...คุณเชื่อในเรื่องกลับชาติมาเกิดไหม.. เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยเชื่อในเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งเมื่อสามเดือนก่อนเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดก็เกิดขึ้นในชีวิตของผม เมื่อผมได้พบกับเธอ ผู้หญิงที่เหมือนกับคนรักที่ตายจากไปแล้วถึง 21 ปีทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง อายุ หรือแม้กระทั่งชื่อของเธอ ..ตะวัน.. เคลลี่ ชายหนุ่มที่เคยสูญเสียคนรักไปเมื่อ 21 ปีที่แล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ จู่ ๆ เขาก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยความบังเอิญ ผู้หญิงคนที่เหมือนกับคนรักของเขาที่ตายไปแล้วทุกกระเบียดนิ้ว และนั่นก็ทำให้เขาเชื่อสนิทใจว่าเธอคือตะวันกลับชาติมาเกิด เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับมาคบกับเธออีกครั้ง ดุจตะวัน หญิงสาววัยย่างเข้า 21 ปี เขาพบเจอกับเคลลี่ด้วยความบังเอิญ และมันก็เป็นความบังเอิญอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาคือประธานบริษัทที่เธอกำลังฝึกงานอยู่ และเขาสั่งให้เธอเข้ามาฝึกงานในห้องทำงานของเขา นั่นถึงทำให้เธอรู้ว่าที่เคลลี่เอ็นดูเธอ เพราะว่าหน้าตาและชื่อคล้ายแฟนที่เสียชีวิตไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พลิกผันแบบไม่คาดคิด เคลลี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะให้ดุจตะวันรู้ว่าเธอคือตะวันกลับชาติมาเกิด แต่มันก็ไม่ง่ายเมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกครั้งซ้ำรอยเดิม และเธอก็ลืมความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอจนหมด ........ มาติดตามว่าเคลลี่จะทำยังไงให้เธอกลับมาจำความสัมพันธ์ของเขาและเธอได้ แล้วเธอจะใช่คนรักกลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือเปล่า รักครั้งนี้ จะสมหวัง หรือสุดท้ายแล้วจะลงเอยด้วยน้ำตาเช่นเดิม //////
เรื่องนี้เป็นภาคต่อของนิยายเรื่อง สิ้นแสงตะวัน
////////////////////////////////////////////
...คุณเชื่อในเรื่องกลับชาติมาเกิดไหม.. เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยเชื่อในเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งเมื่อสามเดือนก่อนเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดก็เกิดขึ้นในชีวิตของผม เมื่อผมได้พบกับเธอ ผู้หญิงที่เหมือนกับคนรักที่ตายจากไปแล้วถึง 21 ปีทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง อายุ หรือแม้กระทั่งชื่อของเธอ ..ตะวัน..
สามเดือนก่อนหน้า
วันนี้ผมมีนัดทานข้าวกับเพื่อนซี้เพียงคนเดียวก็คือ ไอ้นีโอ ในชีวิตตั้งแต่ประถม มัธยม เข้ามหาวิทยาลัย จนกระทั่งเรียนจบมารับช่วงต่อบริษัทของพ่อ ก็มีมันเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวมาตลอด วันนี้ไอ้นีโอโทรมาชวนให้ออกมาทานข้าวด้วยกันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาร่วม 2 เดือน
“ไอ้เคล นี่เมื่อไหร่มึงจะคบใครเป็นเรื่องเป็นราวแล้วก็แต่งงานสักทีวะ แก่จนจะลงโลงอยู่แล้ว” และก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่มันมาเจอหน้าผม ที่มักจะพูดเรื่องเดิม ๆ อยู่ตลอดเวลา ใครจะไม่อยากก้าวเดินไปข้างหน้าหาคนมาเดินเคียงข้างกาย แต่สำหรับตัวผม ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนหยุดเคลื่อนไหวตั้งแต่ 21 ปีที่แล้ว ตั้งแต่วันที่ตะวันจากผมไป
“มึงก็รู้ว่ากูคงคบใครไม่ได้หรอก ชาตินี้ให้ตายก็คงไม่มีใครมาแทนที่ตะวันได้ นอกเสียจาก..”
“นอกเสียจากอะไรของมึงวะเคล”
“นอกเสียจากตะวันจะกลับชาติมาเกิด แล้วกูก็ตามหาตะวันพบในชาตินี้” จบประโยคที่ผมพูดไอ้นีโอก็แทบจะสำลักเบียร์ที่มันพึ่งกระดกเข้าปากไป
“ไอ้เชี่ยเคล มึงอายุจะ 44 ปีแล้วนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ ยังจะมามัวงมงายเรื่องพวกนี้อยู่อีก” ก็ตามที่เพื่อนผมพูดนั่นแหละ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ตะวันจะกลับชาติมาเกิด แล้วกลับมาเป็นคนคนเดิม ถึงแม้เธอจะเกิดใหม่ได้จริง ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนอยู่ดี
“แล้วนี่มึงจะไปไหน” ไอ้นีโอถามขึ้นเมื่อเห็นผมลุกขึ้นจากเก้าอี้
“จะไปห้องน้ำ มึงจะตามไปเฝ้ากูไหมล่ะ” ผมถามกลับพร้อมส่ายหัวให้มัน ไอ้นีโอแต่งงานแล้วมีลูกชายหนึ่งคน แล้วคนที่มันแต่งงานด้วยก็คือกีตาร์ เพื่อนสนิทของตะวันนั่นแหละ ส่วนสโนได้แฟนเป็นคนต่างชาติ แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่กับสามีที่อเมริกาได้หลายปีแล้วนาน ๆ จะกลับมาทีหนึ่ง
ปัก! ขณะที่เดินกำลังจะเลี้ยวเข้าไปทางห้องน้ำ ก็มีบางคนชนเข้ากับผมเต็มแรง
“ขอโทษนะคะ หนูขอโทษ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ ตายแล้วชุดคุณเปื้อนเยอะเลย เดี๋ยวหนูเช็ดให้นะคะ” ผมก้มหน้ามองเจ้าของเสียงที่ฟังแล้วคุ้นเสียเหลือเกิน แล้วสิ่งที่ห็นอยู่ตรงหน้านั้นทำเอาผมชะงักนิ่งแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ตะ ตะวัน” ผมเอ่ยเรียกหญิงสาวที่อยู่ในชุดที่คาดว่าจะเป็นพนักงานของร้านอาหารด้วยความลืมตัว
เธอเหมือนกับตะวันไม่มีผิด ทั้งรูปร่าง หน้าตา สีผม หรือแม้แต่น้ำเสียงของเธอ
“เอ๋? คุณรู้จักชื่อหนูด้วยเหรอคะ” ใบหน้าเล็กเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“ธะ เธอชื่อตะวันเหรอ” คำพูดผมตอนนี้ติด ๆ ขัด ๆ แทบจะไม่เป็นคำพูด ไม่อยากจะเชื่อทั้งสายตาและก็หูตัวเอง
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิงค่ะ หนูชื่อดุจตะวันค่ะ ชื่อเล่นว่า ซันไชน์ ที่แปลว่าแสงอาทิตย์ แต่ส่วนมากคนอื่น ๆ จะเรียกหนูว่าซัน ที่แปลว่าดวงอาทิตย์แทนค่ะ” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วนั้นพูดแนะนำตัวพร้อมอธิบายความหมายของชื่อตัวเองโดยละเอียด พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดหน้าตัวเองเช็ดคราบที่เลอะบนเสื้อของผมไปด้วย
“พอแล้ว ไม่ต้องเช็ดแล้ว เดี๋ยวฉันเอากลับไปซักเองได้” ผมจับข้อมือเล็กให้หยุดการเคลื่อนไหว เธอเงยขึ้นมาสบตาเล็กน้อยก่อนที่จะบิดข้อมือออกจากการถูกเกาะกุม
“แต่ว่า คุณจะไม่ฟ้องผู้จัดการใช่ไหมคะ” ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมามองด้วยแววตาอ้อนวอน ทำเอาหัวใจของผมที่ด้านชามาหลายปีแทบจะละลายลงไปเสียตรงนี้ให้ได้
“ไม่ฟ้องหรอก สบายใจได้” รอยยิ้มกว้างระบายบนใบหน้าขาวเนียนทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ เหมือน เหมือนมากจริง ๆ ยิ่งเวลาเธอยิ้มยิ่งเหมือนกับตะวัน
“ขอบคุณมากนะคะ ถ้าอย่างนั้นหนูไปทำงานก่อนนะคะ อ่อ แล้วก็ขอโทษอีกครั้งที่ทำชุดคุณเปื้อนนะคะ” คนตัวเล็กโค้งหัวลงพร้อมกับกล่าวคำขอโทษ
“เดี๋ยว เธอทำงานที่นี่ทุกวันหรือเปล่า” ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร ผมยื่นมือไปคว้าข้อมือเธอเอาไว้ เธอหันมามองหน้าผมด้วยความแปลกใจเล็กน้อย นั่นทำให้ผมได้สติปล่อยมือออก
“ไม่ทุกวันหรอกค่ะ หนูมาทำแค่วันศุกร์ กับวันเสาร์ค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ หายมานานแล้วเดี๋ยวโดนผู้จัดการดุค่ะ” เธอโค้งหัวให้ผมอีกครั้งแล้วก็เดินกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ
“หายไปไหนมาวะ ห้องน้ำก็อยู่แค่นี้” เพื่อนตัวดีบ่นขึ้นมาทันทีเมื่อผมกลับมานั่งลงที่เดิม
“ก็ไปห้องน้ำมา แต่พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” ผมตอบกลับมันไปตามความจริงนั่นแหละ แต่สายตาผมตอนนี้เอาแต่มองหาผู้หญิงคนเมื่อกี้
“มองหาอะไรวะไอ้เคล ท่าทางกระวนกระวายใจตั้งแต่เมื่อกี้” ไอ้นีโอคงจะสังเกตอยู่นานจนทนไม่ไหวก็เลยทักขึ้น
“ไอ้นีโอ คืองี้นะเว้ย มึงจะว่ากูงมงาย กูเป็นบ้าหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่กูว่ากูเจอแล้วว่ะ”
“เจออะไรของมึงวะ”
“กูเจอตะวันแล้ว เมื่อกี้ที่ทางไปห้องน้ำ” จบประโยค ไอ้นีโอก็หลุดขำผมออกมาเสียงดัง พร้อมกับโบกไม้โบกมือส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอก
“ไอ้เคล เบียร์แค่ไม่กี่แก้วก็ทำให้มึงเมาแล้วเหรอ กูรู้ว่ามึงรักตะวันมาก แต่อาการขนาดนี้ มึงควรจะไปหาหมอนะ”
เป็นใครก็คงไม่เชื่อหรอกผมเข้าใจได้ แต่สำหรับผม ผมเชื่อสนิทใจว่านั่นคือตะวัน บนโลกใบนี้มันคงไม่มีเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนั้น ทั้งรูปร่าง หน้าตา น้ำเสียง แม้กระทั่งชื่อ นอกเสียจากเธอจะเป็นตะวันจริง ๆ
//////
หลังจากวันที่ผมเจอเธอครั้งแรก ผมก็แวะเข้าไปที่ร้านอาหารนั้นอีกหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะไปเมื่อไหร่ ผมก็ไม่เคยเจอผู้หญิงคนนั้นอีกเลย จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสามเดือนแล้ว ที่ผมพยายามตามหาเธอ ผู้หญิงที่ผมมั่นใจว่าเป็นคนรักกลับชาติมาเกิด ผู้หญิงที่ผมมั่นใจว่าเธอคือ ตะวัน..
//////////
ผู้หญิงสวย รวย เก่ง อย่างพลอยใส จะแต่งงานทั้งที ก็ต้องแต่งกับคนที่ศึกษากันมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่หน้าตา ไปจนถึงโจ้ย เอ้ย ถึงใจ ยิ่งเฉพาะกับเขาคนนั้น ที่เคยผิดสัญญา จะให้ไปแต่งงานด้วยเหรอ ไม่มีทาง! ถ้าเขาเป็นกรงเธอก็จะแหก ถ้ายังจะแต่ง ก็จะทำให้ร้องขออย่าแทบไม่ทันเลย คอยดู!
จากนี้ไปผมคงทำได้เพียงจดจำความรักของเธอเอาไว้ ว่าครั้งหนึ่งเคยมีผู้หญิงที่ชื่อตะวันรักผมมากขนาดไหน ความรักที่ผมไม่สามารถตอบแทนอะไรให้เธอได้เลย
เพราะต้องหาเงินมาไว้ใช้จ่าย และเตรียมไว้สำหรับการผ่าตัดให้คุณยาย พิมพ์มาดาเลยจำเป็นต้องหางานพิเศษทำตัวเป็นเกลียว จนวันหนึ่งเธอเห็นป้ายรับสมัครงานที่ติดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เงินเดือนสูง และเวลาทำงานไม่กระทบกับชีวิตประจำวันของเธอ พิมพ์มาดาตัดสินใจสมัครงานทันที เพราะเธอคิดว่าเป็นงานดูแลผู้สูงอายุ แต่มันไม่ใช่ เจ้าของคฤหาสน์ที่ทุกคนเรียกว่าคุณท่านรับเธอเข้าทันงานทันที โดยที่พิมพ์มาดาไม่รู้เลยว่า สัญญาที่เธอเซ็นไปนั้นมันแตกต่างจากของคนอื่น มันเป็นสัญญาฉบับพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อเธอเพียงคนเดียว อาร์เดน ชายหนุ่มหลังม่านสีดำเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ และเป็นผู้สืบทอดกลุ่มมาเฟีย ไททันสเนค เขากำลังสืบหาคนที่ลอบวางระเบิดรถของพ่อเขาเมื่อสองปีก่อน แต่ยิ่งสืบ ความจริงก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดใจ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือคนที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน การแก้แค้นก็สำคัญ แต่ความปลอดภัยของหญิงสาวที่อยู่ใต้อาณัติของตัวเองนั้นก็มองข้ามไม่ได้ เมื่อเธอถูกจับตัวไป ความอดทนเส้นสุดท้ายของอาร์เดนก็ขาดลง ทุกคนที่ทำเลวกับเขาจะต้องชดใช้ /////////
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง