เธอ..เป็นของต้องห้ามสำหรับเขา..คุณหนูผู้เอาแต่ใจ ลูกสาวเจ้านายผู้มีพระคุณ เขา..เป็นของร้อนสำหรับเธอ อยู่ใกล้แล้วมันร้อนรุ่ม บอดี้การ์ดหน้าโหดที่ขัดใจเธอไปเสียทุกอย่าง และแม้ว่าบอดี้การ์ดอย่างเขา จะอยากขย้ำเธอให้จมเขี้ยวสักเท่าไร แต่ก็ทำได้เพียงอดทน..จนกว่าจะถึงวันที่เขา..คู่ควร
ตอนที่ 1 สาวน้อยร้อยบอดี้การ์ด
“อีกแล้วหรอคะพ่อ พลอยบอกแล้วไงคะ ว่าพลอยไม่อยากมีบอดี้การ์ด แล้วดูสิ ไม่มีใครอยู่กับพลอยได้เกินสองเดือนเลย เห็นไหมคะ ว่าพลอยไม่เหมาะกับการมีบอดี้การ์ด”
คนสวยโอดครวญ เพราะเช้าวันนี้แทนที่จะเป็นวันที่ปลอดโปร่งโล่งสบายของเธอ เมื่อบอดี้การ์ดคนล่าสุดมาขอลาออก แต่บิดาที่เคารพดันบอกว่าหาบอดี้การ์ดคนใหม่ให้เธอได้แล้ว นี่มันยังผ่านมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ความปลอดโปร่งใจของเธอก็หายไปหมดแล้ว
“เพราะพลอยเอาแต่ใจตัวเองมากไปไงลูก ขี้เหวี่ยงขี้วีน ไม่ทำตามที่คนของพ่อบอกเลย ใครเขาจะทนอยู่กับลูกได้”
“พลอยก็ปกตินะคะ ไม่ได้ขนาดนั้นซะหน่อย อีกอย่างก็ไม่เห็นมีเหตุการณ์อันตรายอะไรเลย ให้พลอยใช้ชีวิตปกติเหมือนเพื่อนๆ ก็ได้นี่คะ”
คนตัวบางขยับมานั่งใกล้บิดาอีกนิด แล้วสวมกอดเขาไว้อย่างต้องการออดอ้อน ซึ่งคนเป็นพ่อก็ยกแขนกอดลูกสาวสุดที่รักเอาไว้แนบอก เมื่อเธอต้องการอะไร ไม่ว่าจะยากเย็นหรือแพงแสนแพงแค่ไหน เขาพร้อมจะหามาบรรณาการเจ้าหญิงของเขาได้หมด แต่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่เคยตามใจลูกสาวสุดที่รักเลย เพราะนั่นมันหมายถึงความปลอดภัยและชีวิตของเธอ
“เห้อ ลูกก็รู้ว่ามันไม่ได้”
“แต่พ่อขา”
“ไม่ต้องมาออดอ้อนพ่อเลยยัยพลอย เราน่ะมันจำเป็นที่สุดที่จะต้องมีคนดูแล ส่งเรียนต่อสู้ป้องกันตัวก็ไม่ได้เรื่อง ชอบเที่ยวกลางคืน แต่งตัวก็โป๊ ถ้าไม่มีคนดูแล เราอาจไปเมาจนโดนลากไปทำมิดีมิร้ายแล้วก็ได้”
พชร พี่ชายคนรองเดินเข้ามาทันได้ยินน้องสาวออดอ้อนคนเป็นพ่อในเรื่องเดิมๆ ที่ไม่ว่าจะขอมากี่ครั้ง ทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย และเขา ก็ไม่มีใครยอมตามใจเธอเลยสักคน
“พี่แพทอ่ะ ชอบขัดใจพลอย”
คนตัวบางขยับออกจากอ้อมกอดของบิดา แล้วมานั่งกอดอก ทำหน้าตางอง้ำเมื่อถูกขัดใจ ที่จริงเธอน่าจะชินได้แล้ว เพราะเวลานับสิบปีที่ผ่านมาก็โดนบังคับให้มีบอดี้การ์ดคอยดูแลมาตลอด
“ลูกกำลังจะเรียนปริญญาโทนะ ต้องออกจากบ้านไปอยู่คอนโด ต้องเดินทางไปเรียนทุกวัน ไหนจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ อีก ยังไงพ่อก็ยังยืนยันว่าพลอยต้องมีคนดูแล”
คนสวยกำลังจะอ้าปากอุทธรณ์ แต่คนเป็นพี่ชายก็รู้ทัน จึงเอ่ยดักคอเธอเสียก่อน
“พี่กับพ่อ ยอมให้เราต่อรองจนเหลือบอดี้การ์ดแค่คนเดียวแล้วนะ จะให้เพิ่มเป็นสองคนเหมือนเดิมไหม”
“โหย ก็ได้ค่ะ แต่พลอยไม่รับปากนะคะ ว่าคนนี้จะอยู่กับพลอยได้กี่วัน อย่าลืมนะคะ ว่าพลอยมีฉายาว่าอะไร”
“จ้ะ น้องพลอย สาวน้อยร้อยบอดี้การ์ด”
พี่ชายเอ่ยแซวน้องสาว แล้วโยกศีรษะทุยของเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู ก็พอดีกับโทมัส ลูกน้องคนสนิทที่เป็นเพื่อนรักของบิดาของเธอตั้งแต่เด็ก เข้ามาในห้องนี้ พร้อมกับชายหนุ่มร่างใหญ่ ที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดี
“อ้าว มากันแล้ว ทอม ไคล์ นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับโทมัส ปลดกระดุมเสื้อสูทแล้วนั่งลงบนโซฟา ตรงข้ามกับสาวสวยคนเดียวในห้อง ก่อนเอ่ยทักทายประมุขของตระกูลคลาร์กและลูกชายคนที่สองที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ก่อนเบนสายตามาทางลูกสาวคนเดียวของตระกูลคลาร์ก
ดวงตาคมกริบสีเทาเบิกขึ้นเล็กน้อย ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า คือ คุณหนูพลอยชมพู คลาร์ก ลูกสาวคนสุดท้อง ที่ถูกพ่อและพี่ชายทั้งสองเลี้ยงดูราวไข่ในหิน และตามใจราวกับเป็นเจ้าหญิง
ครั้งแรกที่เขาเจอเธอ ก็ตอนที่เธอน่าจะอยู่อนุบาล สาวน้อยลูกครึ่ง ดวงตากลมโต ปากแดงจิ้มลิ้ม ใบหน้าราวตุ๊กตาฝรั่ง น่ารักน่ากอดจนเขาไม่อาจละสายตาได้ เธอมาเที่ยวบ้านเกิดของคนเป็นพ่อในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ในตอนนั้น ประมุขของตระกูลคลาร์กสั่งให้พ่อของเขา พาเขามาที่นี่เพื่อทำความรู้จักกับลูกชายและลูกสาวทั้งสามคนของเขา
วันเวลาผ่านไป เมื่อเธอต้องย้ายมาเรียนที่นี่ เขาก็มีโอกาสได้เจอเธอมากกว่าปีละครั้งสองครั้งเหมือนเมื่อก่อน แต่ยิ่งอยู่ใกล้และวัยที่เพิ่มมากขึ้น กลับทำให้ทั้งเขาและเธอห่างเหินกันไปทุกที และเขาก็ไม่อาจเอื้อมจะมาทำตัวตีสนิทกับลูกสาวของเจ้านายของพ่อ ผู้มีพระคุณกับเขา เพราะเข้าใจวัฒนธรรมไทยของเธอดีว่า ชายหญิงที่ไม่ใช่สายเลือด ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมมากจนเกินงาม เธอกับเขาจึงห่างเหินกันไปราวกับคนแปลกหน้าในที่สุด
สาวน้อยตุ๊กตาฝรั่งของเขา เติบโตขึ้นเป็นสาวสวยเต็มตัว ใบหน้าเรียวรูปไข่ขาวผ่องราวน้ำนม คิ้วเข้มถูกกันแต่งเป็นทรงสวยรับกับใบหน้า จมูกโด่งปลายเชิดรั้น ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มหวานฉ่ำ ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดน่าจูบ ผมยาวสลวยสีน้ำตาล รูปร่างผอมบาง เอวคอดกิ่ว หน้าอกอวบใหญ่โตเกินตัว เธอใส่เสื้อผ้าตามสมัยนิยมแนวเซ็กซี่ยิ่งทำให้เห็นสัดส่วนที่แสนเย้ายวนนั้นอย่างชัดเจน ไม่น่าเชื่อ หลายปีที่เขาไปเรียนต่างรัฐ เธอจะเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้
ไม่ต่างกันกับเขา คนตัวบางแสนเซ็กซี่เบิกตาขึ้นเล็กน้อย มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตกตะลึง
ไคเลอร์ รอสส์ ชายหนุ่มร่างใหญ่ ใบหน้าขาวผ่องหล่อเหลาไม่มีที่ติ คิ้มเข้ม รับกับจมูกโด่งจัด ดวงตาสีเทาคมกริบมีเสน่ห์ ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงราวผลเชอร์รี่ ผมรองทรงไถข้างสั้น จัดแต่งทรงเปิดหน้าผากกว้างกำลังดี ทุกอย่างบนใบหน้าทำให้เขาหล่อเหลาราวเทพเจ้าปั้นและมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ
นานหลายปีตั้งแต่ที่เขาเรียนจบไฮสคูลแล้วไปเรียนต่อปริญญาตรีและปริญญาโทที่รัฐอื่น เธอก็ไม่เคยได้เจอหน้าเขาอีกเลย ตอนเด็กๆ ก็ว่าเขาหล่อเหลาโดดเด่นจากผู้ชายทุกคนที่เธอรู้จักแล้ว มาตอนนี้ที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เขายิ่งดูหล่อเหลา ภูมิฐาน ท่าทางนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยพลังของความดุดัน ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นแรง
“สวัสดีค่ะ ลุงทอม เอ่อ ไคเลอร์”
พลอยชมพูดึงสติกลับมา แล้วเอ่ยทักทายบุคคลทั้งสองแบบที่เคยทำมาตลอด แม้ว่าโทมัสจะเป็นเพียงลูกน้องคนสนิท ที่ปรึกษา พ่วงด้วยบอดี้การ์ดคนเก่าคนแก่ของพ่อ แต่เขาก็คือเพื่อนรักของพ่อตั้งแต่เด็กจนโต เธอและทุกคนจึงให้เกียรติเขามาก เปรียบเสมือนเพื่อนคนหนึ่งของพ่อเธอเลยทีเดียว
“สวัสดีครับ คุณพลอย ลุงพาบอดี้การ์ดคนใหม่มาส่งครับ”
พลอยชมพูเบิกตาโตกว่าเดิมเป็นเท่าตัว มองสบตาพ่อกับพี่ชายอย่างมีคำถาม ซึ่งพวกเขาก็เข้าใจดีว่าเธอหมายถึงอะไร
“ใช่ พ่อให้ไคล์มาเป็นบอดี้การ์ดของลูก คอยดูแล ควบคุมความประพฤติ รวมทั้งดัดนิสัยเอาแต่ใจตัวเองของลูกด้วย”
“พ่อ ได้ไงคะ ทำไมต้องให้ไคล์มาดัดนิสัยพลอยด้วย อีกอย่างไคล์เขาเรียนจบตั้งปริญญาโท จะให้มาเป็นบอดี้การ์ดของพลอยได้ยังไง ทำไมไม่ให้เขาทำงานอย่างอื่นคะพ่อ”
เธอเอ่ยประท้วง ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดของเธอ แต่เขาอุตส่าห์ไปร่ำเรียนจนจบปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจ เขาควรได้ทำงานที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองมากกว่ามาคอยเดินตามเธอต้อยๆ แบบนี้ แล้วตำแหน่งผู้บริหารในโรงแรมที่เหมาะสมกับคนเก่งๆ อย่างเขาก็มีตั้งหลายตำแหน่ง
พอลมองหน้าลูกสาว ที่จริงเขาไม่ได้อยากจะให้ไคเลอร์มาเป็นบอดี้การ์ดของเธอหรอก เพราะเขาส่งเสียให้ไคเลอร์ไปร่ำเรียนก็เพื่อให้มาช่วยงานบริหารโรงแรมของเขา แต่บังเอิญว่าผู้ชายทุกคนที่ถูกเลี้ยงดูด้วยตระกูลคลาร์ก จะต้องเรียนรู้วิชาการต่อสู้ป้องกันตัวขั้นสูง และต้องเชี่ยวชาญการใช้อาวุธทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่ไคเลอร์ และด้วยบุคลิกนิ่งๆ แต่เข้มงวดและค่อนข้างดุของชายหนุ่ม จึงเหมาะที่จะมาเป็นคนดูแลความปลอดภัยของเด็กดื้อที่ต้องได้รับการดัดนิสัยคนนี้ที่สุด
เพราะฉะนั้น เขาเลยต้องเลื่อนแผนการเข้ามาทำงานของไคเลอร์ไปอีกสองปี รอจนพลอยชมพูเรียนจบปริญญาโท ค่อยให้คนทั้งคู่เข้ามาช่วยกันบริหารงานต่อไป
“เพราะไม่มีใครเอาลูกอยู่ พ่อเลยต้องเปลี่ยนแผน ให้ไคล์มาควบคุมลูกก่อน พอลูกจบค่อยมาทำงานพร้อมกัน พ่อจะให้ไคล์เป็นที่ปรึกษาของลูก ช่วยดูงานและสอนงานให้กับลูก และช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย พอลูกทำงานเก่งจนไม่ต้องการที่ปรึกษา พ่อจะให้ไคล์เป็นผู้บริหารดูแลด้านการตลาด จนกว่าลูกจะทำใจยอมรับและเปลี่ยนนิสัยได้ พ่อถึงจะหาบอดี้การ์ดคนใหม่ที่น่าจะต้องอยู่กับลูกได้นานกว่าคนอื่นๆ มาให้อีกที”
“แล้วพ่อมั่นใจได้ยังไง ว่าไคล์จะเอาพลอยอยู่ พ่อก็รู้ว่าพลอยเป็นคนยังไง”
“พ่อรู้ และพ่อก็รู้ ว่าไคล์เป็นคนยังไง”
“แกเจอของแข็งแน่ ยัยพลอย”
พชร ยื่นหน้ามากระซิบที่ใบหูของน้องสาวเพื่อยั่วโมโหเด็กเอาแต่ใจ ก็ได้รับค้อนวงน้อยๆ ของน้องสาวสุดที่รัก ที่วันนี้ทุกคนรวมหัวกันขัดใจเธอ ไม่มีใครยอมตามใจอะไรเธอสักอย่าง
“แล้วแต่เลยค่ะ พลอยไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอะไรอยู่แล้วนี่คะ แต่บอกไว้ก่อน ถ้าไคล์ทนพลอยไม่ไหว อย่ามาว่าพลอยแล้วกัน”
“หึ ลูกนั่นแหละ อย่ามางอแงกับพ่อแล้วกัน พ่อให้อำนาจในการดัดนิสัยเด็กเอาแต่ใจเต็มที่ ไม่มีการเกรงกลัว เกรงใจ หรือตามใจด้วยความจำยอมเหมือนบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ของลูกนะ”
“เอาเลยค่ะ รุมพลอยกันให้พอ พลอยจะไปอาบน้ำแต่งตัว คืนนี้นัดกับเพื่อนไว้ค่ะ”
“ตามสบาย ไคล์ เอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องสิ ฉันให้เด็กจัดห้องข้างๆ ยัยพลอยไว้ให้แล้ว”
“อะไรคะพ่อ นี่ขนาดถึงขั้นให้มาเฝ้าพลอยถึงข้างๆ ห้องเลยหรอคะ ทำไมไม่ให้มานอนในห้องพลอยเลยล่ะ”
คนสวยประชด เพราะบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ก็มีเรือนนอนที่กว้างขวางและทันสมัย อยู่ด้านหลังบ้านของเธอนี่เอง ทำไมถึงต้องให้เขาขึ้นมานอนเฝ้าเธอจนแทบจะหายใจรดต้นคอกันขนาดนี้
พลอยชมพูงอนพ่อและพี่ชาย ที่อยู่ๆ ก็มารุมกันดัดนิสัยเธอเอาตอนที่เธอโตขนาดนี้แล้ว จึงเดินปึงปังขึ้นห้องไป ไม่สนใจใครอีก เก็บแรงเอาไว้ไปเที่ยวตามประสาสาวโสดกับเพื่อนๆ ของเธอคืนนี้ดีกว่า
จำเอาไว้ว่าผัวของเธอชื่อ “เหนือเมฆ” หลังจากนี้ ถ้าเธอไปอ่อยผู้ชายหน้าไหนอีก..ฉันเอาเธอตายแน่
เขาตั้งใจกักขังเธอเอาไว้..ด้วยคำว่าบุญคุณ ที่ตอบแทนทั้งชีวิต..ก็ไม่มีวันหมด
ความเข้าใจผิดทำให้เขามีค่ำคืนอันเร่าร้อนกับเธอ..เขาจะถือว่าเธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจก็ตาม และของที่เป็นของเขา จะไม่มีวันปล่อยให้ใครหน้าไหนได้เชยชมทั้งนั้น อย่าฝันจะเป็นอิสระ
ยัยเด็กขาดสารอาหารคนนี้หรอ คือลูกสาวคนใหม่ของแม่.. เด็กอะไร ขวางหูขวางตาชะมัด เจอหน้ากันเอาแต่ก้มหน้าหลบตา แต่ทำไมยัยเด็กนี่ถึงสวยวันสวยคืน..ถ้าเขาจะแอบกินเด็กของแม่..จะผิดไหม
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง