'ถ้าเธอให้โอกาสผมบ้าง ผมจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจเหมือนเขา ถ้าเปลี่ยนให้ผมได้ทำหน้าที่แทนเขา ผมจะไม่มีวันทำให้เธอต้องร้องไห้'
'ถ้าเธอให้โอกาสผมบ้าง ผมจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจเหมือนเขา ถ้าเปลี่ยนให้ผมได้ทำหน้าที่แทนเขา ผมจะไม่มีวันทำให้เธอต้องร้องไห้'
มันเป็นเพียงแค่ความคิดของผมเท่านั้น ผมแค่ไม่กล้าที่จะพูดมันออกมาเท่านั้นเอง ผมชื่อ เขม หรือ เขมทัต ภักดีวัฒนาสกุล ผมเป็นลูกชายเจ้าของนักธุรกิจโรงแรมชื่อดังที่มีชื่อเสียงในประเทศ
ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองหญิงสาวที่กำลังร้องไห้เพราะความเศร้าเสียใจหากย้อนเวลากลับไปได้ ผมควรที่จะมีความกล้าเข้าหาเธอมากกว่านี้ ก่อนที่คนอื่นจะมาแย่งเธอไปแบบนี้
- หนึ่งปีก่อนหน้า –
"ไอ้ตั้มมึงดูผู้หญิงคนนั้นดิวะ สวยเซี้ยะใช้ได้เลยมึง"
ไอ้นี่มันชื่อลีโอ มันเป็นคนสะกิดไอ้ตั้มให้หันไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาในคลับหรูกลางกรุงเทพฯ เธอใส่ชุดเดรสสีดำสายเดี่ยวขับให้ผิวสาวดูขาวผ่องดั่งน้ำนม
ส่วนอีกสองตัวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับไอ้ตั้มชื่อสิงโต กับอาชา และคนที่นั่งข้างมันคือผมเองเขมทัต พวกผมหันมองตามทางที่ลีโอชี้ไปทำให้เห็นว่า หญิงสาวโปรยรอยยิ้มหวานให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาภายในคลับหรู ทุกคนจ้องมองเธอเพราะความสวยสะดุดตาเกินกว่าใครในค่ำคืนนี้
ทันทีที่ผมได้เห็นเธอในคืนนี้มันทำให้ผมรู้ว่าแท้จริงแล้วบนโลกใบนี้มีคนสวยกว่าเธออยู่มากมายแต่คนที่มีรอยยิ้มที่สดใสแบบเธอมันมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นในค่ำคืนนี้
"ยัยพลอย ทางนี้ๆ "
ผู้หญิงที่เดินเข้ามาเธอชื่อน้องพลอย หรือ พลอยนภัส ทวีทรัพย์ญาดา ผมรู้มาว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของฟาร์มวัวนมที่โคราชเธอถูกส่งตัวมาเรียนต่อในกรุงเทพฯ คนเดียวแต่ผมไม่รู้เหตุผลหรอกนะว่าเพราะอะไร
แต่ตอนนี้เธอกำลังหันไปยิ้มหวานให้แก๊งเพื่อนสาวของเธอที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปของผมเนี่ย มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ คุณว่าไหม
"ทำไมแกมาช้าจังวะ"
เอวาถามฉันเมื่อฉันเดินมาถึงเธอเป็นเพื่อนสาวของฉันวันนี้เป็นวันเกิดของเอวาเราเรียนอยู่ที่มหาลัยฯ เดียวกันคณะเดียวกันที่สำคัญนะรหัสนักศึกษาของเรายังใกล้กันอีก
"รถติดน่ะแก ขอโทษน้าาาาา~"
ฉันตอบพร้อมกับเกาะแขนของเอวาเขย่าอย่างออดอ้อนฉันใช้ศีรษะของตัวเองคลอเคลียกับหัวไหล่มนของเอวาราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน ก็ยัยนี่น่ะแพ้ลูกอ้อนของฉันทุกที ในกลุ่มของฉันมีกันอยู่สามคนรวมฉันด้วยก็เป็นสี่เดี๋ยวฉันจะค่อยๆ แนะนำให้รู้จักทีละคนละกันนะ
พวกฉันยังอยู่ปีหนึ่งที่มหาลัยฯ เอกชนชื่อดังกลางกรุงเทพฯ นานๆ ฉันจะกลับบ้านไปหาป๊าที ป๊าคือพ่อของฉัน อ่อฉันลืมบอกไปฉันน่ะไม่มีแม่หรอกนะแต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ป๊าบอกว่าแม่ของฉันเสียไปตั้งแต่ฉันอายุได้สองขวบ แต่บางทีฉันก็แอบได้ยินคนอื่นบอกว่าแม่ฉันเอาฉันมาทิ้งไว้ให้ป๊าตั้งแต่ฉันยังเด็กๆ
"ไอ้เขม นั่นมันน้องพลอยน้องรหัสมึงนิ"
อาชามันสะกิดแขนผมอีกครั้งแต่ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปผมใช้แก้วทรงกลมหมุนควงแอลกอฮอล์รสขมที่อยู่ในแก้วกระดกเข้าปากด้วยสีหน้าเรียบเฉยซึ่งปกติผมเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดอยู่แล้วมันเลยกลายเป็นโลโก้ประจำตัวของผมไปแล้ว
"พูดให้กูได้ยินสักคำมันจะตายไหมวะ ไอ้ห่านิ"
อาชาคนเดิมมันพูดขึ้นอย่างไม่จริงจังมากนักทุกคนยังหันไปมองพลอยนภัสผู้หญิงของผม เอ่อ ผมแอบจองเธอไว้ในใจคนเดียวตั้งแต่วันรับน้องแล้ว พอผมรู้ว่าเธอได้มาเป็นน้องรหัสของผม ผมโครตดีใจเลยนะ แต่ก็นะผู้ชายแมนๆ อย่างผมจะแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้ามันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ผมเลยตีสีหน้าเรียบเฉยของผมเหมือนเดิม ก็มันทำตัวไม่ถูกนิหว่า
แต่ตอนนี้ผมไม่ชอบสายตาของไอ้ตั้มที่มันกำลังมองน้องพลอยของผม มันมองเธอจนตาเป็นมันผมไม่อยากให้มันยุ่งกับน้องพลอยของผมเพราะอะไรน่ะเหรอมันน่ะเพลย์บอยตัวพ่อเลยก็ว่าได้มันมองน้องพลอยของผมสายตาของมันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่ามันจะต้องจับน้องพลอยกินให้ได้
"ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ"
ฉันดื่มไปได้นิดเดียวก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพราะปวดเบาในระหว่างที่ฉันลุกขึ้นยืนก็มีสายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างจ้องมองมาที่ฉันจนแทบจะเป็นตาเดียวไปแล้ว คือฉันก็ไม่ได้สวยอะไรมากขนาดนั้นหรอกแต่ก็พอมีเนื้อมีหนังมีอกตูมๆ ให้ใครๆ เขามอง
"แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้"
ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของบางคนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำพูดขึ้นฉันหันกลับไปมองตามเสียงนั่น แต่ฉันไม่ได้ตกใจหรอกนะ เขาชื่อพี่เขม เป็นพี่รหัสของฉันเอง เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ซิ พูดน้อย ไม่ใช่ซิ เกือบจะเป็นใบ้เลยด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้เขากลับพูดออกมาแบบนี้ แสดงว่าเขาคงน่าจะดื่มหนักมากแน่ๆ
"เมาก็ไปนั่งที่ค่ะพี่เขม พลอยจะกลับโต๊ะแล้ว"
น้องพลอยของผม เธอพูดกับผมด้วยครับ ผมดีใจมากเลยนะที่เธอพูดกับผม อันที่จริงเธอพูดเก่ง และชวนผมคุยตลอดอยู่แล้ว แต่ผมเนี่ยแหละ ไม่ค่อยพูดกับเธอหรอกครับ ผมเขิน จะพูดมาแต่ละทีไอ้ผมมันก็คนปากหมาด้วยซิกลัวว่าเธอจะหนีผมไป
ผมใช้สายตาไล่มองเสื้อผ้าที่เธอใส่มาอีกครั้ง ไอ้คำว่าล่อเสือล่อตะเข้ มันคงไม่ผิดไปจากความคิดของผมหรอกครับ เพราะอะไรน่ะเหรอดูเธอซิ กระโปรงก็สั้น ชุดก็ฟิต นมก็จะทะลักออกมาอยู่แล้ว ให้ตายเถอะผมอยากจะเก็บเธอไว้คนเดียวไม่อยากให้เธอได้ออกมาโชว์อะไรอย่างนี้เลย
"ดูใส่ชุดดิ เหมือนงูเหลือมกินไก่แล้วไปไม่รอด"
"ไอ้พี่เขม!! "
ผมชี้หน้าเธอให้หยุดด่าเพราะถ้าเธอไม่หยุดผมจูบเธอจริงๆ นะเวลาเธอโมโหมันน่ารักเป็นบ้าเลยครับ เสียงเล็กๆ หวานๆ ของเธอมันทำให้ผมอยากฟังทั้งวันแก้มของเธอมันแดงเหมือนลูกตำลึงสุกปลั่ง มันน่าหยิกน่าฟัดเสียจริง
อยู่ๆ อีตาพี่เขมพูดน้อยก็พูดคำพูดไม่น่าฟังออกมาให้ฉันได้ยิน ไม่รู้ฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ปกติเขาเป็นผู้ชายที่น่ารักนะ เออ ฉันลืมบอกพี่เขมเขาเป็นเดือนมหาลัยเลยนะ ระดับเดือนอย่างเขามันหล่อกระชากใจเลยละ แต่คนอย่างฉัน คนอย่างพลอยนภัสไม่แพ้ความหล่อของเขาหรอกเพราะฉันแอบชอบผู้ชายอยู่คนนึงเขาเป็นเพื่อนกับพี่เขม
"แล้วนี่ มาคนเดียวเหรอ"
ฉันถามพี่เขมปากเน่าปากหนอน พลางกวาดสายตามองออกไปรอบๆ แต่ก็ยังไม่เห็นใครนะ ฉันมองเข้าไปภายในคลับก็เห็นแก๊งเพื่อนของฉันเอง ถัดไปก็เป็นเพื่อนของพี่เขม แต่คนที่ฉันชอบเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียดายจัง
" ... "
ผมรู้สึกไม่ชอบใจทุกครั้งที่ได้ยินน้องพลอยถามถึงคนอื่น ทุกคนคงกำลัง งง ใช่ไหมว่าผมเป็นอะไร ใช่ครับ ผมชอบน้อยพลอย ผมกล้าพูดอย่างลูกผู้ชายเลยนะ ผมชอบน้องพลอย ชอบมากด้วย ชอบมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า ผมจองเธอตั้งแต่เธอก้าวขาเข้ามาในมหาลัยฯ แล้วจองเองเงียบๆ จองแบบไม่บอกใคร และผมก็รู้ว่าน้องพลอยไม่ได้ชอบผม แต่เธอชอบไอ้ตั้มเพื่อนของผม
"ถามก็ไม่ตอบ กลัวดอกพิกุลจะร่วงรึไงคะคุณพี่เขมมมมม~"
อย่ายื่นหน้าเข้ามาอย่างนั้นนะน้องพลอยไม่งั้นผมจะอดใจไม่ไหวต้องจูบเธอแน่ๆ สายตาของผมจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่มของเธอที่เคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนมันขยับขึ้นลง แล้วผมรู้สึกปวดปร่าที่น้องชายของผมอย่างบอกไม่ถูก
"ถอย"
ก็ผมไม่รู้จะพูดอะไรนิครับผมก็ทำได้แค่นี่แหละ ก็คนมันเขิน แล้วถ้าน้องพลอยรู้ว่าผมกำลังคิดสัปดนกับเธออยู่เธอคงจะหนีผมไปแน่ๆ ผมขออยู่ข้างๆ เธออย่างนี้แหละสบายใจดี เรื่อยๆ ไม่รีบ เพราะยังไงน้องพลอยต้องเป็นของผมอยู่แล้ว
"ชิ! "
ขี้เก๊กชะมัด ฉันสะบัดผมใส่พี่เขมก่อนเดินออกมาจากตรงนั้น แล้วเข้าไปนั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม เวลาแค่เพียงไม่นานอยู่ๆ ก็มีผู้ชายเดินมานั่งข้างๆ ฉัน เขาคือพี่ตั้ม พี่ตั้มที่เป็นเพื่อนพี่เขม เขาหล่อ มีเสน่ห์ ดูดีไปทุกอย่าง ฉันเขินชะมัดที่อยู่ๆ พี่ตั้มก็มานั่งข้างฉัน
"พี่ขอนั่งด้วยนะครับ"
เขาเป็นทนายหนุ่มหล่อมากความสามารถที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะทางบ้าน สังคม เรียกได้ว่าเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะโสด ซิง หรือมีคู่ครองแล้วหากเสนอให้เขาก็พร้อมจะสนองทุกเมื่อ สาวๆ ต่างอยากควบคุม และครอบครองเขา แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างเขาน่ะ 'รักสนุก แต่ไม่ผูกพัน' ก็ตาม คนอย่างเขาไม่เคยคิดหยุดอยู่ที่ใคร ความซิงไม่สามารถผูกมัดเขาได้ จนกระทั่ง... เธอเดินเข้ามาในชีวิตเขา
❤ โปรเจกต์สุดฮอตต้อนรับวาเลนไทน์ Match Love Valentines ❤ เรื่องราวของสาวขี้เหงาทั้งสี่คนที่เกิดอาการ เปลี่ยวใจอยากมีใครสักคน เลยต้องเข้าแอปหาคู่อย่าง MATCH LOVE เพื่อตามหาคู่เดตที่มาทำให้วาเลนไทน์ของพวกเธอ ไม่ต้องเหงาใจอีกต่อไป และแอปนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการแมตช์รักของพวกเธอ...แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังจากแอปหาคู่สักหน่อย? ไปลุ้นกันว่าแอปนี้จะช่วยให้พวกเธอสละโสดได้ไหม...!!!!
เธอทำให้เขารัก เธอทำให้เขาแค้น และก็เป็นเธอที่กลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขา เขาที่พยายามลืมความรักของเธอกดความเจ็บแค้นเอาไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ เธอทำให้เขารู้จักคำว่า "ทั้งรัก ทั้งแค้น" เป็นอย่างดี ในเมื่อเธอเลือกจะกลับมาเขาก็จะสาดความเจ็บแค้นคืนกลับไปให้เธอได้รู้สึก ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บช้ำที่ไม่มีวันลืมได้ลง
"ไม่ใช่ นี่มันเกียร์ฉัน!" "Oh! ขะ ... ขอโทษค่ะ ขอโทษ ก็คุณลุงไม่ให้มองมิลก์ก็กำผิดกำถูกสิคะ แล้วข้ามมาทำไมตอนรถไม่นิ่งละคะ" "ใครมันจะไปคิด ว่าเธอจะคิดทำมิดีมิร้ายกับฉันเล่า" "มิลก์เหรอคะ ที่คิดทำมิดีมิร้ายกับคุณลุงน่ะ ไม่ใช่ใช่คุณลุงเหรอคะ มาสอนมิลก์ขับรถแท้ๆ ตรงนั้นยังจะตั้งอยู่อีก"
ผอ. หนุ่มสุดหื่น พ่อปลาไหลตัวพ่อ รักและหวงความโสดยิ่งกว่าชีวิต ใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่างจนมาเจอเธอ หญิงสาวที่เขาจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ใจเธอสักที ความอยากเอาชนะของเขามันเป็นบ่อเกิดความรักที่ก่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป