ผมชื่อเซบาสเตียนเป็นหมอฟันที่ “หนักเอา เบาสู้”
ผมชื่อเซบาสเตียนเป็นหมอฟันที่ “หนักเอา เบาสู้”
คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม ?
สำหรับผมที่เป็นหมอฟัน มีชีวิตมาสามสิบสามปียังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้สักครั้ง ใครกันที่จะทำให้หัวใจเต้นแรงเพียงสบตากันครั้งเดียว
ใช่ว่าผมไม่เคยมีความรัก ก็มีมาหลายหนลองมาหลายทีแต่จบไม่ดีสักราย ผมนอกใจเขาบางทีเขาก็นอกใจผม เข้ากันไม่ได้ก็หลายคน สรุปแล้วผมไม่เคยโชคดีในเรื่องนี้เลย
หวังว่าการมาพักผ่อนครั้งนี้จะได้พบเรื่องดีๆ กับเขาบ้าง
เกาะสมุย
ชายหนุ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเพื่อหลบหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงรวมถึงบริเวณรอยต่อเขตปริมณฑล นี่ไม่ใช่วันหยุดเป็นวันพุธกลางสัปดาห์ถ้าออกสักเจ็ดโมงคงเกือบเที่ยงกว่าจะพ้นกรุงเทพ
สายลมยามเช้าแสงแดดอ่อนๆ ช่วยให้จิตใจสดชื่น หลังจากต้องง้างปากคนไข้มาหลายเดือนติด ในที่สุดผมก็ได้พักร้อนกับเขาสักที ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคราวนี้ลาได้ตั้งห้าวัน ผมจะอาบแดด เล่นน้ำ สูดไอทะเลให้ชุ่มปอดไปเลย
เที่ยงกว่าก็มาถึงดอนสักมันเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่ผู้คนบนฝั่งกับบนเกาะใช้ข้ามไปมา เรือเฟอร์รี่กำลังเข้าเทียบส่วนผมก็เตรียมเหยียบคันเร่งเพื่อนำรถเข้าไปจอดในเรือ อันที่จริงนั่งเครื่องบินเร็วกว่าแต่ผมชอบขับรถชอบมองวิวข้างทางและที่พลาดไม่ได้ก็คือแวะดื่มกาแฟไปเรื่อยๆ เจอร้านถูกใจก็ลงไปพักขายืดเส้นยืดสาย
เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการลอยล่องอยู่กลางทะเลไม่น่าเบื่อสักนิด เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เดินขึ้นไปบนเรือที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง เช่น ซุ้มขายอาหารและขนม โทรทัศน์ให้ชมฆ่าเวลาแต่ที่ชอบที่สุดก็คือมีห้องนวด ผมเลือกนวดเท้าเพราะใช้เหยียบใช้เดินมาครึ่งค่อนวัน
“สวัสดีค่ะคุณเซบาสเตียน สุธีร์ มอนต์โกเมอรี่ โรงแรมหาดสวยยินดีต้อนรับค่ะ” เมื่อมาถึงท่าเรือหน้าทอนที่เป็นศูนย์กลางของเกาะสมุย ผมก็ขับรถไปอีกสิบห้านาทีแล้วก็ถึงที่พักที่จองไว้
“เรียกซะเต็มยศเลย เรียกธีร์ก็พอครับ” ชายหนุ่มบอกแล้วยิ้มโชว์ฟันขาว
“อุ๊ยตาย ! พูดไทยได้ด้วย ขอโทษค่ะ” พนักงานต้อนรับเผลอทำกิริยาตกใจจนเกินงามจึงรีบกล่าวขออภัย
“ไม่เป็นไรครับ ก็หน้าฝรั่งจ๋าขนาดนี้แต่ดันพูดไทยชัดปร๋อใครจะไม่งงบ้าง ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มพูดไปยิ้มไป
“กุญแจห้องค่ะ อาหารเช้าตั้งเวลาหกโมงถึงสิบโมงเช้านะคะ คุณเซบาสเตียนต้องการรับประทานเวลาไหนขอให้แจ้งทางเราในตอนเย็นของแต่ละวันนะคะ” ผมจองวิลล่าริมหาดไว้มันเป็นห้องพักที่แพงที่สุดการบริการจึงดีที่สุดเช่นกัน ผมไม่ต้องไปรับประทานอาหารรวมกับลูกค้าคนอื่นแต่จะมีพนักงานนำมาส่งให้ถึงหน้าห้องเลยทีเดียว
“ผมแจ้งตอนนี้ได้เลยไหมครับ”
“ได้เลยค่ะคุณเซบาสเตียน” แม้ลูกค้าจะให้เรียกแค่ชื่อเล่นแต่พนักงานก็ยังเกรงใจอยู่ดี
“ผมขอเป็นตอนเจ็ดโมงครึ่งทุกวันเลยครับ ถ้าเป็นไปได้”
“ได้แน่นอนค่ะ ดิฉันลงบันทึกให้แล้ว ขอให้มีความสุขกับการพักผ่อนนะคะ”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับกุญแจห้องแล้วขยิบตาให้สาวๆ
“ส้ม ! แกไม่รู้จักคุณธีร์เหรอ” อมราหรืออ้อมที่ยืนข้างๆ กลับมาพูดเป็นปกติก็ตอนที่พ่อเทพบุตรเดินไปไกลแล้ว ก่อนหน้านั้นอมรามัวแต่ตกตะลึงในความสมบูรณ์แบบของเซบาสเตียนจนพูดไม่ออก
“หึ … นายแบบเหรอ ฉันไม่ค่อยได้ตามพวกนี้” สุชาดาตอบ
“หมอฟัน นายแบบและที่สำคัญรวยมาก … มากแบบ ก. ไก่ ล้านตัว แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นคนอังกฤษมั้งไม่แน่ใจเขาเป็นลูกครึ่งที่พูดไทยชัดแจ๋วเพราะคุยกับแม่ด้วยภาษาไทย คุยกับพ่อด้วยภาษาอังกฤษแล้วก็เยอรมัน”
“โอ้โฮ ! นี่แกอยู่ข้างบ้านเขาเหรอ รู้เยอะรู้ดี”
“เห็นบุ๊คกิ้งตั้งแต่เดือนก่อนว่าเขาจะมา ฉันนี่ตั้งตารอเลย พ่อคุณเอ๊ย ! หล่อกว่าในหนังสือล้านเท่า” อมรายังเพ้อไม่หยุด
“หนังสืออะไร ใครหล่อเหรอ” แสงจันทร์แทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างเพื่อนสองคน
“คุณเซบาสเตียน ลูกค้าที่มาเช็กอินน์เมื่อกี้ ออร่าเหมือนหล่นลงมาจากสวรรค์” สุชาดาบอกเพื่อนที่มาทีหลัง
“อ้อ … ก็ลูกค้าไง เห็นแล้วว่ามีชื่ออยู่ ตื่นเต้นอะไรกัน” แสงจันทร์วางกระเป๋าแล้วหยิบแฟ้มออกมากางเพื่อดูงานของช่วงเช้า
“เซ็งสุด นี่แกสองคนไม่รู้จักคุณธีร์จริงๆ เหรอ” อมราถาม
“หึ ไม่รู้จัก” แสงจันทร์กับสุชาดายืนยันด้วยเสียงหนักแน่น
“คืองี้จันทร์ส่วนส้มแกฟังให้ชัดๆ อีกที คุณเซบาสเตียนเป็นหมอฟัน เป็นนายแบบ รวยมาก หล่อมาก สุภาพมากแล้วก็ยิ้มหวานสุดๆ สมแล้วที่เป็นหมอฟันเพราะฟันขาวสะอาดเรียงซี่สวยงาม” อมราร่ายยาวแบบไม่พักหายใจ
“ฉันต้องหาข้อมูลบ้างแล้ว” สุชาดาหยิบมือถือขึ้นมาจิ้มอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจประวัติต่างๆ ตั้งแต่เด็กจนโตของเซบาสเตียนก็มาอยู่ในมือ
“โอ้โฮ ! นี่ไม่ใช่คนแล้ว เทพเจ้าลงมาเกิดในร่างมนุษย์ชัดๆ เล่นกีฬาเก่ง แกฟังนะว่าเขาเล่นอะไรบ้าง ฟุตบอล บาสเกตบอล กอล์ฟ ว่ายน้ำ ฟันดาบ วิ่ง เคยลงแข่งไตรกีฬาแล้วก็คือเป็นหมอฟันด้วย ทำทั้งหมดได้ยังไงวะ นี่แค่เดินขึ้นบันไดเข่าก็ลั่นแล้วไม่ต้องนึกถึงวิ่งเลยและที่สำคัญ ฉันอ่อนกว่าเขาเป็นสิบปี” สุชาดาอ่านประวัติสุดยอดเยี่ยมของเซบาสเตียนด้วยความชื่นชมปนอิจฉา
ตอนอยู่ลอนดอนเซบาสเตียนถ่ายแบบเป็นอาชีพเสริมพอกลับมาเมืองไทยก็มุ่งมั่นกับหหน้าที่หมอฟันเพียงอย่างเดียวเพราะอยากพัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ
“ไหมล่ะ บอกแล้วว่าเขาน่ะดีพร้อม” อมราสำทับ
“ว่าไหมจันทร์” สุชาดาถามเพื่อน
“ไรเหรอ” แสงจันทร์เงยหน้าขึ้นมาถามแบบงงๆ เพราะไม่ได้ฟังที่เพื่อนคุยเลยสักคำ
“โอ๊ย ! ยายชีแสงจันทร์ ละทางโลกแล้วไปถือศีลแปดไหม”
“อะไรเล่าก็ไม่รู้จักจะสนใจทำไม เขาก็เหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ตื่นเต้นไรหนักหนา นายแบบ พระเอก ก็มาพักโรงแรมเราออกจะบ่อย ละครก็ยังเคยมาถ่ายมีแต่คนหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น ยังไม่ชินอีกเหรอ”
“แต่นี่คือเซบาสเตียน สุธีร์ มอนต์โกเมอร์รี่ ไม่เหมือนกันแน่นอนจ้ะเพราะเขาไม่ได้แค่หล่อแต่เพอร์เฟคทุกอย่างและๆๆ ที่สำคัญก็คือยังโสดด้วยจ้า” อมราพูดด้วยตาเป็นประกาย
“แล้วไงคิดว่าเขาจะมองเด็กกะโปโลแบบพวกเรางั้นสิ”
“โอ๊ย ! แกเนี่ย ไม่เคยให้ความหวังเพื่อนเลยนะจันทร์” อมราทำหน้างอที่เพื่อนมาดับฝันกลางวัน
“เตรียมเอกสารเถอะ เดี๋ยวลูกค้ากลุ่มนี้ก็มาแล้ว ไม่น่าเกินชั่วโมง” สามสาวจึงเลิกคุยแล้วกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
鳳凰歸來的愛 ชาติก่อน...นางถูกคนที่รักที่สุดทรยศหักหลังจนสิ้นใจ ทว่าเมื่อสวรรค์บันดาลให้นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นางจะใช้ลมหายใจที่เหลือนี้เพื่อจัดการพวกมันทุกคน!
กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด