ของเล่นของไฟเพลิง สัญญาที่ทำให้ใครบางคนเปลี่ยนจากเป็ดขี้เหร่กลายเป็นหงส์ขาวสง่าใครๆก็ว่าโชคดีจัง แต่ใครจะรู้บ้างไหมว่ามันต้องแลกมากับอะไรบ้าง การกระทำที่แสนหยาบโลน คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ และการแสดงที่ไร้ซึ่งความรัก
ของเล่นของไฟเพลิง สัญญาที่ทำให้ใครบางคนเปลี่ยนจากเป็ดขี้เหร่กลายเป็นหงส์ขาวสง่าใครๆก็ว่าโชคดีจัง แต่ใครจะรู้บ้างไหมว่ามันต้องแลกมากับอะไรบ้าง การกระทำที่แสนหยาบโลน คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ และการแสดงที่ไร้ซึ่งความรัก
"ขอแรงกว่านี้" เสียงทุ้มเอ่ยพูดในขณะที่ตนเองกำลังนั่งพิงเบาะสีแดงกำมะหยี่มองคนที่อยู่บนตักกำลังร่อนเอวใส่น้องชายของเขาอย่างยั่วยวน ร่างบางเมื่อได้รับคำสั่งก็เปลี่ยนจากการบดยั่วเป็นการขยับขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอเสียงร้องอันลามกดังขึ้นเป็นระยะ
"คะ...คุณเพลิงอื้ออ" ร่างบางบนตักร้องลั่นเมื่อถูกมือหนาจับยึดเอวไว้ก่อนจะแทงสวนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งเป็นสัญญาณว่าการร่วมรักกันครั้งนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
"อื้มม" เสียงครางต่ำจากร่างสูงดังขึ้นพร้อมการอัดกระแทกครั้งสุดท้ายก่อนจะผ่อนลมหายใจถี่ๆ ยกตัวหญิงสาวที่อยู่บนตักให้ลงไปจากตัวก่อนกวัดมื่อเรียกลูกน้องให้หยิบบุหรี่ให้
"เอวายังไม่เสร็จเลยนะคะ" สาวร่างบางข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างขัดใจเธอกำลังจะถึงจุดสุดยอดอยู่แล้วแต่คนตรงหน้ากับเสร็จชิงเธอไปก่อนและปล่อยให้เธอค้างตึงอยู่แบบนั้น
"ไม่ใช่เรื่องของผมที่ต้องทำให้คุณเสร็จ"
"คุณเพลิงเอวาเจ็บ" ร่างบางดื้นไปมาเมื่อถูกมือหนาบีบที่แก้มอย่างแรงสายตาอันเยือกเย็นถูกส่งมาที่เธอทำให้เธอยิ่งสั่นเป็นลูกนก ก่อนรับงานนี้ก็เคยได้ยินเรื่องของผู้ชายคนนี้มาบ้างว่าห้ามขัดใจไม่งั้นจะสิ้นลมแต่เพราะหัวเสียจากการค้างตึงเลยพูดไปโดยไม่ทันคิด
"ขะ...ขอโทษค่ะ"
"จำไว้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะผู้หญิงขายตัว" คำพูดแรงๆ ถูกพ่นออกมาจากปากหนาเอวาพยักหน้ารับทันทีก่อนจะรีบคว้าผ้าขนหนูและขอตัวกลับทันทีหลังจากได้รับค่าตัว
"จันทร์เจ้าอยู่ไหน" เมื่อสูบบุหรี่จะหมดมวนแล้วก็เอ่ยถามบุคคลหนึ่งกับลูกน้องบุคคลที่ทำให้เขาหัวเสียจนต้องมาระบายอารมณ์กับคนอื่นทั้งๆ ที่หน้าที่มันเป็นของผู้หญิงที่ชื่อจันทร์เจ้า
"ตอนนี้อยู่ที่บ้านครับคุณไฟเพลิง" ไฟเพลิง นักธุรกิจหนุ่มหมื่นล้านพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหยิบวิสกี้ขึ้นจิบพรางๆ
"อีก10นาทีเตรียมรถให้พร้อมผมจะไปหาจันทร์เจ้า" ไฟเพลิงเอ่ยขึ้นพร้อมกันยันตัวลุกและหายเข้าไปในห้องน้ำ
อีกด้านหญิงสาวร่างบางอยู่ในชุดแสนธรรมดาคือเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์และกางเกงยีนส์ขาสั้นในบ้านราคาหลักสิบล้านกำลังตั้งใจมองดูสูตรอาหารที่ตั้งใจจะทำให้อีกคนกินถึงแม้จะเป็นเมนูที่เคยทำมาแล้วแต่ก็ต้องดูสูตรทุกครั้งเพื่อความแน่ใจเนื่องจากคนที่กินนั้นค่อนข้างอ่อนไหวกับรสชาติอาหาร ถ้าไม่ถูกปากก็เททิ้งอย่างเดียวไม่สนว่าวัตถุดิบจะแพงแค่ไหนก็ตาม
"ทำอะไร"
ฉึก!
"อ๊ะ" เสียงร้องเบาๆ ดังขึ้นเหตุเพราะกำลังหั่นหอมใหญ่อย่างตั้งใจแต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคุ้นหูแบบไม่ทันตั้งตัวใบมีดจึงเฉือนนิ้วของเธอไปเล็กน้อยเลือดสีสดค่อยๆ หยดลงพื้นหญิงสาวจึงรีบเปิดน้ำเพื่อล้างแผลและหันมายิ้มให้กับต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้
"กลับมาแล้วหรอคะเพลิง...เจ้ากำลังทำซุปไก่ให้ทานค่ะ" หญิงสาวตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มพยายามเอานิ้วที่โดนมีดบาดแอบไว้ข้างหลังถ้าคนตรงหน้ารู้ว่าเธอโดนมีดบาดมีหวังคงได้เทกระจาดอาหารตรงหน้าทิ้งแน่นอน ทั้งอ่อนไหวเรื่องรสชาติและความสะอาดถูกหลักอนามัยเป็นที่หนึ่ง
"ผมไม่หิว" เจ้าของร่างสูงเอ่ยพร้อมกับเดินเข้ามาสวมกอดหญิงสาวตรงหน้า วันนี้เขาอารมณ์เสียทั้งวันเพราะคนตรงหน้าเลือกที่จะปฏิเสธการไปทานข้าวกับเขาเพียงเพราะต้องการเคลียร์งานที่บริษัทให้เสร็จเขาไม่ได้จ้างเธอมาเป็นลูกน้องเสียหน่อยทำไมต้องตั้งใจทำขนาดนั้นก็ไม่รู้
"งั้นหรอคะ" หญิงสาวตอบกลับเสียงเบาเพราะถูกคนตรงหน้าสวมกอดอย่างแน่นเหมือนเป็นการลงโทษมากกว่ามากอดเฉยๆ เสียอีก
"แล้วเจ้าหิวไหมครับ" ร่างสูงถอยตัวออกมาก่อนเอ่ยถาม
"ไม่ค่ะ"
"งั้นดี...ขึ้นไปนวดให้ผมหน่อยแล้วกัน" จันทร์พยักหน้ารับเบาๆ ที่จริงเธอเองก็หิวแต่ถ้าให้ตอบว่าหิวคงเป็นคำตอบที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่เมื่อนึกถึงคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมเมื่อเอ่ยถามเธอ
"แล้ววันนี้ไปไหนมาหรอคะ" จันทร์เจ้าเอ่ยถามทำลายความเงียบหลังจากขึ้นห้องมานวดให้ร่างสูงที่กำลังตรวจงานในไอแพดได้สักพักแล้ว
"ผมต้องตอบด้วยหรอครับ" คำพูดเจ็บจี๊ดทะลุเข้าหัวใจถ้าเป็นคนอื่นคงสะอึกจนพูดไม่ออกแต่กับจันทร์เจ้าที่อยู่กับเขามา5ปีแล้ว แค่นี้ถือว่าน้ำจิ้มเลยก็ว่าได้
"ไม่ค่ะ" ว่าจบก็ทำการนวดต่อไปถึงแม้ในใจจะแอบพ่นคำด่าก็ตาม
"กรี๊ดด" แต่แล้วก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อนวดอยู่ดีๆ ก็โดนดึงแขนให้นอนราบไปกับเตียงโดยมีคนตัวสูงคล่อมทับเธอไว้
"วันนี้ผมอารมณ์เสียสุดๆ" ร่างสูงเอ่ยพูดกับคนตรงหน้าพร้อมกับยึดแขนทั้งสองข้างของคนตัวเล็กขึ้นสูงเหนือหัว
"มีเรื่องอะไรหรอคะ" จันทร์เจ้าเอ่ยถามและไม่ดิ้นแม้แต่น้อยเมื่อคนข้างบนกำลังลูบไล้ร่างกายของเธออย่างจาบจ้วง
"ผมจ้างเจ้ามาทำอะไรครับ...คุณควรทำหน้าที่นั้นสิ ตอบผม....ว่าคุณมีหน้าที่ทำอะไร!"
"นะ...นอนกับคุณเพลิงค่ะ" จันทร์เจ้าเอ่ยตอบเสียงสั่นเล็กน้อยใบหน้าสวยมองคนตรงหน้าที่เริ่มเอื้อมมือไปปลดตะขอบลาด้านหลังก่อนจะเลิกมันขึ้นเผยให้เห็นน่าอกของเธอ
"ใช่ครับ...เพราะงั้นทีหลังก็อย่าปฏิเสธผมอีก" ว่าจบก็ก้มลงไปครอบครองจุกสีชมพูสดที่ประดับอยู่บนน่าอกขาวนวลอย่างรุนแรงพร้อมกับบีบเค้นจนเกิดรอยแดงไปทั่ว
จันทร์เจ้าหลับตาแน่นทนความเจ็บปวดนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนกระทำรุนแรงแบบนี้แต่ก็ไม่บ่อยที่จะโดนเพราะส่วนมากแล้วเธอจะยอมเขาตลอดแต่มีงานนี้นี่แหละที่เธอยอมไม่ได้เพราะถ้าปล่อยไว้มันจะเกิดปัญหาในภายภาคหน้าได้ สิ่งที่เธอทำมันก็เพื่อตัวเขาเองทั้งนั้น
เช้าวันต่อมา
หลังจากผ่านค่ำคืนอันสุดแสนทรมานจันทร์เจ้าที่มีสภาพบอบช้ำไปทั้งร่างกายเดินลงบันไดมาด้วยความอิดโรยเมื่อคืนกว่าเขาจะยอมปล่อยเธอก็ปาเข้าไปเกือบฟ้าสว่างเสียแล้ว แล้ววันนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าเพราะมีงานพรีเซ็นต์เปิดตัวสินค้าใหม่อีกด้วยถึงแม้อาชีพหลักของเธอคือการเป็นคู่นอนให้คุณไฟเพลิงแต่งานรองก็คือเป็นพนักงานธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีหน้าที่คิดและนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ให้เจ้านายฟัง
จันทร์เจ้านั่งลงบนโต๊ะอาหารที่มีบุคคลหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วเงียบๆ ก่อนจะตักข้าวต้มที่แม่บ้านเป็นคนจัดไว้ให้เข้าปากกินไปได้สองสามคำก็วางช้อนและขว้ายาแก้ปวดแก้อักเสบที่ติดไว้ในกระเป๋ามากินเมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็แค่รอเวลาให้อีกฝ่ายไปส่งที่ทำงานก็แค่นั้น
"ขอบคุณที่มาส่งค่ะ" จันทร์เจ้าโค้งขอบคุณไฟเพลิงที่มาส่งเธอหน้าป้ายรถเมล์ทุกวันถึงแม้จะทำงานที่เดียวกันแต่ก็ไม่ได้ไปด้วยกันเพราะความสัมพันธ์ลับๆ นี้มีแค่เขาและเธอที่รู้เท่านั้น
หลังจากได้รับคำสั่งให้ปลอมตัวเป็นนักศึกษามาสืบคดีผู้กองกวินท์ผู้นักเน้ดในตำนานกลับต้องมาติดแง๊กในลุคเด็กติ๋มที่มีแต่คนไม่อยากจะคบด้วยแต่ยกเว้นกับเธอเด็กสาวใสซื่อผู้เป็นเหยื่ออันโอชะสำหรับเขา
ผู้ชายส่วนมากชอบ ผู้หญิงนมใหญ่ๆ และเขาก็คือส่วนหนึ่งที่ชอบผู้หญิงนมใหญ่ แต่!! พอได้เธอมาเป็นแฟนกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะงั้น เพราะนมเธอมันใหญ่มากจนผู้หลายคนน้ำลายหก!
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด