สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากการหย่าร้าง เธอไปหมั้นกับศัตรูของเขา ไปมีความรักกับชายหนุ่มน้อย เล่นงานมือที่สาม แก้แค้นอดีตสามี ตัวตนที่แท้จริงของเธอค่อยๆ ถูกเปิดเผย นักเปียโนอันดับหนึ่งของโลก? ดีไซเนอร์ Elan ที่หาตัวยาก? นักลงทุนลึกลับ? หลังจากการหย่าร้างหลี้จิงถิงถึงค้นพบว่าอดีตภรรยาของเขามีความลับมากมายอย่างนี้ เขาอยากตามตื้ออดีตภรรยาของเขากลับมาคบกัน แต่ยังเป็นไปได้ไหมล่ะ มีอยู่วันหนึ่ง เมื่อปริศนาแห่งประสบการณ์ชีวิตของเธอถูกเปิดเผยจริงๆ หัวใจของเขาแตกสลายอย่างสิ้นเชิง...
ตอนที่ถังเฟิงเยว่ออกมาจากสำนักกิจการพลเรือนนั้น ในมือมี ‘ใบหย่า’ เพิ่มมาอีกสองใบ แต่ภายในใจนั้นกลับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
จบชีวิตแต่งงานสามปีไปแบบนี้จะบอกว่าไม่อาลัยอาวรงั้นเหรอ
ก็ต้องมีบ้าง แต่ส่วนใหญ่นั้นเป็นการปล่อยวางเสียมากกว่า
คนที่ลี่จิ่งถิงรักนั้นไม่ใช่เธอ แม้แต่เมื่อคืนนี้เขาเมาแล้วพวกเขามีความสัมพันธ์กันครั้งแรก ตอนที่เขากอดเธอนั้นกลับเรียกชื่อผู้หญิงอีกคนขึ้นมาแทน
ถังเฟิงเยว่ระงับความหดหู่ในใจของเธอและยืนอยู่ข้างถนนเพื่อเรียกรถ จากนั้นรถโรลส์รอยซ์สีดำก็ค่อย ๆ หยุดจอดตรงหน้าเธอ
กระจกรถเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นสีหน้าเย็นชาของผู้ชายที่กำลังนั่งอยู่ที่นั่งคนขับอยู่
ลี่จิ่งถิงนั้นทั้งรวยและรูปหล่อ
“โรงพยาบาลออกประกาศการเจ็บป่วยขั้นวิกฤติสำหรับกู้รั่วเวยอีกแล้ว เธอไปโรงพยาบาลกับฉัน” เขาแค่เหลือบมองเธอและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
‘รั่วเวย’ ‘รั่วเวย’ ชื่อนี้อีกแล้ว!
ในเมื่อหย่ากันไปแล้วชื่อนี้ก็ยังตามหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้นสักที!
“ถ้าฉันไม่ไปหล่ะ? คุณลี่...” เสียงของเธอเบามาก แต่ท่าทางนั้นเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนตามปกติ
ลี่จิ่งถิงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ผู้หญิงที่อยู่ต่อหน้านั้นเชื่อฟังเขามาตลอดระยะเวลาที่แต่งงานกัน พอหย่ากันวันแรกก็ขัดคำสั่งเขาซะแล้ว
แววตาที่ไม่แยแสและเย็นชาของผู้ชายคนนั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น และถามเธอกลับว่า “เธอลืมสถานการณ์ของตระกูลถังในตอนนี้ไปแล้วรึไงกัน หรือว่าลืมไปแล้วว่าตอนที่กู้รั่วเวยเกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นเพราะใคร?”
ใจของถังเฟิงเยว่ค่อย ๆ เย็นชาลงทีละนิด
เธอไม่สนใจเรื่องที่ตระกูลถังกำลังจะล้มละลายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่อุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อนนั้นเธอไม่มีทางลืมแน่นอน
ตอนนั้น ถังหราน น้องชายของเธอกับกู้รั่วเวยไม่รู้ว่าไปนั่งรถคันเดียวกันได้ยังไง พอเกิดอุบัติเหตุ กู้รั่วเวยบาดเจ็บสาหัส ถังหรานนั้นไม่ยอมอธิบายอะไรเลยแม้แต่คำเดียวและก็โดนกล่าวหาว่าฆ่าคนโดยเจตนา จนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ในคุก
ยังเหลืออีกหนึ่งเดือนเขาก็จะพ้นโทษแล้ว
“ถ้าเธอไม่อยากให้ถังหรานออกมาจากคุกหล่ะก็...” ความลึกล้ำในแววตาของลี่จิ่งถิงเริ่มน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับว่าจะเอาจริงอย่างไรอย่างนั้น
พอเขาพูดมาไม่กี่คำ ก็ทำให้ถังเฟิงเยว่ยอมจำนนให้กับเขา
“โอเค ฉันไปก็ได้”
เธอกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เปิดประตูหลังนิ่ง ๆ และเข้าไปนั่ง
ระหว่างทางไปโรงพยาบาลนั้น ลี่จิ่งถิงขับรถเร็วมาก นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขานั้นเป็นห่วงผู้หญิงที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลมากแค่ไหน
ถังเฟิงเยว่จิกฝ่ามือของเธอแน่นจนเป็นห้อเลือดขึ้นมา
จนกระทั่งรถหยุดที่ประตูโรงพยาบาล เธอก็กระแทกปิดประตูรถและลงมาจากรถ ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับลี่จิ่งถิงนั้น เธอพูดสองสามคำที่อดกลั้นมานานแล้วออกมา “แต่นี่เป็นครั้งสุดท้าย”
แววตาสีเข้มของลี่จิ่งถิงเย็นชาและมืดมนเป็นอย่างมาก เขาจ้องแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่ดูราวกับจะหนีไปของเธอ เหมือนกับไม่คิดว่าลูกแมวเชื่อง ๆ นั้นจู่ ๆ ก็กางเล็บออกมา เขานั้นก็ค่อนข้างประหลาดใจ
หลังจากเจาะเลือดแล้ว ถังเฟิงเยว่ที่ใบหน้าซีดเซียวก็กุมแขนตัวเองไว้
เธอเป็นโรคเลือดจางและกลัวเลือด แต่เธอไม่เคยบอกใครมาก่อน
ตอนนั้นถังเจิ้นเทียนกับหลิวฟางชิงคุกเข่าเพื่อขอร้องให้เธอช่วยถังหราน บอกว่าเธอกับกู้รั่วเวยนั้นมีเลือดอาร์เอชลบเหมือนกัน ถ้าเธอยอมบริจาคเลือดให้กู้รั่วเวยจะต้องสามารถช่วยถังหรานได้แน่ ๆ
ถังเฟิงเยว่นั้นไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับพ่อแม่ที่รักลูกชายมากกว่าคู่นี้เลย แต่ถังหรานนั้นไม่เหมือนกัน เวลาที่เธอโดนรังแกที่โรงเรียนนั้น เขาจะมาปกป้องเธอเหมือนผู้ใหญ่และตะโกนว่า “พี่ รีบไปก่อน ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก!”
ตอนหลังพอเธอเรียกคนมานั้น เขาก็นอนจมกองเลือดอยู่ในตรอกนั้นแล้ว
เพราะเรื่องนี้ เธอเลยโดนหลิวฟางชิงเฆี่ยนด้วยแส้หนังจนหนังชั้นนอกแทบจะหลุด
เพราะงั้นเธอเลยรับปากว่าจะเป็นคลังเลือดให้กู้รั่วเวย แต่เธอมีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ เธอต้องแต่งงานกับลี่จิ่งถิง
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเธอรักเขา เป็นรักลึก ๆ ที่เก็บเอาไว้ในใจมาโดยตลอด
ชื่อของผู้ป่วยเขียนไว้ที่หน้าห้องสี่ศูนย์สองว่า “กู้รั่วเวย”
ถังเฟิงเยว่หยุดไปชั่วคราว ก่อนจะหมุนลูกบิดประตูเป็นครั้งแรก
“เธอมาได้ยังไงกัน?” แม้ว่าผู้หญิงบนเตียงในโรงพยาบาลนั้นจะให้น้ำเกลืออยู่ดูไม่เหมือนคนป่วยที่ออกประกาศการเจ็บป่วยขั้นวิกฤติแม้แต่นิดเลย น้ำเสียงของเธอก็ไม่ดีเอาซะเลย “จิ่งถิงหล่ะ?”
“จิ่งถิงของเธอรักเธอมากขนาดนี้ เธอยังจะกลัวเขาหนีไปอีกเหรอ?”
ถังเฟิงเยว่เดินเข้าไปใกล้อีกสองสามก้าว ก่อนจะหยิบ‘ใบหย่า’ ออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วสะบัดไปมา “กู้รั่วเวย ฉันกับเขาหย่ากันแล้ว นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะบริจาคเลือดให้เธอ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ไม่ว่าเธอจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉันและถังหรานอีกต่อไปแล้ว”
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
หนี่ว์อ้ายปิง เซียนน้อยอายุสิบสามตลอดกาล ที่บังเอิญเปิดระบบหนึ่งขึ้นมาและถูกส่งลงไปทำภารกิจในโลกมนุษย์ ทำให้ต้องเผชิญกับความยากลำบากในโลกที่แร้นแค้น เด็กสาวเติบโตขึ้นในตระกูลหนี่ว์ ตระกูลแม่ทัพที่เริ่มหมดอำนาจ พ่อของเธอเป็นเพียงรองแม่ทัพ สังกัดกองทัพท่านอ๋องสือ ที่ต้องปกป้องชายแดนจากการรุกราน จำต้องหาวิธีกลับสวรรค์ คิดจะใช้ชีวิตไปวันๆ แต่ไหงกลายเป็นงานยุ่งขนาดนี้ไปได้กันล่ะนี่!
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"