ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
ณ โรงแรมจินซือ เมืองหวย
ท่าน เสิ่นเหยียนเป่ยมีกำหนดการร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ข่าวลือเรื่องคู่ควงของเขากำลังเป็นกระแสให้คนพูดถึงกันไปทั่ว ก่อนที่เขาจะเดินทางมาถึงเสียอีก ทุก ๆ คนต่างรู้เรื่องนี้ ว่ากันว่าหญิงสาวคนนั้นหน้าตางดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์
ท่ามกลางความคาดหวังของทุกคน เมื่องานเลี้ยงได้เริ่มไปสักพัก ประตูห้องจัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง การปรากฎตัวของชายหญิงคู่หนึ่งสร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง
ขณะที่ทั้งสองค่อย ๆ เดินเคียงคู่กันเข้ามาในห้องจัดงานเลี้ยง เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
คนที่เดินเข้ามา เป็นท่านเสิ่นตัวจริงเสียงจริง เขาสวมชุดสูทลายทางสีดำกับรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้ม และข้างกายของเขาก็มีสาวงามนางหนึ่ง
เธอสวมชุดเดรสสีดำยาวเกือบถึงพื้น พร้อมด้วยชุดเครื่องประดับพลอยไพลิน ใบหน้ารูปไข่ถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ ความงดงามของเธอเปล่งประกายไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง จนไม่มีใครสามารถละสายตาไปจากเธอได้
แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของเธอชัด ๆ พวกเขาต่างพากันอ้าปากค้าง พวกเขาเหลือบมองไปทาง ถังยี่ซู เจ้าของงานวันเกิด กับ สีจั้นถิง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายหล่อน โดยไม่ได้ตั้งใจ
แขกเหรื่อหันกลับไปซุบซิบกันเรื่องการปรากฏตัวของหญิงสาวคนนี้ “เมื่อกี้เห็นผู้หญิงคนนั้นไหม ใช่ ซ่งชิงเหอ หรือเปล่า?” แขกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้วล่ะ เธอคือซ่งชิงเหอแน่ ๆ !” แขกอีกคนตอบ
“คุณพระช่วย! หล่อนยังไม่ตายอีกเหรอ? ทำไมถึงยังไม่ตายล่ะ? นังฆาตกร! เธอกล้าดียังไงถึงโผล่หน้ามาที่นี่” แขกอีกคนพูดแทรก
“ว่าแต่ว่า หล่อนทำหน้ามาใหม่รึป่าวนะ? สวยขึ้นผิดหูผิดตาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ? หล่อนเป็น คู่เดทของท่านเสิ่น แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว!”
ทุก ๆ คนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า กำลังจะมีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
การปรากฏตัวของชิงเหอ ไม่เพียงแต่สร้างความประหลาดใจให้กับแขกทุกคนในงานเลี้ยง แต่ยังทำให้พวกเขาหวาดกลัวอีกด้วย เพราะผู้ชายที่เธออยู่ด้วยคือเหยียนเป่ย คู่แข่งทางธุรกิจของจั้นถิง!
ไม่เพียงแค่นั้น ชิงเหอยังเป็นอดีตภรรยาของจั้นถิง ซีอีโอของจิ่งซิน กรุ๊ป
ทั้งสีจั้นถิงและเสิ่นเหยียนเป่ยต่างเป็นพวกเก็บตัว ไม่ค่อยชอบออกงานสังคม ยิ่งงานแบบนี้พวกเขายิ่งแทบไม่เคยปรากฎตัว แต่ก็สมเหตุสมผลอยู่ที่จั้นถิงมาร่วมงานเลี้ยงนี้ เพราะข่าวลือว่าเขากับยี่ซูกำลังจะหมั้นหมายกันเร็ว ๆ นี้กำลังเป็นประเด็นร้อน แต่เหยียนเป่ยคงไม่ได้มาแค่เพื่อฉลองวันเกิดให้ยี่ซูอย่างเดียวแน่นอน
จั้งถิงเป็นคนที่สามารถทำให้วงการการเงินสั่นสะเทือนได้เพียงแค่ดีดนิ้ว แต่ตอนนี้คู่แข่งของเขากลับมาปรากฏตัวต่อหน้า พร้อมกับอดีตภรรยาของเขาเอง แขกเหรื่อต่างพากันเก็บอาการตื่นเต้นไม่อยู่ ใครจะรู้ว่า คืนนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง?
ใบหน้าของชิงเหอยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา เธอเดินเข้าไปหายี่ซูด้วยรองเท้าส้นสูงเจ็ดเซนติเมตรประดับด้วยคริสตัล มือยังคงคล้องแขนของเหยียนเป่ยไว้
ยี่ซูมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ เมื่อหกปีก่อน ยี่ซูได้ทำลายกล่องเสียงของซ่งชิงเหอ จนทำให้เธอพูดไม่ได้
หกปีผ่านไป ตอนนี้ทั้งสองกำลังจะได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง
ยี่ซูประหลาดใจกับการเปลี่ยนไปของชิงเหอ หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอกำแขนพี่จั้นถิงของเธอไว้แน่น มืออีกข้างบีบแก้วไวน์ที่ถือไว้จนเกือบแตกคามือ
ภายใต้สายตาอันสอดรู้สอดเห็นของแขกคนอื่น ๆ เหยียนเป่ยหันไปหยิบไวน์แดงสองแก้วจากพนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะยื่นแก้วหนึ่งให้ชิงเหอ และถืออีกแก้วไว้เอง
เหยียนเป่ยเหลือบมองผู้หญิงที่กำลังยิ้มอยู่ข้าง ๆ ก่อนจ้องไปยังใบหน้าอันไร้อารมณ์ของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขา เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยปากทักทายจั้นถิงด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “คุณจั้นถิง ไม่เจอกันนานเลยนะ! ดูซิใครมากับผม”
แม้ว่าชายทั้งสองเคยมีข้อพิพาทเรื่องธุรกิจ แต่พวกเขาก็ยังทำตัวเป็นสุภาพบุรุษทุกครั้งที่พบกัน โดยเฉพาะในงานแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังทักทายกันอย่างสุภาพ และอีกอย่าง ในโลกธุรกิจแล้ว กำไรเท่านั้นที่คงอยู่ตลอดไป หาใช่ศัตรูไม่
จั้นถิงยังคงทำหน้าเรียบเฉย หลังจากที่ได้ยินคำทักทายของเหยียนเหป่ย ราวกับเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาไม่แม้แต่จะชายตามองคู่เดทของเหยียนเป่ยด้วยซ้ำ กลับยกเครื่องดื่มในมือของเขามาชนกับเหยียนเป่ย ก่อนจะตอบอย่างเรียบ ๆ ว่า “ก็แค่คนแปลกหน้า”
จั้งถิงเข้ามาในแวดวงธุรกิจมานานหลายปี ทั้งยังขึ้นมาเป็นซีอีโอได้สักพักหนึ่งแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามคนหนึ่ง
ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายปีแล้ว แต่ชิงเหอก็ยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อต้องมายืนต่อหน้าสีจั้นถิงอีกครั้ง ไม่เพียงแค่เขาดูสุขุมมากขึ้น ดวงตาของเขาที่ดูลึกล้ำอยู่แล้ว ยิ่งดูยากที่จะหยั่งถึงขึ้นไปอีก
ผู้คนในเมืองหวยต่างเรียกเหยียนเป่ยว่า “ท่านเสิ่น” เพื่อแสดงความเคารพที่มีต่อเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีอำนาจเท่ากับคุณจั้นถิงได้ แต่ก็ไม่ได้ห่างชั้นกันนัก
ถ้าเปรียบจั้นถิงเป็นคนเลือดเย็นและเอาแต่ใจตัวเอง เหยียนเป่ยก็คงจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมและเผด็จการ ทั้งสองคนมีความเหมือนกันมากกว่าที่พวกเขาจะยอมรับ
จั้นถิงเปล่งประกายออร่าอันสูงส่งและเข้าถึงได้ยาก ขณะที่เหยียนเป่ยดูมีความอ่อนโยนและสง่างาม
“คนแปลกหน้าเหรอ?” เหยียนเป่ยยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ พลางคิดว่าคำตอบของจั้นถิงช่างน่าขันสิ้นดี ขณะที่เขายิ้ม นัยน์ตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมานิด ๆ แต่เขาเลือกไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อได้ยินคำตอบของจั้นถิง ใบหน้าของชิงเหอยังคงไว้ด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม มันไม่สำคัญหรอก เพราะเธอรู้ดีว่าจั้นถิงเป็นคนยังไง และอีกไม่นานผู้ชายคนนี้ก็จะต้องตกมาอยู่ในกำมือของเธอ
“ไปเอาของขวัญวันเกิดของผมมาให้คุณยี่ซูสิ” เหยียนเป่ยสั่งคนของเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ครับ ท่านเสิ่น!”
ไม่นานคนของเหยียนเป่ยก็นำของขวัญมามอบให้ยี่ซู “สุขสันต์วันเกิดครับ คุณยี่ซู”
ยี่ซูเผยรอยยิ้มอันงดงามให้เขา “ของขวัญสวยจัง ขอบคุณท่านเสิ่นมาก ๆ นะคะ”
เหยียนเป่ยพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ในฐานะเจ้าภาพงานเลี้ยง ยี่ซูยื่นของขวัญให้แม่บ้านที่อยู่ข้างหลัง ก่อนกล่าวทักทายหญิงสาวที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ข้างเขา “กลับมาแล้วเหรอ ชิงเหอ? หายไปไหนมา? ทุกคนเป็นห่วงเธอมากเลยนะ! สบายดีใช่ไหม?”
ชิงเหอยิ้มพลางมองเข้าลึกไปในดวงตาของยี่ซู ริมฝีปากที่บรรจงทาด้วยลิปสติกสีแดงของเธอเปิดขึ้นเล็กน้อย “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะพี่ยี่ซู ฉันสบายดี ฉันแค่ไปพักผ่อนมาเท่านั้นเอง”
น้ำเสียงของเธอฟังดูเรียบ ๆ ปราศจากอารมณ์ ไม่มีใครบอกได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร
หลังจากได้ยินเธอพูด ยี่ซูก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ‘เธอพูดได้งั้นเหรอ?’
ในฐานะที่เป็นผู้ดีระดับต้น ๆ ของเมืองหวย ยี่ซูสามารถดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ฉันต้องขอบคุณท่านเสิ่นที่คอยดูแลฉัน ฉันสบายดี” เสียงของชิงเหอช่างดูอ่อนแอ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ เหมือนกับว่าถ้อยคำที่เป็นห่วงเป็นใยของยี่ซูจะทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย
แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย ทั้งสองดูกำลังจะพยายามสานสัมพันธ์ของพวกเธอขึ้นมาใหม่ แต่ก็ดูเป็นความสัมพันธ์ที่ไร้ความจริงใจต่อกัน น้ำเสียงของทั้งคู่ราบเรียบ และพูดเหมือนขอไปที
ยี่ซูพยักหน้า ก่อนหันไปทางจั้นถิง เธอเสนอว่า “พี่จั้นถิงคะ ไหน ๆ ชิงเหอก็มาแล้ว พวกพี่คุยกันหน่อยไหมคะ?”
คิ้วหนาของชายหนุ่มขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขารีบปฏิเสธอย่างไม่ลังเล นัยน์ตาปรากฏร่องรอยของความรังเกียจ “ไม่”เขากล่าว น้ำเสียงของเขาเย่อหยิ่งและเย็นชาขึ้นไปอีก
ปฏิกิริยาของจั้นถิง ทำให้ยี่ซูอารมณ์ดีขึ้นมาก “ถ้าอย่างนั้น เนื่องจากฉันไม่ได้เจอชิงเหอนานแล้ว มีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลย พี่จั้นถิง ท่านเสิ่น ขอตัวชิงเหอสักครู่นะคะ”
พอพูดจบเธอก็คว้าข้อมือของชิงเหอไว้ ก่อนเธอจะทันได้ตอบอะไร
เหยียนเป่ยปล่อยมือชิงเหอ พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไปเถอะ”
ก่อนจะเดินออกไปกับยี่ซูที่กำลังลากเธออยู่นั้น ชิงเหอหันกลับมามองเหยียนเป่ย ด้วยแววตา ที่มีเลศนัย
เขาโบกมือเป็นเครื่องหมายว่าทุกอย่างโอเค
ชิงเหอหันกลับมา และวิ่งเหยาะ ๆ เพื่อตามยี่ซูให้ทัน “นี่พี่ยี่ซู ส้นรองเท้าฉันสูงเกินไปที่จะวิ่งนะ เดินช้าลงหน่อยได้ไหม?” เธอเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
หญิงสาวสองคนจากไปแล้ว ทิ้งให้ชายหนุ่มสองคนที่มีความคิดต่างกันอยู่ด้วยกันตามลำพัง มือข้างหนึ่งของจั้นถิงล้วงอยู่ในกระเป๋า ส่วนอีกข้างหมุนแก้วไวน์ไปพลาง ๆ
เหยียนเป่ยหันไปถามเขาว่า “นายคิดว่าไง ชิงเหอเปลี่ยนไปมากเลยใช่ไหม?”
จั้นถิงชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ก่อนถามขึ้นว่า “คุณเหยียนเป่ยคงจะเบื่อ ๆ สินะ ไม่มีอะไรให้ทำแล้วรึไง?” จั้นถิงไม่คิดว่าพวกเขาจะสนิทกัน ถึงขนาดที่จะมาคุยเรื่องอะไรแบบนี้
“ก็ไม่เชิง” เหยียนเป่ยยื่นแก้วไปชนกับแก้วในมือของอีกฝ่าย “ได้ยินว่านายกำลังจะหมั้นกับคุณยี่ซูเหรอ?”
ไม่นานมานี้ เมืองหวยมีข่าวลือว่าจั้นถิง กับยี่ซูกำลังจะหมั้นกัน การที่สีจั้นถิงมาออกงานเลี้ยงงานนี้ ก็แสดงว่าข่าวลือทำท่าจะเป็นเรื่องจริง
“ใช่ครับ” สีจั้นถิงเห็นว่าโกหกไปก็เปล่าประโยชน์
เหยียนเป่ยพยักหน้า ไม่นานเขาก็พูดขึ้นมาบ้างว่า “บังเอิญจังเลยนะ! ผมกำลังคิดจะแต่งงานกับชิงเหออยู่พอดี”
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
ทรายครูสาวแสนเรียบร้อยมองเผินๆอาจไม่เห็นความต้องการด้านมืดของเธอแต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ความเจ้าระเบียบที่แสดงออกมานั้นแอบเก็บความต้องการทางเพศที่เกินคนรู้จักจะจินตนาการ พบกับเรื่องราวของครูสาวกับการเดินทางในโลกแห่งอารมณ์ด้านมืดของเธอได้ใน “ครูสาว สวิงเสียว”
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี