เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงอย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เสียงแจ้งเตือนข้อความดัง “ติ๊ง” ขึ้นมา
“ไตของเธอกับเมิ่งหนิงเข้ากันได้ รีบมาโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด”
ข้อความนั้นมาจากคนที่เมมไว้ว่า “สามี”
พอเจียงซุ่ยเห็นข้อความนี้ก็ถึงกับอึ้งไปทันที
จากนั้น เธอก็ได้รับข้อความอีกข้อความนึง
“... มีเงินโอนเข้าบัญชียี่สิบห้าล้าน...”
นิ้วของเจียงซุ่ยนั้นอดที่จะเลื่อนดูข้อความก่อนหน้านั้นไม่ได้เลย
“จินเฉิน อากาศหนาวแล้วอย่าลืมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ นะคะ”
“จินเฉิน คุณท้องไส้ไม่ค่อยดี อย่าลืมทานอาหารให้ตรงเวลานะคะ”
“จินเฉิน วันนี้คุณจะกลับบ้านไหมคะ คุณไม่ได้กลับมานานแล้วนะคะ...”
ทุกคำเต็มไปด้วยความห่วงใยที่เธอมีต่อสามี แต่กลับไม่มีการตอบกลับใด ๆ เลย
แต่งงานมาสามปี ข้อความของวันนี้นั้นเป็นครั้งแรกที่ยู่จินเฉินเป็นฝ่ายติดต่อเธอมาก่อน แต่มันกลับเป็นเพื่อผู้หญิงคนอื่น
เจียงซุ่ยนั่งลงบนโซฟาในห้องรับเเขกอย่างอึ้ง ๆ ท่ามกลางแสงเทียนที่ริบหรี่ เธอมองดูอาหารบนโต๊ะที่เย็นแล้ว ดวงตาของเธอก็ชื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
น่าตลกสิ้นดีเลย!
ทีแรกวันนี้ควรจะเป็นวันครบรอบแต่งงานสามปีของพวกเขา แต่สุดท้ายเธอกลับฝืนทั้ง ๆ ที่ไข้ขึ้นสูงมาเป็นตัวเอกคนเดียวซะอย่างงั้น
แรงปะทะครั้งใหญ่ประกอบกับไข้สูงอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้เจียงซุ่ยแย่ไปทั้งกายและใจ
เธอเหนื่อยมาก...
ไม่มีแม้แต่แรงที่จะตอบข้อความกลับ
ทันใดนั้น ก็มีคนโทร. เข้ามา เจียงซุ่ยรับสายไปทั้ง ๆ ที่มึน ๆ
“เจียงซุ่ย แกมัวแต่ลีลาอะไรอยู่ห๊ะ ยังไม่รีบมาโรงพยาบาลอีก! พี่เมิ่งหนิงเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว และตอนนี้อาการไตวายของเธอกำลังแย่ลง รอต่อไม่ไหวแล้ว!”
เจียงซุ่ยขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเสียงแหลม ๆ ของยู่โหล น้องสาวของยู่จินเฉินดังขึ้นมา
“ฉันไม่ไป”
“แกจะขัดขืนงั้นเหรอ!” ยู่โหลด่าขึ้นมาทันที “พี่เมิ่งหนิงเป็นคุณหนูคนรวย การที่คนบ้านนอกอย่างแกบริจาคไตให้เธอได้นี่ก็ถือว่าเป็นบุญของแกแล้ว!”
น้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้นั้น ดูออกเลยว่า เธอมองเจียงซุ่ยว่าเป็นเเค่เครื่องมือทาสที่สามารถใช้งานได้ตามใจชอบชัด ๆ
“บริจาคไตงั้นเหรอ”
เจียงซุ่ยอึ้ง หลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางหัว
เงินยี่สิบห้าล้านของยู่จินเฉินนั้นก็เพื่อซื้อไตของเธอ!
หน้าอกของเจียงซุ่ยนั้นเหมือนโดนอะไรบางอย่างกระแทกเข้ามาอย่างแรง มันแรงซะจนรู้สึกหายใจไม่ออก
“นี่เป็นความคิดของจินเฉินงั้นเหรอ”
น้ำเสียงของยู่โหลเยาะเย้ย “แน่นอน! ตอนแรกถ้าไม่ใช่เพราะคุณย่าอยากอุ้มหลานชายไว ๆ และพี่เมิ่งหนิงก็ไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ พี่เลยต้องหาผู้หญิงมาแต่งงานแก้ขัดไปก่อนล่ะก็ ไม่อย่างนั้น ผู้หญิงที่ไร้ชาติตระกูลและการศึกษาอย่างแก ไม่มีทางแต่งเข้ามาในตระกูลยู่ของฉันได้หรอก! แต่ขยะยังไงก็เป็นขยะอยู่วันยังค่ำ สามปีแล้วยังไม่มีลูกเลย แม้แต่ทำอาหารและกวาดพื้นยังสู้พวกสาวใช้ไม่ได้เลย ตอนนี้แกถือว่ามีประโยชน์กับเขาสักที ยังไม่รีบมาที่นี่อีก!”
เจียงซุ่ยที่ฟังนั้นรู้สึกว่า ใจของเธอด้านชาไปหมด ความอับอายและความโกรธปะทุขึ้นมาทันที
สามปีที่ยอมทนโดยไม่ปริปากบ่นเลยแม้แต่คำเดียว การทุ่มเทแรงกายแรงใจนั้นกลับกลายเป็นเรื่องตลกในสายตาของคนในตระกูลยู่ซะงั้น!
เธอไม่สามารถเทียบกับเสิ่นเมิ่งหนิงได้แม้แต่ปลายเล็บ!
ตอนนี้พวกเขาพูดแค่ว่า จะให้เธอบริจาคไตให้กับผู้หญิงคนนั้น แล้วไงต่อ และก็ต้องยอมสละตำแหน่งคุณนายยู่ให้เธอด้วยงั้นสินะ!
มือที่จับโทรศัพท์ของเจียงซุ่ยสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เธอวางสายไปทันทีและรู้สึกเวียนหัวอยู่พักหนึ่ง
และตอนนั้น ยู่จินเฉินก็ดันส่งข้อความมาอีกข้อความนึง
“อีกนานไหมกว่าจะถึงโรงพยาบาล”
ในประโยคนั้นเต็มไปด้วยความเร่งเร้า
เขาแทบจะอดรนทนไม่ไหวที่จะเอาไตของเธอไปให้เสิ่นเมิ่งหนิงขนาดนั้นเลยเหรอ!
หัวใจของเจียงซุ่ยนั้นราวกับถูกฉีกออกเป็นสองส่วนและมีเลือดไหลออกมา
นี่คือการแต่งงานที่เธอพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษามันไว้ นี่คือผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ
สามปีที่ผ่านมาในตระกูลยู่นั้น เธอพยายามอดทนและพยายามทำทุกอย่างให้ไร้ที่ติ เพราะกลัวว่าจะทำให้สามีของเธอเดือดร้อน เธอคิดว่าตราบใดที่เธอเต็มใจรอ ไม่ช้าก็เร็วยู่จินเฉินจะต้องเห็นความดีของเธอแน่นอน
แต่สุดท้ายกลับแลกมาด้วยการที่สามีของเธอต้องการใช้ไตของเธอเพื่อช่วยชีวิตผู้หญิงอีกคนนึง...
และตอนนั้น ในที่สุดเจียงซุ่ยก็ตัดสินใจได้
“ฉันไม่ไป” จากนั้นโดยไม่รอการตอบกลับของยู่จินเฉิน เธอก็ส่งข้อความไปว่า “ยู่จินเฉิน เราหย่ากันเถอะ”
หลังจากส่งประโยคนี้ออกไป เจียงซุ่ยก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนใจจะขาดอย่างที่คาดไว้ แต่ดูเหมือนว่า หลุดพ้นจากพันธนาการที่ผูกมัดมาเป็นเวลานาน และในที่สุดก็หายใจได้สักที
วินาทีต่อมา โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ยู่จินเฉินเป็นคนโทร. มา
“เจียงซุ่ย เธอหมายความว่าไง?”
ปลายสาย ผู้ชายคนนั้นถามเสียงทุ้มด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เจียงซุ่ยตอบเสียงต่ำ “หมายความตามที่ว่านั้นแหละ”
ยู่จินเฉินหยุดไปพักนึง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ถ้าเธอคิดว่าเงินยี่สิบห้าล้านไม่พอ เธอก็ว่ามา ว่าจะเอาเท่าไหร่ สถานการณ์ของเมิ่งหนิงตอนนี้อันตรายมาก ฉันไม่มีเวลามาล้อเล่นกับเธอนะ”
ล้อเล่นงั้นเหรอ
เขาจะเอาไตข้างนึงของเธอไปให้เสิ่นเมิ่งหนิง ยังจะมาคิดว่าเธอกำลังล้อเล่นงั้นเหรอ
เจียงซุ่ยหัวเราะออกมาด้วยความโกรธและขัดจังหวะเขาขึ้นมาทันที “เสิ่นเมิ่งหนิงจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน! ตอนนี้ฉันแค่อยากจะหย่ากับคุณ!”
พอพูดจบ เธอก็วางสายไปทันที
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้