ฉีอ๋องเป็นภัยต่อราชสำนักหยางจื่อเหยียนบุตรสาวอนุแห่งจวนกั๋วกงหลานสาวของไทเฮาจึงถูกมอบสมรสพระราชทานเพื่อสืบข่าวและเป็นไส้ศึกในจวนอ๋อง เมื่อถึงประตูจวนในวันสมรสจวนอ๋องไม่ยอมรับกลับบอกว่าเจ้าบ่าวไม่สบาย ให้กลับมาในวันหลัง หยางจื่อเหยียนมีหรือจะยอม นางถูกไทเฮาข่มขู่เข้าจวนอ๋องไม่ได้ก็อย่าหมายมีชีวิตรอด ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าแม้เขาไม่อยากแต่งนางก็ต้องทำให้เขาแต่งกับนางให้ได้ "อ๋องแปดฉีไป่อวี้ ท่านดูข้านี่แหละจะแต่งกับท่านหลังจากนั้นเราสองคนค่อยรอเวลาหย่าขาดกัน" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ แบบนิยายสั้น ๆ จบแบบสุขนิยมนะคะ เนื้อเรื่องไม่ยาวมาก อ่านสบาย ๆ ราคาเบา ๆ หวังว่าจะได้รับความรักจากทุกท่านเช่นเคย กราบขอบพระคุณยอดโหลดทุกโหลดค่ะ ขอให้นักอ่านมีความสุข ร่างกายแข็งแรง เฮง ๆ ปัง ๆ ทุกคนค่ะ หมายเหตุ ซื้อในเวบ หรือ ผ่านเหรียญเมบจะถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ซีไซต์
เกี้ยวเจ้าสาวโคลงเคลงไม่หยุดทำให้คนที่อยู่ด้านในรู้สึกคลื่นเหียนมิใช่น้อย มือเรียวกำผ้าเช็ดหน้าสีแดงในมือแน่นหูฟังเสียงดนตรีที่ประโคมกันอย่างออกรสชาติด้านนอก
ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวหยางจื่อเหยียนมีน้ำตาคลอเล็กน้อย การแต่งงานครานี้นางมิได้ยินยอมแต่ไม่อาจขัดได้ เพราะหากทำเช่นนั้นย่อมหมายถึงความเดือดร้อนของสกุลหยางที่นางมิอาจแบกรับ
คำกล่าวของเสด็จย่ายังคงดังก้อง "อาเหยียนของย่าเพียงแต่เข้าไปในจวนนั่น และล้วงความลับของอ๋องแปดมาให้ได้"
หยางจื่อเหยียนมิเคยรู้มาก่อนว่าตนเองจะเข้ามาอยู่ในวังวนอำนาจของคนเช่นนี้ นางเป็นเพียงบุตรสาวอนุในจวนผู้หนึ่งซึ่งเดิมทีบิดาเองก็ไม่เคยใส่ใจอยู่แล้ว
เดิมทีเมื่อคิดว่าบิดาไม่ใส่ใจหยางจื่อเหยียนยังเคยคิดที่จะออกบวชมุ่งสู่ทางธรรม ไม่ต้องการเป็นอนุของผู้ใดด้วยเห็นความทุกข์ใจของมารดาที่วัน ๆ เอาแต่คอยรับความกรุณาจากบิดาที่ไม่เคยมาถึง
แต่เรื่องปฏิบัติธรรมของหยางจื่อเหยียนก็แค่ฉากบังหน้า หลังจากออกบวชแล้วเมื่อถึงเวลานางจะเก็บเงินจากคนมาทำบุญสักก้อนแล้วสึก ก่อนจะออกไปโลดแล่นยังดินแดนห่างไกล เพราะที่นี่คือยุคโบราณการเดินทางไม่สะดวก การติดต่อค้นหากันยิ่งทำได้ยาก ถ้านางหายไปแล้วย่อมยากที่จะติดตาม นี่คือสิ่งที่นางคิดเกี่ยวกับอนาคตเอาไว้
แต่ดูตอนนี้สิต้องโดนคุณยายไทเฮาจับคลุมถุงชน แล้วคนอย่างหยางจื่อเหยียนจะเอาความสามารถอะไรมาสืบคนอื่น ลำพังวัน ๆ หาทางเอาตัวรอดให้ตัวเองก็ลำบากแล้ว เขาเป็นถึงอ๋องเลยนะ คุณยายไทเฮาช่างไม่คิดให้รอบคอบบ้างเลย
ชีวิตของหยางจื่อเหยียน ช่างน่าสมเพชสิ้นดี
ฉันคือผู้จัดการสาวอายุยี่สิบห้าปี หญิงสู้ชีวิตจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดที่ตายเพราะตึกถล่มโดยไม่รู้ตัว ทำไมตายแล้วถึงต้องมาติดอยู่ในร่างนี้ด้วย นี่ฉันทำกรรมใดกันไว้ สวรรค์ถึงกลั่นแกล้งได้ขนาดนี้
อ๋องแปดหรือฉีไป่อวี้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นอ๋องตั้งแต่อายุเพียงแปดขวบบิดาของเขาเป็นพี่น้องร่วมอุทธรณ์กับอดีตฮ่องเต้ เขาได้รับคำสั่งให้เข้าสู่สนามรบตั้งแต่อายุสิบสี่ เมื่ออายุสิบเก้าก็ขึ้นเป็นจอมทัพปราบแคว้นกบฎและนำชัยมาสู่ต้าเหลียง
นับได้ว่าในยามนี้เขามีอำนาจสูงส่งอยู่เหนือคนทั่วแคว้นและอยู่ใต้เพียงฝ่าบาทพระองค์เดียว ในขณะที่ไทเฮาในยามนี้รวมทั้งฝ่าบาทต่างหวาดระแวงเขากลัวว่าจะชิงราชบัลลังก์ และอ๋องแปดเป็นคนที่ระวังตัวอย่างยิ่ง ในยามนี้นอกจากส่งคนเข้าจวนแล้วยากที่จะหาเบาะแสการขึ้นครองราชย์ของเขา
หยางจื่อในอดีตหรือหยางจื่อเหยียนในปัจจุบันยกมือขึ้นเท้าคางคิดยังไงก็คิดไม่ตก นางติดอยู่ในร่างนี้ตั้งแต่อายุหนูน้อยเพียงห้าขวบ กำลังหัดเรียนรู้ แม้จะเข้าร่างของเด็ก แต่วิญญาณของหยางจื่อเหยียนเป็นผู้ใด มาจากที่ใดย่อมจดจำได้เป็นอย่างดี เรื่องเป็นแบบนี้ก็ได้แต่ปลงตกและทำตัวลอยตามน้ำไปเรื่อย ๆ
เดิมทีเมื่อถึงอายุสิบหกปีนางต้องออกเรือนกับอ๋องแปดแล้ว แต่มีชื่อเสียงของอ๋องแปดฉาวโฉ่ว่าเป็นมนุษย์น้ำแข็งเดินได้ นางจึงแกล้งป่วยอยู่นับเดือน หลังจากนั้นไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่มารดาล้มป่วยและเสียชีวิต นางจึงมีโอกาสไว้ทุกข์อีกหนึ่งปี
เรื่องยืดเยื้อมาจนกระทั่งสองปีเต็มนางจึงไม่อาจผลัดได้อีก ในยามนี้จึงจำใจสวมมงกุฎหงส์ใส่ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเข้าสู่พิธีวิวาห์ด้วยน้ำตา
"ฮือ ฉันกลัวเขาจริง ๆ ฉันไม่อยากแต่งงาน"
เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงจวน เสียงเพลงงานแต่งงานยังคงดังต่อเนื่อง ความจริงมันดังมากจนหยางจื่อเหยียนต้องยกมืออุดหู จู่ ๆ เสียงร้องของแม่สื่อก็ดังขึ้น
"ไม่ได้นะเจ้าคะ อย่างไรก็ต้องแต่ง เป็นสมรสพระราชทานของฝ่าบาทมิอาจขัดราชโองการได้"
หยางจื่อเหยียนงงงวยเกิดสิ่งใดขึ้นกัน เหตุใดจึงไม่อาจแต่งได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นคำว่าไม่สามารถแต่งได้ก็ทำให้นางดีใจ ยังไงก็ปล่อยเลยตามเลยดีหรือไม่
แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของคุณยายไทเฮาแล้ว หยางจื่อเหยียนพลันขนลุก
"ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเข้าไปในจวนอ๋องแปดให้ได้ ไม่เช่นนั้นแม้ว่าเจ้าจะเป็นหลานก็อย่าคิดว่าข้าจะละเว้น"
ในตอนที่ฟังคุณยายแม่มดพูดคำนี้ หยางจื่อเหยียนรู้สึกมีเหงื่อท่วมเต็มหลัง ไม่รู้ว่าคุณยายคนนี้ฆ่าคนไปกี่คนแล้ว นางไม่เคยทำบาปทำกรรมตายแล้วยังตกมาอยู่ในร่างนี้ ถ้าคุณยายคนนี้ตายสงสัยว่าสวรรค์ต้องลงโทษอย่างหนักเป็นแน่
คิดแล้วก็ได้แต่สวดส่งในใจให้คุณยายไปสู่ขิตอย่างดี
แต่ทว่าจะมามัวคิดเล่นไม่ได้ ถึงจะเคยตายมาแล้วหยางจื่อเหยียนก็ไม่อยากจะตายอีก และยังจะต้องตายโดยทรมานด้วย ในตอนนี้จึงกลัวอยู่ไม่น้อย
เอาล่ะ ในเมื่อไม่อยากตาย ก็แค่เข้าจวนอ๋องแปด ได้ข่าวว่าเขารังเกียจผู้หญิงอยู่แล้ว คนแบบนั้นไม่รู้ว่าจริง ๆ แอ๊บแต๋วหรือเปล่า จึงซ่อนตัวเอาไว้ภายใต้ท่าทางเย็นชา ทำตัวเป็นเจ้าชายน้ำแข็งแบบนั้น
ดูเหมือนว่าประตูจวนจะปิดสนิท หยางจื่อเหยียนอดไม่ได้ที่จะเปิดม่านหน้าต่าง นางยังถูกอาหลัวสาวใช้ประจำตัวห้ามเอาไว้
"คุณหนูไม่อาจเปิดได้เจ้าค่ะ"
หยางจื่อเหยียนเบ้ปาก นางเห็นหมดแล้ว อะไรกัน ท่าทางว่าจวนนี้ไม่ต้อนรับนางแล้วความจริงอ๋องแปดมีอำนาจยิ่งใหญ่ เขาจึงไม่กลัวที่จะปฏิเสธฝ่าบาทเหรอ
นางยิ้มในใจ
อุต๊ะ เข้าทางแล้ว แบบนี้สะดวกยิ่ง แค่เข้าไปตกลงกันและอยู่กันอย่างสงบ ทางใครทางมันนางไม่ยุ่งเขาไม่ยุ่งนับว่าประเสริฐแท้
เสียงแม่สื่อยังคงดังด้วยความตกใจ เมื่อบ่าวรับใช้ออกมาบอกว่า
"ท่านอ๋องล้มป่วยไม่สะดวกจัดงาน แจ้งขบวนเจ้าสาวค่อยหาฤกษ์ยามแต่งกันวันหลัง"
เสียงนั้นดังฟังชัดยิ่งนัก หยางจื่อเหยียนกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจ ชาติก่อนก็ช่างเถอะนางมีแฟนและอยู่กันก่อนแต่งอยู่ปีกว่าก่อนจะเลิกรากัน พิธีแต่งงานก็ยังไม่ได้จัด แต่คราวนี้กลับถูกไล่กันซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ทำให้รู้สึกหน้าร้อนและอับอาย หยางจื่อเหยียนเดิมเป็นคนไม่ยอมใครอยู่แล้ว
อ๋องแปดคนนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
ในขณะที่ทุกคนเงียบกริบอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี เสียงนินทาก็เริ่มดังขึ้น นี่คงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สินะที่ขบวนเจ้าสาวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายใน มิหนำซ้ำยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าบ่าว ที่จวนก็เงียบราวกับป่าช้าเหมือนว่าไม่มีเรื่องมงคลจะเกิดในวันนี้ คนต่างมามุงดูและวิจารย์กันอย่างสนุกปาก
หยางจื่อเหยียนคนนี้ไม่มีใครได้เห็นหน้ามาหลายปี หรือจะเป็นนางอัปลักษณ์ท่านอ๋องจึงไม่อยากสมรสด้วย น่าอายโดยแท้ ความจริงนางเป็นเพียงลูกอนุก้นจวนบิดาไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยแม้กระทั่งจะพาออกงานที่ใด ไม่รู้ว่าทำบุญอันใดถึงได้มีวาสนาแต่งเป็นพระชายาของอ๋องแปด
แต่ยามนี้ดูเหมือนว่าอ๋องแปดจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารังเกียจบุตรอนุผู้นี้เป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าคำว่าลูกเมียน้อยนั้นเหมือนกับตราปั้มหรือสัญลักษณ์อะไรบางอย่างที่แปะหน้าของหยางจื่อเหยียนเอาไว้ ลูกอนุนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะลืมตาอ้าปาก หากแต่งเป็นเมียใครก็เป็นได้แค่เมียรองเท่านั้น
สังคมศักดินานี้ช่างน่ารังเกียจเสียจริง
แน่นอนว่าเพราะความดีที่เขาทำมาหลายปี อ๋องแปดจึงเป็นฮีโร่ของคนที่นี่ นางจึงถูกสาปส่งที่แต่งกับเขา เป็นแค่ลูกอนุอาศัยบารมีฝ่าบาทยัดเยียดลูกอนุให้ท่านอ๋องสุดเพอร์เฟคที่สาว ๆ ในแคว้นต่างเข้าคิวรอ
เออ นินทากันเข้าไป แต่พวกเธอรู้จักฉันสาวออฟฟิศเดนตายน้อยไปแล้ว!
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”