ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
ณ โรงแรมจินซือ เมืองหวย
ท่าน เสิ่นเหยียนเป่ยมีกำหนดการร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ข่าวลือเรื่องคู่ควงของเขากำลังเป็นกระแสให้คนพูดถึงกันไปทั่ว ก่อนที่เขาจะเดินทางมาถึงเสียอีก ทุก ๆ คนต่างรู้เรื่องนี้ ว่ากันว่าหญิงสาวคนนั้นหน้าตางดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์
ท่ามกลางความคาดหวังของทุกคน เมื่องานเลี้ยงได้เริ่มไปสักพัก ประตูห้องจัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง การปรากฎตัวของชายหญิงคู่หนึ่งสร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง
ขณะที่ทั้งสองค่อย ๆ เดินเคียงคู่กันเข้ามาในห้องจัดงานเลี้ยง เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
คนที่เดินเข้ามา เป็นท่านเสิ่นตัวจริงเสียงจริง เขาสวมชุดสูทลายทางสีดำกับรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้ม และข้างกายของเขาก็มีสาวงามนางหนึ่ง
เธอสวมชุดเดรสสีดำยาวเกือบถึงพื้น พร้อมด้วยชุดเครื่องประดับพลอยไพลิน ใบหน้ารูปไข่ถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ ความงดงามของเธอเปล่งประกายไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง จนไม่มีใครสามารถละสายตาไปจากเธอได้
แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของเธอชัด ๆ พวกเขาต่างพากันอ้าปากค้าง พวกเขาเหลือบมองไปทาง ถังยี่ซู เจ้าของงานวันเกิด กับ สีจั้นถิง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายหล่อน โดยไม่ได้ตั้งใจ
แขกเหรื่อหันกลับไปซุบซิบกันเรื่องการปรากฏตัวของหญิงสาวคนนี้ “เมื่อกี้เห็นผู้หญิงคนนั้นไหม ใช่ ซ่งชิงเหอ หรือเปล่า?” แขกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้วล่ะ เธอคือซ่งชิงเหอแน่ ๆ !” แขกอีกคนตอบ
“คุณพระช่วย! หล่อนยังไม่ตายอีกเหรอ? ทำไมถึงยังไม่ตายล่ะ? นังฆาตกร! เธอกล้าดียังไงถึงโผล่หน้ามาที่นี่” แขกอีกคนพูดแทรก
“ว่าแต่ว่า หล่อนทำหน้ามาใหม่รึป่าวนะ? สวยขึ้นผิดหูผิดตาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ? หล่อนเป็น คู่เดทของท่านเสิ่น แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว!”
ทุก ๆ คนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า กำลังจะมีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
การปรากฏตัวของชิงเหอ ไม่เพียงแต่สร้างความประหลาดใจให้กับแขกทุกคนในงานเลี้ยง แต่ยังทำให้พวกเขาหวาดกลัวอีกด้วย เพราะผู้ชายที่เธออยู่ด้วยคือเหยียนเป่ย คู่แข่งทางธุรกิจของจั้นถิง!
ไม่เพียงแค่นั้น ชิงเหอยังเป็นอดีตภรรยาของจั้นถิง ซีอีโอของจิ่งซิน กรุ๊ป
ทั้งสีจั้นถิงและเสิ่นเหยียนเป่ยต่างเป็นพวกเก็บตัว ไม่ค่อยชอบออกงานสังคม ยิ่งงานแบบนี้พวกเขายิ่งแทบไม่เคยปรากฎตัว แต่ก็สมเหตุสมผลอยู่ที่จั้นถิงมาร่วมงานเลี้ยงนี้ เพราะข่าวลือว่าเขากับยี่ซูกำลังจะหมั้นหมายกันเร็ว ๆ นี้กำลังเป็นประเด็นร้อน แต่เหยียนเป่ยคงไม่ได้มาแค่เพื่อฉลองวันเกิดให้ยี่ซูอย่างเดียวแน่นอน
จั้งถิงเป็นคนที่สามารถทำให้วงการการเงินสั่นสะเทือนได้เพียงแค่ดีดนิ้ว แต่ตอนนี้คู่แข่งของเขากลับมาปรากฏตัวต่อหน้า พร้อมกับอดีตภรรยาของเขาเอง แขกเหรื่อต่างพากันเก็บอาการตื่นเต้นไม่อยู่ ใครจะรู้ว่า คืนนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง?
ใบหน้าของชิงเหอยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา เธอเดินเข้าไปหายี่ซูด้วยรองเท้าส้นสูงเจ็ดเซนติเมตรประดับด้วยคริสตัล มือยังคงคล้องแขนของเหยียนเป่ยไว้
ยี่ซูมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ เมื่อหกปีก่อน ยี่ซูได้ทำลายกล่องเสียงของซ่งชิงเหอ จนทำให้เธอพูดไม่ได้
หกปีผ่านไป ตอนนี้ทั้งสองกำลังจะได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง
ยี่ซูประหลาดใจกับการเปลี่ยนไปของชิงเหอ หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอกำแขนพี่จั้นถิงของเธอไว้แน่น มืออีกข้างบีบแก้วไวน์ที่ถือไว้จนเกือบแตกคามือ
ภายใต้สายตาอันสอดรู้สอดเห็นของแขกคนอื่น ๆ เหยียนเป่ยหันไปหยิบไวน์แดงสองแก้วจากพนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะยื่นแก้วหนึ่งให้ชิงเหอ และถืออีกแก้วไว้เอง
เหยียนเป่ยเหลือบมองผู้หญิงที่กำลังยิ้มอยู่ข้าง ๆ ก่อนจ้องไปยังใบหน้าอันไร้อารมณ์ของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขา เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยปากทักทายจั้นถิงด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “คุณจั้นถิง ไม่เจอกันนานเลยนะ! ดูซิใครมากับผม”
แม้ว่าชายทั้งสองเคยมีข้อพิพาทเรื่องธุรกิจ แต่พวกเขาก็ยังทำตัวเป็นสุภาพบุรุษทุกครั้งที่พบกัน โดยเฉพาะในงานแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังทักทายกันอย่างสุภาพ และอีกอย่าง ในโลกธุรกิจแล้ว กำไรเท่านั้นที่คงอยู่ตลอดไป หาใช่ศัตรูไม่
จั้นถิงยังคงทำหน้าเรียบเฉย หลังจากที่ได้ยินคำทักทายของเหยียนเหป่ย ราวกับเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาไม่แม้แต่จะชายตามองคู่เดทของเหยียนเป่ยด้วยซ้ำ กลับยกเครื่องดื่มในมือของเขามาชนกับเหยียนเป่ย ก่อนจะตอบอย่างเรียบ ๆ ว่า “ก็แค่คนแปลกหน้า”
จั้งถิงเข้ามาในแวดวงธุรกิจมานานหลายปี ทั้งยังขึ้นมาเป็นซีอีโอได้สักพักหนึ่งแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามคนหนึ่ง
ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายปีแล้ว แต่ชิงเหอก็ยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อต้องมายืนต่อหน้าสีจั้นถิงอีกครั้ง ไม่เพียงแค่เขาดูสุขุมมากขึ้น ดวงตาของเขาที่ดูลึกล้ำอยู่แล้ว ยิ่งดูยากที่จะหยั่งถึงขึ้นไปอีก
ผู้คนในเมืองหวยต่างเรียกเหยียนเป่ยว่า “ท่านเสิ่น” เพื่อแสดงความเคารพที่มีต่อเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีอำนาจเท่ากับคุณจั้นถิงได้ แต่ก็ไม่ได้ห่างชั้นกันนัก
ถ้าเปรียบจั้นถิงเป็นคนเลือดเย็นและเอาแต่ใจตัวเอง เหยียนเป่ยก็คงจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมและเผด็จการ ทั้งสองคนมีความเหมือนกันมากกว่าที่พวกเขาจะยอมรับ
จั้นถิงเปล่งประกายออร่าอันสูงส่งและเข้าถึงได้ยาก ขณะที่เหยียนเป่ยดูมีความอ่อนโยนและสง่างาม
“คนแปลกหน้าเหรอ?” เหยียนเป่ยยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ พลางคิดว่าคำตอบของจั้นถิงช่างน่าขันสิ้นดี ขณะที่เขายิ้ม นัยน์ตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมานิด ๆ แต่เขาเลือกไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อได้ยินคำตอบของจั้นถิง ใบหน้าของชิงเหอยังคงไว้ด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม มันไม่สำคัญหรอก เพราะเธอรู้ดีว่าจั้นถิงเป็นคนยังไง และอีกไม่นานผู้ชายคนนี้ก็จะต้องตกมาอยู่ในกำมือของเธอ
“ไปเอาของขวัญวันเกิดของผมมาให้คุณยี่ซูสิ” เหยียนเป่ยสั่งคนของเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ครับ ท่านเสิ่น!”
ไม่นานคนของเหยียนเป่ยก็นำของขวัญมามอบให้ยี่ซู “สุขสันต์วันเกิดครับ คุณยี่ซู”
ยี่ซูเผยรอยยิ้มอันงดงามให้เขา “ของขวัญสวยจัง ขอบคุณท่านเสิ่นมาก ๆ นะคะ”
เหยียนเป่ยพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ในฐานะเจ้าภาพงานเลี้ยง ยี่ซูยื่นของขวัญให้แม่บ้านที่อยู่ข้างหลัง ก่อนกล่าวทักทายหญิงสาวที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ข้างเขา “กลับมาแล้วเหรอ ชิงเหอ? หายไปไหนมา? ทุกคนเป็นห่วงเธอมากเลยนะ! สบายดีใช่ไหม?”
ชิงเหอยิ้มพลางมองเข้าลึกไปในดวงตาของยี่ซู ริมฝีปากที่บรรจงทาด้วยลิปสติกสีแดงของเธอเปิดขึ้นเล็กน้อย “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะพี่ยี่ซู ฉันสบายดี ฉันแค่ไปพักผ่อนมาเท่านั้นเอง”
น้ำเสียงของเธอฟังดูเรียบ ๆ ปราศจากอารมณ์ ไม่มีใครบอกได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร
หลังจากได้ยินเธอพูด ยี่ซูก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ‘เธอพูดได้งั้นเหรอ?’
ในฐานะที่เป็นผู้ดีระดับต้น ๆ ของเมืองหวย ยี่ซูสามารถดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ฉันต้องขอบคุณท่านเสิ่นที่คอยดูแลฉัน ฉันสบายดี” เสียงของชิงเหอช่างดูอ่อนแอ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ เหมือนกับว่าถ้อยคำที่เป็นห่วงเป็นใยของยี่ซูจะทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย
แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย ทั้งสองดูกำลังจะพยายามสานสัมพันธ์ของพวกเธอขึ้นมาใหม่ แต่ก็ดูเป็นความสัมพันธ์ที่ไร้ความจริงใจต่อกัน น้ำเสียงของทั้งคู่ราบเรียบ และพูดเหมือนขอไปที
ยี่ซูพยักหน้า ก่อนหันไปทางจั้นถิง เธอเสนอว่า “พี่จั้นถิงคะ ไหน ๆ ชิงเหอก็มาแล้ว พวกพี่คุยกันหน่อยไหมคะ?”
คิ้วหนาของชายหนุ่มขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขารีบปฏิเสธอย่างไม่ลังเล นัยน์ตาปรากฏร่องรอยของความรังเกียจ “ไม่”เขากล่าว น้ำเสียงของเขาเย่อหยิ่งและเย็นชาขึ้นไปอีก
ปฏิกิริยาของจั้นถิง ทำให้ยี่ซูอารมณ์ดีขึ้นมาก “ถ้าอย่างนั้น เนื่องจากฉันไม่ได้เจอชิงเหอนานแล้ว มีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลย พี่จั้นถิง ท่านเสิ่น ขอตัวชิงเหอสักครู่นะคะ”
พอพูดจบเธอก็คว้าข้อมือของชิงเหอไว้ ก่อนเธอจะทันได้ตอบอะไร
เหยียนเป่ยปล่อยมือชิงเหอ พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไปเถอะ”
ก่อนจะเดินออกไปกับยี่ซูที่กำลังลากเธออยู่นั้น ชิงเหอหันกลับมามองเหยียนเป่ย ด้วยแววตา ที่มีเลศนัย
เขาโบกมือเป็นเครื่องหมายว่าทุกอย่างโอเค
ชิงเหอหันกลับมา และวิ่งเหยาะ ๆ เพื่อตามยี่ซูให้ทัน “นี่พี่ยี่ซู ส้นรองเท้าฉันสูงเกินไปที่จะวิ่งนะ เดินช้าลงหน่อยได้ไหม?” เธอเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
หญิงสาวสองคนจากไปแล้ว ทิ้งให้ชายหนุ่มสองคนที่มีความคิดต่างกันอยู่ด้วยกันตามลำพัง มือข้างหนึ่งของจั้นถิงล้วงอยู่ในกระเป๋า ส่วนอีกข้างหมุนแก้วไวน์ไปพลาง ๆ
เหยียนเป่ยหันไปถามเขาว่า “นายคิดว่าไง ชิงเหอเปลี่ยนไปมากเลยใช่ไหม?”
จั้นถิงชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ก่อนถามขึ้นว่า “คุณเหยียนเป่ยคงจะเบื่อ ๆ สินะ ไม่มีอะไรให้ทำแล้วรึไง?” จั้นถิงไม่คิดว่าพวกเขาจะสนิทกัน ถึงขนาดที่จะมาคุยเรื่องอะไรแบบนี้
“ก็ไม่เชิง” เหยียนเป่ยยื่นแก้วไปชนกับแก้วในมือของอีกฝ่าย “ได้ยินว่านายกำลังจะหมั้นกับคุณยี่ซูเหรอ?”
ไม่นานมานี้ เมืองหวยมีข่าวลือว่าจั้นถิง กับยี่ซูกำลังจะหมั้นกัน การที่สีจั้นถิงมาออกงานเลี้ยงงานนี้ ก็แสดงว่าข่าวลือทำท่าจะเป็นเรื่องจริง
“ใช่ครับ” สีจั้นถิงเห็นว่าโกหกไปก็เปล่าประโยชน์
เหยียนเป่ยพยักหน้า ไม่นานเขาก็พูดขึ้นมาบ้างว่า “บังเอิญจังเลยนะ! ผมกำลังคิดจะแต่งงานกับชิงเหออยู่พอดี”
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."