ไตรนักธุรกิจบริษัทรีไซเคิลชื่อดังที่ผิดหวังในความรักครั้งก่อนจนกลายเป็นคนไม่กล้าคบผู้หญิงเลือกควงแต่ผู้ชายด้วยกันเอง ข่าวใหญ่ครึกโครมครั้งนี้ทำให้บริษัทเสียหายอย่างหนักพ่อของไตรจึงต้องจัดการปัญหาด้วยการขอร้องกิ่งหญิงสาวเเสนเเสบข้างบ้านที่แอบรักพี่ไตรมานานให้เป็นเมียรักกำมะลอ โดยมีเงื่อนไขว่า "ถ้าไตรกลับมาสนใจผู้หญิงได้ ลุงจะยกไตรให้เป็นของกิ่ง" งานนี้กิ่งจะทำสำเร็จหรือไม่ ความรักจะป่วนเเค่ไหน โปรดติดตาม กิ่ง & ไตร หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เเต่งขึ้นมา ไม่มีเจตนาจะก่อให้เกิดความขัดเเย้งหรือเหยียดรสนิยมใดๆ ทั้งสิ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ผิดพลาดประการใดต้องขอ อภัยไว้ทางที่นี้ ขอบคุณค่ะ 📌พล็อตเรื่องสบายหัว มีเเต่ความเเสบของนางเอก เน้นสบายอารมณ์ค่าา 📌สุขนิยมดราม่าบ้างเล็กน้อย ❤️ช่วยเป็นกำลังใจเล็กๆ น้อยให้ไรท์ด้วยการกดหัวใจเเละคอมเม้นด้วยนะคะ "สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537" "ห้ามคัดลอกเนื้อหาหรือรูปปกนะคะ ถ้าพบเจอขออนุญาตดำเนินคดีทางกฎหมาย" FB: นามปากกาแก้วแสงสี
กริ๊ง กริ๊ง
“คุณลุงอยู่ไหมคะ กิ่งเอาผลไม้มาฝาก” หญิงสาวร่างบางในชุดเอี๊ยมสียีนถักเปียสองข้างยาวลงมาถึงช่วงกลางหลังยืนถือตะกร้าผลไม้ไว้ในมือ รออย่างใจจดใจจ่อว่าใครจะเป็นคนมาเปิดประตู
กิ่ง หญิงสาวน่ารักสดใส มองโลกในแง่ดี และกล้าคิดกล้าทำ ทุกคนที่ได้รู้จักเธอต่างก็เอ็นดูหญิงสาวแสนสดใสคนนี้
บ้านของกิ่งอยู่ข้างๆ คฤหาสน์ไตรพิภพ แม้ข้างบ้านเธอจะเป็นคฤหาสน์หลังโตแต่บ้านของเธอนั้นก็เป็นเพียงบ้านสองชั้นธรรมดา
เธออาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคน ครอบครัวของเธอไม่ได้ร่ำรวยเพียงแค่พออยู่พอกินเท่านั้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากการปลูกผักและผลไม้ขาย ตลอดเวลาแม่พิมพ์แก้วทำงานหนักมาโดยตลอดเพื่อส่งเสียเธอเรียนให้จบ จนถึงตอนนี้ที่เธอเรียนจบและได้เข้าทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งแล้วจึงพอมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวมากขึ้น แม่จึงไม่เหนื่อยเหมือนที่ผ่านมา
แกร๊ก
“ป้าเนียนสวัสดีค่ะ” ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น กิ่งยิ้มแหยๆ เมื่อคนที่เธออยากให้เดินออกมาเปิดประตูมากที่สุดกลายเป็นป้าเนียนคนเก่าคนแก่แห่งบ้านไตรพิภพ มือเรียวยกขึ้นไหว้ทำความเคารพเหมือนเช่นทุกครั้งที่มาเยี่ยมเยือน สมัยเด็กๆ เธอมาเล่นที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ จึงคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี
“สวัสดีจ้ะ” สาววัยกลางคนพูดขึ้นพร้อมยิ้มให้หญิงสาวที่เธอเห็นมาตั้งแต่เล็กด้วยความเอ็นดู
ร่างบางที่กำลังจะถามหาคนตัวโตที่ตนเฝ้าคะนึงหาถึงกับต้องหยุดการกระทำไว้เมื่อป้าเนียนพูดขึ้น
“คุณลุงอยู่ในบ้าน กิ่งเข้าไปหาท่านได้เลยนะ”
“ค่ะ” เธอทำเพียงพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในตัวบ้านอย่างตื่นเต้น
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยสิ่งของมีค่าราคาหลายสิบล้านอย่างสวยงาม ชายวัยกลางคนนั่งหลับตาท่าทางตึงเครียดนอนพิงโซฟานุ่มตรงหน้าอย่างโดดเดี่ยว
“คุณลุง...” หญิงสาวมองคนที่เธอเคารพสุดหัวใจด้วยความเป็นห่วง ‘ทำไมคุณลุงถึงดูเครียดจัง มีอะไรหรือเปล่านะ’
“อ้าว...มาแล้วเหรอหนูกิ่ง”
ท่านไพศาล หัวหน้าครอบครัวไตรพิภพ อดีตนักธุรกิจดาวรุ่งที่ตอนนี้วางมือให้ลูกชายดูแลกิจการต่อด้วยอายุที่มากแล้ว
“มาๆ...มานั่งก่อนลูก” ชายวัยกลางคนลืมตาขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะพยักหน้าให้หลานรักมานั่งใกล้ๆ
“คุณลุงคะ กิ่งเอาผลไม้ที่คุณลุงชอบมาฝากด้วยน้าาาา”
“คุณลุงดูสิยังฉ่ำๆ อยู่เลย” กิ่งยกตะกร้าหวายที่เต็มไปด้วยผลไม้หลากสีขึ้นมา ก่อนจะระบายยิ้มอย่างสดใสให้คนตรงหน้าเพื่อหวังจะคลายบรรยากาศตึงเครียดนี้ได้
“ขอบใจนะลูก” มือแกร่งยื่นมารับตะกร้าผลไม้ก่อนจะระบายยิ้มตอบหลานสาว
“ไม่เจอกันนานเลยนะกิ่ง” ท่านไพศาลนั่งพินิจมองใบหน้าจิ้มลิ้มของหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู ตายิ้มเป็นสระอิ ริมฝีปากบางยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ
“ค่ะ ตอนนี้กิ่งเรียนจบแล้วก็จะกลับมาอยู่บ้านค่ะ” ตั้งแต่ขึ้นมหาวิทยาลัยก็เป็นเวลากว่าห้าปี ด้วยความสะดวกและอะไรหลายๆ อย่างเธอจึงเลือกที่จะอยู่หอ นานๆ ทีจึงจะกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้านบ้าง แต่ช่วงปีหลังๆ มานี้เธอยุ่งจนไม่มีเวลากลับมาก็เป็นแม่ที่ไปหาเธอเอง กิ่งจึงไม่ได้มาเยี่ยมลุงไพศาลนานมากแล้ว
“ดีจังเลยลูก”
“เอ่อ...ว่าแต่พี่ไตรไม่อยู่หรือคะ” กิ่งมองไปรอบตัวก่อนจะถามหาคนที่เธออยากเจอมาตลอด ตลอดเวลาห้าปีที่ห่างหายกันไป
เมื่อพูดถึงลูกชายตัวดีท่านไพศาลก็หน้าเครียดขึ้นมาอีกครา ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พร้อมส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าชายหนุ่มที่เธอถามถึงไม่อยู่
“คุณลุงมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่าคะ เล่าให้กิ่งฟังได้นะ” กิ่งมองท่าทางของคนตรงหน้าอย่างกังวล ‘เธอไม่เคยเห็นคุณลุงเครียดขนาดนี้มาก่อนเลย’
ท่านไพศาลหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของหลานสาวอย่างจริงจัง
“ถ้าลุงจะขออะไรหนูกิ่งสักอย่างได้ไหมลูก” ราวกับคิดมาดีแล้วคุณท่านของบ้านจึงตัดสินใจถามบางอย่างออกไป
“ขออะไรคะ” เธอยังจำได้ดี วันที่เธอและแม่โดนตามทวงหนี้เหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนนก็ได้คุณลุงนี่แหละที่ช่วยเหลือเอาไว้ หากมีอะไรที่หญิงสาวพอจะตอบแทนท่านได้เธอก็ยินดี
“แต่งงานกับเจ้าไตรได้ไหม” แววตาจริงจังแปรเปลี่ยนเป็นคาดหวัง
“ทำไมหรือคะ” หญิงสาวตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะถามถึงเหตุผล แม้การแต่งงานกับพี่ไตรจะเป็นสิ่งที่เธอเฝ้าหวังมานานแล้ว แต่สิ่งที่คุณลุงกำลังขอร้องเธอก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้
“คือ...” ท่านไพศาลอ้ำอึ้งก่อนจะเล่าเรื่องที่เขาหนักใจอยู่ให้หลานรักฟัง
“ก็ไอ้เจ้าไตรน่ะสิ ตั้งแต่เลิกกับณิชาไปมันก็มีข่าวกับผู้ชายไม่เว้นแต่ละวัน” พูดไปก็เลือดขึ้นหน้า เขาไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าลูกชายแล้ว บริษัทก็แทบจะล้มละลายเพราะผู้ถือหุ้นในบริษัทต่างไม่ไว้ใจในการบริหารของท่านประธานที่มีข่าวฉาวไปทั่ว
“ฮะ!...อะไรนะคะ” กิ่งยกมือปิดปากด้วยความตกใจ ‘พี่ไตรกับผู้ชาย!’ เธอไม่ได้รังเกียจการคบหากันระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย เพียงแต่เธอไม่นึกว่าพี่ชายแสนอบอุ่นของเธอจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เมื่อสองปีที่แล้วเธอยังเห็นเขาคบกับพี่ณิชาอย่างหวานชื่นอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงไปคบกับผู้ชายได้นะ
“อืม เจ้าไตรมันดูท่าจะชอบผู้ชายด้วยกัน ลุงเลยกังวล”
“คุณลุงคะ ตอนนี้สังคมมันเปิดกว้างแล้วนะคะ”
“ลุงรู้ แต่ลุงแค่อยากให้เจ้าไตรมันมีทายาทมาสืบทอดตระกูล” นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาอยากให้ไตรแต่งงานกับผู้หญิง ด้วยกลัวว่าหากเขาไม่อยู่แล้วตอนเจ้าไตรมันแก่จะไม่มีใครดูแล
“หนูกิ่งช่วยลุงได้ไหม ลองดูก่อน ถ้าไตรมันกลับมาชอบผู้หญิงจริงๆ ลุงก็ดีใจ แต่ถ้ามันยังยืนยันว่าชอบผู้ชายลุงก็จะยอมรับให้ได้” เขาไม่ได้จะกีดกันความรักของลูกชาย เพียงแค่อยากจะลองดูสักครั้ง ถ้ามันเปลี่ยนไม่ได้เขาก็จะยอมรับ
“คุณลุงจะให้กิ่งช่วยทำให้พี่ไตรกลับมาชอบผู้หญิงหรือคะ” กิ่งทำหน้าสงสัย ‘อย่างเธออะนะจะไปทำอะไรได้’
“อืม แต่ลุงมีข้อแลกเปลี่ยนนะ ถ้าหนูกิ่งทำให้ไตรหันมาชอบผู้หญิงได้ ลุงยกเจ้าไตรให้หนูเลย” ท่านไพศาลยกข้อแลกเปลี่ยนที่เขารู้ดีว่าหญิงสาวไม่มีทางปฏิเสธแน่ขึ้นมา
“แต่กิ่งกับพี่ไตรไม่เหมาะกันหรอกนะคะ” ใช่แล้ว เธอแอบชอบรุ่นพี่ข้างบ้านคนนี้มานาน เธอคอยดูเขาอยู่ห่างๆ เสมอด้วยรู้ดีว่าเราสองคนไม่คู่ควรกัน ส่วนพี่ไตรเองก็เช่นกัน เขาคอยปกป้องและดูแลน้องน้อยอย่างเธอเสมอ อย่างนี้จะไม่ให้เธอชอบเขาได้อย่างไร
“ทำไมจะไม่เหมาะล่ะ นะหนูกิ่ง ลุงขอร้องสักครั้ง ทำเพื่อลุงได้ไหม” ชายวัยกลางคนยื่นมือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาไปประกบมือหญิงสาวอย่างขอร้อง เขาไม่รู้จะหาผู้หญิงคนไหนมาช่วยแล้วเพราะเขาไว้ใจและเอ็นดูหนูกิ่งจริงๆ เขารู้ว่าหญิงสาวต้องทำได้
“...”
“ลุงจะจัดงานแต่งงานให้หนูกับเจ้าไตรด้วยนะ” ท่านไพศาลยังคงยื่นข้อเสนอมาโน้มน้าวใจเธอ
“แล้วทำไมต้องให้กิ่งแต่งงานกับพี่ไตรด้วยคะ” แค่เธอช่วยเปลี่ยนพี่ไตรก็น่าจะพอแล้วนะ
“คือว่า...ลุงจะให้หนูกิ่งย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับเจ้าไตรมัน ลุงกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี และอีกอย่างลุงจะได้แก้ข่าวเสียๆ ให้มันด้วย”
กิ่งที่ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ตกตะลึง ‘นี่เธอถึงขั้นต้องอยู่ห้องเดียวกับพี่ไตรเลยหรือ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นไหมเนี่ย เธอไม่เคยอยู่ใกล้กับผู้ชายมากขนาดนี้เลยนะ’
“ได้ไหมลูก แต่งงานเสร็จก็ย้ายมาอยู่กับลุง”
“เอ่อ...” หญิงสาวลังเลเล็กน้อย นึกอยากทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้องแต่สมองก็ห้ามไว้ด้วยคิดว่าไม่เหมาะสม
“ลุงรู้นะว่าหนูคิดยังไงกับเจ้าไตร ใช้โอกาสนี้เลยสิลูก ลองดูไม่เสียหายนะ” คนมากประสบการณ์ยักคิ้วให้กิ่งอย่างรู้ทัน ทำเอาหญิงสาวอึกอักเมื่อมีคนรู้ความลับของเธอเข้า
“งะ...งั้น...ตกลงค่ะ” เธอตัดสินใจ ‘โอกาสเพียงครั้งเดียว ลองดูก็ได้’
ท่านไพศาลระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปขอบคุณหญิงสาวยกใหญ่
“ขอบคุณมากนะลูก ลุงหายห่วงแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวลุงคุยกับไตรให้ส่วนหนูกิ่งก็ลองไปคุยกับแม่พิมพ์ดูก่อนนะ”
“ไว้เจ้าไตรมันตกลงแล้วลุงจะไปสู่ขอตามประเพณี” แม้กิ่งจะไม่ใช่ญาติแต่เขาก็เอ็นดูเหมือนหลานแท้ๆ จึงอยากทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามประเพณี ไม่ให้ใครเอาไปนินทาได้
“ค่ะ งั้นกิ่งขอตัวก่อนนะคะ กิ่งจะไปคุยกับแม่ให้” กิ่งขอตัวออกมาจากคฤหาสน์อย่างเก็บอาการ ก่อนจะเดินกลับบ้านของเธอ
บ้านกิ่ง
“แม่จ๋าา” เสียงเรียกดังเข้ามาตั้งแต่หน้าบ้าน ก่อนจะปรากฏร่างเล็กที่รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่อย่างรวดเร็ว
“อะไรอีกล่ะกิ่ง มีเรื่องจะอ้อนแม่หรือ” พิมพ์แก้วอมยิ้มอย่างรู้ทัน เวลาลูกสาวเธอมีอะไรจะขอร้องก็มักจะมาอ้อนเธอเสมอ
“แม่ กิ่งจะแต่งงานกับพี่ไตรนะ” หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างไม่มีการเกริ่นนำ
พิมพ์แก้วได้ยินดังนั้นจึงบิดเนื้อหญิงสาวด้วยความมันเขี้ยวอยากเตือนสติ
“โอ๊ยๆ แม่ เจ็บนะ”
“ฝันกลางวันหรือกิ่ง เรากับเขาต่างกันขนาดไหน ไม่มีวันที่คนอย่างไตรจะมาแต่งงานกับลูกหรอก”
“อ้าว จริงๆ นะแม่ ลุงไพศาลเขาขอให้กิ่งแต่งงานกับพี่ไตร กิ่งไม่ได้โกหกนะสาบานได้” กิ่งยกมือขึ้นสาบานเมื่อเห็นว่าคุณพิมพ์แก้วจะยกมือขึ้นมาบิดเนื้อเธออีกรอบ
“ทำไมคุณไพศาลถึงต้องขอให้ลูกแต่งงานกับไตรด้วย”
“เพราะกิ่งสวยไงคะแม่ ฮ่าๆๆ” หญิงสาวกล่าวหยอกคนเป็นแม่เล่นก่อนจะหัวเราะออกมายกใหญ่
“พอเลยๆ หยุดยอตัวเองได้แล้ว” คนเป็นแม่ได้แต่กุมขมับ โบกมือให้ลูกสาวตัวดีเลิกยอตัวเอง ‘ไม่รู้ติดนิสัยนี้มาจากใคร ถ้าบอกว่าแม่สวยค่อยเข้ากับความเป็นจริงหน่อย’
“งั้นกิ่งแต่งงานกับพี่ไตรได้ใช่ไหม” ถ้าแม่ไม่ว่าอะไรงั้นแปลว่าแม่ตกลงแล้วใช่ไหม
“อืม ถ้าท่านไพศาลเขาขอจริงๆ แม่ก็อนุญาต”
“แต่ระวังใจตัวเองให้ดีนะ ระวังเขาจะหักอกเอา” เธอไม่ได้ห่วงอะไรเจ้ากิ่งหรอก เพราะรู้ว่ากิ่งมันแอบชอบไตรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หากงานแต่งงานครั้งนี้ทำให้ลูกสาวเธอมีความสุขเธอก็ยอม
แต่ก็แอบกลัวว่าลูกของเธอจะเจ็บช้ำจากความผิดหวังเพราะดูแล้วโอกาสที่ไตรจะหันมาชอบกิ่งนั้นมีน้อยเหลือเกิน
“แล้วนี่แต่งเมื่อไร”
“กิ่งก็ไม่รู้อะ เดี๋ยวลุงไพศาลน่าจะบอกอีกที เอ้อ! แล้วก็กิ่งจะย้ายไปอยู่ที่บ้านนั้นนะ” หญิงสาวตัดสินใจเล่าข้อตกลงต่างๆ ให้แม่ของเธอฟังทุกคำพูดไม่มีปิดบัง ‘ให้แม่เธอรู้จากปากเธอเนี่ยแหละ ดีกว่าไปรู้จากปากคนอื่น’
“แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ กิ่งดูแลตัวเองได้” ร่างบางเล่าจบก็ทำท่าทางออดอ้อนก่อนจะหันไปหอมคนเป็นแม่ฟอดใหญ่
“จ้ะ” พิมพ์แก้วยิ้ม ถึงเวลาที่ลูกของเธอต้องลองติดปีกบินเองแล้วสินะ
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน