แอร์โฮสเตสสาวสวยที่คบกับแฟนมาห้าปีถูกบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใย โดนบอกเลิกว่าเจ็บแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่าคือ.. เขาพาผู้หญิงคนนั้นมาหยามถึงที่และบอกข่าวดีที่ว่าเขาทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน! ความเจ็บปวดจากการถูกนอกใจทำให้เธอขาดสติและต้องการประชดชีวิต... จึงไปนอนกับผู้ชายที่เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งใบหน้าของเขา!!
“เราเลิกกันเถอะ”
หนุ่มหน้าตาดีวัยยี่สิบแปดปีพูดน้ำเสียงราบเรียบ นัยน์ตาสีดำสนิทของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ราวกับสิ่งที่เปล่งออกมาจากปากเป็นแค่เพียงคำพูดปกติ ทว่าคนที่ได้ยินกลับรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้า
“ยุ กำลังจะแต่งงานเดือนหน้า”
วายุ ชายหนุ่มที่คบหาดูใจกับหญิงสาวมาเป็นเวลาเกือบห้าปี วางการ์ดแต่งงานสีครีมเรียบหรูที่มีชื่อของเขากับผู้หญิงคนหนึ่งตรงหน้าเธอ
หญิงสาวมองไปที่การ์ดใบนั้น การออกแบบเหมือนที่เขาและเธอเคยเลือกกันไว้เล่นๆ ว่าอยากจะใช้ในงานแต่งของทั้งสอง แต่เขากลับใช้มันในงานของเขากับผู้หญิงคนอื่น
มิลิน แอร์โฮสเตสสาวของสายการบินชื่อดังวัยยี่สิบแปดปี นั่งมองการ์ดใบนั้นนิ่ง ไม่มีเสียงใดเปล่งออกมาจากปากเธอ ตั้งแต่โดนชายหนุ่มบอกเลิก
หญิงสาวคิดว่าวันนี้เขานัดเธอมาดินเนอร์ปกติอย่างที่เคยทำ แต่เธอคิดผิด ‘ไม่สิ ไม่คาดคิดต่างหาก ว่าคนที่เธอรักจะกล้าทำเรื่องใหญ่แบบนี้ ’ มือเล็กกุมเข้าหากันแน่นจนอุ้งมือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
ที่เธอนั่งเงียบไม่ใช่ว่าไม่มีคำพูด แต่มันกลับพูดไม่ออก เธอรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ รอบกายหยุดนิ่งราวกับกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ หนาวไปถึงขั้วหัวใจ เธอพยายามประมวลทุกอย่างในสมองแล้วกลืนน้ำลายหนืดลงคอ พลางเงยหน้ามองชายหนุ่มที่กลายเป็นอดีตคนรักของเธอไปเมื่อหลายนาทีก่อน
“ทำแบบนี้ได้ยังไง” ประโยคที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเปล่งออกมาจากริมฝีปากบาง เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะบังคับเสียงให้สั่นน้อยที่สุด
เธอมีคำถามมากมายที่อยากจะถามเขา แต่แค่ประโยคแรกที่เปล่งออกมามันช่างยากลำบากและเจ็บปวดเหลือเกิน เธอกะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาไม่ให้ไหลลงมา มิลินไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายเลวๆ คนนี้
ชายหนุ่มได้ยินคำถามของเธอก็เป็นฝ่ายเงียบบ้าง กระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขาแล้วมองไปที่มิลินด้วยแววตาเยาะเย้ย
มิลินมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งกับหญิงสาวที่ยืนอยู่สลับกัน วายุตัดสินใจยืนขึ้นแล้วแนะนำผู้หญิงข้างกาย
“นี่ไลลา คนที่ยุกำลังจะแต่งงานด้วย”
“สวัสดีค่ะ คุณมิลิน อย่าลืมไปแสดงความยินดีกับเราทั้งสองนะคะ”
ไลลาเอ่ยเสียงหวาน แต่สายตาที่มองมิลินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จนมิลินยังสงสัยว่าเธอไปทำอะไรให้ผู้หญิงคนนี้
หลังจากเห็นสายตาที่เหนือกว่าของไลลา ทำให้หญิงสาวรวบรวมความกล้าลุกขึ้นประจันหน้ากับคนทั้งสองบ้าง
แอร์โฮสเตสสาวยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมแสยะยิ้มร้ายแล้วเดินเข้าไปใกล้ว่าที่เจ้าสาวของวายุ
“ทำไม จะตบฉันเหรอ” ไลลาถามเสียงดังอย่างท้าทาย
ผู้คนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติแล้วหันมามองพวกเขาทั้งสามคนเป็นสายตาเดียวกัน
“ไม่หรอก เดี๋ยวอะไรสกปรกๆ จะติดมือ” มิลินส่งยิ้มหวานหลังจากพูดจบ
“แก!” ไลลาชี้หน้ามิลินอย่างโกรธจัด
“ทำไมเหรอ ฉันพูดผิดตรงไหน” มิลินมองคนทั้งสองแล้วทำสีหน้ารังเกียจ
“ถ้าฉันสกปรก แกก็สกปรกไม่ต่างกัน ก็เรามีผัวคนเดียวกันนี่” ไลลาพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
“ไลลา พอได้แล้ว” วายุหันไปปรามว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจนะ ที่เอาของสกปรกออกไปไกลๆ ฉันจะได้ไม่ต้องกินมันร่วมกับแกอีก”
“กรี๊ด” ไลลากรีดร้องดังสนั่นอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้
“จุ๊ๆ อย่าพึ่งอกแตกตายสิ ยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ” มิลินเห็นท่าทางของไลลาก็รู้สึกสะใจไม่น้อย
“ลิน พอเถอะ” วายุหันมาปรามเธอบ้าง
“คนอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน เคยสำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำหรือเปล่า แม้แต่คำขอโทษสักคำฉันยังไม่ได้ยิน”
มิลินหันไปเล่นงานชายหนุ่มบ้าง แววตาที่เธอมองเขามันเต็มไปด้วยความขยะแขยงและสะอิดสะเอียนเต็มที
“ส่วนวันงานศพ ไม่ใช่สิ! งานแต่งของพวกแก ฉันคงไม่ว่างไป งั้นขอแสดงความยินดีตรงนี้เลยแล้วกัน”
หญิงสาวหันไปเห็นขวดแชมเปญจากโต๊ะข้างๆ เธอหยิบมันมาเขย่า จากนั้นเปิดฝาฉีดไปยังคนทั้งสองที่ยืนอยู่จนเปียกปอน
“ลิน!"
"แก!”
ทั้งสองตะโกนใส่มิลินอย่างพร้อมเพรียง แต่มาถึงขั้นนี้แล้วมีหรือที่เธอจะสนใจ หันไปกรีดยิ้มร้ายพร้อมพูดอวยพรคนทั้งสอง
“ฉันขอให้ชีวิตพวกแก หาความสุขไม่เจอ ไปลงนรกซะ!!”
หญิงสาวพูดจบรีบเดินออกมาจากบริเวณนั้น เสียงปรบมือชอบใจดังสนั่น ตามด้วยเสียงกรีดร้องของไลลาไล่ตามหลังเธอมา
มิลินเปิดประตูเข้าไปยังบันไดหนีไฟแล้วนั่งลงชิดกับผนังอย่างหมดแรง น้ำตามากมายไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่และเธอสุดจะห้ามมันแล้ว
หญิงสาวนั่งหันหน้าเข้าหาผนังแล้วใช้หน้าผากพิงมันอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว มืออีกข้างกำเข้าหากันแน่นพร้อมกับทุบผนังอย่างแรงเพื่อระบายความเจ็บปวดที่อยู่ภายในจิตใจ เผื่อว่าความเจ็บปวดนอกกายจะทำให้ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจทุเลาลงบ้าง แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย
ข้อนิ้วเล็กๆ ของเธอมีเลือดซึมออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำ จนมารู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกว่าผนังที่เธอทุบมันนิ่มขึ้นจนน่าแปลกใจ จึงเงยหน้าแดงก่ำที่เปรอะไปด้วยน้ำมูกน้ำตามองมือตนเอง เห็นมือใหญ่ของใครบางคนมารองรับไว้
หญิงสาวหันไปมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาทว่าดูเจ้าชู้อย่างมึงงง
ชายคนนั้นเห็นสายตาของเธอก็พูดขึ้น
“เดี๋ยวกระดูกก็แตกหรอก”
“คุณเป็นใคร อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ผมเป็นหมอ ผมสามารถรักษาแผลที่มือคุณได้นะ แต่แผลที่ใจคุณต้องรักษาเอง”
“ฉันไม่รักษาอะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่ง! ฮึก” มิลินยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“แต่คุณทำให้ผมไม่ได้ดื่มแชมเปญขวดนั้น” หญิงสาวนึกถึงแชมเปญที่เธอใช้สาดสองคนนั้น ก็รู้ว่าเป็นของชายหนุ่ม
“หยิบเงินไปสิ” เธอโยนกระเป๋าใส่เขาแล้วพูดต่อด้วยเสียงกลั้นสะอื้น
“คุณก็ไปโทษพวกมันสองตัวด้วยสิ ฮึก”
“แต่คุณเป็นคนเอาไปสาดพวกเขาเองนะ” เขามองหน้าเธอนิ่ง
“ก็พวกมันทำฉันก่อนนี่” เธอใช้มือเล็กปาดน้ำตาลวกๆ มองคนตรงหน้า
“ในเมื่อพวกเขาทำร้ายหัวใจคุณ คุณยังจะมาซ้ำเติมตัวเองแบบนี้อีกเหรอ”
เขาปรายตามองนิ้วเรียวที่มีเลือดซึมออกมาของเธอ
“ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งไง!” เธอตวาดเสียงดังด้วยความรำคาญใจ
ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาเองก็ไม่ได้อยากยุ่ง แต่เธอดันทำสร้อยข้อมือหล่นข้างเก้าอี้เขา จึงเก็บมาคืนก็เท่านั้น
ครืด ครืด ~
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงยีนของเขาสั่นอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มรีบกดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
“ไปรอที่ร้านก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”
“เออๆ ไม่นาน”ชายหนุ่มวางสายแล้วหันไปมองเธอ เขาหยิบสร้อยข้อมือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีดำของตัวเองออกมาแล้วใส่มันลงไปในกระเป๋าสะพายของหญิงสาว แต่ก่อนออกไปเขาไม่ลืมที่จะถามเธออีกครั้ง
“จะให้ผมพาไปส่งที่รถหรือเปล่า”
“ฉันไม่มีรถ รถคันนั้นฉันซื้อให้เขา”เธอพึมพำอย่างรู้สึกสมเพชตัวเอง
มิลิน ซื้อรถยนต์คันนั้นให้วายุเป็นของขวัญวันเกิดของเขาเมื่อสองปีก่อน ส่วนบ้านที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันเป็นชื่อของวายุ เพราะเขาเป็นคนซื้อและบอกว่าจะยกให้เป็นชื่อเธอในวันครบรอบห้าปีที่คบกัน แต่ดันเกิดเรื่องเสียก่อน
หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกจากตรงนั้นแล้วไปขึ้นแท็กซี่ โดยไม่สนใจชายหนุ่มที่เดินตามหลังมา สายตาของเขามองตามรถคันนั้นไปจนพ้นสายตาโดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของเธอคือที่ไหนกัน
เมื่อพี่ชายตัวดีของเธอ...พาน้องสาวของมาเฟียหนุ่มหนีไป อลิสจึงต้องตกเป็นผู้รับกรรมและรอจนกว่าน้องสาวของเขาจะกลับมา แต่ดูเหมือนว่า..การได้มาอยู่กับเขากลับทำให้เธอล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่าง ความลับ...ที่พวกเขาพยายามปกปิดเธอมาตลอด “ในเมื่อไม่ยอมบอกว่าพี่ชายของคุณมันพาน้องสาวของผมไปซ่อนไว้ที่ไหน ผมก็จะกักขังคุณไว้ที่นี่” “ก็บอกว่าฉันไม่รู้ไง” “มันก็ช่วยไม่ได้ และผมจะเอาคุณจนกว่าพี่ชายตัวดีของคุณจะโผล่หัวมา แต่ก็ไม่รับรองนะว่ากว่าจะถึงตอนนั้น อะไร อะไร ของคุณมันจะไม่หลวมไปซะก่อน” “ไอ้...” จุ๊ป อืมส์ “ฉันจะฆะ..อาส์” “หึ คุณก็เคลิ้มไปกับผมทุกครั้งอยู่ดี”
ความพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว กลับเปลี่ยนชีวิตของเขาและเธอไปตลอดกาล... เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ธีระหลงคิดว่า เธอคือใครอีกคนที่เขารักหมดหัวใจ ค่ำคืนแห่งความมืดมนผ่านพ้นไปพร้อมความบริสุทธิ์ที่ถูกพราก แต่ถึงอย่างนั้นลลิลกลับไม่แม้แต่จะเรียกร้องสิ่งใดและทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่ได้ยุติแค่ตรงนั้น เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขา...
วันวิวาห์ ตกหลุมรักผู้อุปการะของเธอตั้งแต่แรกพบ หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างให้เขาภาคภูมิใจ แต่ดูเหมือนว่าสายตาคู่นั้นจะมองเห็นแค่เพียงเด็กที่ก่อปัญหาวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน... เธอ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างความสัมพันธ์ รามิล นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมหรูอย่าง A.W.HOTEL ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับวันละหลายรอบ เมื่อเด็กที่เขาอุปการะไว้เจ็ดปีก่อนกลับมาเยือนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง... เขา พยายามรักษาระยะห่าง แต่เธอดันชอบเข้ามาในระยะประชิด กระทั่งวันที่ทั้งสอง ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า... สิ่งเดียวที่เธอต้องการจากเขาคือ ความรัก แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องการจากเธอคือ ความลับ สุดท้ายแล้วความรักที่มาพร้อมความลับมันจะลงเอยแบบไหนกัน?
เพราะ One night stand ครั้งนั้น... ทำให้นักธุรกิจหนุ่มหล่อวัยสามสิบห้า ต้องมาหลงเสน่ห์เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดอย่างเธอ!! "ไหนคุณบอกว่าเรื่องระหว่างเราเป็นแค่ one night stand ไงคะ" "แล้วถ้าผมไม่ได้อยากให้มันจบลงแค่นั้นล่ะ" "คะ?" "มาอยู่กับผม รับรองว่า คุณจะได้ทุกอย่างที่อยากได้" "ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย" "เพราะไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่มีทางหนีผมพ้นหรอก..." "นี่คุณ!" "บอกว่าให้เรียกพี่ภามไง หรือถ้าไม่ถนัดเรียกที่รัก ก็ได้ แต่ถ้ายาวไปเรียกผัว เฉยๆก็ได้เหมือนกัน"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"