามที่ร่างบางถามแต่สายตาก็ไม่ละจากการมองใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มไม่หยุดจนอธิบายเสร็จเส้นทางที่เธอต้องไปเรียบร้อยก็ยัคงไม่ละสายตาจากเธอเช่นเดิม
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยบอกทาง งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ร่างบางเอ่ยขอบคุณที่ร่างสูงบอกทางไปที่พักให้เธอและยิ้มหวานจนตาหยีส่งไปให้ร่างสูงหนึ่งทีและเดินจากไปตามทางที่ร่างสูงอธิบายให้เธอฟังเมื่อครู่
หลังจากที่ร่างบางเดินจากไปสายตาของร่างสูงก็เอาแต่มองตามร่างบางไปจนสุดสายตา จนแทบจะลืมธุระที่ทำให้เขาต้องมาที่สนาม ซึ่งการมาครั้งนี้ทำให้เขาได้เจอกับสาวน้อยน่ารักที่ทำให้หัวใจแกร่งเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะเอาแต่นึกถึงใบหน้าของร่างบางที่เพียงแค่เดินเข้ามาถามทาง เขาว่าเขาต้องขอบคุณเจ้าน้องชายตัวแสบที่ไหว้วานให้เขาเป็นธุระมารับที่สนามบินวันนี้เสียแล้ว จากคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตแต่ตอนนี้เขาเริ่มจะเชื่อแล้วสิว่าพรหมลิขิตมีอยู่จริง เพราะเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนต่อจะให้มีใครเข้าหาเขาหรือยั่วยวนมากแค่ไหนเขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครสักคน เธอคนนี้ทำอะไรกับเขากันแน่นะและเขาเชื่อเธอและเขาจะต้องได้เจอกันอีกแน่
“Hey!! Bro ได้ยินไหมเนี้ย” มิกซ์น้องชายคนเล็กเดินตรงเข้ามาทักพี่ชายหลังจากเดินออกมาจากเกรดแต่เรียกเท่าไหร่พี่ชายเขาก็ไม่หันเอาแต่มองไปที่ประตูทางออกมิกซ์จึงทักซ้ำอีกครั้งเพื่อเรียกสติพี่ชายสุดที่รักที่กำลังหลุดลอยไม่ถึงดาวอังคารให้กลับมา และก็ได้แต่คิดว่าพี่ชายของเขากำลังมองอะไรอยู่และอะไรที่สามารถดึงดูดความสนใจพี่ชายของเขาได้ขนาดนี้จนอดที่จะมองตามไม่ได้แต่พอมองไปตามระยะสายที่พี่ชายก็ไม่เห็นจะมีอะไรให้น่าสนใจสักนิด
“Bro!! พี่มาร์ติน ได้ยินผมไหมเนี้ย ยืนเหม่ออะไรของพี่ว่ะ Hey!!!” ปากก็เรียกพี่ชายมือก็สะกิดแขนพี่ให้รู้สึกตัว มองอะไรของเขานักหนา หรือว่าพี่เขาทำงานหนักจนเบลอนะ แด๊ดต้องใช้งานพี่เขาหนักแน่ๆ
“หะ..ห๊ะ อื่ม มานานหรือยัง” ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์เมื่อโดนน้องชายสะกิดที่แขนก่อนจะหันไปถาม
“เห้อ ผมมาตั้งนานแล้วเถอะ เรียกพี่ตั้งนานก็ไม่หัน ยืนเหม่ออยู่นั้นแหละ” มิกซ์ได้ทีก็บ่นร่างสูงที่มัวแต่มองไปที่ประตูทางออกจนไม่รู้ว่าน้องตัวเองมาถึงตั้งนานแล้ว อาการหนักแล้วพี่ชายเขา
“พูดมาก” ร่างสูงตอบกลับสั้นๆ ตามนิสัยของตัวเองที่เป็นคนพูดน้อยหรือบางครั้งแทบจะไม่พูดเลยด้วยซ้ำถ้าไม่จำเป็นบวกกับน้ำเสียงเรียบนิ่งที่ตนมักใช้ประจำ
“ชิ เย็นชาจังนะกับน้องเนี้ย ทีเมื่อกี้เห็นนะว่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว” มิกซ์พูดประชดประชันอย่างไม่ได้จริงจังนักที่โดนพี่เย็นชาใส่ตามนิสัยขี้เล่นของตนเพราะตั้งแต่จำความได้พี่ชายเขาก็พูดแบบนี้อยู่แต่ก็จะมีกับแม่ของพวกเขาเท่านั้นแหละที่พี่จะพูดอ่อนโยนด้วย
“เสือก” ร่างสูงพูดจบก็เดินนำออกไปด้านนอกเพื่อที่จะกลับบ้านโดยไม่รอน้องชาย
“โห อะไรว่ะ แซวแค่นี้ทำเป็นด่าแก้เขิน เฮ้ย รอด้วยดิ ให้มารับจะมาทิ้งกันแบบนี้ได้ไง” มิกซ์บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบลากกระเป๋าวิ่งตามพี่ชายตัวเองออกไป หากช้ามีหวังได้กลับเองเป็นแน่พี่ชายเขาที่ยิ่งไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่นัก
“แกจะให้ฉันไปส่งที่ไหน บ้านหรือคอนโด”ชายหนุ่มเอ่ยถามน้องชายหลังจากขึ้นรถมาแล้ว
“คอนโดก็ได้พี่ พรุ่งนี้มีเรียน เห็นว่าจะมีเด็กทุนด้วยมั้ง น่าจะเป็นคนไทยด้วยนะ”มิกซ์ตอบคำถามพี่ชายแต่ก็มิวายพูดนอกเรื่องที่ถาม
“อืม”ชายหนุ่มตอบอย่าไม่ได้สนใจมากนัก
“ชิ เย็นชาชะมัดเลยพี่ใครว่ะ”มิกซ์ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองกับความเย็นชาของพี่ชายที่ไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้างมากนักนอกจากงานแล้วเขาเองก็ยังนึกไม่ออกว่าอะไรที่จะความสนใจจากพี่ชายเขาได้
หลังจากที่บทสนทนาจบลงภายในรถก็เงียบสนิทไร้เสียงสองหนุ่มพูดคุยกับจะมีแต่เสียงของเครื่องปรับอากาศภายในรถเท่านั้นที่ดังออกมาให้ได้ยิน รถสปอตคันหรูขับไปตามท้องถนนเพื่อไป จุดหมายปลายทางนั้นก็คือคอนโดของน้องชายซึ่งก็เป็นคอนโดเดียวกับที่ร่างสูงนั้นอยู่ซึ่งคอนโดแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เป็นของที่บ้านร่างสูงเป็นเจ้าของอยู่และชายหนุ่มก็เป็นคนดูแลธุรกิจนี้เช่นกัน เนื่องจากธุรกิจที่บ้านของเขามีหลายอย่างแด๊ดจึงแบ่งให้ลูกๆช่วยกันดูแลตามความถนัดของตน
“ลงไปได้แล้ว ฉันจะไปทำงานต่อ”เมื่อรถจอดสนิทชายหนุ่มก็เอ่ยปากบอกแต่จะไปในเชิงบังคับเสียมากกว่า
“อะไรกันครับ มาถึงก็ไล่กันเลยนะ”มิกซ์ที่ได้ยินอย่างนั้นก็โวยวายขึ้นแบบไม่ได้จริงจังมากนักเพียงแค่ต้องการกวนประสาทพี่ชายให้โมโหเล่นก็เท่านั้น
“จะลงไปดีๆ หรือจะเข้าบริษัทกับฉัน”ชายหนุ่มพูดขู่น้องชายเพราะรู้ดีว่าเจ้าน้องชายตัวแสบไม่ค่อยชอบงานบริหารสักเท่าไหร่ให้เข้าไปช่วยงานแต่ละที่ก็ต้องมีข้อแลกเปรียน
“อะๆ ผมลงก็ได้ ไม่เห็นต้องมองด้วยสายตาเหมือนจะกินหัวกันขนาดนั้นเลย”มิกซ์ยอมลงจากรถแต่โดยดีเพราะขู่ของพี่ชายนั้นช่างน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว
ปัง!!!
หลังจากที่น้องชายตัวแสบลงจากรถไปชายหนุ่มจึงขับรถมุ่งหน้าไปที่บริษัททันที่ซึ่งก็อยู่ไม่ใกลจากคอนโดที่ตนพักมากนัก เพราะก่อนหน้าที่เขาจะออกไปรับน้องชายเขามีงานที่ต้องจัดการค้างไว้ยังทำไม่เสร็จ แต่เพราะกลัวน้องรอนานเขาจึงเลือกที่จะออกมารับน้องชายก่อน แต่ใครจะไปรู้ว่าการที่เขาไปรับน้องชายที่สนามบินครั้งนี้จะทำให้เขาได้รู้จักคำว่าพรหมลิขิตเป็นยังไง และไม่ว่าเธอจะอยู่มุมไหนของประเทศเขาก็จะถามหาเอให้เจอให้ได้ ไม่ยากเกินความสามารถเขาหรอกแค่ตามหาผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว เธอจะมาทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะแล้วหนีไปแบบนี้ได้อย่างไร
แล้วเราจะได้เจอกันอีกแน่ แก้ม......
จะเป็นอย่างไรเมื่อเขาและได้กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่คืนนั้นทั้งสองได้มีความสัมพันธ์กันได้ เมื่ออีกฝ่ายอยากลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับโหยหาสัมผัสที่เขาไม่อาจลืมได้ ความสัมพันธ์ที่เกิดทางกายจะแปรผันมาเป็นความรักได้หรือไม่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลงเอยกันอย่างไร.....
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"