จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”
เสียงเหล็กกระทบพื้นลากยาวมาแต่ไกล เสียงแหลมขูดไปตามพื้นจนใกล้จะถึงหน้าประตูห้องด้านนอก จางลี่ขยับตัวชิดกำแพงอันมืดมิด พยายามพาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงหนีเอาชีวิตรอดจากคนบางคน
เสียงเนื้อเปล่าลากไปกับพื้นเพื่อเอาตัวรอด ใบหน้าของหญิงสาวบูดเบี้ยวจนมองใบหน้าเดิมไม่ออก เมื่อเสียงโซ่ที่คล้องประตูดังขึ้น ตัวเธอก็ยิ่งสั่นเทามากกว่าเดิม แม้ว่าอยากจะร้องขอความช่วยเหลือเท่าไรก็คงไม่เป็นผล
ในเมื่อไร้ประโยชน์เธอจะร้องไปไย ดวงตาเธอมองไปยังบานประตูที่ตอนนี้ถูกเปิดออกแล้ว ชายตรงหน้าถือแท่งเหล็กยาวปลายแหลม ทำให้เธอรู้ว่านี่อาจเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต แต่แล้วเขาก็เดินมาเข้ามากลางห้อง วางแท่งเหล็กไว้ข้างตัว ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเดียวในห้อง ชายหนุ่มหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเหมือนไม่เร่งรีบ
ชายหนุ่มยกขาขึ้นพาดแล้วเอ่ย “ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”
โอกาสงั้นหรือ เธอเคยได้เสียที่ไหน ที่ผ่านมาเขาก็แค่เล่นสนุกให้เธอบ้าคลั่งอยู่ฝ่ายเดียว
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทิ้งบุหรี่ลงเหยียบแล้วยกนาฬิกาขึ้นมาดู 10 นาที โอกาสครั้งที่ 100 ของเธอ เธอก็ยังอยากจะใช้มัน จางลี่ขยับออกจากที่มืดเผยให้เห็นหญิงสาวสภาพเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่ย ขาซ้ายเดินกะเผลกคล้ายกระดูกหัก เธอลากเท้าออกจากห้อง ได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่จะปล่อยเธอชัดเจน
เขามันบ้า โรคจิต และเลือดเย็น ชายที่นั่งอยู่นั้นคือสามีของเธอ สามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามีที่เธอไม่ได้เลือก
จางลี่รีบวิ่งด้วยแรงอันน้อยนิดดวงตามองไปยังป่าเขา หลายทิศที่เธอเคยไปล้วนมีแต่ป่าเขา ตอนนี้เหลือเพียงทิศเดียวที่คาดว่าจะเป็นถนนใหญ่ เธอจึงวิ่งไปยังทิศนั้นด้วยความหวัง
แต่ขาที่กะเผลกทำให้ความเร็วลดลงกว่ารอบก่อน ๆ เธอได้ยินเสียงหัวเราะตามหลังมาเรื่อย ๆ มันเหมือนเสียงหลอนที่ทำให้เธอผวาและไร้สติ เท้าเล็กวิ่งเร็วกว่าเดิมทั้งที่ตัวเองเจ็บหนัก ร่างบอบบางวิ่งไม่ดูทางจนทำให้สะดุดท่อนไม้ที่ขวางอยู่
จางลี่ไม่มีเวลาเจ็บ สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือมีชีวิตรอดเพื่อจัดการพวกมัน แต่แล้วเหมือนสวรรค์ไม่เห็น เมื่อเธอมองเห็นถนนด้านหน้ามีแสงไฟจากรถที่กำลังจะขับมาถึง แสงแห่งความหวังทำให้เธอมีพลัง เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเธอจะรอดแล้ว
ปึก! ท่อนเหล็กฟาดลงที่แผ่นหลัง หญิงสาวล้มลงไปทั้งที่ยังไม่ได้เอ่ยปากขอให้รถที่ใกล้เข้ามาช่วยด้วยซ้ำ เขาไม่ต้องการให้เธอตาย แค่ให้หญิงสาวไร้แรงจะวิ่งต่อ
ชายหนุ่มมองร่างบางที่นอนแนบพื้นเปียกหลังฝนตก เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลน เสียงหัวเราะเขาดังขึ้นแล้วบอก “ใกล้แล้วสินะ แต่ก็ไม่รอดอยู่ดี คราวหน้าแล้วกัน”
เมื่อพูดจบเขาก็ดึงขาเธอขึ้นแล้วลากไปกับพื้น ปล่อยให้หินดินทรายและของมีคมบาดลึกผิวหนังไปเรื่อย ๆ เมื่อเธอกลับมายังจุดเดิม ชายหนุ่มก็โยนเธอลงบนอ่างน้ำขนาดใหญ่
“ที่รัก ผมจะช่วยทำความสะอาดเอง”
จางลี่ไร้ซึ่งแรงพูด เพราะตอนนี้เนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด เจ้าของร่างได้แต่มองเขาทำเธอเหมือนเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง ขัดถูด้วยแปรงขัดพื้นไปตามร่างกาย เมื่อเนื้อตัวมีเลือดออกมา เขาเพียงยกมือปาดมันแล้วดูดกินอย่างมีความสุข
เขามันบ้า จิตใจมันไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกแล้ว เมื่อเขาขัดถูเธอจนสะอาดแบบที่เขาต้องการแล้ว เขาก็โยนร่างที่เปลือยเปล่าลงบนเบาะนุ่ม จากนั้นก็ทำการย่ำยีเธอจนพอใจ เมื่อปลดปล่อยอารมณ์เปลี่ยวแล้วชายหนุ่มก็จากไป ทิ้งให้เธออยู่ในความมืดดังเดิม
จางลี่ขยับตัวมองไปรอบ ๆ คิดถึงทิศทางที่เธอไป แสดงว่าทางนั้นถูกแล้ว หากเธอสามารถออกไปได้เธอก็จะมีชีวิตรอด แต่ตอนนี้ร่างกายเธอยังไม่พร้อม ยังไม่มีเรี่ยวแรง แล้วเธอจะทำเช่นไรดี ท้องที่หิวเพราะไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน จางลี่หันมองไปรอบ ๆ ก็เจอกับสัตว์ตัวน้อยขนสีน้ำตาลกำลังกินเลือดเธอที่ตกตามพื้น ในเมื่อต้องมีชีวิตรอดเธอก็ต้องกินมัน
ร่างเธอลากไปกับพื้นเหมือนกับจิ้งจอกที่กำลังออกล่าเหยื่อ เมื่อเหยื่อตายใจ ไม่นานสัตว์ตัวน้อยก็มาอยู่ในมือเธอ เสียงร้องแหลมของมันเหมือนเสียงกรีดร้องของเธอที่ใกล้ตาย แต่บัดนี้ไม่เหลือแล้ว เหมือนความชั่วของมันซึมซับมายังตัวเธอ
จางลี่ยกมันขึ้นมาแล้วกัดที่ลำคอ ยิ่งมันร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวดมากเท่าไรเธอก็ยิ่งสะใจ ไม่นานสัตว์ตัวน้อยก็สิ้นลมหายใจ แต่เธอต้องฝืนกินมันต่อไปจนเหลือแต่กระดูก
หญิงสาวทิ้งกระดูกในมือลงแล้วนั่งมองแสงอาทิตย์ยามเช้า ผ่านไปอีกวันแล้ว กี่เดือนแล้วที่เธอถูกมันพามาขังไว้ ไม่ว่านานเท่าไรก็ไม่มีใครสักคนที่คิดจะตามหาเธอ
ชาติที่แล้วเธอไปทำอะไรให้ พวกเขาถึงได้รังเกียจเธอมากจนทำทุกทางไม่ให้เธอเงยหน้าขึ้นมา มีคู่หมั้นก็โดนแย่งไป มีคนรักก็ถูกกีดกัน จากนั้นพวกเขาก็ส่งมันมาให้ ให้เธอตกอยู่ในนรกจนไม่อาจลืมตาได้
สตรีร่างบอบบางเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ดวงตาอ่อนแสงลง ตรงมุมปากมีรอยเลือดติดอยู่ แววตาอ่อนแรงนั้นหันมองประตูที่เปิดเข้ามา มองไปยังหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับคนเดียวกัน เธอคือพี่สาวที่เกิดมาจากท้องเดียวกัน แต่กลับได้รับความรักไปจนหมดไม่มีเหลือให้เธอ
คนที่ยืนอยู่ข้างพี่สาวก็คือคู่หมั้นเธอในอดีต พวกเขารวมหัวหักหลังเธอแล้วพากันหัวเราะลับหลังเมื่อสมปรารถนาอย่างที่ตั้งใจ
ตั้งแต่เล็กที่เธอเติบโตมา ของทุกอย่างที่เป็นของเธอล้วนเป็นของที่พี่สาวไม่ต้องการ แต่สิ่งไหนที่เธอได้ หากพี่สาวต้องการก็จะต้องได้ เมื่อเธอได้หมั้นกับชายหนุ่มที่ฐานะดี นั่นทำให้พี่สาวอยากได้ และพี่สาวก็ต้องได้เช่นกัน
ต่อมาเมื่อเธอเจอคนที่รัก และมอบหัวใจให้เขาไปทั้งดวง แต่แล้วเมื่อเรื่องถึงหูพี่สาวที่รัก เธอก็แยกทั้งสองออกจากกัน และไม่ยอมให้เจอกันอีกเลย ทั้งที่ความจริงแล้วฝ่ายชายจะทำทุกอย่างให้ได้เจอกันก็ได้ แต่เขากลับไม่ทำ กลับเลือกเงินแล้วทิ้งเธอไป
ผู้ชายบนโลกนี้มันไร้ความรัก ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ หันมองไปยังพี่สาวคนสวย เธอเสื้อผ้าแบรนด์หรูตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังยกมือปิดจมูกแล้วพูดรังเกียจ สายตาหันมองซากกระดูกบนพื้นแล้วเบ้ปากถาม
“น้องลี่หิวจนต้องกินหนูเลยหรือ แหมพี่ฟงหยวนใจร้ายจัง ไม่เห็นแก่ผัวเมีย ไม่ให้อาหารสัตว์เลย”
หญิงสาวยกถุงอาหารในมือขึ้น แล้วยิ้มกว้างจากนั้นก็เทมันลงพื้น
“กินสิ บังเอิญเจ้าโมโม่ไม่ยอมกิน อย่างที่บอกว่าหมาไม่แดก” เธอยิ่งหัวเราะเมื่อน้องสาวคนเก่งคลานเข้ามาหากองเศษอาหาร จากนั้นก็หยิบกินด้วยมือไม่ได้รังเกียจ ยิ่งเธอเหยียบเท้าลงไปคนกินก็ไม่ได้หยุดกิน ยังคงหยิบมันเข้าปากเหมือนหมาตัวหนึ่ง
“พี่อี้เฉิน พี่ดูสิ น้องสาวฉันตายอดตายอยากเสียแล้ว”
เสียงชายหนุ่มหัวเราะเยาะแล้วพูดอย่างรังเกียจ “อยากทำอะไรก็ทำเสีย ผมจะไปรอข้างนอก”
จางหรูมองน้องสาวที่แสนน่ารังเกียจ ก่อนเดินอ้อมไปด้านหลัง จากนั้นก็หยิบผ้าพันคอออกมาพลางถาม
“น้องรัก น้องอยากเป็นอิสระไหม”
มือจางลี่หยุดลง หันมองจางหรูด้านหลัง และมองเลยไปยังผ้าพันคอในมือ ถึงเธอจะลำบากขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายหรือไม่อยากมีชีวิตอยู่ เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะไม่ได้แก้แค้นพวกมัน
จางลี่ขยับตัวออกห่าง มองฝีเท้าที่ขยับก้าวเข้ามา “ให้พี่ช่วยน้องนะ”
ไม่ เธอไม่อยากตาย แต่ก็ไม่อาจทนแรงคนตรงหน้า จางหรูใช้ผ้าพันคอรัดคอเธอเอาไว้ มือจางลี่พยายามดึงมันออก ยิ่งมือสกปรกแตะต้องเสื้อผ้าหรูก็ยิ่งทำให้คนตรงหน้าโกรธมากกว่าเดิม
เมื่อเริ่มทนไม่ไหว เธอก็ยอมปล่อย “ฝากไว้ก่อนนะมึง ตายยากชะมัด” จางหรูคิดเพียงจะมาฆ่าให้เรื่องมันจบ แต่คิดอีกทีปล่อยให้ทรมานอีกสักหน่อยดีกว่า เมื่อได้กลิ่นของเสียเธอก็มองไปบนพื้น มองน้ำสีเหลืองบนพื้น
“สกปรกชะมัด” เธอพยายามล้างมันออกไป แต่ก็ยังทิ้งคราบและกลิ่นอยู่ดี จนเธอต้องถอดรองเท้าราคาแพงเกือบแสนทิ้งไว้ให้คนทำดูต่างหน้า
จางลี่มองประตูที่ปิดไม่สนิท แต่เพราะต้องออกแรงเยอะ และแรงเธอตอนนี้ก็ไม่มีเช่นกัน มองดูเวลาแล้วเห็นว่าใกล้เที่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่เขาจะแวะเข้ามาเล่นกับเธอ แสดงว่าเธอมีเวลาหนีไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นโอกาสดีที่เธอจะมีชีวิตรอด
หญิงสาวมองรองเท้าราคาแพง คิดว่าหากเอาไปด้วยคงพอจะทำให้เธอขอความช่วยเหลือได้จึงหยิบมันขึ้นมา ขยับไปยังอ่างน้ำล้างมันให้สะอาด จากนั้นก็เอาเศษผ้าห่อหุ้มตัวเอง พยายามประคองร่างออกจากสถานที่กักขังเพื่อออกจากขุมนรกนี้
ดวงตาที่มีความหวังมองไปยังทิศทางของเมื่อคืน เธอพยายามลากขาที่เกือบหัก หรือหักไปแล้วก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เธอต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อเอาตัวรอด ยิ่งได้ยินเสียงรถวิ่งเธอก็ยิ่งมีความหวัง
เมื่อเธอมองเห็นถนน และบังเอิญเจอรถที่กำลังวิ่งผ่านมาพอดี เธอก็รีบออกไปขวางเอาไว้ รถเก๋งหรูตรงหน้าหยุดลง เธอพยายามเคาะรถเพื่อให้คนในรถลงมาช่วย แต่กระจกก็ไม่ยอมเลื่อนลงสักที
จางลี่ร้องขอความช่วยเหลืออยู่นานกระจกดำก็เลื่อนลง ดวงตาเธอเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงประตูอีกฝั่งเปิดออกพร้อมชายหนุ่มที่ลงจากรถแล้วตรงมาหาเธอ เธอได้แต่ร้องโทษชะตาเมื่อต้องมาเจอคนกระทำคนเดิมอีกแล้ว
“มาเล่นกันหน่อยไหมที่รัก” คนขับพูดอย่างเสียอารมณ์ ปล่อยให้ชายหนุ่มอีกคนลากเธอกลับไปยังที่ขังเดิม
ไม่!!! ใครก็ได้ช่วยเธอให้หลุดพ้นเสียที ราตรีที่ทรมานผ่านไปยาวนาน ร่างกายเธอตอนนี้ขาหักทั้งสองข้าง แต่พวกมันยังเหลือแขนเอาไว้ให้เธอจับหนูกินเป็นอาหาร
มาถึงตอนนี้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว อยากตายไปจากนรกนี้ ขอสวรรค์เมตตาประทานความตายให้เธอ ให้เธอได้หลุดพ้นเสียที
เสียงร้องขอไม่เป็นผล เธอถูกทรมาน ถูกชายมากหน้าหลายตาย่ำยีจนไม่เหลือสภาพ มองเธอเหมือนตุ๊กตาที่เอาไว้เล่นสนุก ร่างกายที่เคยขาวนวลเต็มไปด้วยรอยเลือด รอยเฆี่ยนตี และรอยบุหรี่จี้
หลังจากผ่านค่ำคืนเลวร้ายที่เธอไม่ได้นับแล้วว่ากี่วัน ร่างกายท่อนล่างก็ไม่เหลือสภาพ พวกมันทำจนไม่เหลือให้เธอได้หายใจ
คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมองสายตาเหยียด มองมือเท้าแขนขาที่หมดสภาพ แถมเนื้อตัวก็เหม็นแทบจะทนไม่ได้อีกแล้ว คิดว่าคงถึงเวลาหมดสนุกเสียที จึงขอเล่นตุ๊กตาตัวนี้เป็นครั้งสุดท้าย
“มองผมแบบนั้นคืออะไร คิดถึงอย่างนั้นหรือ”
จางลี่อยากจะพูด แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงจะตอบชายหนุ่ม หากถามว่ามีคนที่ไม่อยากพบอยากเจอมากที่สุดคือใคร เธอก็จะบอกว่าเป็นเขา
ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง สามีของเธอกำลังเล่นสนุกอยู่เบื้องล่าง เอาของบางอย่างใส่เข้าไป เฮือกสุดท้ายของลมหายใจรวยรินหันมองเขาแล้วสาปแช่ง หากเธอเจอเขาอีก เธอจะทำให้เขาตายอย่างทรมานมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า หากเจอพวกเขา เธอจะทำให้พวกเขาร้องขอความเมตตาจากเธอ
หากเจอพวกมันทั้งหมดในชาติต่อไป เธอจะถนอมพวกมันให้นานที่สุด มากกว่าที่พวกมันทำ
ดวงตาปิดลงอย่างเหนื่อยล้า โชคชะตาในชาตินี้ช่างโหดร้ายนัก หากเธอร้ายในชาติหน้า พวกเขาก็อย่าหาว่าเธอใจร้ายแล้วกัน
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
นราเป็นเพียงหญิงสาวยากชน ต้องทำงานแลกเงินแต่เธอก็มีตุลย์แฟนหนุ่มที่มีฐานะดีคอยช่วยเหลือตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีคนที่ดีพร้อมไว้ข้างกายเช่นกัน เพราะรักจึงยอมเลิก เธอจึงเลือกที่จะหอบลูกในท้องจากไปเพื่อให้เขามีอนาคตที่ดีขึ้น ดีกว่าที่จะอยู่กับคนแบบเธอแม้หัวใจจะเจ็บปวดมากเท่าไรก็ตาม
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???