คุณรู้จักความสัมพันธ์ที่เรียกว่า Friend with benefit ไหมถ้าไม่รู้จักผมจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ Friend with benefit คือ ความสัมพันธ์แบบเพื่อน ที่มีเซ็กส์กันได้อย่างเดียวห้ามมีความรู้สึกไม่ให้คิดไปไกลกว่านี
คุณรู้จักความสัมพันธ์ที่เรียกว่า Friend with benefit ไหมถ้าไม่รู้จักผมจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ Friend with benefit คือ ความสัมพันธ์แบบเพื่อน ที่มีเซ็กส์กันได้อย่างเดียวห้ามมีความรู้สึกไม่ให้คิดไปไกลกว่านี
คุณรู้จักความสัมพันธ์ที่เรียกว่า Friend with benefit ไหม
ถ้าไม่รู้จักผมจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ Friend with benefit คือ ความสัมพันธ์แบบเพื่อน ที่มีเซ็กส์กันได้อย่างเดียว ซึ่งห้ามมีความรู้สึกไม่ให้คิดไปไกลกว่าสถานะที่เป็นอยู่ ไม่หึง ไม่หวง หรือทำตัวเกินกว่าสถานะที่เป็น
ครับตอนนี้ชีวิตของผมเป็นแบบนั้น ความสัมพันธ์แบบนี้มันเกิดขึ้นเพราะความโลเลของผมเอง
"นายไม่มีสิทธิ์มาหึงฉันนะเกรย์"
กะเพาหยัดกายลุกขึ้นยืนหลังจากที่เพิ่งเสร็จกิจกรรมบนเตียงกับเกรย์เพื่อนสนิทของเธอไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เรื่องของเธอกับเขามันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วเพียงแค่ไม่มีใครรู้เท่านั้น
"ทำไมวะเพรา ฉันเอาแกได้แต่ไม่มีสิทธิ์เป็นผัวแกรึไง"
"ฉันไม่อยากเจ็บเพราะนายอีกเกรย์ เสร็จแล้วก็ออกไป"
"ได้ฉันแล้วก็ไล่ฉันอย่างหมูอย่างหมาทุกครั้ง"
"เพราะนายมันเป็นหมาไง ไอ้หมาหวงก้าง"
สองหนุ่มสาวเชือดเฉือนกันอย่างเอาเป็นเอาตายในขณะที่ร่างกายของทั้งคู่ยังเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงนอนสีขาวในคอนโดของกะเพรา
"เลิกยุ่งกับมันซะเพรา อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทน"
"อย่ามายุ่งกับฉัน!!"
"อย่ายุ่งงั้นเหรอ"
กะเพราจ้องหน้าเกรย์อย่าเอาเรื่อง ในขณะที่เกรย์เองก็จ้องเธอกลับอย่างไม่ละสายตาเหมือนกัน ชายหนุ่มจับแขนของหญิงสาวกระชากเข้าหาตัว
"ฉันคงยอมเธอมากไปใช่ไหมเพรา เธอถึงคิดว่าเธอจะทำยังไงกับฉันก็ได้"
"ทำไม!! นายจะเลิกเป็นเพื่อนกับฉันก็ได้นะ เพราะฉันเองก็เบื่อที่จะกินนายคนเดียวแล้วเหมือนกัน"
"เพรา!!"
" ... "
"ฉันเลิกเป็นเพื่อนเธอแน่ เพราะฉันจะมาเป็นผัวเธอแทน"
"อื้ออออ!!"
หญิงสาวเบิกตาโตขึ้นเมื่อถูกกระแทกจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอใช้มือเรียวกำกำปั้นทุบแผงอกแกร่งของชายหนุ่มหนักๆ ยิ่งทุบเขาแรงเท่าไหร่เขายิ่งบดขยี้ริมฝีปากของเธอด้วยความรุนแรงอย่างเร่าร้อน จนริมฝีปากอวบอิ่มของเธอบวมเจ่อ
"ร่างกายของเธอมันเป็นของฉัน"
"หึ"
"หัวใจของเธอก็ต้องเป็นคนฉันคนเดียวเพรา"
ชายหนุ่มใช้มือหนาเพียงข้างเดียวจับเรียวขาของหญิงสาวให้แยกออกกว้าง เขาก้มลงดูดดุนใช้เรียวลิ้นสัมผัสกับยอดปทุมถันบวมเป่งของเธอ
ทั้งเธอ และเขาเพิ่งผ่านบทรักร้อนแรงกันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน หลังจากเหน็ดเหนื่อยเพราะกิจกรรมบนเตียงนอนทั้งเขาและเธอก็ผล็อยหลับไปพร้อมกัน
แต่เธอและเขาต้องตื่นมาทะเลาะกันอีกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของกะเพราดังแจ้งเตือน เกรย์ที่ได้ยินเสียงนั้นก่อนถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดูพบข้อความจากคนที่เกลียดชังส่งมาหากะเพรา
'วันนี้สามทุ่มที่ผับเดิมนะ'
เขามันเป็นคนหวงของถึงแม้จะมีอะไรกันกับกะเพรามาหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่ให้สถานะเขาสักที แต่ถึงยังไงกะเพราก็ต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว และเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
ปึก!
"อื้อออออ!! จะ ... เจ็บนะเกรย์"
ชายหนุ่มดันแก่นกายใหญ่เข้าช่องทางรักคับแคบของหญิงสาวจนสุดความยาวของมันในคราวเดียว เขาอยากจะสั่งสอนเธอให้เธอได้รู้ ว่าเธอเป็นของใคร
"ฉันไม่ให้เธอไป"
"เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะเกรย์ นายไม่มีสิทธิ์"
"ทั้งๆ ที่ฉันกระแทกเธออยู่ เธอยังกล้าพูดว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ"
สะโพกหนาขยับเข้าออกด้วยจังหวะรักที่หนักหน่วง ทำให้ร่างกายของหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างของเขาโยกคลอนไปตามแรงส่งของช่วงล่าง
มือหนาบีบเคล้นหน้าอกใหญ่ของเธอเต็มแรง จนคนที่ถูกกระทำเบ้หน้าเพราะความเจ็บปวด มือเรียวของเธอกำแน่นพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ หญิงสาวทุบแผงอกแกร่งของเขาระรัวต้องการบ่งบอกให้เขารู้ว่าเธอไม่พอใจ
"เธอเป็นเมียฉัน"
"อ๊าา~ ยะ ... หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว"
"แล้วใครมันกระแทกร่องเธออยู่วะ"
"คิดว่าฉันเอากับนายคนเดียวรึไง"
ชายหนุ่มหยุดการกระทำของตัวเองลงในทันที คำพูดของเธอมันเหมือนกับคมมีดที่กรีดลงกลางใจ ไม่ใช่เขาไม่เชื่อใจเธอ แต่เพราะเขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดออกมาแบบนั้น
"เอามันออกไป"
"เดี๋ยวดิ"
"อะไรอีกละ"
"ฉันยังไม่เสร็จ"
พูดจบชายหนุ่มเริ่มขยับสะโพกเข้าออกด้วยความรุนแรงอีกครั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องนอน ทั้งๆ ที่ภายในห้องมีไอเย็นของเครื่องปรับอากาศกระทบลงมา แต่ร่างกายของชายหญิงที่ขยับโยกอยู่บนเตียงกลับร้อนรุ่มราวกับยืนอยู่กลางทะเลทราย
"อ๊าาา~ ยะ ... อย่าปล่อยในนะ"
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาหยัดกายขึ้นนั่งชันเข่า สองมือหนาดึงรั้งต้นขาสวยของเธอเข้าหาตัว เขายกสะโพกของเธอขึ้นเล็กน้อยแล้วสาดความเสียวซ่านใส่เธออย่างบ้าคลั่ง
"เธอก็รู้เพรา ว่าฉันเอาแต่ใจขนาดไหน"
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
"ซี้ดดดดด~ ของเธอมันตอดฉัน"
"อ๊าา~ เกรย์~"
"ปากก็บอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เธอก็ครางชื่อฉันไม่หยุด"
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงขบเม้นยอดปทุมถันที่แข็งชันตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เขาใช้เรียวลิ้นไล่เลียจนหญิงสาวบิดเร่าร่างกายไปมา
ดอกไม้งามปลดปล่อยน้ำเมือกใสออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้ชายหนุ่มแสยะยิ้มร้ายด้วยความพึงพอใจ
"เหมือนตรงนั้นของเธอมันมันจะรับแค่ฉันคนเดียวนะเพรา"
มือหนาลูบไล้หน้าท้องบางอย่างแผ่วเบา เขาขบเม้นปลายยอดปทุมถันอีกครั้งขณะที่เลื่อนฝ่ามือลงไปบดคลึงปุ่มกระสันของเธอแล้วขยับสะโพกเข้าออกไปด้วย
"อ๊าา~ ... "
ชายหนุ่มเชิดหน้าเปล่งเสียงคำรามลั่นเมื่อร่างกายของเขาเริ่มกระตุกเกร็ง ภายในกายสาวกระตุกตอดรัดแก่นกายใหญ่หนุบหนับราวกับกำลังร่ายมนต์คาถาใส่เขาอย่างนั่นแหละ ความคับแน่นของเธอมันทำให้เขาเสพติดเธอ
หน้าท้องบางของเธอกระตุกเกร็งไม่ต่างจากเขานัก ชายหนุ่มรีบเร่งจังหวะการกระแทกกระทั้นให้เร็วขึ้น ร่างกายของเขาและเธอกระตุกเกร็งพร้อมปลดปล่อยห้วงอารมย์สุดท้ายออกมาพร้อมๆ กัน
"ซี้ดดดดดดดด~ // อ๊าาาาาาาา !!"
เกรย์ยังขยับสะโพกเข้าออกอีกสองสามครั้งเขาใช้นิ้วชี้สะกิดยอดปทุมถันเล่นอย่างหยอกเย้า พร้อมกับไล่ดูดเนินอกของหญิงสาวไปจนทั่ว ฝากรอยรักเอาไว้ให้เธอ
"ฉันเป็นเจ้าของเธอ"
"อย่ามโน"
"แล้วเราเป็นอะไรกันละ"
"เกรย์เราเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น ฉันหวังว่านายจะเข้าใจนะ"
"คิดจะฟันฉันแล้วทิ้ง เธอหวังมากไปรึเปล่าเพรา"
"ฟันแล้วทิ้งอะไร ฉันก็เสียหายนะ"
"แต่ฉันเสียน้ำ"
"ฉันก็เสียเหมือนกัน!!"
เขาเห็นเธอเป็นเพียงของตายไม่ว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไหน กลับมาทีไรก็ยังคงเจอเธอเสมอ เมื่อแรกรักอะไรก็ดี แต่ทำไมตอนนี้ทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ มันเพราะเขาหมดรักเธอแล้วหรือเพราะเธอเป็นเพียงของที่เขาจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ เธอเจ็บซ้ำๆ มากขนาดนี้ เธอโง่และไม่เห็นคุณค่าของตัวเองมากขนาดนี้ ควรจะพอได้แล้วใช่ไหม เธอเจ็บพอหรือยัง? เธอยังควรให้โอกาสเขาอยู่ไหม?
เขาเป็นทนายหนุ่มหล่อมากความสามารถที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะทางบ้าน สังคม เรียกได้ว่าเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะโสด ซิง หรือมีคู่ครองแล้วหากเสนอให้เขาก็พร้อมจะสนองทุกเมื่อ สาวๆ ต่างอยากควบคุม และครอบครองเขา แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างเขาน่ะ 'รักสนุก แต่ไม่ผูกพัน' ก็ตาม คนอย่างเขาไม่เคยคิดหยุดอยู่ที่ใคร ความซิงไม่สามารถผูกมัดเขาได้ จนกระทั่ง... เธอเดินเข้ามาในชีวิตเขา
❤ โปรเจกต์สุดฮอตต้อนรับวาเลนไทน์ Match Love Valentines ❤ เรื่องราวของสาวขี้เหงาทั้งสี่คนที่เกิดอาการ เปลี่ยวใจอยากมีใครสักคน เลยต้องเข้าแอปหาคู่อย่าง MATCH LOVE เพื่อตามหาคู่เดตที่มาทำให้วาเลนไทน์ของพวกเธอ ไม่ต้องเหงาใจอีกต่อไป และแอปนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการแมตช์รักของพวกเธอ...แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังจากแอปหาคู่สักหน่อย? ไปลุ้นกันว่าแอปนี้จะช่วยให้พวกเธอสละโสดได้ไหม...!!!!
เธอทำให้เขารัก เธอทำให้เขาแค้น และก็เป็นเธอที่กลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขา เขาที่พยายามลืมความรักของเธอกดความเจ็บแค้นเอาไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ เธอทำให้เขารู้จักคำว่า "ทั้งรัก ทั้งแค้น" เป็นอย่างดี ในเมื่อเธอเลือกจะกลับมาเขาก็จะสาดความเจ็บแค้นคืนกลับไปให้เธอได้รู้สึก ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บช้ำที่ไม่มีวันลืมได้ลง
หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หยางซูมี่บุตรีคนโตแห่งจวนเสนาบดี จำต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายาของอ๋องทมิฬตามบัญชาของฮ่องเต้แต่ในเมื่อนางแต่งเข้ามา สามีเฉยชา ไม่สนใจนาง ทั้งยังแต่งชายารองเข้ามา ทำไมนางต้องเอาชีวิตไปผูกกับเขาด้วย
© 2018-now MeghaBook
บนสุด