เพราะพ่อของเธอคิดใช้เล่ห์เหลี่ยมจับเขาให้แต่งงานกับลูกสาวของตัวเอง เขาจึงแก้แค้นคืนกลับไปอย่างสาสม ผู้หญิงที่เขาหลงรักกลับเป็นคนที่เขาเคยเกลียดและทำลายเขาควรทำเช่นไรให้ได้นางฟ้าอย่างเธอและลูกกลับคืนมา
ณ กรุงเทพมหานคร
ตึกสูงสามสิบชั้นใจกลางเมืองของกรุงเทพ บริษัทนพดลการค้า จำกัด บริษัทด้านการส่งออกสินค้าอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ชั้นบนสุดของอาคารห้องท่านประธานบริษัทตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และโกรธเคืองที่ลูกน้องทำงานไม่สำเร็จ
"ขอโทษครับนาย คุณชาร์ลปฎิเสธที่จะร่วมหุ้นกับเราครับ" สิงห์มือขวาและเลขาส่วนตัวของนพดลกล่าวด้วยใบหน้าสำนึกผิด
"ฉันไม่คิดเลย ว่ามันจะหยิ่งขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นถึงอภิมหาเศรษฐีและนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉันคงไม่ง้อมันมาถึงขนาดนี้หรอก"
นพดลกล่าวด้วยความไม่พอใจปนผิดหวังตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามที่จะเชิญชวน ชาร์ล เวลล็อค มาร่วมหุ้นด้วยตลอดแต่ก็ต้องผิดหวัง
"นายไม่ลองชวนนักธุรกิจคนอื่นดูล่ะครับ" สิงห์กล่าวแนะด้วยใบหน้าที่เกรงกลัวนิด ๆ เผื่อนายท่านจะเปลี่ยนใจ
"แกคิดว่าดีแล้วหรือถึงกล้าแนะนำฉันแบบนี้ แกก็รู้ว่าฐานะการเงินของบริษัทเป็นยังไง ถ้าฉันได้ร่วมหุ้นกับไอ้หนุ่มนั่นชื่อเสียงและเงินร่วมหุ้นของมันก็จะทำให้บริษัทมั่นคงขึ้น นักธุรกิจคนอื่นก็ล้วนแล้วอยากจะร่วมหุ้นกับมัน เพราะมันจับต้องอะไรก็ประสบความสำเร็จหมด อีกอย่างฉันอยากให้ยัยหนูมีคนเก่ง ๆ แบบนี้เคียงข้างในวันข้างหน้าด้วย" นพดลกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มย่องและเจ้าเล่ห์
"นายท่านคงไม่ได้คิดที่จะจับคู่ให้คุณหนูด้วยหรอกนะครับ" สิงห์กล่าวด้วยใบหน้าอยากรู้และตกใจ
"ฮึ ฮึ ฮึ แกคิดว่าฉันพยายามขนาดนี้เพื่ออะไรล่ะ ยัยอันอ่อนเกินไปคงสานต่อธุรกิจของฉันไม่ได้แน่ ว่างจากเรียนสนใจแต่ทำอาหารและขนมอย่างเดียว แล้วแบบนี้สิ่งที่ฉันสร้างมากับมือจะให้พังลงไปง่าย ๆ งั้นเหรอ"
"แต่คุณหนูอายุห่างจากคุณชาร์ลเป็นรอบเลยนะครับ อีกอย่างคุณหนูก็อ้วนมากด้วย ผู้หญิงที่รายล้อมรอบคุณชาร์ลก็ล้วนแล้วแต่สวยๆทั้งนั้น คุณชาร์ลจะสนใจและยอมให้จับง่าย ๆ เหรอครับ" สิงห์กล่าวด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล
"ถ้าพูดถึงความสวยฉันคิดว่า ถ้ายัยอันผอมขึ้นมาก็ต้องสวยไม่แพ้ใครแน่นอน " นพดลกล่าวถึงบุตรสาวด้วยความภาคภูมิใจ
คฤหาสน์อมรพิพัฒน์รัตนกุล
"คุณหนูยังไม่กลับมาอีกเหรอคุณนมสาย" นพดลถามด้วยความสงสัย
"คุณหนูกลับมาแล้วค่ะ สงสัยคงอาบน้ำอยู่ค่ะคุณท่าน เดี๋ยวนมให้มะลิไปตามให้ค่ะ" แม่นมสายตอบด้วยความนอบน้อม
"ไม่ต้องไปตามหนูอันหรอกค่ะ หนูอันมาแล้วคิดถึงคุณพ่อจังเลยค่ะ” สาวน้อยทรงอวบอ้วนตอบบิดาและวิ่งเข้ามากอดด้วยใบหน้าที่มีความสุข
เมื่อสิบห้าปีก่อน
สาวน้อยต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่เพราะโรคหัวใจ ทำให้นมสายสาวใช้คนสนิทของคุณญาดาผู้เป็นภรรยาของคุณนพดล ต้องผันตัวเองมาเป็นคนเลี้ยงคุณหนูอันในวัยสามขวบแทน นมสายเก่งด้านทำอาหารกับขนมมาก ดังนั้นคุณหนูอันจึงติดนิสัยชอบเข้าครัวทำอาหารและชอบชิมชอบทานไปด้วย จึงเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้คุณหนูอันอวบอ้วนอย่างทุกวันนี้
"ปีนี้หนูอายุสิบแปดแล้วนะหนูอัน ตอนนี้หนูน้ำหนักเท่าไรแล้ว พ่อว่าปิดเทอมนี้หนูควรเข้าคอร์สลดน้ำหนักอย่างจริง ๆ จัง ๆ ซะที ไม่งั้นพ่อคงอดได้ลูกเขยกับคนอื่นเค้าแน่"นพดลกล่าวด้วยสีหน้าล้อเลียนลูกสาว
"โถ...คุณพ่อขาไม่อยากเลี้ยงหนูอันแล้วหรือคะ หนูอันยังเรียนไม่จบเลยนะคะ แถมอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยไม่มีผู้ชายมาจีบหนูอันก็ดีแล้วนี่คะหนูอันจะได้อยู่กับคุณพ่อไปนาน ๆ ไงคะ หรือคุณพ่อเบื่อหนูอันแล้วคะถึงอยากให้หนูอันไปอยู่กับคนอื่นค่ะ" สาวน้อยแต่ร่างอวบอ้วนกล่าวด้วยใบหน้าแสนงอนบิดานิด ๆ
"ไม่ใช่ยังงั้น หนูก็รู้นี่ว่าพ่อรักหนูแค่ไหนแถมพ่อก็มีโรคประจำตัวอีกไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน พ่อก็แค่อยากให้หนูและธุรกิจของเรามีคนดูแลต่อจากพ่อ ถ้าพ่อเป็นอะไรไปและพ่อเชื่อว่าถ้าหนูผอมได้หนูต้องสวยมากแน่เพราะทุกวันนี้ถึงจะอวบอ้วนแต่ผิวพรรณขาวเนียนราวผิวเด็กทารก และโครงหน้ากลับสวยหวานอ่อนโยน ดวงตากลมโตแพขนตายาวงอนเรียกได้ว่าแทบไม่ต้องใส่ขนตาปลอมเลยทีเดียว" นายนพดลพยายามพูดให้กำลังใจบุตรสาว
"คุณพ่ออย่าพูดอย่างงี้สิคะ หนูอันเชื่อว่าคุณพ่อต้องได้อยู่กับหนูอันอีกนานค่ะ รอปิดเทอมแล้วหนูอันจะไปเข้าคอร์สอย่างที่คุณพ่อบอกก็ได้ค่ะ ตอนนี้หนูอันก็ลดเรื่องกินไปเยอะแล้วนะคะ แต่ไม่รู้ทำไมไม่ผอมลงสักทีค่ะ เฮ่อ..." อันนาดากล่าวและถอนหายใจอย่างเริ่มปลง
เพื่อนที่มหาลัยของเธอแต่ละคนก็หุ่นดี ๆ ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่อยากได้หุ่นที่ดีผอมบางหุ่นเพรียว ที่ผ่านมาทั้งออกกำลังกายลดอาหารแต่สุดท้ายก็ลงแค่นิดเดียวเอง จนบางครั้งเธอยังรู้สึกว่าตัวเองพยายามน้อยเกินไปหรือเปล่า
"พ่อว่าเราไปทานอาหารเย็นกันเถอะ"
"ค่ะคุณพ่อ"
หนึ่งเดือนต่อมา
ก๊อก... เสียงเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าห้องหน้าห้องท่านประธานบริษัท
"เข้ามา"
"นายครับ ผมได้ข่าวมาว่าคุณชาร์ลมาที่เมืองไทยได้สามวันแล้วครับ"
"แล้วทำไมแกพึ่งมาบอกฉันตอนนี้ห้ะ" นพดลพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจปนหงุดหงิดเล็กน้อย
"ขอโทษครับนาย" สิงห์ตอบอย่างสำนึกผิด
ณ กรุงเทพมหานคร
ตึกสูงสามสิบชั้นใจกลางเมืองของกรุงเทพ บริษัทนพดลการค้า จำกัด บริษัทด้านการส่งออกสินค้าอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ชั้นบนสุดของอาคารห้องท่านประธานบริษัทตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และโกรธเคืองที่ลูกน้องทำงานไม่สำเร็จ
"ขอโทษครับนาย คุณชาร์ลปฎิเสธที่จะร่วมหุ้นกับเราครับ" สิงห์มือขวาและเลขาส่วนตัวของนพดลกล่าวด้วยใบหน้าสำนึกผิด
"ฉันไม่คิดเลย ว่ามันจะหยิ่งขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นถึงอภิมหาเศรษฐีและนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉันคงไม่ง้อมันมาถึงขนาดนี้หรอก"
นพดลกล่าวด้วยความไม่พอใจปนผิดหวังตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามที่จะเชิญชวน ชาร์ล เวลล็อค มาร่วมหุ้นด้วยตลอดแต่ก็ต้องผิดหวัง
"นายไม่ลองชวนนักธุรกิจคนอื่นดูล่ะครับ" สิงห์กล่าวแนะด้วยใบหน้าที่เกรงกลัวนิด ๆ เผื่อนายท่านจะเปลี่ยนใจ
"แกคิดว่าดีแล้วหรือถึงกล้าแนะนำฉันแบบนี้ แกก็รู้ว่าฐานะการเงินของบริษัทเป็นยังไง ถ้าฉันได้ร่วมหุ้นกับไอ้หนุ่มนั่นชื่อเสียงและเงินร่วมหุ้นของมันก็จะทำให้บริษัทมั่นคงขึ้น นักธุรกิจคนอื่นก็ล้วนแล้วอยากจะร่วมหุ้นกับมัน เพราะมันจับต้องอะไรก็ประสบความสำเร็จหมด อีกอย่างฉันอยากให้ยัยหนูมีคนเก่ง ๆ แบบนี้เคียงข้างในวันข้างหน้าด้วย" นพดลกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มย่องและเจ้าเล่ห์
"นายท่านคงไม่ได้คิดที่จะจับคู่ให้คุณหนูด้วยหรอกนะครับ" สิงห์กล่าวด้วยใบหน้าอยากรู้และตกใจ
"ฮึ ฮึ ฮึ แกคิดว่าฉันพยายามขนาดนี้เพื่ออะไรล่ะ ยัยอันอ่อนเกินไปคงสานต่อธุรกิจของฉันไม่ได้แน่ ว่างจากเรียนสนใจแต่ทำอาหารและขนมอย่างเดียว แล้วแบบนี้สิ่งที่ฉันสร้างมากับมือจะให้พังลงไปง่าย ๆ งั้นเหรอ"
"แต่คุณหนูอายุห่างจากคุณชาร์ลเป็นรอบเลยนะครับ อีกอย่างคุณหนูก็อ้วนมากด้วย ผู้หญิงที่รายล้อมรอบคุณชาร์ลก็ล้วนแล้วแต่สวยๆทั้งนั้น คุณชาร์ลจะสนใจและยอมให้จับง่าย ๆ เหรอครับ" สิงห์กล่าวด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล
"ถ้าพูดถึงความสวยฉันคิดว่า ถ้ายัยอันผอมขึ้นมาก็ต้องสวยไม่แพ้ใครแน่นอน " นพดลกล่าวถึงบุตรสาวด้วยความภาคภูมิใจ
คฤหาสน์อมรพิพัฒน์รัตนกุล
"คุณหนูยังไม่กลับมาอีกเหรอคุณนมสาย" นพดลถามด้วยความสงสัย
"คุณหนูกลับมาแล้วค่ะ สงสัยคงอาบน้ำอยู่ค่ะคุณท่าน เดี๋ยวนมให้มะลิไปตามให้ค่ะ" แม่นมสายตอบด้วยความนอบน้อม
"ไม่ต้องไปตามหนูอันหรอกค่ะ หนูอันมาแล้วคิดถึงคุณพ่อจังเลยค่ะ” สาวน้อยทรงอวบอ้วนตอบบิดาและวิ่งเข้ามากอดด้วยใบหน้าที่มีความสุข
เมื่อสิบห้าปีก่อน
สาวน้อยต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่เพราะโรคหัวใจ ทำให้นมสายสาวใช้คนสนิทของคุณญาดาผู้เป็นภรรยาของคุณนพดล ต้องผันตัวเองมาเป็นคนเลี้ยงคุณหนูอันในวัยสามขวบแทน นมสายเก่งด้านทำอาหารกับขนมมาก ดังนั้นคุณหนูอันจึงติดนิสัยชอบเข้าครัวทำอาหารและชอบชิมชอบทานไปด้วย จึงเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้คุณหนูอันอวบอ้วนอย่างทุกวันนี้
"ปีนี้หนูอายุสิบแปดแล้วนะหนูอัน ตอนนี้หนูน้ำหนักเท่าไรแล้ว พ่อว่าปิดเทอมนี้หนูควรเข้าคอร์สลดน้ำหนักอย่างจริง ๆ จัง ๆ ซะที ไม่งั้นพ่อคงอดได้ลูกเขยกับคนอื่นเค้าแน่"นพดลกล่าวด้วยสีหน้าล้อเลียนลูกสาว
"โถ...คุณพ่อขาไม่อยากเลี้ยงหนูอันแล้วหรือคะ หนูอันยังเรียนไม่จบเลยนะคะ แถมอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยไม่มีผู้ชายมาจีบหนูอันก็ดีแล้วนี่คะหนูอันจะได้อยู่กับคุณพ่อไปนาน ๆ ไงคะ หรือคุณพ่อเบื่อหนูอันแล้วคะถึงอยากให้หนูอันไปอยู่กับคนอื่นค่ะ" สาวน้อยแต่ร่างอวบอ้วนกล่าวด้วยใบหน้าแสนงอนบิดานิด ๆ
"ไม่ใช่ยังงั้น หนูก็รู้นี่ว่าพ่อรักหนูแค่ไหนแถมพ่อก็มีโรคประจำตัวอีกไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน พ่อก็แค่อยากให้หนูและธุรกิจของเรามีคนดูแลต่อจากพ่อ ถ้าพ่อเป็นอะไรไปและพ่อเชื่อว่าถ้าหนูผอมได้หนูต้องสวยมากแน่เพราะทุกวันนี้ถึงจะอวบอ้วนแต่ผิวพรรณขาวเนียนราวผิวเด็กทารก และโครงหน้ากลับสวยหวานอ่อนโยน ดวงตากลมโตแพขนตายาวงอนเรียกได้ว่าแทบไม่ต้องใส่ขนตาปลอมเลยทีเดียว" นายนพดลพยายามพูดให้กำลังใจบุตรสาว
"คุณพ่ออย่าพูดอย่างงี้สิคะ หนูอันเชื่อว่าคุณพ่อต้องได้อยู่กับหนูอันอีกนานค่ะ รอปิดเทอมแล้วหนูอันจะไปเข้าคอร์สอย่างที่คุณพ่อบอกก็ได้ค่ะ ตอนนี้หนูอันก็ลดเรื่องกินไปเยอะแล้วนะคะ แต่ไม่รู้ทำไมไม่ผอมลงสักทีค่ะ เฮ่อ..." อันนาดากล่าวและถอนหายใจอย่างเริ่มปลง
เพื่อนที่มหาลัยของเธอแต่ละคนก็หุ่นดี ๆ ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่อยากได้หุ่นที่ดีผอมบางหุ่นเพรียว ที่ผ่านมาทั้งออกกำลังกายลดอาหารแต่สุดท้ายก็ลงแค่นิดเดียวเอง จนบางครั้งเธอยังรู้สึกว่าตัวเองพยายามน้อยเกินไปหรือเปล่า
"พ่อว่าเราไปทานอาหารเย็นกันเถอะ"
"ค่ะคุณพ่อ"
หนึ่งเดือนต่อมา
ก๊อก... เสียงเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าห้องหน้าห้องท่านประธานบริษัท
"เข้ามา"
"นายครับ ผมได้ข่าวมาว่าคุณชาร์ลมาที่เมืองไทยได้สามวันแล้วครับ"
"แล้วทำไมแกพึ่งมาบอกฉันตอนนี้ห้ะ" นพดลพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจปนหงุดหงิดเล็กน้อย
"ขอโทษครับนาย" สิงห์ตอบอย่างสำนึกผิด
"แด๊ดดี้ตกเครื่องบินตายไปแล้วล่ะ อย่าถามถึงอีกเลยนะคะเด็กดี" "ถ้าแด๊ดดี้ตายไปแล้ว แด๊ดดี้นิสัยดีหรือเปล่าคะคุณครูบอกว่านิสัยดีได้ขึ้นสวรรค์ นิสัยไม่ดีตกนรกค่ะ สรุปแล้วแด๊ดดี้หนูอยู่สวรรค์หรือนรกคะ"
อยากแต่งงานกับฉันเธอต้องทนทุกอย่างได้แพรลตา ต่อให้เธอทำงานจนล้มตายไปต่อหน้าฉันก็จะไม่สน เพราะเธอก็เหมือนต้นหญ้าเล็กๆคอยรองเท้าเวลาที่ฉันเหยียบย่ำเท่านั้น
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"