หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
ดอกเหมยแย้มกลีบเบ่งบานงดงามจนเต็มต้น สีชมพูอมขาวชูช่อสว่างสไวตัดกับความมืดมิดในยามราตรี กลีบดอกที่ทนทานนั้นแม้จะถูกพัดปลิวด้วยลมหิมะก็ไม่ร่วงหล่น ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปตามแรงลมที่พัดปลิวมาเป็นระยะ
หลิวซือซือนั่งเท้าคางมองกิ่งเหมยที่ยื่นมาเกือบจนถึงหน้าต่างของโรงเตี๊ยมที่พักพลางสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าไปตนเต็มปอด นานเพียงใดแล้วหนอที่เธอมายังดินแดนแห่งนี้และต้องใช้ชีวิตเฉกเช่นคนที่นี่โดยไม่มีรู้ว่าจะได้มีโอกาสที่จะกลับไปหาคนที่เธอรักยังโลกใบเดิมที่เธอจากมา
"คุณหนู น้ำชาเจ้าค่ะ"
หลิวซือซือมองถ้วยน้ำชาที่โชยกลิ่นหอมกรุ่นที่ชุ่ยหลินบ่าวคนสนิทของนางรินให้อย่างเอาอกเอาใจ หลิวซือซือรับชาจากมือสาวใช้ กลิ่นหอมของชาลอยอบอวลปนเปไปกับกลิ่นดอกเหมยที่หอมหวานหลิวซือซืออมยิ้มเล็กน้อย ใบหน้างดงามผุดผ่องเพียงด้านเดียวนั้นช่างชวนให้เพ้อฝันในขณะที่อีกข้างก็ชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอียนขนลุกขนพองเป็นอย่างยิ่ง
หลิวซือซือเหม่อลอยทอดถอนหายใจ แม่ของเธอก็ชื่นชอบชาดอกเหมยเช่นกันช่วงเวลาที่มีความสุขได้อยู่กันพร้อมหน้าแต่ก่อนหลิวซือซือไม่คาดคิดว่าจะมีคุณค่าเพียงนี้ แต่เมื่อไม่มีโอกาสเป็นเช่นนั้นอีกหญิงสาวก็รู้สึกเสียใจอีกทั้งเสียดายที่เมื่อตอนนั้นทำสิ่งที่ควรทำน้อยเกินไป
เธอควรดีกับพ่อและแม่ให้มากกว่านี้รักพวกท่านกอดพวกท่านให้มากกว่านี้จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลังเช่นนี้อีก
"คิดถึงท่านแม่อีกแล้วหรือเจ้าคะ"
ชุ่ยหลินสาวรับใช้ผู้รู้ใจเอ่ยขึ้น คุณหนูของเธอภายนอกดูเหมือนจะหายเป็นปกติแล้วแต่ในใจนั้นยังคงเจ็บปวดและเศร้าสร้อยเพียงใดมีเพียงชุ่ยหลินเท่านั้นที่รู้ดี
"ข้าจะทำยังไงได้ล่ะชุ่ยหลินที่ผ่านมาข้าก็พยายามที่จะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขอย่างเต็มที่แล้ว แต่แม่และพ่อของข้าในโลกนั้นเล่าพวกท่านจะอยู่โดยไม่มีข้าได้อย่างไร"
ชุ่ยหลินมองนายหญิงคนงามของตนด้วยความสงสารเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่คุณหนูยอมเปิดใจบอกนางนั้นเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อเหลือเกินแท้จริงแล้วในตอนนี้นายหญิงของนางคือบุตรสาวของท่านมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่มีความเชี่ยวชาญด้านอักษรและการปกครองอีกทั้งยังเป็นพระอาจารย์ของฝ่าบาท ถึงหลิวซือซือจะเป็นเพียงบุตรสาวของฮูหยินรองของจวนเสนาบดีแต่ฮูหยินใหญ่นั้นก็รักและเอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง
น่าสงสารที่ตั้งแต่เกิดมามารดาก็เสียชีวิตลงทันทีทั้งได้ฝากฝังบุตรสาวเพียงคนเดียวของตนเองไว้กับท่านเสนาบดีไม่ต้องการให้นางเข้าวัง หากเป็นเรื่องคู่ครองแล้วขอให้ท่านมหาเสนาบดีให้หลิวซือซือเป็นผู้ตัดสินด้วยตนเอง มหาเสนาบดีหลิวฮันรักภรรยารองผู้นี้มากอีกทั้งสงสารบุตรสาวที่อาภัพมารดาตั้งแต่เกิด
เขาจึงเฝ้าเก็บนางเอาไว้ในจวนด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามหยดย้อยของหลิวซือซือเขากลัวว่าอาจจะต้องตาโอรสสวรรค์หรือท่านอ๋องคนใดได้ เขาไม่ต้องการให้หลิวซือซือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองให้ลำบาก เพียงให้นางใช้ชีวิตเฉกเช่นหญิงสาวทั่วไปจึงได้เก็บบุตรีไว้ในเรือนอย่างเงียบเชียบ
เมื่อบุตรสาวโตขึ้นแม้จะซ่อนนางเพียงใดวันหนึ่งเขาก็พบว่าบุรุษที่เคยมาที่จวนของเขาเกิดพบหลิวซือซือโดยบังเอิญ หลิวซือซือที่ไร้เดียงสาของเขาได้มีใจให้คนผู้นั้นแต่ท่านเสนาบดีหลิวรู้ดีว่าเบื้องหลังบุรุษผู้นั้นโสมมเพียงใดเขาจึงหาทางที่จะขัดขวาง
ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างเขาเมื่อวันหนึ่งหลิวซือซือเกิดพลัดตกน้ำในขณะที่พายเรือเล่นในสระบัวอันกว้างใหญ่ภายในจวน นางว่ายน้ำไม่เป็นกว่าคนจะช่วยขึ้นมาได้ก็ทำให้หลิวซือซือเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ที่น่าประหลาดคือเมื่อหญิงสาวฟื้นกลับจำสิ่งใดไม่ได้ ท่านเสนาบดีจึงได้หลบซ่อนนางจากคนภายนอกอีกครั้ง ให้คนปล่อยข่าวว่าหลังตกน้ำหลิวซือซือเกิดความจำเสื่อมอีกทั้งยังสติไม่ดีอีกทั้งนางยังทำไฟไหม้ห้องตนเองและเกิดเสียโฉมเพราะถูกไฟคลอกมาตั้งแต่นั้น ในขณะที่หลิวซือซือผู้เซื่องซึมไม่ว่าท่านพ่อของนางจะให้ทำตัวเช่นไรนางก็หาได้โวยวายอีกทั้งยังเกิดภาวะเศร้าหมองร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
เรื่องเหลวไหลพวกนี้หลิวซือซือย่อมรู้ดีว่าเป็นเพียงอุบายของบิดาและรู้ดีว่าตนเองนั้นไม่ได้บ้าแต่ประการใด นั่นเป็นเพราะเธอไม่ใช่คนที่นี่ ในร่างนี้เป็นเพียงวิญญาณของหลิวซือซือผู้หนึ่งที่ย้อนเวลามาด้วยอุบัติเหตุจนมาอาศัยอยู่ในร่างนี้ก็เท่านั้น
ย้อนไปเมื่อห้าปีที่แล้วภาพความทรงจำสุดท้ายที่ยังอยู่ในสมองของหลิวซือซือคือภาพที่รถของเธอลอยละลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วกระแทกลงมาอย่างหนักจนเธอชาไปทุกส่วนของร่างกาย เธอมองเห็นพ่อสลบไสลอยู่ข้างๆ พร้อมกับเลือดที่อาบทั่วร่าง เธอมองไปรอบรถเห็นคนขับรถถูกอัดก๊อบปี้ด้วยถุงลมนิรภัยไม่รู้เป็นหรือตายแล้วภาพต่างๆ ก็เลือนรางไปในที่สุด
เมื่อรู้สึกตัวเธอก็กลายมาเป็นคุณหนูแห่งจวนมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของราชวงศ์โจวแห่งแคว้นเหลียงไปแล้ว ไม่รู้ว่าสวรรค์กลั่นแกล้งหรืออย่างไรทำให้เธอย้อนเวลามาเป็นร้อยปีแล้วมาอยู่ในร่างของหลิวซือซือผู้หญิงที่มีชื่อและหน้าตาเหมือนกันกับเธอราวกับคนเดียวกัน
ในตอนแรกเธอไม่กล้าพูดคุยกับใครแม้แต่คนเดียว ความหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจ ทุกอย่างที่กระทำเหมือนหุ่นยนต์ไม่มีชีวิตชีวาจนคิดจะฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง ท่านมหาเสนาบดีมีหน้าตาคล้ายคลึงกับบิดาของเธอช่วยดึงสติเธอมาได้ เธอตัดสินใจลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งในดินแดนที่เธอไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอต้องแกล้งทำเป็นความจำเสื่อม เรียนรู้ที่จะอยู่ที่นี่เหมือนเด็กผู้หนึ่งในใจยังหวังอยู่ตลอดเวลาว่าจะสามารถกลับไปหาแม่และพ่อของเธอได้ แม้ไม่รู้ว่าจะต้องกลับไปด้วยวิธีใดก็ตาม
หลิวซือซือหยิบกระจกที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเพ่งพิศหน้าของตนเองภายใต้แสงเทียน แสงตะเกียงรำไรไม่สว่างมากนักแต่เธอก็ยังมองเห็นใบหน้าของตนเองได้อย่างชัดเจน
นิ้วเรียวขาวผ่องลูบไล้ใบหน้าด้านซ้ายที่งดงามไร้ไฝฝ้าราคีอันใด ส่วนด้านขวามีรอยแผลเป็นเล็กๆ เต็มใบหน้าคล้ายรอยแผลไฟไหม้กระจายทั่วพวงแก้ม
รอยแผลนี้ได้มาจากอุบายของบิดาเสนาบดี เขาสั่งช่างทำหน้ากากฝีมือดีจากต่างแคว้นทำหน้ากากแผลเป็นนี้มาให้เธอโดยเฉพาะ
ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าหลิวซือซือมีใบหน้าที่งดงามผุดผ่องราวกับเทพเซียน
ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มจิ้มลิ้มสีแดงสดเย้ายวนโดยธรรมชาติ ดวงตากลมโตสะท้อนออกมาถึงความหยาดเยิ้มชวนหลงใหลขนตายาวงอนราวกับปีกผีเสื้อ
หลิวซือซือรู้สึกมีความสุขที่บิดาทำเช่นนี้ การใช้ชีวิตเป็นภรรยาในโลกโบราณแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยไหนจะต้องทนช้ำใจเพราะสามีสามารถมีภรรยากี่คนก็ได้ตามต้องการอีกทั้งสังคมศักดินาก็กดขี่ข่มเหงสตรียิ่งนัก เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่หลิวซือซือไม่อาจทนได้
"คุณหนูเจ้าคะ ดื่มเสียหน่อยนะอย่าเศร้าไปเลยเจ้าค่ะ"
หลิวซือซือยิ้มให้ชุ่ยหลิน บ่าวผู้นี้จงรักภักดีกับเธอเป็นอย่างยิ่งแม้เธอจะโวยวายหรือจะเล่าเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้ชุ่ยหลินฟัง
สาวรับใช้คนนี้ก็ตั้งใจไฟโดยไม่เคยกล่าวหาว่าเธอเป็นบ้าไปแล้วเลยสักครั้ง
ชุ่ยหลินเป็นเด็กสาวซื่อๆ คนหนึ่งเติบโตในจวนอีกทั้งยังมีอายุน้อยกว่าหลิวซือซือเพียงปีเดียว
หลิวซือซือคนเก่าสอนให้ชุ่ยหลินอ่านเขียนรักนางเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
ส่วนชุ่ยหลินนั้นเป็นเด็กกำพร้าเติบโตขึ้นมาก็มีเพียงแต่คุณหนูเท่านั้น
นางจึงยอมรับหลิวซือซือในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ข้างในร่างคุณหนูชุ่ยหลินก็พร้อมที่จะดูแลอย่างเต็มที่ กางปีกปกป้องนางจนหลิวซือซือรู้สึกอบอุ่นใจและกล้าที่จะบอกเล่าความในใจที่ตนเองแสนจะอึดอัดให้ชุ่ยหลินฟัง
หลิวซือซือยกชามาดื่มจนหมดจอก ชุ่ยหลินยิ้มและรินชาให้หลิวซือซืออีกจอกรสชาติของชาดีเป็นอย่างยิ่งแต่หลิวซือซือยิ่งกินยิ่งรู้สึกกระหายน้ำและเกิดอาการคอแห้งขึ้นมา
"ชุ่ยหลินมีน้ำเปล่าหรือเปล่า"
"มีเจ้าค่ะแต่น้ำเย็นมากแล้วคุณหนูสุขภาพไม่ดีดื่มน้ำอุ่นหน่อยดีหรือไม่บ่าวจะไปนำมาให้"
"ดีสิ"
ชุ่ยหลินจึงรีบออกไปเพื่อนำน้ำมาให้คุณหนูของตนเอง หลิวซือซือรินน้ำชาให้ตนเองอีกหลายจอกรู้สึกว่ายิ่งกินยิ่งกระหายน้ำมากขึ้น
นางคิดว่าชาชนิดนี้อาจมีสิ่งใดผิดปกติไม่นานก็รู้สึกรุ่มร้อนเป็นอย่างยิ่งลมเย็นพัดโชยเข้ามาทางหน้าต่าง หลิวซือซือหยิบผ้าคลุมหน้าและเสื้อคลุมของตนเองคิดจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย
หญิงสาวเดินออกไปนอกห้องพักหลิวซือซือมองอย่างแปลกใจที่ไม่เห็นองครักษ์หน้าห้องของตนเอง คิดว่าพวกเขาอาจไปกินข้าวหรือทำธุระอย่างอื่นถึงจะรู้สึกอยู่บ้างว่าผิดปกติก็ไม่ทันคิดว่าตนเองจะเป็นอันตรายอันใด
หลิวซือซือเดินตามทางเดินของโรงเตี๊ยมมาเรื่อยๆ เป็นเพราะความปลอดภัยของเธอองครักษ์หลงจึงได้เหมาทั้งชั้นสามที่เป็นชั้นสูงสุดของโรงเตี๊ยมให้เธอและองครักษ์
โรงเตี๊ยมแห่งนี้นับว่ากว้างขวางไม่น้อยหลิวซือซือเดินไปรอบ ๆ ลมพัดเย็นโชยกลิ่นดอกเหมยมาหากในยามปกติหลิวซือซือต้องรู้สึกหนาวสั่นแล้ว แต่ในตอนนี้หญิงสาวกลับรู้สึกว่าตนเองร้อนยิ่งกว่าเดิม
"หรือชาจะมีสิ่งใดผิดปกติ"
หลิวซือซือเดินมาเรื่อย ๆ ทางเดินสว่างไปด้วยโคมที่ห้อยเป็นแพต่อกัน หญิงสาวรู้สึกมึนศีรษะคล้ายคนที่กำลังเมาสุรา
ร่างกายของเธอมีสีแดงขึ้นเรื่อย ๆ เธอรู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายของตนเองสูงขึ้นเธอกำลังตัวร้อน
หลิวซือซือจึงคิดกลับเข้าห้องเดินวนกลับมาทางเดิมในตอนนี้เห็นองครักษ์อยู่หน้าห้องแล้ว
หญิงสาวจึงเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องของตนเองเมื่อหยุดอยู่หน้าห้องกลับถูกทหารสองนายขวางทางเอาไว้
หลิวซือซือสะลึมสะลือมองหน้าพวกเขาไม่ชัดคล้ายตนเองกำลังตกอยู่ในความฝัน เธอคิดว่าตนเองได้ก้าวเข้ามาในห้องแล้วทั้ง ๆ ที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู
หลิวซือซือถอดเสื้อคลุมออกโดยไม่รู้ตัวในขณะที่เธอกำลังจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองเพราะรู้สึกร้อนราวกับมีบางอย่างลวกผิวพลันถูกมือเรียวของคนผู้หนึ่งลากเข้าไปในห้อง
เธอมองหน้าคนผู้นั้นไม่ชัดนักคิดในใจว่าอาจเป็นชุ่ยหลินนั่นคือความรู้สึกสุดท้ายที่ตนเองรับรู้ว่าตนเองคือใคร
เมื่อไร้ซึ่งสติหลิวซือซือก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออกตั้งแต่หน้าประตู เธอถอดออกทีละชิ้นอีกทั้งแข้งขาก็รู้สึกอ่อนจนแทบจะล้มสุดท้ายหลิวซือซือก็ได้แต่คลานเข่าค่อย ๆ ขยับร่างกายที่ร้อนรุ่มของตนเองไปที่เตียงก่อนที่เธอจะสิ้นสติอยู่ตรงนี้
ในที่สุดหญิงสาวก็แบกร่างที่หนักอึ้งรุ่มร้อนของตนเองขึ้นนอนบนเตียงสำเร็จ ร่างกายเหมือนขาดอะไรบางอย่างหิวโหยในสิ่งที่ไม่รู้ว่าคืออะไรปากและลำคอแห้งผาก
หลิวซือซือบิดร่างไปมามือปะป่ายตามเนื้อตัวตนเองไปมาอย่างทุรนทุรายเพื่อคลายอาการร้อนรุ่มที่เริ่มจู่โจมเธอหนักขึ้น
สมองของหลิวซือซือมึนงง รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอีกทั้งยังกระหายน้ำเป็นอย่างยิ่ง ลำคอแห้งผากจนต้องแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนเอง
ร่างเปล่าเปลือยนอนอยู่บนเตียง ส่งเสียงครางออกมาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่สำคัญทุกครั้งที่มือของเธอสัมผัสเนื้อตัวของตนเองกลับรู้สึกดีขึ้น อีกทั้งผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
หญิงสาวกำลังบีบเคล้นเต้านมอวบใหญ่ของตนเองเล่นอีกทั้งยังเสียดสีส่วนของความเป็นหญิงเข้ากับหมอนข้าง นั่นทำให้เธอรู้สึกสบายจนต้องครางออกมา
ภายในห้องนี้หลิวซือซือหารู้ไม่ว่าไม่ได้มีเพียงนางที่อยู่ลำพังอีกต่อไปแล้ว กลับมีบุรุษรูปร่างสูงองอาจใบหน้าหล่อเหลาในอาภรณ์สีดำผู้หนึ่ง กำลังนั่งจิบสุรามองเธอราวกับเป็นอาหารมื้อค่ำที่แสนโอชะ
สตรีผู้นั้นที่เปลื้องอาภรณ์ต่อหน้าเขาอีกทั้งยังเล่นกับตนเองส่งเสียงครางยั่วยวนให้เขาเข้าหาอย่างไร้ยางอายผู้นั้นแทบทำให้เขาสำลักสุราออกมา
เขาลูบมังกรยักษ์แข็งแรงใหญ่โตของตนเอง มันตั้งชันจนแทบจะปริแตกสตรีร่างอรชรเอวคอดกิ่วผู้นั้นช่างแสนยั่วยวน
โจวเจ๋อฮั่นยอมรับว่าตกตะลึงไม่น้อยที่เห็นใบหน้าอัปลักษณ์ของนาง
แต่เหตุไม่รู้นางจึงได้ดึงดูดใจเขาได้เพียงนี้
นางที่กำลังอ้าขาบดกลีบอวบอูมของตนเองกับหมอนข้างกำลังหลอกล่อให้เขาบดเบียดมังกรอันแข็งแกร่งกระแทกร่างของนางเช่นนั้นหรือ
สตรีร่านสวาทแห่งหอโคมเขียมผู้นี้ช่างน่าอร่อยเป็นอย่างยิ่ง
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"