รัศมีดาราถูกน้ำเงินบีบบังคับให้แต่งงานกับเขาเพราะแค้นที่พี่ชายของหล่อนแย่งคู่หมั้นของเขาไป... พันธะวิวาห์ขาดสะบั้นทั้งที่หล่อนเป็นเจ้าสาวของเขาได้ไม่กี่คืนเพราะเจ้าสาวตัวจริงของเขาย้อนกลับมา แม้ว่าจะแยกกันแต่ว่าพันธะทางการแต่งงานก็ยังคงอยู่เพื่อรักษาหน้าตาและสถานะทางสังคม แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะต้องปลดพันธะจอมปลอมที่เขาและหล่อนต่างไม่แยแส... มันกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะที่เคยเมินเฉยกับหล่อนกลับเข้ามาวุ่นวายในชีวิตอย่างน่าฉงน... ......................................... “ถ้าเพียงแต่คุณไม่บ้าอำนาจอยากเอาชนะพวกฉัน คงไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก คุณล้มงานแต่งไปแต่แรกก็ไม่ต้องมาวุ่นวายขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ที่คุณจะต้องแก้ปัญหา... ไหนจะเรื่องนักข่าวติดตามเรื่องแต่งงานให้ต้องไปตามแถลงข่าวอีก เห็นไหมคะว่าการเอาแต่ใจอยากเอาชนะของคุณมันทำให้เกิดเรื่องมากมายแค่ไหน” คำบริภาษของหล่อนทำให้น้ำเงินหน้าตึงขึ้นมาทันควัน... “ความผิดผมคนเดียวหรือไงกัน” มือหนาตบโต๊ะปัง ดวงตาวาวโรจน์ของเทพบุตรดำแทบแผดเผาหล่อนเมื่อหล่อนพูดถึงเรื่องเมื่อวานนี้ ราวกับว่าหล่อนทำถูกต้องที่พาเจ้าสาวที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานหนี... “ถ้าคุณไม่ทำให้เจ้าสาวผมหนีไปคุณก็ไม่ต้องมารับผิดชอบแบบนี้... คุณโดนแบบนี้ก็ดีเหมือนกันคราวหลังจะได้ไม่ต้องมาแส่หาเรื่องด้วยการวุ่นวายเรื่องผมกับพลอยอีก... ผมจะไม่ขอโทษไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้นหรอกนะ เพราะสิ่งที่คุณได้รับตอนนี้ มันยังไม่สาสมกับโทษที่คุณควรได้รับเลยด้วยซ้ำไป...” “คุณไม่สำนึกผิดสักนิดหรือไงว่าทำไมทุกอย่างถึงเป็นอย่างนี้” “คนที่ควรจะสำนึกผิดและชดใช้ทุกอย่างน่าจะเป็นคุณมากกว่านะ... แล้วก็อย่าคิดว่าผมจะปล่อยให้คุณกลับบ้านไป” เขาหันไปมองกระเป๋าที่หล่อนเก็บของเข้าไว้ คงเตรียมหนีกลับบ้าน... “ถ้าไอ้พี่ชายตัวดีของคุณไม่ได้เอาพลอยมาคืน คุณก็ไม่มีสิทธิ์ออกจากบ้านนี้ไป...” “แต่ฉันไม่ใช่ตัวสำรองของใครนะ... ฉันช่วยให้พี่พลอยหนีก็จริง แต่มันไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องมาอยู่ที่นี่แทนพี่พลอย...” “ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!”
กราบสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่อง ทอแสงดาว จนเราได้พบเจอกันในหน้าคำนำนักเขียนหน้านี้ค่ะ...
หลังจากที่ไม่ได้ออกหนังสือมาพักใหญ่และต้นฉบับหลายๆ เรื่องที่ทำอยู่แทบไม่กระเตื้องเพราะนอกจากจะเขียนช้าเป็นทุนเดิมแล้วยังมีเรื่องยุ่งหลายๆ อย่างเข้ามา ทอแสงดาว จึงเป็นเรื่องที่วางห่างจากเรื่องล่าสุดนานพอสมควร... แต่เป็นความปลื้มปริ่มอย่างมากที่แฟนๆ นั้นยังคงให้ความกรุณากับนักเขียนและไต่ถามมาอย่างสม่ำเสมอและไม่เคยลืมทอแสงดาวเลย ทั้งอีเมล ทั้งสายเรียกเข้า และข้อความทางโซเชียลออนไลน์ที่ไต่ถามกันเข้ามานอกจากจะกระตุ้นให้อยากออกงานทอแสงดาวเร็วขึ้นแล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจอย่างดีที่ทำให้มีกำลังใจเขียนเรื่องอื่นๆ เพื่อแทนคำขอบคุณนักอ่านที่อยู่ด้วยกันมาตลอด... ไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะมีความหมายกว่าคำว่า ขอบพระคุณ สำหรับกำลังใจอย่างล้นหลาม ขอบคุณมากมายจริงๆ ค่ะ
หลังจาก ทอแสงจันทร์ ซึ่งเป็นภาคแรกจบแล้ว เรื่องของ หนูดารา กับคุณน้ำเงิน ก็ได้รับความสนใจ และหลายคนเฝ้ารอ คนเขียนเองก็ดีใจที่หนังสือได้มีโอกาสเปิดเผยเรื่องราวความรักหน่วงๆ ของคู่นี้สู่สายตาคนอ่าน หวังว่าความรักของทั้งคู่จะทำให้คนอ่านสุขสมหวัง ที่ทั้งคู่ได้ลงเอยกัน แต่ทั้งคู่จะลงเอยอย่างไรนั้น ขอให้ติดตามได้ในเรื่องราวค่ะ...
สำหรับทอแสงดาวและทอแสงจันทร์นั้น เป็นนิยายที่มีเพียงสองภาคเป็นภาคต่อกัน สามารถแยกกันอ่านได้ หากแต่ถ้าสามารถอ่านทอแสงจันทร์ได้ก่อนทอแสงดาวก็จะเพิ่มอรรถรสได้มากยิ่งขึ้นไปค่ะ
สำหรับตัวละครที่เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น แฟนๆ อาจจะคุ้นๆ กันบ้าง เลยขอแนะนำเพื่อเผื่อจะพอนึกถึงกันได้ค่ะ คุณฟิลิปดานั้นเป็นน้องนุชสุดท้องมีพี่ชายคือคุณองศาและคุณลิปดา จากเรื่อง ฟองคลื่น คืนฝัน วันรัก และ ซาตานร้ายพ่ายใจรัก คุณฟิลิปดาและหมออัศวินคือคู่เอกของเรื่องทะเลแห่งหัวใจค่ะ (เรื่องนี้ยังแต่งไม่จบและอยู่ในไหดองของไรเตอร์ค่ะ)
นอกนั้นแล้วยังมีอีกหนึ่งตัวละครหนึ่งที่เป็นคนเชื่อมโยงเรื่องราวนั่นคือ หมอกอล์ฟ ที่เป็นเพื่อนสนิทในแก๊งหัวกะทิที่ประกอบไปด้วย หมอดนัยภัทร คุณองศา จากฟองคลื่น คืนฝัน วันรัก และยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับอาทิตยะ และหมออัศวิน ที่มาโลดแล่นในทอแสงดาว ตัวละครที่สร้างมาให้เกี่ยวข้องกันนั้นเพราะเรื่องราวของพวกเขาถักทอเกี่ยวพันกันอยู่ ซึ่งจะในอนาคตน่าจะได้เขียนถึงแบบรวมแก๊งบ้างในเรื่องทะเลแห่งหัวใจ
สุดท้ายนี้คนเขียนอยากให้คนอ่านมีความสุขกับการได้อ่าน ทอแสงดาว ผลงานที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ของคนเขียนคนนี้ค่ะ
เม็ดแตงโม
เธอทำให้คนที่เขารักเจ็บปวด เขาจึงเอาคืนให้เธอเจ็บกว่าร้อยเท่า ในวันที่เขาแก้แค้นเธอสำเร็จจนเธอเจ็บปวดเจียนตาย เขากลับค้นพบว่าเขารักเธอ การเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้งหนึ่งเพ่ื่อตามหาหัวใจตัวเองจึงเกิดขึ้น แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเธอเจ็บแล้วจำเธอเลยไม่ให้โอกาสซ้ำยังเอาแต่จะหนีไปจากชีวิตเขา เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา เขาจึงต้องทำทุกทางและทุกอย่างเพื่อได้หัวใจเธอมาเป็นของเขาเหมือนเดิม hope and nink "อย่าลืมไปเล่าให้พี่ชายคุณฟังด้วยล่ะ ว่าความรู้สึกที่ถูกหลอกให้รักมันรู้สึกอย่างไง แล้วเรื่องที่กล่าวหาว่าอีฟทำ รับรู้เอาไว้ด้วยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้" "ทำไมถึงปกป้องผู้หญิงคนนั้นขนาดนั้น" แล้วคำที่บอกว่าอยู่ข้างเธอ ที่ผ่านมาหมายความว่าอะไร... "ที่ผมปกป้องขนาดนั้นเพราะว่ารักอีฟ และไม่ยอมให้ใครมาทำลายอีฟได้ยังไงล่ะ" "รัก?" แล้วไม่ได้รักเธอหรอกหรือ เธอตั้งคำถามอย่างโง่งั่ง ไม่พยายามเข้าใจสิ่งที่เขาบอก แม้ส่วนลึกเริ่มจะเห็นเค้าลางว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างที่วิษุวัติทำมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว "ใช่" "..." เขาลุกขึ้นยืน แขนเล็กๆ ที่เกาะเเขนเขาไว้ร่วงผล็อย นลินวิภาเงยหน้าขึ้นมองเขา "แล้วความรู้สึกดีๆ ที่คุณแสดงออกกับฉันที่ผ่านมา" "มันแค่การเอาคืน..." เขาพึมพำ ก่อนจะก้มหน้ามองเธอ "ผมมาก็เพื่อแก้แค้นให้อีฟตอนนี้หน้าที่ของผมจบแล้วถือว่าเราจบกัน คุณไปเก็บของซะผมจะให้คนไปส่ง" เขาทำท่าจะเดินจากไป แต่นลินวิภาดึงชายเสื้อเขาไว้ ดวงหน้ายังสับสนและในใจพร่ำบอกว่ามันไม่ใช่ และเธอฉุดรั้งเขาไว้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลย จนมีแรงตึงที่มือและเขาหยุดชะงักนั่นล่ะ เธอถึงปริปากออกมา... "คุณเคยบอกฉันว่าไม่ต้องสนเรื่องอื่นว่าเราพบกันอย่างไง เพราะระหว่างเราเข้าใจกันก็พอ ฉันเข้าใจว่าคุณพูดออกมาจากใจจริงๆ เสียอีก" "มันคือคำโกหกคุณคงไม่คิดว่าผมจะรักคุณหรอกนะเพราะคนที่ผมรักมาตลอดคืออีฟ คนแบบที่ผมชอบคืออีฟเท่านั้น" ไม่ต้องมีมีดนับร้อยนับพันมาจ้วงแทง เพียงแค่สายตาคู่เดียวของเขาที่จ้องมองมาก็ทำให้เธอเหมือนถูกกระหน่ำแทงจากความจริงที่เขากำลังบอก เธอกับเอวิตาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว และเธอไม่ใช่คนแบบที่เขาชอบ ทั้งหมดที่ผ่านมาคือการหลอกลวงเพื่อแก้แค้นให้เอวิตา คนที่เขารัก... "โฮป" "เรียกผมว่าวิษุวัติ... อย่าเรียกชื่อเล่น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น "..." นลินวิภากะพริบตาปริบๆ มือร่วงผล็อยจากชายเสื้อเขาไปในทันที สิ่งที่เขาบอก เหมือนดึงเธอมาสู่โลกแห่งความจริงที่เธอไม่อาจหนี เขาบอกชัดเจนขนาดนี้เธอคงไม่สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว... #ทินอีฟ "ยินดีด้วยนะครับคนไข้ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาแล้วครับ คนไข้ตั้งครรภ์ เดี๋ยวหมอจะส่งคนไข้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อฝากครรภ์นะครับ" คำพูดของนายแพทย์ประจำคลินิกทำให้เธอยิ้มออกหลังจากทนกับอาการเวียนหัวในช่วงเช้ามาหลายวันไม่ไหวเธอจึงไปตรวจให้รู้แน่ชัด ผลที่แพทย์บอกตอนที่อยู่คลินิกทำให้เธอมีความสุขมาตลอดบ่าย เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์กับทิน...ผู้ชายที่เธอรัก วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ การได้รับข่าวดีเรื่องลูกจึงเปรียบประหนึ่งเป็นของขวัญ หญิงสาวรีบกลับมาที่เพนธ์เฮาส์และจัดเตรียมสถานที่รอพ่อของลูกกลับมาอย่างคาดหวังและตื่นเต้น เรื่องที่ตั้งครรภ์เธอยังไม่ปริปากบอกใครแม้แต่พี่เลี้ยงคนสนิทที่อยู่กับเธอตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะอยากให้ทินรู้เป็นคนแรก ทันทีที่เขาให้ของขวัญวันเกิดแก่เธอ เธอจะยื่นกระดาษอัลตราซาวน์ให้เขาแล้วบอกว่าเป็นของขวัญที่เธอมอบกลับคืนในฐานะที่เขารักและดูแลเธอมาตลอด แต่เมื่อประตูห้องเปิดก็เกิดเรื่องผิดแผนครั้งใหญ่เพราะทินเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงสาวที่มีดวงหน้าสวยโฉบเฉี่ยวดูมั่นใจในตัวเอง ริมฝีปากสีแดงสดของผู้หญิงคนนั้นยิ้มและมองเอวิตาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก คนทั้งคู่ที่เข้ามาใหม่ไม่ได้สนใจบรรยากาศปาร์ตี้ ทินมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาของเขาไม่อ่อนโยนเหมือนทุกวัน มีเพียงเสียงทุ้มน่าฟังที่เหมือนเดิม "อีฟ ผมมีเรื่องจะบอก" "เรื่องอะไรคะ" เสียงของเธอแทบไม่หลุดจากปาก ความหวาดกลัวในสถานการณ์เกาะกุมหัวใจเธอ รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาครามครัน "ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ ธุระที่ผมไปทำวันนี้คือไปจดทะเบียนกับนิ้ง" "..." ดวงตาของเอวิตาเบิกกว้าง "นิ้งท้องกับผม ท้องตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมาคบกับคุณ มันอาจจะผิดต่อคุณแต่คุณคงเข้าใจว่าผมต้องรับผิดชอบลูกในท้องของนิ้งเป็นอันดับแรก..." "ทิน" เธอเรียกชื่อเขา น้ำตาเอ่อล้นปริ่มขอบตาที่ร้อนผะผ่าวในใจมีร้อยพันหมื่นถ้อยคำแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ กระดาษอัลตราซาวน์ในมือถูกกำแน่น อย่าว่าแต่ยื่นมันให้เขาได้เห็น แค่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาและหายใจ เอวิตายังทำได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน "ผมเสียใจนะอีฟ... แต่ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมเลือกนิ้ง" "ที่จริงฉันต้องรีบพาทินไปพบครอบครัว แต่ว่าเขาอยากแวะมาบอกเธอก่อนไม่อยากหายไปเลย" ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก เอวิตาจับใจความไม่ได้เลยว่าคนตรงข้ามพูดอะไรกับเธอบ้างเพราะในหูมีแต่เสียงอื้ออึ้งน้ำตาก็ไหลจากตาจนไม่เห็นหน้าคนสองคนตรงหน้าเสียแล้ว... สติของเธอหลุดลอยไปตั้งแต่ที่ทินบอกว่าเขาแต่งงานกับผู้หญิงอื่น เรื่องที่เตรียมจะบอกในทีแรกจึงไม่หลุดจากปากและไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอีกเธอก็ไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว จนเมื่อคำว่าลาก่อนแว่วเข้าหู และมีเสียงประตูปิด เธอถึงได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น เพราะหมดแรงที่จะยืน... หลังจากที่ร้องไห้จนไม่เหลืออะไรจะร้อง ในหัวไม่มีสติพอที่จะคิดอะไรอีก ภาพเลือนรางที่เห็นเขาเดินจูงมือออกไปกับผู้หญิงอื่นฉายวนซ้ำ เธอไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือก เขาเดินจากไปง่ายดายราวกับไม่เคยรักกันเลย ความทุกข์ที่หนักหนาที่สุดที่เคยพานพบเกาะกินหัวใจจนเธอคิดว่าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับรู้เรื่องราวเหล่านี้อีกแล้ว... เธออยากหนีไปให้พ้นจากความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลที่กำลังถาโถมเธออยู่ในตอนนี้ "อีฟ" เสียงเรียกคุ้นหู เป็นเสียงเรียกที่เหมือนอยู่ไกลออกไป ภาพของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นไม่แจ่มชัด สาเหตุไม่ใช่เพราะหยาดน้ำตา หากแต่เป็นเพราะสติรับรู้ของเธอนั้นสุ
"ปะป๊า" อยู่ดีๆ ก็มีเด็กที่หน้าเหมือนตัวเองมาเกาะแข้งเกาะขาแล้วเรียกว่าปะป๊า แล้วจะให้คีรินเข้าใจว่ายังไง "บอกฉันมาซิว่าแม่ของหนูคือใคร!" "แม่ของหนูคือหม่าม๊า" "..." .................. แสงดาว... คุณปกปิดอะไรเอาไว้" เขาย้ำเธออีกครั้งเพราะอยากได้ยินจากปากเธอเอง "ปกปิดอะไรคะ?" แสงดาวมองเขาด้วยสายตางุนงง ที่ผ่านมาก็คุยกันจนเข้าใจทุกอย่างแล้ว เธอไม่เข้าใจว่าคีรินจะมาคาดคั้นเอาอะไรอีก "เรื่องเกี่ยวกับไคร่า มีอะไรที่คุณบอกผมไม่หมด" "ฉันพูดความจริงไปหมดแล้ว "ถ้าไม่พูด ผมจะลงโทษคุณ" เขาบอกพร้อมๆ กับสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นคล้ายจะข่มขวัญ ลงโทษที่ว่านี่คงไม่ใช่กอดไว้แน่นแล้วปล้ำหอมแก้มให้จั๊กจี้เหมือนที่ทำกับลูกหรอกนะ หญิงสาวจินตนาการเล่นๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าคนที่อยู่ห่างจากตัวเองไม่ถึงคืบแล้วก็ต้องกะพริบตาปริบๆ เพราะดูท่าทางเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ "ลงโทษอะไร คุณไม่มีสิทธิ์นะ!" แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ท่าทางคุกคามของเขาก็ทำให้แสงดาวต้องถอยไปหลายก้าวจนหลังเธอชนฝา แล้วเขาก็ค้ำมือกับผนัง เพื่อกักกันเธอไว้ในวงแขน "ผมเป็นพ่อของไคร่า ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ลงโทษแม่จอมปากแข็งของแกล่ะ" ชายหนุ่มจดจ้องแสงดาวไม่วางตา... ดวงตาของคนตรงหน้าเหมือนกับดวงตาของเจ้าตัวน้อยที่เธอฟูมฟักตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยราวกับเป็นดวงตาคู่เดียวกัน แต่ก็นั่นล่ะ ถึงเขาจะเหมือนยัยหนูไคร่าของเธอทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรกับเธอตามอำเภอใจได้นี่นา... พรึ่บ... ยังไม่ทันที่เธอจะได้ห้ามปราม คีรินก็คว้าตัวเธอไปแนบชิดกับกายแกร่งแล้วก้มหน้าลงมาจูบปิดปากเธอเอาไว้ แม้เธอจะดิ้นขลุกขลักเพื่อถามว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม แต่เหมือนคนตัวโตจะไม่เปิดโอกาสให้ เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาโมโหแล้วลงโทษเธออย่างที่ว่าจริงๆ หรือว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง ริมฝีปากอุ่นที่บดขยี้ดูดดึงกลีบปากของเธอเอาไว้ไม่ให้พูดฟ้องว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า... แสงดาวค่อนข้างแน่ใจว่าคีรินหาเรื่องรังแกเธอชัดๆ ถึงจะเป็นพ่อของลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอย่างนี้กับเธอได้นะ! หญิงสาวพยายามดันอกเขาแล้วเบี่ยงหน้าหนีการรุกล้ำที่เริ่มจะกลืนกินสติสตังของเธอไป แต่นอกจากจะไม่ทำให้เขาไหวติงแล้วเธอก็ยังเบี่ยงหน้าหนีไม่พ้นการปล้นจูบของคนตรงหน้าเลย บ้าจริง!
“พี่อุ่นรู้ตัวไหมคะว่าเป็นคนร้ายกาจขนาดไหน” “ก็รู้ในระดับหนึ่ง” เขาพยักหน้ายอมรับ แล้วยิ้มขันที่เธอทำหน้าตาเหมือนไปไม่เป็น... นี่ยังสารภาพไม่หมดเลยว่าตลอดเวลาที่นอนห้องด้วยกันหลายครั้งที่เธอตื่นมาบนเตียงเขาแบบไม่รู้ตัวนั้น มีเพียงครั้งสองครั้งที่เธอละเมอมานอนผิดที่ แต่ทุกครั้งที่เหลือเขาไปอุ้มเธอมาจากโซฟามานอนกอดล้วนๆ เรื่องที่คุณน่
“ตอนนี้เข็มดีขึ้นแล้ว ผมจะให้คุณไปขอโทษเค้า” “...” ไม่มีถ้อยคำใดเอ่ยจากปากเธอ ริมฝีปากที่แย้มยิ้มหุบลง และสั่นระริก สายตาที่ทอดมองเขาตัดพ้อ “ลุก” เขาจะคว้าแขนเธอให้ลุก แต่เธอสะบัดแขนหลุดจากมือเขาทันใด “เลิฟไม่มีวันไปขอโทษในสิ่งที่เลิฟไม่ได้ทำ” “คุณยังกล้าพูดคำนั้นอีกหรือไง...” เขาตวาดเธอจนสะดุ้ง ภูรินไม่เคยขึ้นเสียงกับเธอมาก่อน “รู้ตัวไหมว่าตั้งแต่กลับมา คุณเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน คุณมาพร้อมคำโกหก หลอกลวง จากที่เคยคิดว่าแค่เฉยๆ กับคุณก็พอ คุณกลับทำให้ผมรู้สึกว่าเกลียดความเป็นตัวตนของคุณมากขึ้นทุกวัน สิ่งที่คุณหวังมันไม่มีทางเกิดขึ้น และยิ่งผ่านไปทุกวันก็ยิ่งไม่มีทางไปใหญ่ เลิกหวังแล้วก็ไปตามทางของคุณดีกว่า ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย” ร่างสูงหันหลังแล้วเดินออกไป แผ่นหลังมั่นคงที่เคยกอดห่างไกลและเลือนรางเพราะม่านน้ำตาบดบัง เขาไม่ได้อยู่ไกลจนคว้าไม่ถึง แต่เอื้อมมือไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเขาสักที
เพราะรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนจึงยินยอมแต่งงานกับเขา เพราะถูกบังคับเขาจึงเห็นหล่อนเป็นเศษธุลีดินไร้ค่า แม้เป็นเมียแต่ง หล่อนคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักหล่อนตอบกลับมา ไม่มาก... ก็น้อย แต่ไม่นึกว่าเมื่อเขาหลอกให้หล่อนรักเขาสุดหัวใจ เขากลับขับไล่หล่อนออกมาจากชีวิตด้วยเหตุผลว่า เขาไม่รักหล่อน... "เธอเข้ามาในชีวิตฉันง่ายๆ ก็ช่วยออกไปง่ายๆ ด้วยเถอะ" ถ้อยคำเจ็บปวดทำร้ายที่ตามมาหลอกหลอน แม้ในยามที่หล่อนหลีกลี้จากเขามาได้นานเนิ่น ในวันที่หล่อนเข้มเเข็งและอยู่ได้โดยไม่มีเขา ลูกในท้องที่หล่อนปกปิดเขาเอาไว้ กำลังจะทำให้หล่อนกับเขาหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่หล่อนไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ................................................................ “การแต่งงานของเราเกิดขึ้นเพราะฉันถูกบังคับ การที่ฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ” ธีภพ วิชญ์วิศิษฐ์ “ความรักของมนอาจจะดูไร้ค่าแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งเดียวที่มนพอจะให้คุณธีร์ได้ ที่ผ่านมาคุณธีร์แสดงออกเสมอว่าคุณธีร์ไม่ต้องการและทิ้งขว้างมันมาตลอด มันก็ไม่ใช่ความผิดของมนที่สุดท้ายมนจะหมดรัก มนหวังว่าคุณธีร์จะเข้าใจ เหมือนที่มนเคยเข้าใจคุณธีร์” มนพัทธ์ สว่างโชติ
ด้วยภาระหนี้สินก้อนโตของบิดา ทำให้เคียงเดือนต้องวิ่งรอกรับงานทั่วราชอาณาจักรเพื่อหาเงิน นางแบบสาวต้องวิ่งรอกรับงานจนไปถึง เบเดน ดินแดนแห่งทะเลทราย หล่อนไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนที่ปากร้าย บ้าอำนาจ ชอบยัดเยียด จอมใส่ร้ายเป็นที่สุดอย่างนาคินเลย แค่เขาหลงคิดเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นคนใช้ ก็น่าโมโหพออยู่แล้ว... แต่เขาก็อาจหาญหาว่าหล่อนเป็นนางนกต่อของผู้ก่อการร้าย และยังจับหล่อนไปขังเพื่อสอบสวน... เขาชักจะทำกับหล่อนมากเกินไปแล้ว... เคียงเดือนจะไม่ขอทน !
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้