แค่ทะลุมิติมาในโลกยุคโบราณก็นับว่าแย่มากพอแล้ว แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอต้องมาแต่งงานกับท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตมากที่สุดในเมืองหลวง แล้วจางอวิ๋นซีจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของท่านอ๋องจอมโฉดได้อย่างไร
แค่ทะลุมิติมาในโลกยุคโบราณก็นับว่าแย่มากพอแล้ว แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอต้องมาแต่งงานกับท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตมากที่สุดในเมืองหลวง แล้วจางอวิ๋นซีจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของท่านอ๋องจอมโฉดได้อย่างไร
“ขุดหลุมให้ลึกๆ กว่านี้!” เสียงแหลมแต่ทว่าทรงอำนาจสั่งกับชายฉกรรจ์ร่างกำยำสี่ถึงห้าคน เหล่าบรรดาชายฉกรรจ์เหล่านั้น กำลังใช้จอบขุดดินให้เป็นหลุมลึกท่ามกลางความมืดมิด เมื่อแน่ใจว่าขุดหลุมจนลึกมากพอ ร่างกำยำของชายฉกรรจ์ทั้งหมดจึงนำโลงศพโลงหนึ่ง ซึ่งต่อจากโลงไม้เล็กๆ เตรียมฝังไว้ในหลุม ที่พวกตนช่วยกันขุด
กึก! กึก!
เสียงสั่นสะเทือนที่ดังขึ้นเป็นระยะในโลงไม้ขนาดเล็กนั่น ทำให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นต้องโยนโลงไม้ลงด้วยความตกใจ สตรีในชุดคลุมสีดำปกปิดใบหน้าท่ามกลางความมืดตวาดใส่พวกมันเหล่านั้นอย่างไม่พอใจ
“ตกใจอันใดกัน! รีบฝังร่างมันเดี๋ยวนี้!” เสียงนั้นออกคำสั่งอีกครั้ง ชายฉกรรจ์เหล่านั้นหันมามองหน้ากันอย่างหวาดกลัว แต่ทว่าเสียงในโลงไม้นั้นกลับดังเป็นระยะ
กึก! กึก! กึก! กึก!
เสียงที่ถูกเคาะมาจากด้านในโลงไม้ท่ามกลางความมืดมิดในป่าช้าอันเงียบเหงาแห่งนี้ พร้อมกับบรรยากาศรายรอบที่แสนวังเวง และสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาสร้างความหวาดกลัวยิ่งนัก
ซ่า!
เสียงฝนเทลงมาห่าใหญ่ ดินที่เคยแข็งบัดนี้กลับชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำฝนจนกลายเป็นขี้โคลนเปียกๆ กลุ่มใหญ่ เหล่าชายฉกรรจ์ตัดสินใจรีบฝังโลงไม้ลงในหลุมนั้นให้เสร็จเรียบร้อยตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ท่ามกลางฝนตกกระหน่ำและเสียงเคาะจากในโลงไม้ที่ดังขึ้นเป็นระยะ จนกระทั่งเกิดเสียงฟ้าผ่าชวนตกใจ พวกมันทั้งห้าคนทิ้งโลงไม้อย่างตกใจกลัว ร่างของหญิงสาวที่นอนตายตาเหลือกกระเด็นออกมาจากโลงศพนั้น ร่างของนางนัยน์ตาเหลือกลาน สองมือถูกมัดไว้ด้วยเชือกเส้นหนา ปากของนางถูกอุดเอาไว้ด้วยผ้าผืนใหญ่ ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก
พวกชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นต่างวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทางราวกับหวาดกลัว ทิ้งร่างไร้วิญญาณให้นอนแน่นิ่งมิได้สนใจไยดี
ส่วนสตรีผู้ว่าจ้างนางนั้นกลับเดินออกไปอีกทางของป่าช้าด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน
‘เซียวเหม่ยฉี’ ในร่างไร้วิญญาณของ ‘จางอวิ๋นซี’ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับสภาพดินโคลนที่เปียกปอนบนร่างกาย นางพยายามประมวลผลภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธอคือแพทย์สาวที่มาท่องเที่ยวในวันหยุด แต่สุดท้ายกลับต้องตายเพราะความปรารถนาดีอยากช่วยเหลือเด็กคนนั้นให้รอดพ้นจากอันตราย แต่แล้วแทนที่วิญญาณของเธอควรจะไปเข้าเฝ้าพระยม แต่นี่เธอกลับมาสิงร่างของสตรีที่นอนอยู่ท่ามกลางกองดินโคลนสกปรกเหล่านี้
เซียวเหม่ยฉีเธอเป็นแพทย์ทำงานในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในเมืองหลวงของประเทศจีน ในวันนั้นเธอแค่ออกมาท่องเที่ยวในวันหยุดเนื่องจากนานๆ ทีเธอจะสามารถแลกเวรกับเพื่อนร่วมแผนกได้ แต่ทว่าในวันนั้นกลับคาดไม่ถึงว่าจะเป็นวันชะตาขาดของเธอเองและยังต้องมาพบหญิงสาวที่น่าสงสารคนนั้นอีก
‘พี่สาวคนนี้มาช่วยแล้ว!’ เซียวเหม่ยฉีกล่าวขณะตะเกียกตะกายว่ายน้ำลงไปช่วยเด็กชายที่กำลังจมน้ำ ในสวนสนุกแห่งหนึ่งของเมืองหลวง เด็กชายคนนั้นอายุประมาณเพียงเจ็ดขวบแต่พ่อแม่กลับปล่อยปละให้เล่นน้ำเพียงลำพังโดยมิได้ดูแลแต่อย่างใด
เมื่อคว้าร่างของเด็กชายตัวอ้วนมาได้ แทนที่เธอจะสามารถพาเด็กชายคนนั้นขึ้นฝั่งมาได้ แต่เหมือนกับมีบางสิ่งบางอย่างดึงขาของนางลงมาใต้น้ำ ไม่ว่านางจะพยายามตะเกียกตะกายอย่างไรก็ไม่อาจสะบัดตนเองหลุดจากการเกาะกุมลึกลับนั้นได้ จนในที่สุดร่างของเธอจึงค่อยๆ หมดลมหายใจลง
และ...
‘ที่นี่ที่ไหน?’
วิญญาณที่ลอยเวิ้งว้างอยู่กลางอากาศของเซียวเหม่ยฉีมองสิ่งรอบๆ ข้างด้วยความตกใจ รอบๆ ตัวนางนี้ว่างเปล่าไปหมด มีแต่สีขาวโพลนและจุดหมายปลายทางที่ไม่มีสิ้นสุด
‘เซียวเหม่ยฉี’ เสียงหวานแต่เจือปนไปด้วยความเศร้าร้องเรียกนางอยู่หลายครั้ง จนเซียวเหม่ยฉีต้องมองหาที่มาของเสียงด้วยจิตใจที่หวาดกลัว หญิงสาวหมุนร่างวนรอบๆ ตัว แต่ก็ไม่พบสิ่งใด มีเพียงแค่เสียงที่ลอยมาตามอากาศเท่านั้น
‘เซียวเหม่ยฉี’ เสียงหวานนั้นเรียกซ้ำอีกหลายรอบ จนกระทั่งผู้ขานเรียกหญิงสาวมาปรากฏกายตรงหน้า อีกฝ่ายคือสตรีหน้าตางดงาม แต่ทว่ากลับเจือไปด้วยความเศร้าโศกอย่างชัดเจน เซียวเหม่ยฉีมองใบหน้างดงามของหญิงสาวผู้เป็นเพียงร่างไร้วิญญาณเหมือนกับนางด้วยความสงสัย
‘เธอคือใคร?’ เซียวเหม่ยฉีเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กับนาง
‘ข้าคือจางอวิ๋นซี ข้ามาหาเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ’ จางอวิ๋นซีแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ ใบหน้าเศร้าสร้อยของนางแต่ทว่างดงามนักกำลังมองเซียวเหม่ยฉี
เซียวเหม่ยฉีกำลังรอฟังอีกฝ่ายกล่าวต่ออย่างใจจดใจจ่อ
‘ช่วยข้าด้วยนะ ช่วยแก้แค้นให้ข้าด้วย พวกมันสังหารข้า!’ จางอวิ๋นซีเว้าวอนต่ออีกฝ่ายทั้งน้ำตา ดวงตาที่เคยงดงาม บัดนี้เปลี่ยนเป็นความโกรธดุดันน่า
กลัวยิ่ง
‘เดี๋ยวๆ นะ ใครคิดทำร้ายเธอกัน ฉันไม่รู้จักเธอทั้งนั้น’ เซียวเหม่ยฉีปฏิเสธเสียงหนักแน่น
‘ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมดวงจิตสุดท้ายของข้าถึงมาหาเจ้า แต่เจ้าคือผู้ที่ถูกเลือก โปรดช่วยข้าด้วยเถิด’ จางอวิ๋นซีเว้าวอนทั้งน้ำตา
‘แต่ฉันคือวิญญาณที่ตายแล้ว เธอจะให้ฉันช่วยยังไง?’ เซียวเหม่ยฉีถาม นางสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายในเพลานี้
‘เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ขอแค่ช่วยข้า...ใช้ร่างของข้าตามหาคนร้ายที่ฆ่าข้า ดูแลท่านแม่ที่อ่อนแอของข้า ได้หรือไม่?’ จางอวิ๋นซีกุมมือข้างหนึ่งของเซียวเหม่ยฉีขึ้นมา
‘แล้วใครฆ่าเธอ?’ เซียวเหม่ยฉีถาม แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าไม่รู้
ใครฆ่าตัวเองตายยังไม่รู้เลย ท่าทางจะศัตรูเยอะเหมือนกันนะ...เซียวเหม่ยฉีคิดในใจ
‘แต่ว่าถ้าฉันช่วยเธอ ฉันจะได้อะไรล่ะ...’ เซียวเหม่ยฉีพยายามต่อรองกับอีกฝ่าย
จางอวิ๋นซีมีคำตอบในใจอยู่นานแล้ว เรื่องที่เจอเซียวเหม่ยฉีนั้นเป็นเรื่องที่นางจงใจให้เกิดขึ้น หลังจากที่นางตายไปไม่นานด้วยฝีมือของคนชั่ว วิญญาณนางก็ถูกพามาที่สวนสนุกแห่งนั้น และเซียวเหม่ยฉีนางได้เลือกเอาไว้แล้วว่าจะต้องช่วยนางแก้แค้นคนที่ฆ่านางได้แน่นอน
‘หลังจากจบเรื่องทุกอย่าง ข้าจะมารับเจ้ากลับไป ร่างกายเจ้าในภพนี้ยังคงอยู่เหมือนเดิม ข้าจะช่วยดูแลให้เพื่อตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลือข้าในครั้งนี้’ จางอวิ๋นซียื่นข้อเสนอต่อรองกับอีกฝ่าย
เซียวเหม่ยฉีไม่ค่อยมั่นใจกับจางอวิ๋นซีเท่าใดนัก แม้อีกฝ่ายในตอนนี้จะเป็นวิญญาณธรรมดา แต่กลับดูอมทุกข์และป่วยด้วยสารพัดโรคยิ่งนัก
‘แต่ว่าฉัน...’ เซียวเหม่ยฉียังคงลังเลอยู่
จางอวิ๋นซีกล่าวเสียงดังด้วยความตกใจ “ไม่มีเวลาเอ่ยมากแล้ว..”
ทันทีที่จางอวิ๋นซีกล่าวจบ นางรวบรวมพลังทั้งหมดคว้าแขนทั้งสองของ
เซียวเหม่ยฉี แล้วเหวี่ยงร่างของอีกฝ่ายใส่ร่างไร้วิญญาณของตนเองในโลงไม้นั่นทันที
และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด...
เซียวเหม่ยฉีฟื้นขึ้นมาอีกทีในร่างของจางอวิ๋นซี ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่หยุดหย่อน เซียวเหม่ยฉีหรือจางอวิ๋นซีพยุงตนเองขึ้นจากกลุ่มดินโคลนที่พยายามดูดร่างของนางลงไป ตอนนี้เธอไม่ใช่เซียวเหม่ยฉี แพทย์แผนกฉุกเฉินอีกต่อไป แต่เธอคือจางอวิ๋นซีสตรีจากโลกอดีตและเป็นสตรีที่ถือกำเนิดใหม่เพื่อมาทำตามข้อแลกเปลี่ยนของเจ้าของร่างตัวจริง
“คุณหนู!” เสียงเรียกใสแจ๋วท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ เซียวเหม่ยฉีหรือจางอวิ๋นซีคนใหม่หันไปตามที่มาของเสียง เห็นหญิงสาวตัวน้อยกำลังกางร่มคันใหญ่ร้องเรียกนางเสียงดัง ก่อนจะปรากฏร่างของผู้ชายอีกห้าถึงหกคน
“คุณหนูขอรับ!” พ่อบ้านมู่ของจวนสกุลจางตะโกนเรียกอีกฝ่ายอย่างดีใจ เขากับทหารของจวนรีบเข้าไปประคองร่างของจางอวิ๋นซี
เซียวเหม่ยฉีพยายามขบคิดและตั้งสติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บัดนี้เธออยู่ในร่างของจางอวิ๋นซี ทำข้อตกลงกันทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับอีกฝ่ายทำให้เธอเริ่มมึนงงสับสนนัก
‘มีคนต้องการฆ่าจางอวิ๋นซีจริงๆ ด้วย’
ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ แต่ทว่าเซียวเหม่ยฉีแทบไม่ได้สนใจเลยสักนิด ตอนนี้เธอกำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง ภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ราวกับความฝัน สตรีนางนั้นที่มาปรากฏตัวในขณะที่เธอกำลังจมน้ำ ช่างมาได้เวลาเหมาะเจาะจริงๆ
“คุณหนูเจ้าคะ!” สาวใช้ของจางอวิ๋นซีนามว่าหรูหรงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับร่มคันใหญ่ในมือ นางกางร่มให้กับจางอวิ๋นซีด้วยใบหน้าที่เปียกโชกด้วยน้ำฝนจนเปียกปอนไปทั่วร่าง
พ่อบ้านมู่ตะโกนสั่งหรูหรงท่ามกลางสายฝนที่ตกโหมกระหน่ำ
“เจ้ารีบพาคุณหนูกลับไปหาไท่ฮูหยินก่อนเถิด!”
เซียวเหม่ยฉีในร่างของจางอวิ๋นซีซึ่งในตอนนี้กำลังมึนๆ งงๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้า นางถูกผู้ติดตามของพ่อบ้านมู่และหรูหรงนำขึ้นเกี้ยวพากลับไปยังบ้านเดิมของเจ้าของร่างนี้
ความเหนื่อยอ่อนและบรรยากาศเย็นเฉียบจากพายุฝนที่ตกโหมกระหน่ำเช่นนี้ ทำให้เซียวเหม่ยฉีหรือจาง อวิ๋นซีเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน นางไม่มีเวลาให้มาคิดมากแล้ว หากสิ่งที่จางอวิ๋นซีคนก่อนต้องการให้นางทำคือการหาตัวคนร้ายที่แท้จริง ผู้ที่เป็นฆาตกรทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ เธอก็จะช่วยสุดความสามารถนั่นล่ะนะ
ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน
จางอวิ๋นซี บุตรีเพียงคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเอกของจางเยี่ยนหรือใต้เท้าจาง อัครมหาเสนาบดีใหญ่แห่งแคว้นหาน ผู้มีรูปโฉมงดงามและอ่อนหวาน นางเป็นหลานสาวที่รักของไท่ฮูหยินและมารดาเป็นอย่างมาก แต่ทว่าต่อให้นางจะเป็นที่โปรดปรานของไท่ฮูหยินผู้เป็นย่ามากเท่าใด แต่นางยังคงเป็นที่รังเกียจของบิดา เนื่องจากตั้งแต่เกิดมานางก็ป่วยด้วยสารพัดโรค ไม่สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้กับบิดาและสกุลจางได้นัก
นางมีพี่สาวหนึ่งคนซึ่งเป็นบุตรีถือกำเนิดจากฮูหยินรองหลี่ นามว่าจางเซียวหรู พี่สาวผู้มีความเป็นเลิศในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารหรือการเย็บปักถักร้อย แม้กระทั่งศาสตร์วิชาทั้งหกแขนงนางก็ร่ำเรียนได้จนแตกฉานนัก ทำให้บิดาอย่างจางเยี่ยนทั้งรักและโปรดปรานนางเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้นางกับมารดาซึ่งเป็นฮูหยินรองจะรังแกจาง อวิ๋นซีกับมารดาผู้เป็นภรรยาเอกเท่าใด จางเยี่ยนก็ไม่ใส่ใจนักและยังคอยปกป้องพวกนางทั้งสองอยู่ร่ำไป
“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้รังแกท่านแม่รองและพี่หญิงใหญ่จริงๆ นะเจ้าคะ!” เสียงร่ำไห้ของจางอวิ๋นซีดังขึ้นพร้อมกับร่างของนางที่คุกเข่าลงต่อหน้าบิดา บิดาของนางผู้ซึ่งใบหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ แต่กลับมีสีหน้ายิ้มสะใจของหลี่ฮูหยินและจางเซียวหรูปรากฏออกมาน้อยๆ
สาเหตุที่จางอวิ๋นซีคุกเข่าต่อหน้าบิดาเช่นนี้ เนื่องจากนางถูกจางเซียวหรูใส่ร้ายว่าขโมยผ้าไหมพระราชทานจากหยางเต๋อเฟยด้วยความอิจฉาริษยาที่เห็นนางผู้เป็นพี่สาวได้ดีกว่า แต่ทว่าจางอวิ๋นซีไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น มารดาของนางสอนมาเสมอว่าให้เคารพฮูหยินรองดุจมารดาและเคารพพี่สาวประดุจพี่แท้ๆ แต่ทว่าสิ่งที่นางได้รับตอบแทนคือการกลั่นแกล้งแบบไม่มีที่สิ้นสุด
“ท่านพี่ นางคงถือว่าเป็นคนโปรดของไทเฮากระมังเพคะ ทั้งไทเฮาและท่านย่าต่างก็โปรดปรานนางทั้งนั้น อีกทั้งฮองเฮาเองก็หมายตาให้นางเป็นไท่จื่อเฟย นางคงคิดว่าจะทำอันใดกับพวกเราสองแม่ลูกที่ด้อยกว่าก็ได้เจ้าค่ะ” หลี่ฮูหยินแม้จะเป็นคนวางแผนจัดฉากทั้งหมด แต่ยังคงแสร้งบีบน้ำตาต่อหน้าผู้เป็นสามีได้อย่างน่าสงสารนัก
“ท่านแม่รอง เหตุใดท่านจึงอ้างเช่นนี้ ผ้าไหมนั่นข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ นะเจ้าคะ!” จางอวิ๋นซีแย้งกลับ แต่ผู้เป็นบิดาหาได้ฟังเหตุผลไม่ มิหนำซ้ำยังตวาดใส่บุตรสาวจากภรรยาเอกเสียงดัง
“เจ้าอิจฉาพี่สาวเจ้ามาตั้งแต่เด็ก เจ้าเห็นนางได้ดีกว่า มีผู้คนรักใคร่มากกว่าเจ้าจึงคิดทำร้ายนางตลอดเวลา ข้าชิงชังนักที่มีลูกเช่นเจ้า!” ถ้อยคำที่ผู้เป็นบิดากล่าวออกมา วาจาร้ายกาจที่นางได้ยินนั้นเสียดแทงจิตใจนางยิ่งนัก ยามนี้จางอวิ๋นซีไม่สามารถตอบโต้ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับนางได้เลยสักนิด
“แต่ข้ายืนกรานว่าอย่างไรข้าก็ไม่ได้ทำจริงๆ นะเจ้าคะท่านพ่อ ท่านแม่รองใส่ร้ายข้าทั้งหมด ข้าไม่รู้...” จางอวิ๋นซีพยายามโต้แย้งทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง แต่ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยจนจบประโยค ฝ่ามือของหลี่ฮูหยิน ซึ่งมีฐานะเป็นภรรยารองของจางเยี่ยนกลับตบเข้าที่ใบหน้าของนางพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสะใจ
ส่วนจางเยี่ยนนั้นได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่สนใจ เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าบุตรีผู้นี้จะโดนกระทำเช่นไร
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงของไท่ฮูหยินดังขึ้น นางเดินเข้ามาพร้อมกับจางฮูหยิน ซึ่งเป็นภรรยาเอกของจางเยี่ยนและมารดาของจางอวิ๋นซี ไท่ฮูหยินเดินเข้ามาประคองร่างของผู้เป็นหลานสาวที่ถูกตบจนเลือดกบปากด้วยฝีมือของลูกสะใภ้คนรอง
นางมองหลี่ฮูหยินด้วยแววตาเดือดจัด “เจ้าเป็นภรรยารอง เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาตบตีหลานสาวข้า!”
“ท่านแม่ เซียวหรูลูกข้าก็เป็นหลานสาวท่านเช่นกัน ซีเอ๋อร์ขโมยผ้าไหมพระราชทานจากหยางเต๋อเฟยไป ข้าจะโกรธแทนลูกสาวมิได้รึ? นางอิจฉาลูกข้ามาตั้งแต่เด็กยันโต คิดร้ายกับพี่สาวของนางได้อย่างไร!” หลี่ฮูหยินตั้งใจวางแผนนี้ทั้งหมดมาเพื่อกำจัดและกลั่นแกล้งจางอวิ๋นซี แต่นางไม่คาดคิดว่าไท่ฮูหยินจะมาห้ามและให้ความยุติธรรมแก่จางอวิ๋นซีเพียงผู้เดียว
“ท่านแม่ ข้าขอร้องล่ะ...อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย” จางเยี่ยนเข้ามาปลอบประโลมอารมณ์ของผู้เป็นมารดา แต่ทว่าไท่ฮูหยินกลับสะบัดมือของบุตรชายออกอย่างไม่สนใจ
จางฮูหยินเข้ามาปลอบประโลมบุตรสาวที่ถูกตบ นางทั้งเจ็บทั้งแค้นใจแต่ก็ไม่สามารถทำอันใดได้ เนื่องด้วยอำนาจในการดูแลบ้านนี้ทั้งหมดถูกมอบให้กับหลี่ฮูหยิน ซึ่งมีฐานะเป็นภรรยารองและเป็นบุตรสาวคหบดีผู้ร่ำรวย ส่วนนางในตอนนี้เป็นเพียงแค่น้องสาวของฮองเฮาที่สามีไม่เคยแยแสนับตั้งแต่แต่งงานร่วมหอมาด้วยกันเกือบยี่สิบปี สามีไม่เคยเหลียวแลนางกับลูกนางไม่เคยตำหนิ สามีรักหลี่ฮูหยินมากกว่านางก็ไม่เคยโกรธ แต่ว่าสิ่งที่หลี่ฮูหยินทำลงไปวันนี้นั้นเกินขอบเขตที่นางจะอดทนได้แล้วจริงๆ
“นายท่าน...ท่านไม่เคยรัก ไม่เคยเมตตาลูก ข้ากับลูกก็อดทนมาตลอด แต่ ณ วันนี้วันที่ท่านไม่ได้ถามหาความจริง แต่ท่านกลับปล่อยให้ฮูหยินรองทำร้ายลูกอย่างไม่ยุติธรรม เช่นนี้แล้วความยุติธรรมนั้นมีจริงรึ!” จางเยี่ยนทำท่าจะตบภรรยาเอกของตนเองแทนด้วยความโมโห แต่ทว่าเสียงทรงอำนาจของไท่ฮูหยินผู้เป็นมารดาดังขึ้นห้าม
“พอได้แล้ว!” ไท่ฮูหยินตวาดขึ้นเสียงดัง
นางมองหน้าบุตรชายผู้เป็นจ้าวสกุลด้วยความไม่พอใจยิ่ง
“ลูกภรรยาเอกกับภรรยารองแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน เจ้าเลือกรักแม่ไม่ว่า แต่ซีเอ๋อร์นางคือลูกในไส้ของเจ้าเช่นกัน เจ้าทำกับนางเช่นนี้หากองค์ฮองเฮาทรงทราบขึ้นมา โทษหนักสถานใดเจ้ารู้หรือไม่?!”
การที่ไท่ฮูหยินกล่าวถึงหลิวฮองเฮา เพราะว่าองค์ฮองเฮานั้นทรงเป็นพระญาติสนิททางฝั่งของจางฮูหยิน และทรงมีอำนาจในราชสำนักมากพอสมควรทีเดียว แต่ทว่าต่อให้พี่สาวของจางฮูหยินจะเป็นถึงฮองเฮา คนอย่างจางเยี่ยนก็แทบไม่สนใจไยดีนางนัก แม้จะไม่เคยตบตีนาง แต่ทว่ากลับปล่อยให้หลี่ฮูหยินรังแกนางกับบุตรสาวได้ตามอำเภอใจ
鳳凰歸來的愛 ชาติก่อน...นางถูกคนที่รักที่สุดทรยศหักหลังจนสิ้นใจ ทว่าเมื่อสวรรค์บันดาลให้นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นางจะใช้ลมหายใจที่เหลือนี้เพื่อจัดการพวกมันทุกคน!
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
+++++++++++++ “อือ... พริบีนา... จะ...เจ็บค่ะ” “ฉันชอบ... เวลาเธอเจ็บเพราะฉัน” สิ้นคำเขาก็ขบอีกครั้ง จนร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงๆ เหมือนกลีบกุหลาบช้ำๆ “คนบ้า!” “ฉันดูดเธอได้ทั้งคืน... ดูดแรงๆ ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัว...” ‘รวิสรา’ ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อจู่ๆ ‘พริบีนา เอล เชสตัค’ มกุฎราชกุมารผู้หล่อเหลาแห่งเอล มอร์เรเวีย ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า และบอกว่าเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของเพนต์เฮาส์หรูใจกลางปารีส ที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากเรื่องกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม... เมื่อรู้ว่าน้องชายวัยขวบเศษของเธอ คือทายาทที่เกิดจากการขโมยสเปิร์มของเขา หญิงสาวจึงจำใจสุ่มเสี่ยงต่อความหวั่นไหว แล้วยอมใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกัน กับเจ้าชายหนุ่มผู้เร่าร้อนตลอดหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ในตัวเด็กน้อย โดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์ของตัวเอง
เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด