วายุ : นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงผู้จมอยู่กับอดีต เขาเป็นชายหนุ่มผู้คลั่งรัก ทว่าทิฐิทำให้เผลอทำร้ายคนที่รักที่สุด อลิสา : ดาราสาวที่พลาดพลั้งอุ้มท้องลูกของนักธุรกิจหนุ่ม แต่เขากลับผลักไส ไม่รัก มิหนำซ้ำยังกลับไปหาคนรักเก่าอีกด้วย ..................... "นอนกับฉันแค่คืนเดียว กล้าดียังไงมาพูดว่าเป็นเมียฉัน! เพราะถ้าเเค่คืนเดียว ฉันคงมีเมียไปค่อนโลกแล้ว" "แล้วถ้าอลิซท้องล่ะคะ! ท้อง! หมายถึงกำลังมีเด็ก...ที่ตอนนี้กำลังเป็นก้อนเลือดนอนนิ่งอยู่ในนี้"มือบางลูบไล้หน้าท้องแบนราบอย่างยั่วเย้า ก่อนจะยกยิ้มอย่างเป็นต่อ "....." วายุ จ้องสบด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ฝ่าเท้าหนัก ค่อยๆ สาวเท้าเข้าหาเธออย่างคุกคาม "เหตุผลแค่นี้ พอที่จะเป็นเมียคุณได้หรือยัง! "เสียงหวานท้าทายเขา ใบหน้างามเชิดรั้นอย่างถือดี ก่อนที่ปากอิ่มจะเบ้ออกน้อยๆ ด้วยความเจ็บปวด เพราะปลายคางมนถูกบีบจนน้ำตาเล็ด "อย่าคิดจะใช้เด็กมาต่อรองกับฉัน! เพราะฉันไม่ใช่พระเอกที่จะยอมเเต่งงานกับเธอเพียงแค่ทำผู้หญิงท้อง...ฉันบอกเอาไว้ตรงนี้เลย ฉันจะรับผิดชอบแค่เด็ก..ที่อาศัยท้องเธอมาเกิดเท่านั้น! "เสียงเข้มกระซิบเหี้ยม ก่อนมือหนาอีกข้างจะยกขึ้นกดหน้าท้องแบนราบนั้นเบาๆ เพื่อเป็นการย้ำเตือน! "แต่ลูกของฉันต้องการมีทั้งพ่อและแม่! "มือบางสะบัดเขาออกอย่างถือดี ก่อนจะตะโกนลั่นใส่หน้าเขา "หึ...ถามจริงๆ อยากให้ลูกมีพ่อหรืออยากได้ผัวจนตัวสั่นกันแน่! " .................... "จำไว้นะคุณยุ! วันนี้คุณอาจจะยังไม่ต้องการพวกเรา...ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าวันไหนที่เราไม่ต้องการคุณบ้าง แม้แต่วิญญาณของพวกเราคุณก็จะไม่ได้เห็น! "อลิสาตะโกนลั่นใส่หน้าเขาอย่างสุดทน ใบหน้างามเต็มไปด้วยน้ำตาทั้งสองข้างแก้ม "ปากดี " "ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ...พวกไร้ความรับผิดชอบ! " "อลิสา"เสียงเข้มกดต่ำ ใบหน้าคมขึงขัง อารมณ์ร้อนเริ่มเดือดพล่าน "เอากระโปรงไปใส่มั๊ยค่ะ บริจาคให้"เสียงหวานเอ่ยบอกเขา มือบางปาดน้ำตาก่อนจะยกยิ้มสมเพชส่งให้ "...." เพี๊ยะ! "หน้าตัวเมีย...คนสารเลว" "..." "อลิซเกลียดคุณที่สุด!"
“คะ คุณยุ คุณยุขา” เสียงหวานครางเรียก ลมหายใจสาวหอบกระเส่า ขณะที่สองมือกำจิกผ้าปูที่นอนแน่น
“อ่าส์”
“คุณยุ...อลิซไม่ไหวแล้ว อื้อ!”
“หุบปาก! ฉันไม่อยากได้ยินเสียงเธอ”
ร่างสูงตวาดเสียงดังลั่น สายตาคมแข็งกร้าวจนวาววับ กรามแกร่งบดกันจนเป็นสันนูน ในขณะที่สะโพกสอบกลับหยั่งลึก บดเน้น จากนั้นจึงค่อยโจนจ้วงความกระหายใส่ร่างบางจนสั่นคลอน
“อ๊ะ! อื้อ คะ คุณยุขา”
อลิสาครวญครางด้วยความเสียดเสียว เมื่อกายแกร่งถาโถมเข้าใส่อย่างไร้ความปราณี มือบางผวาจะกอดรัดเขาเพื่อคลายกำหนัด แต่ทว่า...สองมือหนากลับรีบผลักไสเธอให้ออกห่าง ก่อนจะตรึงข้อมือบางไว้เหนือหัว
“ฉันบอกให้หุบปาก! แม้แต่เสียงคราง ฉันก็ไม่อยากได้ยิน!”
วายุกระซิบเสียงเข้ม สายตาคมหยามเหยียดจนเธอสะท้านในอก ความเจ็บแปลบค่อยๆ ทะยานขึ้นสูง หัวตาร้อนผ่าวจนพร่ามัว
“คุณยุ...”
“อยากได้ฉันเป็นผัวก็ต้องทำใจนะ แต่อย่าหวังความรักจากคนอย่างฉัน เพราะเธอจะไม่ได้มันไปแน่นอน”
เสียงเข้มประกาศกร้าว มือหนารีบจับเธอพลิกคว่ำ ก่อนจะรีบดึงสะโพกงามให้ลอยเด่น จากนั้นจึงรีบประกบชิด แล้วสอดใส่ความเป็นชายเข้าหาอย่างไร้ความปราณี กระทั่งเธอเจ็บจุก ทำให้สะโพกงามต้องถดหนี แต่เขากลับตรึงเธอไว้แน่น แล้วกระหน่ำความรุนแรงเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง จนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่น
“อื้อ!”
อลิสาสะท้านในอก น้ำตาไหลด้วยความอดสู เมื่อปากอิ่มต้องกลั่นเสียงครางจนสั่นระริก มือบางรีบกำจิกผ้าปูที่นอนแน่น ก่อนจะซบหน้าลงกับพื้นเตียงอย่างยอมรับชะตากรรม!
“ฮึก...ฮึก”
เสียงสะอื้นหลุดแผ่วอย่างน่าเวทนา ดวงตากลมโตทั้งสองข้างไหวระริกด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ความร้อนรุ่มในกายสาวยังคงเดือดพล่านไปทั่วเรือนร่าง
“ซี๊ด...”
วายุครางกระเส่าชิดใบหูงาม มือหนาบีบเคล้นทรวงอกอวบอย่างเมามันขณะที่สะโพกสอบกระเเทกกระทั้นลำกายแกร่งเข้าใส่จนบั้นท้ายงามแดกเถือก เพราะอาการร้อนรุ่มจากพิษร้ายที่มีมากพอกัน!
“อึก จะ...เจ็บ” เสียงหวานแหบโหย ขณะที่หันหน้ามาบอกเขาเพื่อร้องขอความปราณี
“เงียบ!”
“แต่...อลิซเจ็บ”
ร่างบางขยับหนีลำกายแกร่งที่กำลังสอดลึกจนเธอเจ็บจุกไปหมด แต่มือหนากลับคว้าสะโพกมนไว้แล้วถาโถมความรุนแรงใส่จนร่างบางน้ำตาร่วง
ตับ! ตับ! ตับ!
“อ๊ะ...อื้อ ฮึก ฮึก”
“อืม...”
“อลิซ...จะ เจ็บ”
อลิสากัดฟันบอกเขา สะโพกงามพยายามขยับหนีอีก ขณะที่สองเเขนเรียวนั้นหมดเรี่ยวแรงที่จะใช้พยุงกาย ใบหน้างามที่ซุกซบลงบนที่นอนเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินด้วยความอดสูใจ!
“คุณยุขา...ฮึกๆ” เสียงหวานเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนล้า มือบางลูบไล้หน้าท้องตนอย่างเเผ่วเบา ตอนนี้หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว จะมีก็เพียงไพ่ใบสุดท้ายเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่
“ละ...ลูก ลูกอยู่ในนี้ ฮึกๆ ได้โปรด...สงสารแกเถอะนะคะ ถ้าไม่รักก็ไม่เป็นไร แต่อลิซขอ ฮึกฮึก...ขอให้เขาได้มีโอกาสลืมตาดูโลกเถอะนะคะ ฮือ...”
อลิสาร้องขออย่างหมดทางสู้ ก่อนจะค่อยๆ ยันกายขึ้นแล้วหันหน้ามาสบตาเขาด้วยสายตาที่ชอกช้ำ ความเป็นแม่ทำให้เธอหมดทางเลือก แม้ว่าจะต้องทิ้งศักดิ์ศรีก็ตาม
“เบาๆ นะคะ ฮึกๆ”
ทันทีที่สบตากัน ร่างสูงกลับชะงักนิ่ง หัวใจแกร่งวูบโหวงแปลกๆ ความผิดชอบชั่วดีช่วยดึงสติเขากลับมา เพียงแค่หยาดน้ำตาที่พรั่งพรูกับสีหน้าที่หวาดกลัวของคนใต้ร่าง ทำให้ความเดือดดาลลดต่ำลงจนหมดสิ้น
“บัดซบ!”
ร่างสูงตวาดลั่นก่อนที่จะผละออกราวกับต้องของร้อน อลิสารีบถลันตัวหนีทันที มือบางคว้าผ้ามาห่มกายลวกๆ ขณะที่ปากบางสั่นระริกจนเจ้าตัวต้องขบแน่น ดวงตากลมโตตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัว
“ฉันเกลียดเธอที่สุดอลิสา!”
วายุประกาศกร้าว ขณะที่มือหนากำลังอาละวาดขว้างปาข้าวของภายในห้องจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
เพล้ง!
“กรี๊ด!” เสียงหวานร้องลั่นทันทีที่โคมไฟข้างเตียงถูกปัดจนตกแตก
“โธ่เว้ย!”
“ฮือ...” อลิสาตัวสั่นระริกด้วยความกลัว ก่อนจะขยับกายให้ออกห่างจากเขามากยิ่งขึ้น ในขณะที่สองมือบางโอบกอดหน้าท้องตนผ่านผ้าห่มผืนหนาไว้ด้วยความหวงแหน
“เพราะเธอ!” วายุถลาเข้าหาร่างบางทันที ก่อนจะกระชากแขนเรียวจนเธอเซถลา
“ทิ้งฉันไปยังไม่พอ ยังจะกลับทำลายชีวิตฉันจนพังอีกทำไม! ห๊ะ! พอใจเธอหรือยัง! พอใจหรือยัง!” เสียงเข้มตะคอกลั่นจนใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะผลักร่างบางออกอย่างไม่แยแสด้วยความโมโห วายุไม่สนใจเลยสักนิดว่าในท้องแบนราบนั่น จะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตนอาศัยอยู่
“ฮือ...ฮึกๆ จะ เจ็บ...อลิซเจ็บ"”
“เธอเจ็บกาย แต่ฉันเจ็บใจ! เจ็บใจที่ถูกกาฝากอย่างเธอหลอกปั่นหัว เจ็บใจตัวเองที่เคยรู้สึกดีๆ ด้วย! หึ...ขอบใจนะที่เผยธาตุแท้ออกมา แต่บอกไว้เลยตรงนี้และเดี๋ยวนี้! ถ้าอยากเป็นเมียฉันนัก ฉันจะจัดให้อย่างสาสมแล้วอะไรที่เธออยากได้จะไม่มีวันได้ พอวันนั้นมาถึง...ฉันจะทำให้เธอจะรู้เองว่านรกมันมีจริง!”
..................................
“เลือกเอานะคะ ระหว่างความสุขของคุณกับชีวิตของสิปรางค์” กรกันต์รู้ว่านั่นไม่ใช่เพียงคำขู่ของคนอกหัก ทว่ามันคือคำอาฆาตของคนที่แค้นฝังใจต่างหาก มาร์ตินี่อีกแก้วจึงถูกสาดลงคออย่างรวดเร็ว ค่ำคืนนี้เขาที่จะใช้มันดับความทุกข์ทั้งหมดที่มี เครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลายที่ถูกนำออกมาด้วยคงช่วยให้ลืมบางสิ่งบางอย่างได้อย่างไม่ยากเย็นนักลืม แต่ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า สิปรางค์ยังคงก้มๆ เงยๆ อยู่ในห้องลองชุด หญิงสาวมาทำอะไรตรงนี้ ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว เธอควรพักผ่อนเพื่อใครอีกคนไม่ใช่หรือ? ด้วยความสงสัย บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่แล่นพล่านในกระแสเลือด กรกันต์ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาทีก็หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกทำให้สิปรางค์เงยหน้าขึ้นมอง “เฮีย” แต่พอเห็นสีหน้าแดงก่ำของเขา เธอก็ทำท่าจะผละหนี “เดี๋ยวสิ” กรกันต์รีบรั้งแขนเธอไว้ ขณะที่ชั่งใจอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุยกันก่อนได้ไหม” เขาขอร้องเสียงเครียด ทั้งปาก ทั้งตา มันสั่นไปหมด เพราะมั่นใจว่าหากปล่อยมือเธอไป โอกาสแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว สิปรางค์มองแววตาแดงก่ำของเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ปรากฏความรู้สึกใดๆ ออกมา “เราไม่มีอะไรต้องคุยกันค่ะ นี่ก็ดึกแล้ว...ปรางค์ขอตัวนะคะ” หญิงสาวตัดบทอย่างคนใจร้าย ไม่อาทรต่อความน้ำเสียงเว้าวอนของเขาของสักนิด ซ้ำร้ายยังสลัดมือเขาออกอย่างไร้เยื่อใย ในจังหวะที่กำลังจะหมุนตัวหนี จู่ๆ เขาก็พุ่งมากอดจากด้านหลัง “ปรางค์...” เขาพูดแค่นั้นก็เงียบหายไปหลายนาที ส่วนเธอก็ยังยืนยันเจตนาเดิม วันนี้หัวใจเเข็งแกร่งกว่าเมื่อวาน เพราะฉะนั้นความอบอุ่นจากลำแขนทั้งสองจึงไม่สามารถทำให้เธอหวั่นไหวได้อีก ในเมื่อเขาอยากกอด อยากยื้อให้ตัวเองเจ็บปวด...ก็ตามใจ “พรุ่งนี้...” กรกันต์พยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น “เฮียจะเป็นของคนอื่นแล้ว เราจะคุยกันดีๆ สักครั้งไม่ได้เลยเหรอ?” “...” “หยุดทำตัวห่างเหิน หยุดทำเหมือนระหว่างเรามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักทีได้ไหม!” “แล้วเรายังมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีกคะ สายเลือดเดียวกันก็ไม่ใช่ เพื่อนกันก็ไม่ใช่ ยิ่งคนรัก...ก็ยิ่งไม่มีวันได้เป็น!” “แต่ปรางค์ท้อง...” เขาหยุดพูด ท่ามกลางความร้อนผ่าวที่หัวตาทั้งสอง “ลูกของเฮีย...อยู่ในนี้” มือหนากำลังเลื่อนลงไปหน้าท้องที่นูน ทว่ากลับถูกสิปรางค์ปัดออกอย่างรวดเร็ว “ห้ามแตะต้องเขานะ!” เธอพลิกตัวหนี สองมือโอบท้องตัวเองไว้ด้วยความหวงแหน สิปรางค์ไม่มีท่าทีแปลกใจสักนิดที่เขารู้ว่าเธอท้อง ถ้าเขาดูไม่ออกนี่สิ...คงเป็นเรื่องแปลกพิกล หูตาของกรกันต์มีไปทั่ว จนเธอคร้านกวาดตามองหา หากชายหนุ่มอยากรู้นัก เธอก็จะสนองความต้องการนั้นด้วยความจริงที่เขาจะทำได้แค่เพียงมอง... ทว่านาทีนั้นเองเธอเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีหยาดน้ำใสๆ เปรอะเปื้อนซีกแก้มด้านซ้ายของอีกฝ่าย เขาจะร้องไห้ทำไมกัน ในเมื่อคนถูกกระทำมาตลอด คือ เธอ! “คนใจร้าย...ห้ามแตะต้องหัวใจของปรางค์อีก!” อาการหวงแหนเกินเหตุนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับชายหนุ่มมหาศาล กรกันต์ตัดสินใจขยับเท้าเข้าหา แต่พอเห็นเธอเตรียมขยับหนีราวกับรังเกียจกัน เขาจึงยืนนิ่ง “ปรางค์...” เสียงเขาอ่อนล้านัก อาจเพราะหัวใจมันแห้งเหือดมาหลายเดือน ความจงเกลียดจงชังที่เธอแสดงออก มันจึงส่งผลกระทบต่อหัวใจเขาอย่างจัง “เขาเป็นของปรางค์คนเดียว เฮียไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาด้วยซ้ำ และการที่ปรางค์มาที่นี่ไม่ได้หมายความว่าปรางค์จะยอมเฮียทุกอย่างหรือจะขออะไรก็ได้ อย่าลืม...ว่าปรางค์ก็ยังเป็นปรางค์อยู่วันยังค่ำ เมื่อก่อนเคยร้ายยังไง วันนี้ก็จะเป็นอย่างงั้น ในเมื่อต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ พรุ่งนี้เฮียก็คอยดูฤทธิ์เดชของผู้หญิงคนนี้ได้เลย” คำกล่าวของเธอไม่เกินจริงสักนิด สิปรางค์มาที่นี่เพราะหน้าที่และคำขอของผู้มีพระคุณก็เท่านั้น หากแต่กรกันต์ยังยื้อ ไม่ยอมปล่อยวางเรื่องระหว่างกันดังที่เคยพูด พรุ่งนี้เธอก็จะทำให้เขาเห็นว่าการไม่รักษาคำพูดเป็นอย่างไร “ปรางค์จะทำอะไร” สายตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ดูจะเลือนหายไปหลังจากได้กลิ่นกายอ่อนๆ ของเธอ “อยากรู้ก็มีชีวิตอยู่ให้ถึงพรุ่งนี้สิ”
เมื่อเจ้าสาวของ วาโย หายตัวไปก่อนพิธีวิวาห์ เป็นเหตุให้เขาต้องเข้าพิธีกับผู้หญิงที่เขาทั้งรัก ทั้งแค้นอย่าง มุกไหม ที่ถูกเขาตราหน้าว่า ผู้หญิงหลอกลวง ........................................ "จะแค้นเคืองอะไรกันหนักหนาค่ะ ไม่รักกันเเล้วหรือไง? "เอ่ยถามเขาด้วยเสียงสะอื้น จนคนฟังรับรู้ได้ถึงความเศร้าจากน้ำเสียง "... ต้องการอะไร? " น้ำเสียงยังเย็นชาจับจิต คงไม่ต่างจากจิตใจของเขาที่ด้านชาในตอนนี้ "แค่ต้องการให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้มั้ยคะ"? เว้าวอน ออดอ้อนด้วยน้ำเสียงที่ยังเจือสะอื้น แต่กระนั้นยังต้องกลืนก้อนสะอื้นที่จุกแน่น ก่อนจะกระพริบตาเพื่อไล่น้ำตาที่จวนเจียนจะไหล "หึ เธอฝันไปหรือเปล่า? ตื่นซะที!! อย่าพูดอะไรที่มันฟังดูง่ายไปหน่อยเลย"ร่างสูงแค่นเสียงหัวเราะ มุมปากยกยิ้มหยัน "แล้วตรงใหนค่ะที่มันยาก? " ตอกกลับเขาทันควัน "ยากตรงที่ใจฉันมันพังไปแล้วไง!! ใจคนไม่ใช่เครื่องจักร มันมีความรู้สึก มันเจ็บเป็น! "ตะคอกเธอกลับอย่างไม่ลังเลตามเเรงอารมณ์ที่อัดอั้นมานาน คนอย่างเขาถ้ารักก็มาก แต่ถ้าเกลียดจะเกลียดมากกว่าที่เคยรัก!! ........................................ "ได้โปรด มุก...ยกโทษให้ผู้ชายสารเลวคนนี้ด้วย ฮึก อึก..ได้โปรด...ที่รัก" "ฮือ มะ ไม่ ฮึกฮึก"น้ำตาเม็ดโตพรั่งพรูเต็มสองข้างแก้มนวล ใบหน้าหวานแดงก่ำ มือบางโอบรอบแก้มสากขอเขาไว้ พลางโขกขมับแนบชิด สองสายตาสื่อประสานกัน ปากบางเริ่มเอื้อนเอ่ย.... ........................................
เพราะความเหมือน เธอจึงเป็นแค่ 'เงา' ที่เขาไม่มีวันรัก ความสัมพันธ์ลับๆ ที่เกิดขึ้น จึงถูกร้อยรัดไว้ด้วยความเร่าร้อน ทว่าเธอเจ็บ...แต่กลับพูดไม่ได้ เพราะคำว่าตัวแทนที่ชีวิตนี้ก็ไม่มีใครอยากเป็น! .............................. 'ดรันย์ พิพัฒน์พงศ์ ' ศัลยเเพทย์หนุ่ม ผู้หอบเอาหัวใจที่บอบช้ำมาให้เธอรักษา...ด้วยการใช้เธอ 'เป็นตัวแทน' ของใครอีกคน "มิดา...กอดพี่ จูบพี่ ช่วยทำให้พี่ลืมผู้หญิงคนนั้นสักที! " 'รมิดา ธารากุล' เพราะความเหมือน เธอจึงกลายเป็น 'เงา' ที่เขาไม่มีวันรัก... "คุณหมอคะ...กอดกันทุกวัน จูบกันทุกวันแบบนี้ แต่เคยคิดจะรักกันบ้างไหมคะ" เพราะความเมาทำให้เขาเห็น 'เธอ' เป็น 'ผู้หญิงคนนั้น' เพราะแอบรัก จึงทำให้เธอยอม...ตกเป็นของเขา ท่ามกลางความเร่าร้อนที่ตื่นเพริด การขยับโยกบนเรือนกายที่แสนหวานและเสียงครวญครางที่ดังขึ้นอย่างสุขสม ทว่าเขากลับเรียก 'ชื่อเธอ' เป็น 'คนอื่น' เจ็บ... แต่กลับต้องยิ้มรับ...แล้วเเสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่รู้สึก แล้วรอคอยเศษความรักจากเขา...คนที่เธอเองก็เดาใจไม่ถูกเลยสักที!
วิญญาณฮองเฮาชั่วร้ายต้องเข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูหลินจื่อเว่ยที่ตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะต้องต่อกรกับแม่เลี้ยงใจยักษ์และโหดเหี้ยม งานนี้นางจึงต้องงัดฝีไม้ลายมือเก่า ๆ เอามาใช้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ช่างยากเย็นนัก เมื่อนางมิได้ต่อสู้กับแม่เลี้ยงใจโฉดเพียงคนเดียว เมื่อบัดนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องคู่หมั้น ที่วิปริตเย็นชาและยังเป็นโรคประสาทบ้าตัณหาผู้หนึ่ง!
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
สังคมภายนอกต่างรับรู้กันว่า ดุจตะวันหรือหมอซันเป็นนายแพทย์ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เป็นหนุ่มหล่อ ผู้ดิบผู้ดี ท่าทีสุขุมนุ่มลึก แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดซุกซ่อนอยู่ในภายใน เขามี ‘ ห้องขาว ’ อยู่ติดห้องนอน ใช่ เขาชอบสีขาว ชอบทุกอย่างที่ขาวสะอาดรวมไปถึงผู้หญิงด้วย... บ่อยครั้งที่เขาจะซื้อผู้หญิงบริสุทธิ์สะอาดมาไว้รองรับความใคร่ของตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แน่นอนว่าพวกเธอต้องยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้เกิดจากการบังคับแต่อย่างใด การมอบพรหมจรรย์ให้กับผู้ชายที่ทั้งหล่อและหุ่นดีสูสีดารานายแบบ แลกกับเงินทองและความสะดวกสบายนั้น มันช่วยให้ทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะ แค่ต้องเป็นนางบำเรอให้จนกว่าเขาจะเบื่อ สิ่งเดียวที่ต้องบังคับตัวเองให้ไม่ทำนอกเหนือไปจากหน้าที่ คืออย่าเผลอไปตกหลุมรักเขาเด็ดขาด เพราะคนอย่างดุจตะวันไม่มีหัวใจ... ตัวอย่างความคลั่งไคล้ของคูมหมอ : “ ดีไหม ” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นเล่นเอาเธอตกใจ “ อะไรคะ ” “ เอากับฉัน ดีไหม ” ใบหน้าของเธอร้อนวูบ พวงแก้มซับสีเลือดแดงระเรื่อ เธอกัดริมฝีปากอย่างเขิน ๆ แต่กิริยานั้นทำให้เขาเกิดอารมณ์ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน้อย ๆ นั่นน่าแทงของใหญ่เข้าไปชะมัด ! *** “ เจ็บมากหรือเปล่า ” ห่วงหนูด้วยเหรอคะ ตอนขอให้เบาไม่เคยเบา ! เด็กสาวแอบคิดในใจ แต่ก็ตอบออกไปสั้น ๆ อย่างสุภาพ “ ค่ะ ” “ ขย่มฉัน ” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ ถามอย่างไม่เชื่อหู “ อะไรนะคะ ” “ ฉันอยากให้เธอขย่มฉันในน้ำ ” แล้วจะถามทำไมว่าเจ็บหรือเปล่า ?!