/0/10468/coverbig.jpg?v=285e98692a062868ce1f16eb37c9fbb0)
ข่าวแพร่กระจายมาปีที่ 16 แล้ว ว่าพวกเขากำลังตามหาทายาท บัดนี้พวกเขาหาเด็กคนนั้นพบแล้วหรือ
The wishes land เป็นหนังสือนิยายชื่อดังและขายดีที่สุดในประเทศอังกฤษ แต่ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง
เป็นเรื่อง ณ ดินเเดนเเห่งความปรารถนา ที่มีเหล่าพ่อมดและเเม่มดมากมายล้วนเเต่มีเวทมนตร์ที่เฉพาะของเเต่ละประเภทของพวกเขา และมีอาณาจักรหลายอาณาจักรที่อยู่ภายในดินเเดนเเห่งนี้ The wishes land
ในหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงพ่อมดเเม่มด 7 ประเภท อันมี sea witch, green witch, cosmic witch, secular witch, fae witch และ nymphatic witch ซึ่งให้ข้อมูลหลายอย่างมาก ทั้งการใช้ชีวิต ความเป็นอยู่ในดินแดน และเล่าถึงการใช้เวทมนตร์ วันนี้เราจะมากล่าวคร่าว ๆ ถึงเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้
ประเภทแรก Sea witch พวกเขาจะศึกษาเวทมนตร์ที่เกี่ยวกับธาตุน้ำ ซึ่งก็ตามชื่อของพวกเขา ต้องเกี่ยวกับทะเล พวกเขาสามารถใช้ทุกอย่างในทะเลมาเป็นพลังได้ไม่ว่าจะเป็น เปลือกหอย น้ำทะเล ทราย หรือแม้กระทั่งสัตว์ทะเล
ต่อมา Green witch
Green witch เป็นกลุ่มเเม่มดที่บางครั้งจะถูกเรียกว่า garden witches หรือ forest witches โดยพวกเขาจะเชื่อมต่อกับพลังงานธรรมชาติมากที่สุด ศึกษาเกี่ยวกับสมุนไพร พืชพรรณใกล้ตัว พวกเขาจะมีความรู้และความสามารถปลูก ดูแลต้นไม้ สมุนไพร
Cosmic witch หรือบางครั้งจะถูกเรียกว่า Star Witches เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ศึกษาเฉพาะโหราศาสตร์เท่านั้น แต่ยังให้ความสนใจกับดาราศาสตร์อีกด้วย พวกเขาจะใช้ทั้งเทคโนโลยีเเละเวทมนตร์ ประกอบกันเพื่อศึกษาของดวงดาวต่าง ๆ ว่าสามารถส่งผลกับการฝึกเวทมนตร์ของพวกเขาได้มากน้อยเพียงใด
Secular witch
เป็นกลุ่มพ่อมดเเม่มดที่ถนัดการใช้เวทมนตร์ มีคาถา มีพิธีกรรม เป็นกลุ่มที่เชื่อในพลังงานทุกสิ่งที่มีชีวิตบนโลก ล้วนขับเคลื่อนด้วยพลังงาน
Fae witch
ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเเฟรี่ และพวกเขาจะทำงานร่วมกับเเฟรี่หลากหลายประเภท อีกทั้งยังมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติ และการทำงานร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ รวมไปถึงการใช้เวลาดูเเลรักษาสวนหรือเดินทางท่องเที่ยวสวนดอกไม้อยู่บ่อยครั้งหากมีโอกาส
Space witch
กลุ่มนี้จะทำงานร่วมกับเอนทิตีที่ไม่ได้มีตัวตนหรือตำนานอยู่บนโลก มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวนอกโลก มีความสามารถในการศึกษาดวงดาวเช่นเดียวกันกับ Cosmic witch
Nymphatic witch
เเม่มดกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ศึกษาวัฒนธรรมกรีกโบราณ ส่วนใหญ่เเม่มดกลุ่มนี้จะศึกษาเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับเหล่านิมฟ์หรือนางไม้ พวกเขาอ่านประวัติศาสตร์ เรื่องเล่า รวมทั้งตำนานกรีกเยอะมาก ๆ
นี่ก็เป็นประเภทของแม่มดพ่อมดคร่าว ๆ ที่หนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึง แต่หลังจากหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ได้ไม่กี่ปีก็มีข่าวที่เเพร่กระจายออกมาว่า...ยังมีทายาทของเหล่าเเม่มดพ่อมดนั้น ปะปนอยู่กับมนุษย์ โดยไม่เเสดงถึงพลังอำนาจที่เเท้จริงของตนออกมา
หนังสือพิมพ์ที่มีข่าวนั้นก็ปรากฏขึ้นทุกปีจนกระทั่งวันนี้ก็เข้าปีที่ 16 เสียแล้ว
"จะว่าไปเด็กคนนั้นก็อายุเท่าข้า...หรือว่าจะเป็นเพื่อนของข้า...ผู้ใดกันนะ"
🌿✨
The Wishes Land
ดินเเดนเเห่งความปรารถนา
✨🌿
ขอขอบคุณข้อมูลของเเม่มดจาก เพจ Magic Books & Candle
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่เเต่งขึ้นเองทั้งหมดมีทั้งข้อมูลจริงและเท็จ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ทั้งนี้หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี่ค่ะ
ผู้แต่ง นานาห์ปุส
#ดินแดนแห่งความปรารถนา
#TheWishesLand
Twitter; @IsaMenutz
Section 1
พระราชวังแมคคาเลน
อาณาจักรที่มีแต่ความสงบสุข กษัตริย์ เหล่าเจ้าหญิง เจ้าชาย และราษฎรต่างมีความสุขกับการใช้ชีวิต และการทำตามความต้องการของตนเอง แมคคาเลนเป็นอาณาจักรที่มั่งคั่ง ประชากรล้นหลาม ทั้งยังเป็นเมืองที่มีไมตรีมากมายอีกด้วย
หญิงสาวหน้าตาสละสวย ใบหน้าราวกับพระเจ้าเป็นผู้สร้างเธอเองกับมือ นัยน์ตาเธอมีสีเขียวมรกตสื่อถึงราชวงศ์ของเธอ ทั้งสวมชุดเดรสสีขาวขลิบทองที่เต็มไปด้วยความหรูหรา สวมเครื่องประดับไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป และมงกุฎประดับด้วยเพชรพลอยอย่างสมฐานะ เธอมีนามว่าลารีเดีย ธิดาคนเล็กแห่งอาณาจักรแมคคาเลน
แสงตะวันสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดออกกว้าง แต่ไม่ได้ทำให้อากาศนั้นร้อนจัด เพราะมีลมพัดผ่านอยู่เสมอ แมคคาเลนเป็นอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยแหล่งน้ำ ต้นไม้ ใบหญ้า หรือแม้แต่พื้นที่ทำการเกษตรก็ไม่น้อยหน้าอาณาจักรใด
ลารีเดียมองออกไปนอกหน้าต่าง สำรวจธรรมชาติพร้อมกับยกชาร้อนสีกุหลาบที่สาวใช้ชงไว้ให้ขึ้นมาดื่มให้เข้ากับบรรยากาศยามเช้าที่สดใส และเงียบสงบ ทำเลย์ห้องของเจ้าหญิงลารีเดียนั้นมิค่อยมีผู้คนเดินผ่าน ส่วนทหารที่เดินตรวจตรานั้นก็ไม่โวกเหวกโวยวายให้รบกวนเวลาพักของเธอ จึงทำให้พระราชวังมรกตซึ่งนั้นก็คือที่พักของเธอเงียบสงบเอามาก ๆ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นกับเสียงสาวใช้ที่กล่าวตามมาว่าขออนุญาตเข้าไปในห้องของเธอ ลารีเดียตอบรับอย่างเป็นมิตร แล้วหันหน้าไปทางประตูรอคนที่อยู่หน้าประตูเข้ามา
"องค์หญิงเพคะ ข่าวนี้มาอีกเเล้วเพคะ" หญิงสาวใส่ชุดอังกฤษโบราณเข้ามาหาเธอพร้อมกับหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ เธอทำหน้าตื่นตระหนกราวกับว่าเห็นข่าวนี้เป็นครั้งแรก
เมื่อ ๑๖ ปีก่อน ตรงกับปีที่ลารีเดียลืมตาขึ้นมาดูโลกอย่างพอดิบพอดี เป็นปีที่เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก โลกเวทมนตร์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยผู้ใช้เวทมนตร์ เหล่าพ่อมดแม่มด สัตว์เวทมนตร์ รวมไปถึงปีศาจ หากถามว่าเกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์มากเพียงใด ก็ไม่มากนักหรอก เพราะดินแดนเวทมนตร์นั้นไม่ระรานโลกมนุษย์มานานเป็นสหัสวรรษแล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้แหละที่พวกเขากลับมา หนังสือพิมพ์ที่มีตัวอักษรตามหาทายาทแม่มดแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ ทุกที่ป่าวประกาศว่าพวกเขากำลังตามหาคน ๆ นั้นอยู่ เพียงแต่ไม่มีใครรับรู้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครกัน พวกเขาระบุแค่ว่าคนผู้นั้นคือเด็กผู้หญิง วัยใกล้เคียงกันกับเด็กสาวที่ตอนนี้อายุสิบหกปี นั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าหญิงลารีเดียเริ่มสนใจว่า เด็กคนนั้นจะเป็นใคร และใจยังกังวลว่าจะเป็นเหล่าชนชั้นสูงที่มาเล่นกับเธอในวังบ่อย ๆ หรือไม่
ลารีเดียยื่นมือรับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นแล้วเอ่ยถามสาวใช้คนสนิท "ทายาทเเม่มดอะไรนั่นน่ะเหรอ"
"เพคะ เห็นว่าครั้งนี้ข้อความต่างจากเดิม" นางตอบ ลารีเดียกวาดสายตาอ่านข้อความในหนังสือพิมพ์อย่างตั้งใจ เขาเขียนเหมือนกับว่าพวกเขาเจอเด็กคนนั้นเเล้ว อย่างนั้นเเหละ "เป็นอะไรไปเพคะองค์หญิง มีอะไรผิดแปลกไปหรือเพคะ" เสียงเอ่ยถามซ้ำเมื่อเห็นเธอเหม่อลอยเหมือนมีอะไรให้ต้องคิด "ดูนี่สิ" ลารีเดียชี้ข้อความนั้นให้พี่เลี้ยงได้อ่าน
“ดูเหมือนว่าชะตาฟ้าลิขิตให้เราได้พบกันแล้วสิ เจอกันแม่เจ้าหญิงน้อย”
"เจ้าไปสืบมาหน่อย ว่าใครกันที่หายตัวไป" เธอเอ่ยปากเป็นคำสั่งออกไปพร้อมกับทำสีหน้าเป็นกังวล
"เพคะองค์หญิง" สาวใช้รับปากเธอก่อนจะถอยออกไป
ใครกันนะ...
ผ่านวันนี้ไปก็จะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของเจ้าหญิงลารีเดีย อายุของเธอก็จะครบ 16 ปี และจะมีการจัดงานนี้ขึ้นภายในพระราชวังของกษัตริย์แมคคาเลนผู้เป็นพ่อของเธอ แต่มิได้เรียกผู้ใดมาเข้าร่วมเลยแม้แต่คนเดียว จะมีเพียงคนที่อยู่ภายในพระราชวังเท่านั้น
ทว่าเจ้าตัวดันหายไปแล้วน่ะสิ
"ฝ่าบาทเพคะ องค์หญิงหายไปเพคะ!" สาวใช้คนสนิทของลารีเดียวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในท้องพระโรง ทำให้ลาเกอร์ผู้เป็นพี่ชายตกใจเป็นอย่างมาก เขาลุกพรวดแล้วร้องออกมา "เจ้าว่าอย่างไรนะ!"
"เราถึงไม่เรียกคนมาร่วมงานอย่างไรล่ะ" กษัตริย์กล่าวขึ้นเบา ๆ
"เสด็จพ่อ...ท่านหมายความว่าอย่างไรพะยะค่ะ" เขาหันไปมองหน้าพ่อของเขาด้วยสายตาที่สิ้นหวัง
"เขาพาตัวนางไปแล้ว"
"ไม่นะ...ลารีเดีย..." หัวอกผู้เป็นพี่ชาย ใจแทบสลาย ขาของเขาแทบไม่มีแรงยืนอยู่ด้วยซ้ำ "ไม่จริงใช่ไหมพะยะค่ะเสด็จพ่อ ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่" เขากล่าวด้วยความโวยวาย
"อย่าเสียใจไปเลยลาเกอร์...พ่อรู้ว่าเจ้ารักน้องมาก" สิ้นเสียงของคนผู้เป็นพ่อก็ไม่มีผู้ใดตอบรับอีก เขาจึงเล่าเรื่องราวก่อนที่ลารีเดียจะเกิด ว่าเธอคือลูกของภรรยาคนแรกของกษัตริย์แมคคาเลน แต่กษัตริย์แมคคาเลนซึ่งมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่ก่อนหน้านั่นคือผู้เป็นแม่ของลาเกอร์ แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียดใดเพิ่มเติม เพียงกล่าวว่า "พ่อทำสัญญากับพ่อมดผู้ดูแลดินแดนว่าจะคืนลูกสาวเมื่ออายุครบสิบหกปี เพราะกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ หากคืนคำ.. อาณาจักรเราคงต้องวิบัติเพราะโดนพ่อมดแม่มดระรานเป็นแน่"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”