ก็เลิกกันไปแล้ว ไม่รักกันแล้ว ไม่มีสิทธิ์ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง ขุนพลแฟนเก่าของนาเดียพยายามเข้าใกล้เธอเหมือนมีเจตนาแอบแฝง นาเดียไม่ไว้ใจเขาทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้พบหน้า เธอพยายามถอยห่าง เขาพยายามรุกคืบ และการกระทำนั้นทำให้เธอเริ่มสั่นคลอนลงทุกวัน เขายังทำตัวเป็นหมาหวงก้าง และระรานคนไปทั่ว ผู้ชายเฮ็งซวยที่เลิกกันไปหลายปีแล้วกำลังทำให้เธอเจอกับเรื่องยุ่งเหยิงที่ยิ่งแก้ก็เหมือนยิ่งพันตัวเธอจนติดหนึบกับเขา คำแนะนำ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นนะคะ หากชื่นชอบรบกวนผู้อ่านทุกท่านกดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยนะคะ และซื่อในเว็บหรือแอนดรอยจะราคาถูกกว่า แอปเปิ้ลนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
"สัญญานะคะว่าพี่ขุนจะไม่มีคนอื่น สัญญาได้หรือเปล่า"
เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นคล้ายต้องการความมั่นใจจากคนที่กำลังซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอหอมกรุ่นของเธอ
"พี่จะมีใครได้นอกจากเดียร์ พี่รักเดียร์คนเดียวจริง ๆ"
มือเรียวที่กำลังดันหน้าอกเปลือยเปล่าของชายหนุ่มสั่นระริก จ้องดวงตาคู่คมของเขาอย่างขลาดเขลาอยู่ชั่วครู่ ดูเหมือนว่าขุนพลจะไม่สามารถอดทนได้แล้ว ริมฝีปากหยักเว้าวอนนาเดียด้วยความทรมาน
"เป็นของพี่เถอะนะ สาบานว่าจะไม่มีใคร นอกจากเดียของพี่คนเดียร์ พี่รักนาเดียร์ของพี่คนเดียว"
เพราะคำว่ารักที่ออกจากปากเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำสัญญาที่บอกว่าจะมีเธอเพียงคนเดียว และอานุภาพของแอลกอฮอล์ที่นาเดียร์ดื่มไปหลายแก้วในคืนนี้ จึงทำให้เธอยอมตกเป็นของเขา
"อ้ะ อา แน่นเหลือเกิน"
"อื้อ พี่ขุน เดียร์เจ็บ อ้ะ เจ็บ!"
ขุนพลปลอบโยนทั้งก้มลงจูบที่หน้าผากเบา ๆ
"อดทนอีกนิดนะเดียร์ เดี๋ยวไม่เจ็บแล้ว อ้ะ สุดยอด อ้ะ อ้า"
เสียงทุ้มต่ำครางสยิวไม่หยุด ในยามที่ขยับสะโพกสอบกระแทกร่างบางไม่ยั้ง เขาลดใบหน้าลงมาดูดริมฝีปากของหญิงสาว กดจมูกและริมฝีปากต่ำมาถึงลำคอแล้วไล้เลียยอดอก
เกิดความรู้สึกประหลาดกับร่างกายของนาเดียร์ ในยามที่ร่างกายของเธอปรับตัวเข้ากับความใหญ่โตที่รุกรานแล้ว หญิงสาวพลันเกิดความรู้สึกเสียวสะท้านแปลกประหลาด
"อื้อ อื้อ อา"
"ไม่เจ็บแล้วใช่หรือเปล่า เห็นไหมพี่บอกแล้วว่าจะดีขึ้น"
เมื่อได้ยินเสียงครางหวานแผ่ว ขุนพลไม่รอช้าจัดการขยับรวดเร็วขึ้น ส่งปลายลิ้นเลียยอดอกอีกข้างกระทั่งทำให้ขนอ่อนของนาเดียร์ลุกชัน
ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเร่าร้อน นาเดียร์กลายเป็นของขุนพลอย่างเต็มใจ เธอมีความสุขมากเมื่อแขนแข็งแรงนี้กกกอดเธอไว้ ขุนพลหลับไปแล้ว นาเดียร์ยังลืมตามองเขาด้วยความรักลึกซึ้งสุดหัวใจ กว่าเธอจะยอมรับรักผู้ชายคนนี้เป็นแฟนเขาต้องใช้เวลาตามจีบเธอเกือบหนึ่งปี
เพราะใคร ๆ ก็บอกว่าเขาเจ้าชู้ เป็นตัวพ่อที่เธอไม่น่าจะเข้าใกล้ ตอนนั้นนาเดียร์เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เขาเป็นรุ่นพี่ปีสองคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์คนดังที่สาว ๆ ต่างยกให้เป็นผู้ชายในฝัน ในขณะที่นาเดียร์ก็กลายเป็นน้องใหม่ที่ทุกคนต่างก็พูดถึงเรื่องความสวยจนยกให้เป็นดาวมหาวิทยาลัยคนใหม่
ขุนพลเป็นคนเรียนเก่ง รูปร่างสูง หน้าตาดี เป็นนักกีฬาฟุตบอลและยังเล่นบาสเก่ง มีคนเล่าว่าสมัยมัธยมเขาไม่ได้หล่อแบบนี้ เป็นผู้ชายตัวผอมสูง และยังมีสิวเต็มหน้าใส่แว่นหนาเตอะ
บ้านเขาไม่ได้ร่ำรวยขุนพลเข้ามหาวิทยาลัยเพราะได้ทุนการศึกษา ความจริงขุนพลอายุมากกว่านาเดียร์สามปีได้ข่าวว่าเขาหยุดเรียนไปช่วงหนึ่งโดยไม่มีสาเหตุจึงทำให้เขาเข้ามหาวิทยาลัยช้าไปถึงสองปี
ในอดีตขุนพลยังเคยไปแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิกได้เหรียญทองกลับมา ไม่รู้ว่าอะไรเปลี่ยนแปลงเขาขุนพลในอดีตคือคนผอมเก้งก้าง สิวเต็มหน้าคนหนึ่ง ขุนพลในตอนเข้ามหาวิทยาลัยกลับเป็นหนุ่มหล่อหน้าใส่ รูปร่างดียิ่งกว่านายแบบนิตยสารเสียอีก
นาเดียร์เคยได้ยินข่าวซุบซิบว่า ขุนพลมีผู้ใหญ่ใจดีที่เป็นสาวสองคอยชุบเลี้ยง แต่ถึงจะมีข่าวแบบนั้นขุนพลกลับควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า นอกจากจะเป็นนักเรียนทุนเกรดเอ เขายังเป็นเพลย์บอยตัวพ่อที่เปลี่ยนผู้หญิงยิ่งกว่าเปลี่ยนถุงยางอนามัย
ในขณะที่นาเดียร์เป็นลูกสาวคนเดียวของที่บ้าน ฐานะทางบ้านร่ำรวยเธอเป็นคนที่ค่อนข้างหยิ่งมีเพื่อนไม่กี่คนเท่านั้น คงเพราะเธอไม่ค่อยพูดและเป็นคนสวยจึงถูกผู้หญิงคนอื่นหมั่นไส้เอาได้ง่าย ๆ
ขุนพลเข้ามาจีบเธอก่อน เขาพยายามอยู่เป็นปีพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่ใคร ๆ พูดถึง ในที่สุดนาเดียก็ใจอ่อนยอมเป็นแฟนกันเขา จนกระทั่งวันนี้ขุนพลทำให้เธอเห็นว่าเขาเป็นแฟนที่ดี รักเธอเพียงคนเดียว เธอจึงยอมมีอะไรกับเขาในวันครบรอบหนึ่งปีที่คบกัน
นาเดียร์ไม่สนใจฐานะที่แตกต่าง และไม่สนใจว่าขุนพลจะเคยคบใคร ตอนนี้เขารักเธอและเธอก็รักเขา สิ่งนี้สำคัญที่สุดสำหรับเธอแล้ว
หกเดือนต่อมา
เย็นวันนี้ฝนตกหนักมาก นาเดียร์โทรหาขุนพล ระยะหลังนี่ดูเขาจะห่างเหินเธอแต่นาเดียร์ไม่คิดอะไร เพราะขุนพลเพิ่งเริ่มงานที่บริษัท เขาจึงมักจะอ้างว่างานยุ่งอยู่เสมอ
"พี่ขุนอย่ามีคนอื่นนะ เดียร์ไม่ไว้ใจ"
"อย่ามโนน่า พี่ไม่ชอบคนงี่เง่า ถ้ายังพูดเรื่องนี้พี่วางแล้วนะ"
"เดี๋ยว บอกรักเดียร์ก่อน"
ขุนพลเงียบไปเล็กน้อย แล้วพูดว่า
"พี่อยู่กับเจ้านาย อย่าให้พี่พูดเรื่องน่าอายเลย แค่นี้นะเดี๋ยวพี่ว่างจะโทรหา"
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
นาเดียร์ยังพูดไม่จบ ขุนพลก็ชิงวางสายไปแล้ว เธอโทรหาเขาปรากฏว่าขุนพลปิดเครื่องไปแล้ว ระยะหลังนี้พวกเขาไม่ได้เจอกันบ่อยนัก เพราะขุนพลเพิ่งเริ่มงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง และเขาก็ยุ่งมากในขณะที่นาเดียร์เรียนปีสุดท้ายชีวิตของเธอก็วุ่นวายกับการตัดสินใจ ว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศหรือว่าจะเรียนต่อที่เมืองไทย
แต่เธอมีแฟนอยู่ที่นี่แม้ว่าพ่ออยากจะให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ คงเพราะต้องการจับเธอให้แยกออกจากเมียคนใหม่ของเขา แต่นาเดียร์ก็ไม่คิดจะไป เธอไม่มีทางให้ใครมาแทนตำแหน่งแม่ของเธออย่างสบายใจแน่ ๆ
แม่ของนาเดียร์เป็นคนอังกฤษ พบรักกับพ่อของเธอตอนเขาไปเรียนต่อ และกลับมาอยู่ที่เมืองไทยจนกระทั่งมีนาเดียร์จนกระทั่งเธออายุสิบเอ็ดปีแม่ก็ประสบอุบัติเหตุและจากไป ตั้งแต่นั้นมานาเดียร์อาศัยอยู่กับพ่อซึ่งเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เธอจึงไม่ได้ติดต่อญาติฝั่งแม่ที่อังกฤษมากนัก ในขณะที่เธอเองก็ไม่ค่อยสนิทกับพ่อ เพราะเขามัวแต่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาให้ลูกสาว
นาเดียร์จึงกลายเป็นเด็กที่ถูกพ่อสปอยล์ด้วยเงิน แต่ไม่เคยได้ความอบอุ่นจากครอบครัว เธอเป็นคนขี้หวง ในตอนที่พ่อแต่งงานใหม่เธอก็ไม่ยอมไปร่วมงานเพราะประท้วง ตั้งตัวเป็นศัตรูกับแม่เลี้ยงตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังไม่แต่งงานกันจนกระทั่งทุกวันนี้
ว่ากันว่าญาติที่อังกฤษนั้นไม่ได้ร่ำรวย เธอมีคุณตา คุณยายเป็นคนอังกฤษที่เกษียณอายุและรับเงินจากรัฐบาลเพื่อประทังชีวิต แน่นอนว่าพ่อของนาเดียร์ไม่ต้องการให้นาเดียร์ติดต่อกับญาติฝั่งนั้นเท่าไหร่นัก นาเดียร์จึงแทบไม่รู้จักตากับยายของตัวเองเลย
ที่นาเดียร์ไม่ชอบแม่เลี้ยง เพราะเธอคิดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังหลอกลวงพ่อของเธออยู่ นั่นเพราะนาเดียร์เห็นว่าญาติของแม่เลี้ยงคนนี้ดูท่าทางแปลก ๆ หลายครั้งที่เธอเห็นสายตาของคนสองคนมองกันลับหลังพ่อของเธอแล้ว ดูยังไงนาเดียร์ก็คิดว่ามันเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น
วันนี้นาเดียร์ไม่ได้ไปมหาวิทยาลัย เพราะเธอรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นไข้หวัด เธอจึงเอาแต่นอนอยู่ในห้องไม่ให้ใครมารบกวน กว่าเธอจะตื่นขึ้นมาก็เย็นมากแล้ว นาเดียร์รีบกดดูโทรศัพท์กลัวขุนพลจะโทรมาแต่เขาก็ไม่ได้โทรมา
เธอจึงเป็นฝ่ายวิดีโอคอลหาเขาเอง
"พี่ยุ่งน่ะ ขอโทษที เดียร์เหมือนจะไม่สบายนะเสียงอู้อี้ กินยาหรือยัง"
นาเดียร์ส่ายหน้า
"แค่รู้สึกคัดจมูก ยังไม่เป็นอะไรค่ะ"
"โอเค ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นแค่นี้นะพี่ยุ่ง"
นาเดียร์เหมือนจะได้ยินเสียงผู้หญิง แต่ขุนพลบอกกำลังประชุมทางซูม นาเดียร์เลยไม่ได้คิดมาก
เธอกับขุนพลไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือนแล้ว เขาเองเอาแต่บ่ายเบี่ยงยกเรื่องงานขึ้นมาอ้าง นาเดียร์ถึงจะติดแฟนแต่เห็นเขากำลังอยู่ในช่วงตั้งตัว ก็เลยไม่คิดทำตัวเป็นภาระเขา อย่างน้อยก็เพื่ออนาคตที่ดีของคนที่เธอรัก
หลังจากวางสายจากคนรัก นาเดียร์รู้สึกหิวเล็กน้อยจึงคิดลงไปหาอะไรกินที่ห้องครัว คงเพราะตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้ว คนรับใช้จึงกลับห้องพักกันหมด ในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้จึงเงียบสงัดคล้ายกับบ้านร้าง
ไม่รู้อะไรดลใจนาเดียร์ เธอแค่คิดเล่น ๆ ว่าเวลาแบบนี้ หากมีคนคิดทำอะไรไม่ดีก็มักจะพ้นหูพ้นตาคน เป็นเวลาที่แสนจะเหมาะสม แน่นอนว่าเธอพุ่งเป้าไปที่แม่เลี้ยงคนสวย ที่แม้จะกำลังตั้งท้องอ่อน ๆ อยู่เธอก็ยังระแวง
เดิมทีนาเดียร์แค่คิดเล่น ๆ ไม่ได้คิดว่าเรื่องที่ตนเองคิดนั้นจะเป็นเรื่องจริง จนกระทั่งเธอเห็นเงาไหววูบของคนคู่หนึ่งกำลังแนบชิดกันอยู่ในมุมหนึ่ง
นาเดียร์หัวใจเต้นรัวเร็ว เธอรีบเดินไปตรงนั้นอย่างรวดเร็ว และเหมือนเธอจะได้ยินเสียงคุ้นหูของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
"อย่าสิ เดี๋ยวใครมาเห็นความก็แตกหรอก"
จากนั้นเงานั้นก็ห่างออกจากกัน ในตอนที่นาเดียร์เดินไปถึงทั้งคู่ก็แยกออกจากกันแล้ว
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน