ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / หวงรัก พันธะสวาท
หวงรัก พันธะสวาท

หวงรัก พันธะสวาท

5.0
137 บท
118.4K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

“เลือกเอานะคะ ระหว่างความสุขของคุณกับชีวิตของสิปรางค์” กรกันต์รู้ว่านั่นไม่ใช่เพียงคำขู่ของคนอกหัก ทว่ามันคือคำอาฆาตของคนที่แค้นฝังใจต่างหาก มาร์ตินี่อีกแก้วจึงถูกสาดลงคออย่างรวดเร็ว ค่ำคืนนี้เขาที่จะใช้มันดับความทุกข์ทั้งหมดที่มี เครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลายที่ถูกนำออกมาด้วยคงช่วยให้ลืมบางสิ่งบางอย่างได้อย่างไม่ยากเย็นนักลืม แต่ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า สิปรางค์ยังคงก้มๆ เงยๆ อยู่ในห้องลองชุด หญิงสาวมาทำอะไรตรงนี้ ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว เธอควรพักผ่อนเพื่อใครอีกคนไม่ใช่หรือ? ด้วยความสงสัย บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่แล่นพล่านในกระแสเลือด กรกันต์ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาทีก็หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกทำให้สิปรางค์เงยหน้าขึ้นมอง “เฮีย” แต่พอเห็นสีหน้าแดงก่ำของเขา เธอก็ทำท่าจะผละหนี “เดี๋ยวสิ” กรกันต์รีบรั้งแขนเธอไว้ ขณะที่ชั่งใจอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุยกันก่อนได้ไหม” เขาขอร้องเสียงเครียด ทั้งปาก ทั้งตา มันสั่นไปหมด เพราะมั่นใจว่าหากปล่อยมือเธอไป โอกาสแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว สิปรางค์มองแววตาแดงก่ำของเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ปรากฏความรู้สึกใดๆ ออกมา “เราไม่มีอะไรต้องคุยกันค่ะ นี่ก็ดึกแล้ว...ปรางค์ขอตัวนะคะ” หญิงสาวตัดบทอย่างคนใจร้าย ไม่อาทรต่อความน้ำเสียงเว้าวอนของเขาของสักนิด ซ้ำร้ายยังสลัดมือเขาออกอย่างไร้เยื่อใย ในจังหวะที่กำลังจะหมุนตัวหนี จู่ๆ เขาก็พุ่งมากอดจากด้านหลัง “ปรางค์...” เขาพูดแค่นั้นก็เงียบหายไปหลายนาที ส่วนเธอก็ยังยืนยันเจตนาเดิม วันนี้หัวใจเเข็งแกร่งกว่าเมื่อวาน เพราะฉะนั้นความอบอุ่นจากลำแขนทั้งสองจึงไม่สามารถทำให้เธอหวั่นไหวได้อีก ในเมื่อเขาอยากกอด อยากยื้อให้ตัวเองเจ็บปวด...ก็ตามใจ “พรุ่งนี้...” กรกันต์พยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น “เฮียจะเป็นของคนอื่นแล้ว เราจะคุยกันดีๆ สักครั้งไม่ได้เลยเหรอ?” “...” “หยุดทำตัวห่างเหิน หยุดทำเหมือนระหว่างเรามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักทีได้ไหม!” “แล้วเรายังมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีกคะ สายเลือดเดียวกันก็ไม่ใช่ เพื่อนกันก็ไม่ใช่ ยิ่งคนรัก...ก็ยิ่งไม่มีวันได้เป็น!” “แต่ปรางค์ท้อง...” เขาหยุดพูด ท่ามกลางความร้อนผ่าวที่หัวตาทั้งสอง “ลูกของเฮีย...อยู่ในนี้” มือหนากำลังเลื่อนลงไปหน้าท้องที่นูน ทว่ากลับถูกสิปรางค์ปัดออกอย่างรวดเร็ว “ห้ามแตะต้องเขานะ!” เธอพลิกตัวหนี สองมือโอบท้องตัวเองไว้ด้วยความหวงแหน สิปรางค์ไม่มีท่าทีแปลกใจสักนิดที่เขารู้ว่าเธอท้อง ถ้าเขาดูไม่ออกนี่สิ...คงเป็นเรื่องแปลกพิกล หูตาของกรกันต์มีไปทั่ว จนเธอคร้านกวาดตามองหา หากชายหนุ่มอยากรู้นัก เธอก็จะสนองความต้องการนั้นด้วยความจริงที่เขาจะทำได้แค่เพียงมอง... ทว่านาทีนั้นเองเธอเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีหยาดน้ำใสๆ เปรอะเปื้อนซีกแก้มด้านซ้ายของอีกฝ่าย เขาจะร้องไห้ทำไมกัน ในเมื่อคนถูกกระทำมาตลอด คือ เธอ! “คนใจร้าย...ห้ามแตะต้องหัวใจของปรางค์อีก!” อาการหวงแหนเกินเหตุนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับชายหนุ่มมหาศาล กรกันต์ตัดสินใจขยับเท้าเข้าหา แต่พอเห็นเธอเตรียมขยับหนีราวกับรังเกียจกัน เขาจึงยืนนิ่ง “ปรางค์...” เสียงเขาอ่อนล้านัก อาจเพราะหัวใจมันแห้งเหือดมาหลายเดือน ความจงเกลียดจงชังที่เธอแสดงออก มันจึงส่งผลกระทบต่อหัวใจเขาอย่างจัง “เขาเป็นของปรางค์คนเดียว เฮียไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาด้วยซ้ำ และการที่ปรางค์มาที่นี่ไม่ได้หมายความว่าปรางค์จะยอมเฮียทุกอย่างหรือจะขออะไรก็ได้ อย่าลืม...ว่าปรางค์ก็ยังเป็นปรางค์อยู่วันยังค่ำ เมื่อก่อนเคยร้ายยังไง วันนี้ก็จะเป็นอย่างงั้น ในเมื่อต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ พรุ่งนี้เฮียก็คอยดูฤทธิ์เดชของผู้หญิงคนนี้ได้เลย” คำกล่าวของเธอไม่เกินจริงสักนิด สิปรางค์มาที่นี่เพราะหน้าที่และคำขอของผู้มีพระคุณก็เท่านั้น หากแต่กรกันต์ยังยื้อ ไม่ยอมปล่อยวางเรื่องระหว่างกันดังที่เคยพูด พรุ่งนี้เธอก็จะทำให้เขาเห็นว่าการไม่รักษาคำพูดเป็นอย่างไร “ปรางค์จะทำอะไร” สายตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ดูจะเลือนหายไปหลังจากได้กลิ่นกายอ่อนๆ ของเธอ “อยากรู้ก็มีชีวิตอยู่ให้ถึงพรุ่งนี้สิ”

บทที่ 1 สิปรางค์ 1

พอร์ชเคย์เเมนสีเหลืองวิ่งฉิวเข้าสู่คฤหาสน์หลังงานย่านสุขุมวิท จากนั้นเสียงเบรกเอี๊ยดก็ดังลั่นเมื่อเจ้าตัวจงใจเร่งเครื่องปาดโค้งบริเวณลานน้ำพุ ก่อนที่ตัวรถจะหยุดบริเวณลงหน้าเทอเรชหรูหรา

สิปรางค์ตวัดขาลงจากรถ ก่อนจะก้าวฉับๆ เข้าไปในบ้านหลังงามที่เจ้าตัวไม่ได้กลับมาร่วมเดือน เสียงรองเท้าส้นสูงแบรนด์ดังกระทบพื้นหินอ่อนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เมื่อเจ้าตัวเมินสลิปเปอร์คู่งามแล้วเดินกระเเทกกระทั้นตามเเรงอารมณ์เข้าไปหาบิดาผู้ให้กำเนิด

ปัง!

เสียงประตูกระแทกแรงๆ ตามมาด้วยร่างเพรียวระหงยืนจังก้าอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเจ้าสัวใหญ่ แววตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าหกสิบปีเหลือบมองบุตรสาวด้วยความรัก ปากหยักปริยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าให้ลูกน้องคนสนิทหลบฉากออกไป

“ป๊า!!!”

สิปรางค์ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เต็มแรงพลางตวัดช่วงขาเรียวๆ ที่โผล่พ้นชุดเดรสสีดำสนิทขึ้นมาไขว่ห้างด้วยความเคยชิน ก่อนที่สองแขนจะยกขึ้นกอดอกยามที่เจ้าตัวถูกขัดใจ

“โอ๊ะ โอ วันนี้วันอะไรน๊อ...ลูกสาวสาวคนสวยถึงได้กลับบ้านได้”

สิปรางค์ปรายตามองบิดาแล้วสะบัดหน้าหนี ฝ่ายเจ้าสัวเห็นอาการนั้นก็พลันหัวเราะด้วยความเอ็นดู

ร่างสูงใหญ่ผ่อนกายพิงพนักเก้าอี้ ปากกาในมือถูกวางลงช้าๆ จากนั้นจึงตามมาด้วยแว่นสายตาที่สวมมากว่าชั่วโมง

“งอนอะไรป๊าอีกล่ะ คนสวย...”

เจ้าของห้องเพ่งมองคนที่นั่งเชิดหน้าคอแทบเคล็ดแล้วก็อดที่จะเย้าแหย่ไม่ได้ สิปรางค์ผู้แสนเย่อหยิ่งในตอนนี้คงกำลังคิดอะไรในหัวอยู่แน่ๆ

วัดได้จากหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปม ปากอิ่มเม้มแน่นจนเกิดรอย ซ้ำใบหน้ายังหนีอีกหลายองศา วางเดิมพันด้วยทรพย์สินย์ทั้งหมดที่มีได้เลยว่า อีกไม่กี่นาทีต่อไปนี้ พายุลูกย่อมๆ คงเกิดในห้องนี้แน่นอน

“ป๊า!” แววตาขุ่นเคืองนั้นตวัดมามองบิดา ท่ามกลางความไม่พอครุกรุ่นจนอก “ป๊าก็รู้ว่าปรางค์งอนเรื่องอะไร”

“หา!” เจ้าสัวแสร้งเบิกตาโต พลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “นี่ป๊ารู้ใจลูกสาวที่ไม่กลับบ้านเป็นเดือนๆ ด้วยเหรอนี่ โอ้โห...ต้องเก่งขนาดไหนกันนะ”

วาจานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ท่ามกลางน้ำเสียงที่ไหลรื่นไม่มีสะดุด พอเห็นปากอิ่มเม้มแน่นมากขึ้น ความสนุกในการต่อปากต่อคำจึงเริ่มขึ้น “งั้นป๊าเดานะ กลับบ้านตอนนี้ อืม...อยากได้อะไรหรือเปล่าคะคนสวย กระเป๋าคอลเล็คชั่นใหม่หรือว่านาฬิการุ่นลิมิเต็ดจากช็อปต่างประเทศเอ่ย...”

“...” สิปรางค์นั่งเงี ยบ รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกจากทางด้านหลัง

“ไม่ใช่กระเป๋า ไม่ใช่นาฬิกา...” คนเป็นบิดายังแสร้งพึมพำกับตัวเอง สักพักจึงเงยหน้าเอ่ยขึ้นว่า “เอ หรือจะเป็นรถสปอร์ตรุ่นใหม่กันนะ ต้องใช่แน่ๆ เลย ป๊าเห็นเขากำลังฮิตกันนี่นา...”

เจ้าสัวแสร้งทำหน้าซื่อตาใส พร้อมกับแสดงความใจป้ำด้วย ‘การเปย์ลูกสาว’ ดั่งเคย

สิปรางค์ต้องการอะไรท่านก็หาให้ ส่วนหนึ่งก็เพราะความรัก อีกส่วนก็เพราะชดเชยช่วงเวลาที่เคยหายไป แต่ดูเหมือนคราวนี้ข้าวของเงินทองไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่ คนสวยของเจ้าสัวใหญ่ถึงกับปรี๊ดแตก

“ป๊าอย่านอกเรื่องนะ! ป๊าก็รู้ว่าทำไมปรางค์ถึงต้องรีบมาหาป๊าตอนนี้!”

สิปรางค์ส่งเสียงแหลมปรี๊ดจนแสบแก้วหู ใบหน้าติดจะหยิ่งบึ้งตึงจนคนรอบข้างนึกขยาด ทว่าสำหรับคนพ่อ ไม่ว่าจะยังไงสิปรางค์ของท่านก็น่ารักเสมอ แม้แต่เวลานี้ก็ตาม!

“โธ่! คนสวย ป๊าไม่มีญาณวิเศษนะลูก จะได้รู้ว่าลมหอบสาวน้อยของป๊าให้กลับบ้านได้ในตอนกลางเดือนแบบนี้”

คนเป็นพ่อยังเฉไฉไปเรื่อย ขณะที่เก้าอี้ไปมาอย่างอารมณ์ดี มือหนาที่ผ่านการทำงานมาอย่างหนักหน่วงก็ยกปากกาขึ้นเคาะโต๊ะอย่างนึกครึ้มใจ

ท่านชอบเวลาสิปรางค์เหวี่ยงหรือวีน อาจฟังดูเป็นเรื่องแปลก แต่ท่านรู้ว่าบุตรสาวคนสวยที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตา การศึกษาและฐานะทางสังคม จะไม่เหวี่ยงวีนคนอื่นแบบไร้เหตุผล จะยกเว้นก็แค่ท่านและ...

“ก็ป๊า...”

แค่เพียงจะอ้าปากโวยวาย สายตาก็เหลือบไปเห็นใครอีกคน กำลังยืนเงียบๆ อยู่ริมหน้าต่าง ด้วยท่วงท่าราวกับนายแบบในนิตสารอินเตอร์สักเล่ม

สิปรางค์สังเกตเห็นว่าเขาถอนหายใจเล็กน้อยหลังจากที่เธอพูดจบ ก่อนจะหมุนกายกลับเข้ามา

“เฮีย! ออกไปเลยนะ ปรางค์จะคุยกับป๊าสองคน!”

สิปรางค์ร้องบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากอวบอิ่มยื่นออกมาอย่างน่าขัน เธอไล่เขาแล้ว แต่ร่างสูงกลับนิ่งเฉย มิหนำซ้ำคนที่ถูกเรียกว่า ‘เฮีย’ ยังท้าทายเธอด้วยการถอดสูทตัวนอกออกอย่างอ้อยอิ่งแล้วพาดมันลงกับโซฟาหลุยส์ตัวโปรดของเธอ

พรึ่บ!

เขาทิ้งตัวลงนั่งอย่างไม่ออมเเรง ท่อนขาเเข็งแกร่งตวัดขึ้นไขว่ห้างวางมาดเท่ห์ มือหนาปลดประดุมเสื้อออกอวดแผนอกแกร่งแน่นตึง

“นี่! ปรางค์ไล่เเล้วนะ”

เขาปรายตามองหน้าเธอเเล้วเมินเฉย ร่างสูงเอื้อมไปกดอินเตอร์คอมด้านข้าง ก่อนจะเปล่งเสียงขรึมสั่งการกับแม่บ้านคนสนิท

“นมทิพย์ครับผมขอกาแฟดำให้ผมหนึ่งแก้วครับ อ้อ! แล้วก็ขอน้ำส้มสด ไม่ใส่น้ำตาลด้วยครับ”

“ปรางค์ไม่กิน!” สิปรางค์สวนกลับเสียงแหลมปรี๊ด ขณะที่กรกันต์กลับตอบเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เฮียก็ยังไม่ได้บอกนี่นา...ว่าสั่งมาให้ปรางค์”

“ไอ้.!!!” คราวนี้เธอพูดไม่ออก เพราะความดันกำลังพุ่งปรี๊ดจนแทบทะลุเพดาน สิปรางค์กลั้นใจหันหน้าหนี ก่อนจะพยายามระงับอารมณ์เดือดปุดๆ ของตัวเอง

“จุ๊ๆๆๆ ไม่เอาสิครับ เป็นคนสวยแล้วไม่ทำกริยาแบบนี้นะครับ”

“ไอ้! คนบ้า คนขี้แกล้ง ป๊า...ดูสิคนแบบนี้เหรอที่ป๊ารักนักรักหนา”

สิปรางค์แทบอยากจะกระทืบพื้นให้สมกับความหงุดหงิดที่กำลังก่อตัวเป็นริ้วๆ วันนี้อุตส่าห์ถือฤกษ์ดีเข้าบ้านมาช่วงกลางเดือน ก็คิดว่าลูกรักของป๊าคงไม่อยู่ที่บ้าน...แต่ที่ไหนได้ นั่งเสนอหน้าอยู่นี่!

“ปรางค์! ไม่เอาลูก ยกมือชี้หน้าเฮียแบบนั้นมันไม่น่ารักเลยนะ มาๆ มาให้ป๊ากอดก่อนทีนึง” เจ้าสัวธวัชชัยอ้าแขนรับลูกสาว ทว่าสิปรางค์ในตอนนี้ร้อนใจเกินกว่าจะวิ่งเข้ามากอดท่านดั่งเคย

“ไม่ค่ะ! ป๊าตอบมาก่อน ที่ป๊าให้สัมภาษณ์เมื่อเช้าหมายความว่ายังไง”

น้ำเสียงห้วนจัดกับลมหายใจหอบเเรงของเธอทำให้คนกลางในห้องแอบกลั้นยิ้ม สิปรางค์ในวัยสามขวบกว่ากับสิปรางในวันนี้ไม่แตกต่างกันมากนัก

เวลาโกรธเธอก็เเรงเหมือนกับพายุ

เวลาดีก็ดีใจหาย ให้เรียกเรียกเฮียคะ เฮียขา...ก็ยอม

แล้วดูตอนนี้สิ ไอ้บ้า...เธอก็กล้าเรียก

“สัมภาษณ์เรื่อง?”

“เรื่องที่บอกว่าปรางค์จะหมั้น!”

เธอยืนเท้าเอวอย่างเอาเรื่อง แม้จะเจอสายตาห้ามปรามจากคนทั้งสอง แต่เรื่องแบบนี้ใครเล่าจะทนไหว ต่อให้เอาอิฐมาถ่วงเธอก็นั่งไม่ลง!

“อ๋อ...” คราวนี้เจ้าสัวธวัชชัยลากเสียงยาวเหยียด คล้ายกับเพิ่งนึกว่าได้ว่าข่าวอะไรหลุดรอดออกไปในเช้าช่วงเช้าที่ผ่านมา

“นึกว่าเรื่องอะไร?”

ท่าทีไม่ทุกข์ร้อนนั้นเล่นเอาสิปรางค์ปร๊ดแตกเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการที่ถูกบิดาหาคู่ให้ แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าบิดาล้ำเส้นเกินไป

สองเท้าจึงย่ำตรงมาหาบิดาทันที

สิปรางค์เท้ามือลงกับโต๊ะ พร้อมเอ่ยถามต้องน้ำเสียงเดือดดาลสุดๆ “ป๊า...ตกลงป๊าจะบังคับปรางค์ให้ได้เลยใช่ไหม”

“สวยซะเปล่าแต่พูดจาไม่มีหางเสียง คะ ขา...ก็ไม่เคยได้ยิน”

เป็นอีกครั้งที่น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยดังแว่วกระทบหูของคนสวย คราวนี้เหมือนเธอจะฉุนขาด สองเท้าบนส้นสูงจึงก้าวฉับๆ หมายจะไปเอาเรื่องเขา

“เฮีย! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะปรางค์ไม่ชอบ”

“ไม่!” กรกันต์ส่ายหน้านิ่ง พร้อมกับสำทับอีกระรอก “ถ้าเฮียเป็นป๊า เฮียจะให้ปรางค์เข้ามุม แล้วให้อ่านหนังสือมารยาทผู้ดีอีกสิบรอบ เผื่อปรางค์จะนึกว่าออกว่า ควรพูดกับผู้ใหญ่ยังไง”

“ไอ้!” สิปรางค์พูดไม่ออก เธอกำมือแน่น ก่อนจะหลับตาปี๋แล้วตั้งใจส่งเสียงกรี๊ดร้องดังลั่นบ้านเหมือนเคยในยามที่ถูกขัดใจ

ทว่าทุกอย่างยังไม่ทันได้เกิดขึ้น เพียงแค่เธอขยับเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างนอบน้อม และทันทีที่ได้รับอนุญาต บานประตูก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ

“น้ำส้มค่ะ คุณชะ...คุณหนู!”

เมื่อเข้ามาแล้วพบว่าใครยืนอยู่กลางห้อง นมทิพย์ก็ร้องเรียงคนที่เลี้ยงมากับมือด้วยสุ้มเสียงดีใจเกินจะกล่าว ก่อนจะขยับร่างอวบๆ ไปสวมกอดคนที่แสนคิดถึงอย่างรวดเร็ว

กระทั่งทุกคนในห้องต้องใจหายไปตามๆ เมื่อหญิงชราวัยแตะเลขเจ็ดกับน้ำหนัดเฉียดเจ็ดสิบนิดๆ วิ่งปร๋อราวกับเด็กสาววัยยี่สิบ

“คุณหนู....ทูนหัวของนม”

มือไม้เหี่ยวย่นแปะป่ายไปตามเรือนร่างงามระหงอย่างเเสนหวงแหน ก่อนจับเธอพลิกหมุนไปมาอย่างที่ทำเป็นประจำ และทันทีที่ได้รับอ้อมกอดของ อารมณ์ร้อนๆ ของเธอก็เย็นลงสนิทใจ

อาจเพราะท่านเลี้ยงเธอมาเหมือนลูก สิปรางค์จึงรักและเคารพท่านไม่ต่างกัน

“คุณหนูสบายดีนะคะ”

ได้ยินแบบนั้นสิปรางค์จึงหันไปมองลูกรักของป๊าแล้วแอบเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมายิ้มสดใสให้คนที่เลี้ยงเธอมา

“ปรางค์สบายดีค่ะนม แล้วนมล่ะคะ...แอบกินขนมหวานจนน้ำตาลขึ้นหรือเปล่า”

เธอถามกลับอย่างรู้ทัน เพราะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แม่นมของเธอมีนัดตรวจตามปกติ ถึงแม้เดือนนี้สิปรางค์จะติดธุระสำคัญจึงไม่สามารถพาท่านไปหาหมอได้ แต่ข่าวคราวของคนที่เธอรักก็มีให้ทราบอยู่เป็นระยะๆ และคราวนี้น้ำตาลในเลือดของป้ากุลก็พุ่งสูงจนน่าเป็นห่วง

“แหม! คุณหนูก็ คนแก่มันก็ขึ้นๆ ลงๆ เนอะ”

น้ำเสียงของคนสูงวัยตอบกลับแบบอ้อมแอ้ม กระนั้นกลับไม่กล้าสบตาทูนหัวของตัวเอง

“นมคะ ปรางค์รู้นะว่าป้ากุลแอบกินขนมมีกะทิ ปรางค์บอกแล้วใช่ไหมคะว่ากะทิทานเยอะๆ ไม่ดีต่อสุขภาพ...”

จากนั้นเสียงหวานๆ ที่ติดเหวี่ยงนิดๆ ก็ร่ายยาวไปอีกเกือบสิบประโยค เล่นเอาคนแก่ที่แอบกินขนมในยามดึกหน้าจ๋อยไปหลายนาที และกว่าสิปรางค์จะรู้ตัวว่าพูดมากไปก็ตอนที่ได้ยินผู้ชายทั้งสองในห้องหัวเราะขึ้นมาพร้อมๆ กัน

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 137 ตอนพิเศษ   06-12 10:27
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY