เธอ...ผู้เปรียบเหมือนรักครั้งแรกของ เขา และ เขา คือความทรงจำในวันวานของ...เธอ ทั้งเธอและเขา ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ก่อให้เกิดความรักครั้งใหม่ ที่หอมละมุน รัญจวนใจ +++++ ต้นน้ำสอดลิ้นเข้าไปชิมความหอมหวานจนทั่ว จูบที่อ่อนหวาน เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อน มือทั้งสองข้างของเขาก็ลูบไล้แผ่นหลังได้รูปของพัทธนันท์ ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะตอบรับเขามากขึ้น ถึงจะจูบไม่เก่ง แต่เธอก็เรียนรู้ได้เร็ว ต้นน้ำยอมถอนจูบอ่อนหวานออก แม้จะไม่เต็มใจนัก เพราะถ้าเขายังจูบอยู่แบบนี้มีหวังเขาต้องลงแดงตายแน่ “ฟ้าทำให้ผมคลั่งรู้ไหม?” ต้นน้ำถอนจูบออกพร้อมกับคำพูดที่ทำให้พัทธนันท์ก้มหน้างุด แต่เขาก็ใช้ความไวฉกไปที่ริมฝีบากบวมนิดๆ ของพัทธนันท์ พร้อมกับมอบจูบที่เร่าร้อนให้ “ หวานจัง ” ริมฝีปากหยักได้รูปพูดประชิดริมฝีปากหวานที่เริ่มบวมเจ่อ เพราะฝีมือคนตรงหน้า พัทธนันท์อายจนแก้มแดงปลั่งจนรู้สึกถึงไอร้อนบนใบหน้า และตอนนี้เธอก็หลบสายตาคมคู่นี้ไม่ได้เลย
หญิงสาวในชุดทะมัดทะแมง มัดผมยาวเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ทำให้ใบหน้าสวยเด่นชัดยิ่งขึ้น ริมฝีปากอิ่มทา ลิปกลอสสีอ่อนระเรื่อ ใบหน้าแม้จะไม่แต่งแต้มอะไรมากก็สวยงามแบบธรรมชาติเพราะเป็นคนที่ผิวขาวอมชมพูอยู่แล้ว ถ้านับปีนี้เธอก็อายุย่างเข้ายี่สิบสามปีพอดี เธอใช้มือบางเปิดประตูห้องน้องชายที่อายุห่างจากเธอสามปี พอเห็นน้องชายเธอก็ต้องส่ายหน้า เพราะน้องชายคนเดียวของเธอยังนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา พัทธนันท์มองน้องชายที่ใบหน้าออกจะคล้ายๆ เธอ แต่ผิวคล้ำกว่าเพราะชอบว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ
“คลื่น...คลื่น...ตื่นสายมากแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปทำงานพิเศษไม่ทันหรอก” พัทธนันท์ปลุกน้องชายขี้เซาที่วันนี้เขาต้องไปทำงานพิเศษเป็นเจ้าหน้าที่ lifeguard ของโรงแรมวันแรก แต่ดูท่าทางว่าการทำงานวันแรกของน้องชายเธอ เขาจะไปสายแล้วล่ะมั้งเนี่ย ซึ่งเธอเองก็ต้องออกไปดูแลร้านกาแฟที่เธอรักด้วยเช่นกัน พัทธนันท์เขย่าตัวน้องชายไปมาแล้วก็ดึงผ้าห่มผืนอุ่นออกจากตัวน้องชายด้วย
“อืม...พี่ฟ้าขอเวลาอีกห้านาทีนะฮะ” อนวัฒน์บิดตัวไปมาแล้วเอ่ยต่อรอง พร้อมทั้งใช้แขนยาวๆ ควานหาผ้าห่ม เมื่อไม่พบก็นอนขดตัวอยู่แบบนั้น เพราะกว่าเขาจะได้เข้านอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง
“ไม่ได้...วันนี้เราต้องไปทำงานพิเศษเป็นวันแรกนะ ปิดเทอมทั้งทีหัดทำอะไรให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย อีกอย่างไปเช้าๆ จะได้แวะไปส่งพี่ที่ร้านด้วย ตื่นเดี๋ยวนี้นะคลื่น!” พัทธนันท์ดึงตัวอนวัฒน์ให้ลุกจากที่นอน แต่กว่าจะดึงตัวอนวัฒน์ให้ลุกได้พี่สาวอย่างเธอก็ต้องปาดเหงื่อเพราะเจ้าน้องชายของเธอตัวหนักยังกะอะไร ความสูงก็มากกว่าเธอด้วยซ้ำ
“คร๊าบบ แม่คร๊าบบ ตื่นแล้วครับ อาเจ๊ใจร้ายขอนอนอีกหน่อยก็ไม่ได้” อนวัฒน์แซวพี่สาวตัวเอง เพราะรู้ดีว่าพัทธนันท์ไม่มีทางโกรธเขาที่เรียกพี่ว่าแม่บ้าง อาเจ๊บ้าง อนวัฒน์กับพี่สาวนั้นอยู่ด้วยกันตั้งแต่พ่อเสียชีวิตไป ส่วนแม่เขาก็หายไปตั้งแต่พ่อเสียชีวิตและไม่เคยติดต่อกลับมาเลย เขาจึงรักพี่เหมือนกับแม่คนหนึ่ง เพราะพัทธนันท์ดูแลเขาทุกอย่างที่พี่สาวคนหนึ่งควรจะทำ แถมทำมากกว่าที่เขาต้องการด้วย
“คลื่น อาบน้ำเร็วๆ ล่ะ จะได้ลงมาทานข้าวเช้าก่อนออกไปทำงาน” พัทธนันท์บอกอนวัฒน์ ขณะที่เดินออกจากห้องก่อนจะลงมายังครัวที่อยู่ชั้นล่างของตัวบ้านเพื่อเตรียมอาหารเช้า
“ครับ คร๊าบบ” อนวัฒน์รับปากเสียงดังออกมาจกห้องน้ำ เจ้าตัวใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ลงมาจากชั้นบนของบ้านก็ทำจมูกฟุตฟิตดมกลิ่นอาหารเช้าที่พี่สาวทำให้ พัทธนันท์มองใบหน้าน้องชายยิ้มๆ เธอตักข้าวต้มให้อนวัฒน์ถ้วยโต หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ อนวัฒน์ขับรถไปส่งพัทธนันท์ที่ร้านกาแฟก่อนที่จะตรงไปโรงแรม
พัทธนันท์มาถึงร้านกาแฟ ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง ร้านกาแฟของเธอเป็นแบบน่ารัก มีมุมให้นั่งทานกาแฟทั้งในตัวร้านและด้านนอกที่มีวิวของทะเลแสนสวยเป็นฉากหลังให้มอง มีอาหารแสนอร่อยที่เจ้าของร้านอย่างเธอจะโชว์ฝีมือให้ลูกค้าทานบ้างเป็นครั้งคราว เรียกได้ว่าเป็นเมนูพิเศษที่เจ้าของร้านภูมิใจเสนอ มีทั้งไอศกรีมและขนมหน้าตาน่าทานที่เธอสั่งมาจากร้านประจำ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือร้านของขวัญข้าว เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนของเธอนั่นเอง และกว่าที่ พัทธนันท์จะได้ร้านนี้มาเธอก็ทุ่มทุนสร้าง ทุกสิ่งทุกอย่างในร้านเป็นความคิดของเธอบวกกับผู้เป็นลุง ซึ่งสิ่งที่ได้มามันก็ทำให้เธอมีความสุขมาก และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เธอจะทำงานอย่างมีความสุข
ทางด้านอนวัฒน์เมื่อส่งพี่สาวก็แวะมารับต้นน้ำเพื่อนสนิทตั้งแต่ ม.2 ที่บ้านพักซึ่งเป็นแบบโฮมสเตย์ อนวัฒน์กับต้นน้ำนั้นติดต่อกันมาตลอด ถึงแม้ต้นน้ำจะย้ายโรงเรียนมาตอน ม.3 พอเข้ามหาวิทยาลัยทั้งสองคนก็สอบได้ที่เดียวกัน ทำให้สนิทกันมากขึ้น และงานพิเศษครั้งนี้ต้นน้ำเองก็เป็นคนคิดว่าเขาอยากทำเอง ซึ่งอนวัฒน์ก็ไม่ขัดข้อง เพราะอย่างน้อยตอนปิดเทอมเขาก็กลับมาที่บ้านอยู่แล้ว แต่ไม่เคยทำงานนอกเหนือจากคอยช่วยพี่สาวที่ร้านกาแฟเท่านั้น แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเพื่อนของเขาจึงเจาะจงมาทำงานพิเศษที่นี่ แทนที่จะทำงานที่บ้านของตัวเอง เพราะครอบครัวของต้นน้ำเองก็มีบริษัทที่ใหญ่โตในกรุงเทพฯ
หลังจากทั้งสองคนได้ฟังขั้นตอนการทำงานคร่าวๆ จากผู้จัดการว่าหน้าที่ lifeguard ต้องทำอะไรบ้าง ผู้จัดการก็พา ต้นน้ำกับอนวัฒน์ไปแนะนำตัวกับ ศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ช่วยสอนงานต่อ
“พี่ศักดิ์ ทำงานที่นี่นานหรือยังครับ แล้ว lifeguard ที่ทำประจำที่นี่ไปไหนเหรอครับ ถึงได้รับพวกผมสองคนเข้ามา” ต้นน้ำเอ่ยถามขึ้น
“พี่ทำงานที่นี่มาได้ห้าหกปีแล้วล่ะ lifeguard ที่นี่จะมีสี่คน ช่วงเวลาปรกติก็มีนักท่องเที่ยวไม่มากหรอกนะ แต่ตอนนี้มันเป็นช่วงปิดเทอมยาว ทำให้คนที่มาเที่ยวที่นี่เพิ่มขึ้น ทางเจ้าของโรงแรมจึงต้องการ lifeguard เพื่อมาช่วยดูแลความปลอดภัยของลูกค้าเพิ่มขึ้นน่ะ เพราะที่นี่ค่อนข้างเป็นที่นิยม มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติเลยล่ะ ว่าแต่นายสองคน คงทำไหวนะ” ศักดิ์เล่าข้อมูลส่วนตัวคร่าวๆ ให้ต้นน้ำกับ อนวัฒน์ฟัง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าทั้งสองคนจะทำงานนี้ไหวหรือเปล่า
“ครับ” ทั้งต้นน้ำและอนวัฒน์ตอบรับพร้อมกัน
“งั้นเดี๋ยวพี่จะพาไปดูที่ทำงานของนายสองคนแล้วกัน” ขณะที่เดินไปศักดิ์ก็อธิบายแผนผังของโรงแรมให้ต้นน้ำและอนวัฒน์ฟัง เนื่องจากจะเป็นข้อมูลสำหรับแนะนำให้นักท่องเที่ยวและลูกค้าที่มาพักได้ ทั้งสองคนจึงตั้งใจฟังอย่างดี เมื่อถึงบริเวณหน้าหาดสีขาวซึ่งทอดยาวไปหลายกิโลเมตร ศักดิ์จึงแบ่งหน้าที่ให้ต้นน้ำและอนวัฒน์ดูแลกันคนละจุด
“ต้น พี่จะให้เราดูแลบริเวณปีกซ้ายของชายหาดนะ” ศักดิ์ชี้มือไปทางชายหาดด้านซ้ายของโรงแรม
“ครับพี่ศักดิ์” ต้นน้ำตอบรับ
“ส่วนคลื่นดูถัดไปจากต้นร้อยห้าสิบเมตรแล้วกัน”
“ครับ” อนวัฒน์ก็ตอบรับเสียงหนักแน่นเช่นกัน
“ระยะห่างของทั้งสองจุด คือร้อยห้าสิบเมตรนะ พี่ยังไม่อยากให้เราดูแลในระยะที่มากกว่านี้เดี๋ยวจะดูแลไม่ทั่วถึงเข้าใจกันนะ และในเวลาทำงานต้องตั้งใจให้มาก เพราะชีวิตของคนอีกหลายคนฝากไว้ที่ต้นกับคลื่น ดังนั้นดูแลจุดที่ตัวเองรับผิดชอบให้ดี ส่วนเวลาพักคือเที่ยงถึงบ่ายโมง ช่วงที่พักจะมีเจ้าหน้าที่คนอื่นมาเปลี่ยนเวรดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง” เมื่อศักดิ์อธิบายภาระงานให้ต้นน้ำและอนวัฒน์เข้าใจแล้ว เขาก็ขอตัวไปทำงานต่อ
“ต้น...ตอนเที่ยงไปทานข้าวที่ร้านพี่ข้านะ แล้วเจอกัน” อนวัฒน์ตะโกนบอกต้นน้ำ ก่อนแยกย้ายไปทำงานประจำจุดที่ตนได้รับมอบหมาย วันนี้เขาต้องทำหน้าที่ lifeguard ให้ดีที่สุด เพราะเหมือนกับที่พี่ศักดิ์บอกไว้ ชีวิตคนอีกมากที่ฝากไว้กับ lifeguard อย่างเขา
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ “นี่คุณจะใจดีจ่ายหนี้แทนณดลอย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเภตราทำให้เสียงของภูเมฆนั้นห้วนไม่น่าฟัง “ฉันจ่ายเพื่อซื้ออิสรภาพของตัวเองต่างหากแล้วค่อยไปเอาคืนผู้ชายห่วยๆ นั่น คุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” มีหรือที่เภตราจะจ่ายหนี้ให้ณดลกลับกันเธอจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมต่างหาก “ผมไม่รับเงินสดไม่รับเช็คหรืออะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมอยากได้คือแรงและเวลา ถ้าคุณทำตัวดีๆ สามสี่ปีก็น่าจะใช้หนี้ผมได้หมด” “แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนมันมีค่าเท่าไหร่ ไม่พอใช้หนี้เลยหรือไง” เภตราเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆ ก็เอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ภูเมฆสบตาที่แดงก่ำของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่พอ” คำตอบของเขาช่างแสนเลือดเย็นจนทำให้เภตราจุกไปทั้งอกก่อนจะกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ เพราะไม่อยากให้มันไหลออกมาประจานตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของมันเธอไปเก็บมาใส่ใจแล้วจะได้อะไร
งานทำบุญครบร้อยวันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ อดีตคนรักของน้องสาวก็ประกาศจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แถมเธอคนนั้นยังเคยเป็นอดีตคนรักของเขาอีกด้วย นั่นทำให้คริสบินตรงกลับมาที่เมืองไทยเพื่อสะสางความแค้นให้เขาและน้องผู้จากไป +++++++++++++++++ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ”
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังเวอร์จิ้น! มาแก้ไขปริศนาประโยคนี้กันค๊า โดยแกนนำคือรอยส์ซีอีโอหนุ่มที่ตกหลุมรักลูกน้องคนเก่งที่มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเข้าอย่างจัง กระทั่งเธอก็มีเหตุให้ยื่นใบลาออก รอยส์จึงใช้ความเจ้าเล่ห์เข้าล่อหลอกเพื่อให้เธอตกหลุมพราง แต่ดูเหมือนเขาต่างหากที่จะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ในเมื่อต้องการเรื่องอะไรจะปล่อยเธอไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา โอมมมม เพี้ยงงงงง
เธอถูกคนใกล้ตัวคิดร้ายและเขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาว รวีคือหญิงสาวที่รอดตายจากการถูกลอบฆ่า เธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากก้นเหมืองและคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้คือภีม บางคนกล่าวไว้ว่าความรักครั้งนี้ของภีมเกิดขึ้นจากความสงสาร แต่ชายหนุ่มก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักที่เกิดจากความสงสารนั้นไม่ผิด เขารักเธอ รักผู้หญิงแปลกหน้าที่ใสซื่อและไร้พิษภัย เพราะรักจึงทุ่มเทและเลือกที่จะปกป้อง ใครหน้าไหนก็แตะเธอไม่ได้
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย