ปล่อยตรงอกนิแหละจะได้มีคราบ หึหึหึ แม่งผมไม่รอช้าดูดทำรอยให้เต็มเลยแสบนัก.. เฮ้อทำไมปวดหัวจังหวะหนักๆๆไปหมดฉันมองเพดานฝ้าส่ายหัวไปมา เฮ้ยยๆๆใครวะโอ้ววแม่เจ้า “ตื่นแล้วเหรอด้าด้าของผม” “เออๆๆคุณมาร์ตินค่ะคือเรา”
ปล่อยตรงอกนิแหละจะได้มีคราบ หึหึหึ แม่งผมไม่รอช้าดูดทำรอยให้เต็มเลยแสบนัก.. เฮ้อทำไมปวดหัวจังหวะหนักๆๆไปหมดฉันมองเพดานฝ้าส่ายหัวไปมา เฮ้ยยๆๆใครวะโอ้ววแม่เจ้า “ตื่นแล้วเหรอด้าด้าของผม” “เออๆๆคุณมาร์ตินค่ะคือเรา”
1.แนะนำตัวละคร
มาร์ติน วิลเดอร์ ชื่อเล่น ติน
เป็นหนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศส-อิตาลี-เวียดนาม(พ่อมาร์ตินเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสอิตาลี)รูปร่างสูงหน้าตาเหมือนนายแบบปกนิตยสารเขาเป็นผู้ชายอารมณ์ดีขี้เล่นแต่นั้นคือนิสัยแค่ส่วนหนึ่งมาร์ตินเป็นคนหลายบุคคลิกรักเพื่อนสุดหัวใจและเป็นเพื่อนกับมาร์ค (มาร์ค จากเรื่องรักออนไลน์)
นิดา วิจิตรกุล ดา/นิด้า/ด้าด้า
นิดาเป็นสาวขยันและทำงานสารพัดไม่เกี่ยงงานและเป็นคนอ่อนนอกแข็งในเป็นลูกสาวคนเล็กพ่อแม่สมัยใหม่เป็นเด็กพัทยาแต่โดยพื้นฐานครอบครัวเป็นคนอุดรและย้ายมาอยู่พัทยาเพราะพ่อเป็นคนพัทยานิดาสนิทกับนา(นา จากเรื่องรักออนไลน์)
บริษัท WinderGroup ให้บริการด้านขนส่งที่ใหญ่ที่สุดมีเครือข่ายและสาขามากมายทั้งยุโรปและเอเชียและทรงอิธพลซึ่งมีเจ้าของชื่อมิสเตอร์.มาร์คัส วิลเดอร์ ผู้กุมอำนาจรายใหญ่และมีลูกชายสามคนและเป็นผู้สืบทอดธุรกิจ
ลูกชายคนโต มาร์เวล์ วิลเดอร์
ลูกชายคนรองมาร์วิล วิลเดอร์
ลูกชายคนเล็ก มาร์ติน วิลเดอร์
ประเทศฝรั่งเศส
ติน>ฮัลโหลว่าไงไอ้คุณมาร์คร้อยวันพันปีไม่เห็นโทรมา
มาร์ค>นายว่างไหมไอ้คุณมาร์ติน
ติน>ว่างตลอดมีไรว่ามา
มาร์ค>นัดดื่มหน่อยดิวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง
ติน>เอ้อจัดไปแค่นี้ละ
ผมวางสายจากไอ้มาร์คก็นั่งคิดไปเรื่อยเปื่อย ตี๊ดๆๆตี๊ดๆ ใครวะอ้าวป๊า
ติน>ว่าไงครับป๊า” ผมก็รอฟังป๊าพูดสงสัยโดนบ่น
ป๊า>มาร์ตินแกทำอะไรอยู่ป๊าบอกให้แกมาช่วยงานมาร์วิลหน่อย
ติน>ฮื้มม! ผมขอเคลียงานทางนี้ให้เสร็จก่อนเดี๋ยวผมก็ไป
ป๊า>ไม่ใช่แกมัวแต่ทำตัวลอยไปลอยมาไง
ติน>โอ้ยย!ป๊ามันก็มีบ้างแหละอีกสองวันผมไป
ป๊า>เออๆ แค่นี้แหละอย่าให้ฉันได้ตามแกอีกนะมาร์ติน
ติน>ครับๆๆ เฮ้อๆทำไมชีวิตมันยุ่งยากไปหมดเลยวะ
เมื่อถึงเวลานัดกับไอ้มาร์ค
“อ้าวเฮ้ยไอ้มาร์คเป็นไงมั้งวะเห็นหายเงียบไปนานแสนนานนึกว่าจะลืมเพื่อนที่แสนดีอย่างฉันร้อยวันพันปีไม่เห็นอยากคุยกับเพื่อนอย่างฉันเลยว่ามามีอะไรจะคุย”
“ไอ้ตินฉันเคยได้ยินนายบ่นๆอยากไปเที่ยวไทยพอดีฉันอยากไปด้วย”
“ใช่แต่ยังไม่แน่ใจวะเพราะช่วงนี้งานเยอะมากงบประมาณไม่ลงตัวโดนป๊าบ่นวะว่าทำตัวลอยไป ลอยมา ไม่มีความรับผิดชอบเลยต้องเข้าไปจัดการหลายๆอย่างถ้าไงฉันจะให้คำตอบนายอีกทีถ้าแก้ไขปัญหาลงตัวไม่มีอะไรติดขัดจะบอกนายอีกทีว่าจะเที่ยววันไหนช่วงไหนได้ไหม แล้วนายเป็นยังไงมาร์คกับเทียร์น่าและงานนายละ”
"ก็เหนื่อยนะงานแต่ก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรแต่เทียร์น่าหน้าจะงอลวะเพราะทำแต่งานไม่มีเวลาให้เลย”
“ระวังนะไอ้มาร์คปล่อยปละละเลยเดี๋ยวผู้หญิงก็เทนายทิ้งหรอก”
“ไม่หรอกเทียร์น่าไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ของแบบนี้มันก็ไม่แน่นะโว้ยไอ้มาร์คไอ้มาร์คเกือบลืมพี่มาร์เวล์ชวนลงทุนซื้อหุ้นโรงแรมญาติแม่พี่มาร์เวล์มันจะเจ้งมั้งจริงๆมันต้องเป็นของพี่มาร์เวล์ญาติๆๆโกงกันมั้งฉันเลยชวนนายไปเทคโอเวอร์หุ้นคนละยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
“ฮื้ม!ก็ได้ไอ้ตินป๊าฉันก็ไม่หน้ามีปัญหานายก็หน้าจะรู้ฉันลูกคนเดียว”
“ตามนั้นไอ้คุณมาร์คงั้นฉันขอตัวก่อนนะโว้ยต้องรีบไปเคลียร์งานต้องไปอิตาลีป๊าเรียกตัวด่วน”
“ว่างๆๆก็เจอะกันไอ้ติน”
เมื่อผมแยกตัวจากไอ้มาร์คผมก็กลับมาที่บริษัทเพื่อจะมาเคลียร์งานต่างๆๆเพื่อเตรียมตัวไปที่อิตาลีตามคำสั่งป๊า..เฮ้อเสร็จสักที่ผมกลับไปพัก..เช้าผมก็เดินทางไปอิตาลี..
“สวัสดีครับนายน้อยนายใหญ่ให้มารับ”
“ฮื้มมป๊าให้ไปไหน”
“ไปพักก่อนครับ”
“ตามนั้น”
เมื่อถึงอพาร์ทเม้นผมก็ทิ้งตัวลงนอน จนเลยเวลาหลับตื่นมาเช้าอีกวัน ผมออกไปก็เจอะลูกน้องพ่อ
“นายน้อยนายใหญ่ให้ไปบริษัทเลย”
“ฮื้มได้ซิ”
เมื่อถึงบริษัท
“อ้าวมาถึงแล้วเหรอ”
“ครับป๊า”
“ที่ฉันเรียกแกมาเพราะไอ้มาร์วิลมันโดนยิง”
“อะไรนะป๊ามันเกิดอะไรขึ้นครับ”
“พวกเสียผลประโยนช์ฉันไม่ปล่อยไว้แน่ๆฉันจะเรียกไอ้มาร์เวลกลับทางไทยก็ยังเคลียร์ปัญหายังไม่เรียบร้อยฉันเลยต้องเรียกแกมา”
“ป๊าสั่งมาเลยว่าจะให้ผมทำอะไร”
“ฉันจะให้แกไปคุยงานแทนไอ้มาร์วิลเพราะนักลงทุนมาจากอเมริกาส่วนเรื่องนั้นที่มีคนกะตุ๊กหนวดฉัน ฉันจะจัดการเอง”
“ครับป๊า” ป๊าผมอายุเยอะแต่เหมือนวัยรุ่นและจะโหดมากๆรองลงมาก็พี่มาร์เวล์และพี่มาร์วิลส่วนผมขี้เล็บของสามคนนี้เป็นลูกแง่เมื่อเสร็จธุระกับป๊าผมก็ไปนั่งห้องรองประธานบริษัทและดูเอกสารของคู่ค้าที่เลขาเตรียมไว้ให้หรือมือขวาของป๊าผมนั่งเช็คจนปวดไปหมด
“นายน้อยครับนายใหญ่จะให้เลขาคนใหม่มาดูแลนายน้อยครับ”
“อ้าวแล้วนายละเชฟ”
“ผมต้องไปกับนายใหญ่ครับ”
“ใครจะมาละ”
“น้องชายผมครับนายน้อยไม่ติดปัญหาอะไรใช่ไหมครับ” “ไม่อะเชฟจัดตามป๊าสั่งเลย”
“ครับนายน้อย”
พักใหญ่ๆๆผมนั่งเช็คเอกสารเสียงเคาะประตู..ก๊อกๆๆ “เชิญครับ”
“นายน้อยครับนี้มือขวาและเลขาคนใหม่”
“สวัสดีครับนายน้อยผมชื่อเจฟครับ”
“ยินดีต้อนรับเจฟ”
“ถ้านายน้อยสงสัยอะไรนายน้อยถามไอ้เจฟได้เลยนะครับเพราะผมสอนงานมันมาแล้วส่วนผมก็ต้องขอตัวไปพบนายใหญ่แล้ว”
“ฮื้มม!ตามนั้นเชฟ”
“ส่วนเจฟนายก็ทำตามที่นายได้เรียนมานั้นแหละถ้าฉันมีอะไรฉันจะเรียก”
“ครับนายน้อย”
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
รลิน หมอศัลยแพทย์ทั่วไป เธออายุ 27 แต่ความสามารถของเธอนั้นเป็นที่ยอมรับโดยประจักษ์ เธอยังชำนาญด้านแพทย์แผนจีน เรื่องพิษ คนทั่วไปทั้งในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาลที่รู้จักเธอ รับรู้แค่เธอเป็นหมอลินที่ทั้งสวยและเก่ง แต่ตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้น เธอคือนักฆ่าขององค์กรใต้ดิน เธอต้องเรียนรู้และเข้าให้ถึงทุกอาชีพตามที่องค์กรสอน เมื่อได้ภารกิจต้องเข้าให้ถึงทุกบทบาท
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
[แนวลูกเด็กน่ารัก+สาวเก่ง+แก้แค้น]ฉวี่ชิงเกอแต่งงานกับฟู่หนานจิ่นมาเป็นเวลา 5 ปี เธอใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้าน เธอคิดว่าตัวเองท้องแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาดีขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือ ข้อตกลงการหย่า เมื่อคลอดลูก ฉวี่ชิงเกอแทบจะไม่รอดเพราะมีคนทำร้าย เธอถึงรู้สํานึก ห้าปีต่อมา เธอกลายเป็น"ท่านประธานฉวี่"แล้วกลับมาแก้แค้น คนที่เคยรังแกเธอต่างก็ได้รับการสั่งสอนอย่างสะหัส และความจริงที่ถูกปิดบังไว้ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาก อดีตสามีคิดจะขอคืนดีกับเธอเหรอ คิดง่ายไปหน่อยไหม? ฟู่หนานจิ่นอ้อนวอน"ที่รัก ลูกต้องการหม่ามี๊ ขอแต่งงานใหม่ได้ไหม?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด