เธอ…ไม่เคยรักใครนอกจากเขา เขา…มองข้ามความรักของเธอมาตลอดชีวิต
“ไมค์ เดี๋ยวเจก็กลับมาแล้ว” แม่บ้านวัยสามสิบต้นๆ กระซิบบอกคนสวนด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเพราะอีกฝ่ายกำลังเล้าโลมเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
“ก็รีบๆ ทำสิครับคุณนายจะได้เสร็จไวๆ” ไมเคิลคนสวนสุดล่ำได้รับทิปแบบนี้ทุกครั้งเวลามาแต่งต้นไม้หรือตัดหญ้าให้บ้านหลังนี้ ถึงเธอจะไม่ใช่สาวรุ่นแต่ส่วนสัดก็ยังเต่งตึงหนั่นแน่นไปทุกส่วน ก็คนมีอันจะกินเขามีเวลาดูตัวเอง วันๆ ไม่ต้องทำงานทำการอะไรแค่อยู่บ้านไม่ก็ออกไปช้อปปิ้งแล้วก็กลับมารอรับลูกตอนบ่ายๆ
“ซี๊ด มะ ไมค์ อ๊า ไม่ไหวแล้ว” สุดาไม่อาจต้านทานอารมณ์ตัวเองได้เธอจึงลากพ่อหนุ่มให้มายืนแอบอยู่ตรงทางขึ้นชั้นสองขาเรียวยาวข้างนึงพาดไปบนราวบันได
“พั่บๆๆๆ” ไอ้หนุ่มคนสวนเสียบท่อนเอ็นอันโตเข้าไปจนสุดลำแล้วซอยกระหน่ำไม่นับครั้ง สองมือหนากร้านขยำขยี้ทรวงอกนิ่มหยุ่นคุณนายเจ้าของบ้านจนขึ้นรอยแดง เกมกามต้องห้ามดำเนินไปอย่างดุเดือดทั้งสองคนลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว
“มามี๊” เด็กชายเจเดนเดินตามเสียงประหลาดมาเรื่อยๆ และก็พบว่ามารดาของตัวเองกำลังยืนหันหน้าเข้าหาคนสวน ทั้งคู่ส่งเสียงที่แปลไม่ออกว่ามันเจ็บปวดหรือกำลังจะพูดอะไรและร่างกายมีเหงื่อไหลโทรมตัว
“เจ” สุดารีบผลักคนสวนให้ห่างออกจากตัวแล้วถลกกระโปรงกลับลงไปส่วนคนสวนสุดล่ำก็เดินหนีออกหลังบ้านไปเลย
“มามี๊ทำอะไรครับ” เจเดนในวัยอนุบาลถามคุณแม่ด้วยความสงสัย
“เอ่อ มามี๊ปวดหัวจ้ะรู้สึกเหมือนตัวร้อนจะเป็นไข้ ไมค์เขาเลยช่วยดูให้”
“จริงด้วย มามี๊เหงื่อออกเต็มเลยผมไปหาผ้ามาให้นะครับ” เจเดนตัวน้อยวิ่งไปที่ห้องครัวแล้วคว้าผ้าขนหนูนุ่มๆ วิ่งกลับมาหามารดาด้วยความร้อนใจ
“ดีขึ้นไหมครับมามี๊” เจเดนซับเหงื่อของมารดาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้วจ้ะ” สุดาตอบลูกชาย
“มามี๊ไปเอาของว่างมาให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ มามี๊นั่งนะครับผมไปหยิบเองได้” และอีกครั้งที่เด็กชายเจเดนวิ่งกลับไปที่ครัว เขาปีนไปบนเก้าอี้เพื่อหยิบขนมปังกับถ้วยแยมบนโต๊ะแล้วถือกลับมาหามารดาด้วยความระมัดระวัง สองมือเล็กๆ ทาแยมรสส้มไปบนขนมปังเนื้อนิ่มแล้วบิเป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนให้แม่ของเขาก่อน
“อร่อยไหมครับ”
“อร่อยจ้ะ” สุดาตอบแล้วหอมแก้มลูกชาย
“มามี๊ต้องไปหาหมอไหมครับ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เจป้อนขนมปังให้แม่อีกสามคำแม่ก็หายแล้ว”
“มามี๊หายแล้วเห็นไหมจ๊ะ” สุดายิ้มออกมาหลังจากกินขนมครบสามคำและลูกชายของเธอก็เลิกทำคิ้วขมวดในที่สุด
“เจขึ้นไปอาบน้ำนะครับแล้วเราลงมาช่วยทำมันบดกัน วันนี้ปาป๊าจะกลับมากินมื้อเย็นจ้ะ”
“เย้ๆ ดีใจที่สุดเลย” เจเดนวิ่งปรู๊ดขึ้นไปบนห้องของตัวเองแล้วสลัดเสื้อผ้าออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว
“ไมค์” สุดาอุทานด้วยความตกใจ ไมเคิลลากคุณนายคนสวยหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วทำภารกิจที่ค้างไว้
“อ๊ะ ซี๊ดดด ถ้าผัวฉันอึดได้ครึ่งของเธอก็ดี”
“งั้นก็ให้ผมมาทำสวนทุกวันสิครับคุณนาย พั่บๆๆๆ”
“บะ บ้า คนก็ผิดสังเกตพอดี โอ๊ววว”
“เสร็จพร้อมกันนะครับคุณนาย อู๊ววววว” สุดาและไมเคิลประกบปากจูบกันอย่างดูดดื่มเพื่อเก็บเสียงครวญครางเอาไว้ ไมเคิลใส่เสื้อผ้ากลับเข้าที่เดิมแล้วเดินผิวปากออกไปส่วนสุดาก็จับผมเผ้าและชุดกระโปรงให้เข้าที่เข้าทางเพื่อไปรับบทบาทแม่และเมียที่ดี
“มามี๊ค้าบ” เจเดนวิ่งตึงตังลงมาหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว
“นี่ครับ เจบดได้เลย” สุดายื่นถ้วยมันฝรั่งที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ลูกชาย เจเดนมีหน้าที่บดมันให้ละเอียดด้วยช้อนอันโตเพราะเธอไม่กล้าให้ลูกชายใช้มีดหรืออุปกรณ์ทำครัวอื่นๆ
“เมื่อยรึยังครับเจ” สุดาหันมาถาม เธอหมักเนื้อไว้แล้วเหลือก็แค่เอาไปย่างบนเตาเท่านั้น
“ยังครับมามี๊ มันยังไม่ละเอียดเลย”
“มามี๊ช่วยทำนะครับ” สุดาเอาช้อนมาอีกคันแล้วนั่งลงข้างๆ ลูกชาย ระหว่างที่ช่วยกันบดเธอก็คุยกับลูกไปด้วย
“จริงหรอจ๊ะ” ลูกชายของเธอกำลังเล่าถึงบทเรียนวันนี้ คุณครูเอ็มม่าพาออกไปที่สวนหลังโรงเรียนแล้วพาไปดูดักแด้
“จริงครับมามี๊ คุณครูเอ็มม่าบอกว่าหนอนพวกนั้นจะโตเป็นผีเสื้อแสนสวยผมเห็นผีเสื้อตอมดอกไม้เต็มเลยครับแต่ละตัวปีกสีไม่เหมือนกันด้วย บางตัวสีส้ม บางตัวสีฟ้า บางตัวมีตั้งหลายสีบนปีกเดียวกัน” เด็กชายตัวน้อยเล่าด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งที่ไปเห็นมาเมื่อบ่ายและมันทำให้หัวสมองของเจเดนลืมภาพของมารดากับคนสวนไปแทบจะทันที
“แล้วโตขึ้นเจอยากเป็นอะไรจ๊ะ”
“เป็นนักแมลงครับ” คำตอบของเด็กน้อยเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันสักวันและสุดาก็ไม่ได้กังวลใจด้วย เด็กๆ มีความคิดและจินตนาการอันกว้างไกลลูกสามารถเป็นได้ทุกอย่างที่เขาต้องการขอแค่สิ่งนั้นไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ
“คนที่ศึกษาด้านแมลงเขาเรียกว่านักกีฏวิทยาจ้ะ” สุดาแก้ไขคำให้ถูกต้อง
“นักกินวิดทะยาหรอครับ” เจเดนทวนคำด้วยความงุนงง ทำไมนักแมลงชื่อเรียกยากจัง
“ไม่ใช่จ้ะออกเสียงว่า กี-ตะ-วิด-ทะ-ยา” สุดาพูดช้าๆ ชัดๆ ให้ลูกชายฟังอีกครั้ง ต้องหัดกันอยู่หลายรอบกว่าเจเดนจะพูดถูก
“โอเคจ้ะ ละเอียดแล้ว” สุดานำมันฝรั่งเนื้อละเอียดผสมนมและเครื่องเทศอีกเล็กน้อยจากนั้นจึงนำเข้าเตาอบ สองแม่ลูกช่วยกันเตรียมมื้อเย็นด้วยความตั้งใจเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยปีเตอร์ก็กลับมาถึงบ้านพอดี
“ปาป๊า” เจเดนวิ่งไปหาบิดาแล้วชายหนุ่มหน้าตาเคร่งขรึมก็อุ้มเด็กชายตัวน้อยไปฟัด
“วันนี้มีอะไรกินบ้างเจค” ปีเตอร์ถามลูกชาย
“มีสเต๊กหมู สลัดแล้วก็มันบดที่ผมช่วยมามี๊ทำครับ”
“ว้าว มันบดต้องอร่อยที่สุดแน่ๆ”
“สเต๊กของมามี๊อร่อยที่สุดครับ ผมยังเด็กยังไม่มีสีมือ”
“ฝีมือจ้ะ” สุดาแก้ไขคำให้ถูกต้อง ถ้าเป็นสำนวนลูกชายของเธอมักจะใช้ผิดๆ ถูกๆ แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เธอพยายามให้ลูกพูดกับเธอด้วยภาษาไทยและสนทนากับบิดาด้วยภาษาอังกฤษและเยอรมัน
“เหนื่อยไหมคะ” สุดารับเสื้อสูทของสามีไปแขวนเข้าที่แล้วถามด้วยความห่วงใย
“นิดหน่อย วันนี้ประชุมเกือบทั้งวัน” ปีเตอร์ตอบภรรยาแล้วปลดกระดุมตรงข้อมือออก จากนั้นก็ขยับเนกไทให้มันคลายปมแล้วภรรยาผู้แสนดีก็เอาน้ำเย็นเจี๊ยบมาให้
“ปาป๊าเท่สุดๆ เลย” เจเดนชอบดูเวลาบิดาปลดกระดุมเสื้อและคลายเนกไท มันเป็นสิ่งที่เด็กแบบเขาคิดว่าเจ๋งและเท่ที่สุดในโลกเพราะมันคือท่าทางของผู้ชายที่เป็นผู้นำครอบครัว
“โตขึ้นเจคจะเท่กว่าปาป๊าอีก” ปีเตอร์ลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู
เจเดนเกิดในครอบครัวของคนมีอันจะกินและคนภายนอกต้องอิจฉาเด็กชายคนนี้แน่ๆ เพราะมีมารดาที่แสนจะเรียบร้อยงานบ้านงานเรือนก็เก่งไม่เป็นรองใครส่วนบิดาก็เป็นชายหนุ่มที่ขยันขันแข็งเอาการเอางานแต่ก็ไม่ลืมภรรยาและลูกชาย สามคนพ่อแม่ลูกจะต้องทานข้าวด้วยกันอย่างต่ำสัปดาห์ละสองครั้ง
แต่มันก็เป็นแค่ภาพลวงตาความเอาใจใส่จอมปลอมจากสุดาจะมีให้สามีเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าลูกชายเท่านั้นและปีเตอร์ก็ประพฤติแบบนั้นเช่นกัน สองสามีภรรยาทนอยู่กันไปเพราะไม่ต้องการให้ลูกชายต้องมีปมด้อยการฟ้องหย่าในประเทศนี้มันละเอียดอ่อนและซับซ้อนและคนที่จะได้รับผลเสียที่สุดก็คือเด็ก
ปีเตอร์ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์และเขารู้ดีว่าเด็กที่เข้าระบบบ้านอุปถัมภ์น่าสงสารขนาดไหนเขาไม่มีวันให้ลูกชายคนเดียวต้องตกอยู่ในสถานะนั้นแน่ๆ ส่วนสุดาก็หอบผ้ามาอยู่กับผู้ชายที่เธอยังรู้จักไม่ดีพอแต่ด้วยความคิดง่ายๆ ว่าการมีสามีฝรั่งจะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นเธอจึงเดินทางมาค่อนโลกแล้วอยู่ในประเทศที่ไม่รู้จักใครเลยสักคนนอกจากสามีตัวเอง
แรกเริ่มความรักมันก็หวานชื่นดีแต่เมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ นิสัยเสียเล็กๆ น้อยๆ ของแต่ละคนที่มันขัดตาก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทุกทีจนในที่สุดทั้งปีเตอร์และสุดาก็เบื่อหน่ายกันไปเองแต่ก็เลิกกันไม่ได้เพราะมีลูกรั้งเอาไว้ ถึงทั้งคู่จะเอือมระอากันแค่ไหนแต่สิ่งเดียวที่เป็นจุดเชื่อมทุกอย่างเอาไว้ก็คือเจเดน
สุดาไม่อยากอยู่ที่นี่ ลอนดอนเมืองที่อึมทึมและห่างไกลบ้านเกิดแต่เธอก็ไปไหนไม่ได้เพราะเป็นห่วงลูกชายและที่สำคัญเธอไม่มีเงินไม่มีงานครั้นจะกลับเมืองไทยไปเริ่มต้นใหม่อยู่แบบอดมื้อกินมื้อเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ใช่สิ่งที่คนฉลาดเลือกทำแน่ๆ เธอจึงทนอยู่กับสามีหน้านิ่งเพื่อความอยู่รอดและเริงรักกับผู้ชายเป็นกิจกรรมแก้เซ็ง
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา