รุ่นใหญ่ใจถึง…ขี้หึงด้วย
รุ่นใหญ่ใจถึง…ขี้หึงด้วย
“เจ้าหญิงของอา น่ารักที่สุดเลยค่ะ” เมธีนั่งคุกเข่าเพื่อชื่นชมหลานสาวตัวน้อยที่อยู่ในชุดนักเรียน ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถักเป็นเปียสองข้างผูกด้วยโบขาว เธอตื่นเต้นจนแก้มนุ่มนิ่มขึ้นสีระเรื่อ
“คิดว่าอาธีจะไม่มาซะแล้วค่ะ”
“มาแน่นอนค่ะ เจ้าหญิงของอาจะไปโรงเรียนวันแรก อาก็ต้องมาส่งสิคะ”
“หนูกลัวจังเลยค่ะอาธี”
“ทำอะไรครั้งแรก เมลก็ตื่นเต้นแบบนี้ทุกครั้งแต่ก็ผ่านมาได้ตลอด ความกลัวความตื่นเต้นเป็นเรื่องปกติ พอได้เจอเพื่อนเจอคุณครู เรียนเรื่องสนุกๆ เมลก็จะลืมความกลัวไปเอง เมลจำตอนที่เล่นน้ำทะเลครั้งแรกได้ไหมคะ”
เมธีถามเด็กสาวตัวน้อย ไม่รู้ว่าเธอจำได้ไหมแต่เขาจำได้ขึ้นใจ
วันนั้นที่ชายหาด เธอจ้องคลื่นลูกโตที่ซัดเข้าหาฝั่ง เมื่อเทียบกับตัวเล็กจ้อยของตัวเองเธอจึงกลัวจับใจ ทะเลกว้างใหญ่เหลือเกินแถมคลื่นยังส่งเสียงดังโครมคราม
“เมลอยากลงไปเล่นไหมคะ” เมธีถามหลานสาวที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง
“อาธีจะลงไปกับหนูไหมคะ พ่อล่ะคะ”
“แน่นอนค่ะ” เมธีกับภูวนัยตอบพร้อมกัน เมื่อข้างกายขนาบด้วยคนที่รักและไว้ใจ คาเมเลียจึงออกเดิน ผ่านไปไม่กี่นาทีความกลัวก็หายหมดสิ้น เหลือไว้แค่ความสนุก
“ได้ค่ะอาธี” คาเมเลียตอบแล้วหวนนึกถึงวันอันแสนสุขที่ได้วิ่งเล่นท่ามกลางหาดทราย สายลม แสงอาทิตย์สดใส
“คุยอะไรกันอยู่ อาหลาน” ภูวนัยมาสมทบ อีกไม่กี่นาทีรถคงมาถึง
“คุยเรื่องที่ไปทะเลวันแรกน่ะ” เมธีตอบ
“วันนี้ก็วันแรกเหมือนกัน นางฟ้าของพ่อ เก่งอยู่แล้ว”
“ค่ะพ่อ” คาเมเลียรับปากแต่ไม่ค่อยแน่ใจนัก ถ้าเธอร้องไห้ขอกลับบ้านตั้งแต่ไปถึงโรงเรียน พ่อจะมารับไหม อาธีจะคิดว่าเธอเป็นเด็กไม่น่ารักรึเปล่า
“วันหยุดนี้เราไปทะเลกันดีไหมคะ” เมธีชวน อย่างน้อยหลานสาวจะได้มีเรื่องให้ตั้งตาคอย
“ดีค่ะ สัญญานะคะ”
“สัญญาค่ะแต่ต้องขอพ่อก่อนนะ”
“ถ้าเมลอยากไป พ่อก็อยากไปค่ะ … รถมาแล้ว”
เมธีกับภูวนัยเดินไปส่งสาวน้อยขึ้นรถโรงเรียน ทั้งสองมองจนรถหายไปจากสายตา
“คุณเมธีคะ ได้ยินไหมคะ” ชมนาดถามหัวหน้างานที่ไม่รู้ใจลอยไปถึงไหน
“ขอโทษทีครับ คิดเรื่องงานเพลินไปหน่อย คุณชมมีอะไรให้ผมช่วยครับ”
“เที่ยงแล้วค่ะ วันนี้คุณเมธีกินข้าวกับชมได้ไหมคะ”
“ได้ครับ คุณชมอยากไปกินที่ไหนครับ ร้านข้างนอกใช่ไหมครับ”
“โรงอาหารในบริษัทนี่แหละค่ะ ชมยังไม่เคยกินข้าวพร้อมคุณเมธีเลย”
“ไปกันเลยไหมครับ” เมธีผายมือให้สุภาพสตรีเดินนำไปก่อน เขาแอบถอนหายใจเพราะอึดอัดนิดหน่อย
เมธีคือพนักงานระดับสูงด้านวิเคราะห์ความเสี่ยงเกี่ยวกับการลงทุนแต่แน่นอนว่ายังมีตำแหน่งสูงกว่า นั่นก็คือเจ้าของบริษัทซึ่งก็คือชานนท์ มันคงเป็นข้อมูลธรรมดาเหมือนบริษัททั่วๆ ไป ถ้าชานนท์ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของชมนาด นักศึกษาที่มาฝึกงานและเมธีรับหน้าที่เป็นคนดูแล
เมธีก็งานล้นมืออยู่แล้วแต่เมื่อเจ้าของบริษัทออกปากให้ช่วยฝึกงานลูกสาวใครจะกล้าปฏิเสธ เขาไม่เคยสอนงานใคร ทำงานมาเป็นสิบปีก็ไม่เคยต้องยุ่งเกี่ยวกับเด็กใหม่หรือเด็กฝึกเพราะไม่ใช่หน้าที่
“ผมอยากให้ลูกชมได้เรียนรู้งานจากคนที่เก่งที่สุด” ชานนท์บอกในวงร่ำสุราเมื่อหลายเดือนก่อน
“คุณชาพูดเกินไปแล้วครับ มีคนเก่งกว่าผมตั้งหลายคน ไอ้ภูนี่ไง ไอ้แวนอีก” เมธีบอก
“ผมไม่เถียงหรอกว่าภูกับแวนก็เก่งไม่แพ้กันแต่สองคนนั้นเขามีครอบครัวแล้ว มีลูกมีเมียต้องดูแล ไม่เหมือนคุณที่ยังโสดไร้พันธะ”
“ถึงไอ้ภูจะมีลูกแต่มันก็สอนงานได้นะครับคุณชา”
“สอนน่ะสอนได้อยู่แล้วแต่ผมไม่อยากรบกวน หนูเมลก็มีแค่พ่อ ส่วนแวนลูกก็ยังแบเบาะ คนใกล้ตัวที่ผมไว้ใจก็อยู่ในวงนี้แหละซึ่งคุณเหมาะสมที่สุดเมธี”
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับคุณชา” เมธีรู้ว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เพราะได้รับความไว้วางใจ เขาจึงต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยง คอยสอนงานให้ลูกสาวเจ้าของบริษัทเป็นเวลาสามเดือน
ลำพังแค่เรื่องงานไม่ใช่ปัญหาเลยแต่เมธีกำลังกลุ้มใจกับเรื่องส่วนตัวที่รุงรังขึ้นเรื่อยๆ
เมธีคบกับผู้หญิงคนหนึ่งทั้งสองเจอกันไม่บ่อย หากจะพูดให้ชัดเจนก็คือเจอกันแค่ตอนทำกิจกรรมก็ไม่ผิดนัก เมธีรู้ว่าเธอคบคนอื่นด้วยแต่ก็ไม่เดือดร้อนเพราะระหว่างเขากับเธอมีแค่เรื่องทางกายและเงินตรา ทุกครั้งที่เจอกันเธอจะได้เงินหรือสิ่งของเสมอ
นับเป็นความสัมพันธ์ที่ต่างพึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย
แต่ตอนนี้เมธีร้อนรุ่มแทบบ้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจมันน่าละอายเหลือเกิน
เขาคิดว่าหัวใจกำลังคิดไม่ซื่อกับหลานสาวที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่คาเมเลีย เจ้าหญิงน้อยของเขา
เธอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เป็นสาวสะพรั่งอวบอิ่มที่ใครหลายคนหมายปองซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มาเสมอเพราะเธอน่ารักสดใสใครเจอก็ต้องเหลียวมองแต่เมื่อก่อนมันไม่เป็นปัญหาเพราะเธอไม่เคยสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จนมาเป็นนักศึกษานี่แหละ
“ทำไมวันนี้คุณพ่อภูกลับดึกได้ครับเนี่ย” เมธีแซวเพื่อนสนิทที่นั่งดื่มอยู่ข้างกัน ปกติภูวนัยจะกลับบ้านไม่เกินสี่ทุ่มเพื่อไปเจอหน้าลูกสาวแล้วคุยกันก่อนนอนแต่วันนี้จะเที่ยงคืนแล้ว ภูวนัยยังอ้อยส้อยดื่มน้ำรสขมอย่างสบายใจ
“เมลไปทำรายงานกับเพื่อนน่ะ จะกลับดึกหน่อย สักตีสอง”
“รายงานบ้าอะไร !” เมธีโพล่งขึ้นมา
“ก็รายงานไง เป็นนักศึกษาก็ต้องทำงานส่งอาจารย์”
“เมลเป็นผู้หญิงนะไอ้ภู มึงปล่อยลูกให้กลับบ้านดึกๆ แบบนั้นได้ไง”
“มึงคิดว่ากุลืมรึไงว่าลูกสาวคนเดียวของกูเป็นผู้หญิง” ภูวนัยถามแล้วหัวเราะร่วน
“มึงไว้ใจลูกเหรอ”
“ไว้ใจสิ ต่อให้เมลจะโกหกกูก็ไม่โกรธหรอก เมลเป็นสาวแล้วนะไอ้ธี บรรลุนิติภาวะแล้ว จะทำอะไรก็ได้ จะหอบผ้าออกไปอยู่คนเดียวยังได้เลย ทำยังกับมึงไม่เคยเป็นวัยรุ่น”
“มันไม่เหมือนกัน มึงกับกูเป็นผู้ชาย เมลเป็นผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย”
“นี่มันยุคไหนแล้วไอ้ธี ไม่มีใครได้ใครเสียทั้งนั้นแหละ มีแต่เรื่องให้เรียนรู้ ศึกษากันไป สักวันเมลก็ต้องมีแฟน”
“เฮ้ย ! เร็วไป” เมธีตะโกนจนคอปูด
“มึงล่อหญิงตั้งแต่เท่าไหร่ สิบสามไหม เมลสิบแปดแล้ว ยังไม่เคยเลย”
“มึงเป็นพ่อ มึงต้องหวงลูกสิวะ” เมธีว้าวุ่นจนหน้าแดงก่ำ
“หวงมันก็หวงแหละแต่จะให้ทำไง ขังลูกไว้ในกรงตลอดชีวิตเหรอ”
“กูไม่ยอม !” เมธีบอกแบบหัวเสียสุดๆ
“ไม่ยอมอะไร มึงแทบไม่คุยกับเมลแล้วด้วยซ้ำตั้งแต่มีโรซี่ ไหนจะคลิปหลุดสุดสยิวอีก มึงห้ามไม่ให้หลานมีแฟนแต่ตัวมึงเองล่อไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเนี่ยนะ”
“มึงก็เว่อร์ไปไอ้ภู มันแค่คลิปนัวเนียในรถเฉยๆ ไม่ได้แก้ผ้าด้วยซ้ำแล้วกูก็ไม่ได้ล่อไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำด้วย ไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
“กูเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่ามึงน่ะ ห้ามอะไรไม่รู้บ้าๆ บอๆ แต่ตัวเองก็ทำเรื่องที่ห้าม กูไม่มีปัญหาเลยถ้าเมลจะคบกับเจ้าบีม ไอ้หนุ่มนั่นมันโอเคนะ สุภาพ ไม่รุ่มร่าม เมลก็บอกว่านิสัยดีจริงๆ งานกลุ่มก็ช่วยทำ ไม่หายหัวเหมือนผู้ชายคนอื่น”
“ไอ้หน้าจืดนั่นอะน่ะ”
“หน้าจืดแล้วก็หนุ่มกว่ามึงเป็นสิบๆ ปีด้วย” ภูวนัยบอกแล้วกระดกเหล้าเข้าปาก
สรุปว่าตอนนี้เมธีกำลังว้าวุ่นกับหลานสาวตัวเอง ทั้งหึงทั้งหวงที่หลานสาวเริ่มเปิดใจกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับคนต่างเพศ
แค่นี้ก็ปวดประสาทจะแย่แล้วแต่ก็ยังมีเรื่องมาเพิ่มอีก … ก็ชมนาดนี่ไง
อยู่ด้วยกันแค่วันเดียวเมธีก็รู้แล้วว่าความต้องการจริงๆ ของชมนาดคืออะไร เธอไม่ได้อยากมาฝึกงานเธออยากเป็นเจ้าของคนฝึกงาน เมธีไม่ใช่เด็กอมมือที่จะไม่เข้าใจสายตาและท่าทางของชมนาดที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบัง ไหนจะคำพูดของเธอที่ล่อแหลมสองแง่สองง่ามอีก เขาได้แต่บอกตัวเองว่าแค่สามเดือนเท่านั้นแล้วทุกอย่างจะกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม
แต่นี่เพิ่งเดือนเดียวแล้วเขาก็คงอดทนเป็นพระอิฐพระปูนจนถึงวันสุดท้ายไม่ได้แน่ๆ
ชมนาดไม่ใช่คนขี้เหร่ เธอสวยคม ผิวสีน้ำผึ้ง ริมฝีปากรูปกระจับ มองเพลินๆ ก็เคลิ้มได้ง่ายๆ แต่มันจะเกินเลยไม่ได้
ตอนนี้ก็วุ่นวายกับลูกสาวเพื่อนที่อยู่บริษัทเดียวกันอยู่แล้วจะมาเพิ่มลูกสาวเจ้าของบริษัทอีกคนไม่ได้หรอก ตกงานตอนเฉียดสี่สิบไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
เมธีรู้ว่าไม่ว่าจะเลือกทางไหนหรือพลั้งพลาดทางใดก็เสียหายทั้งหมดแต่มันเลือกได้ว่าต้องการความเสียหายแบบไหน ระดับธรรมดาที่ยังพอมีทางแก้ไขหรือระดับวอดวายแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
ไหนจะโรซี่อีก แม้จะเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่ถ้าต้องจากกันจริงๆ คงใจหายพอดู
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" "จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ" "ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ"
ห้าปีที่แล้ว ฉันช่วยชีวิตคู่หมั้นของฉันไว้บนภูเขาที่เชียงใหม่ อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้สายตาของฉันเสียหายอย่างถาวร—เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจที่พร่าเลือนอยู่เสมอถึงวันที่ฉันเลือกเขาแทนที่จะเป็นดวงตาที่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เขาตอบแทนฉันด้วยการแอบเปลี่ยนสถานที่จัดงานแต่งงานของเราจากเชียงใหม่ไปเป็นภูเก็ต เพราะแอนนี่ เพื่อนสนิทของเขาบ่นว่าที่นั่นหนาวเกินไป ฉันได้ยินเขากับหูตัวเองว่าเขาเรียกการเสียสละของฉันว่า “เรื่องดราม่าน้ำเน่า” และเห็นเขากับตาว่าเขาซื้อชุดราคาเกือบสองล้านบาทให้หล่อน ขณะที่ดูถูกชุดของฉัน ในวันแต่งงานของเรา เขาทิ้งให้ฉันรอที่แท่นพิธีเพื่อรีบไปอยู่ข้างๆ แอนนี่ที่เกิด “อาการแพนิค” ขึ้นมาได้ถูกจังหวะพอดิบพอดี เขามั่นใจเหลือเกินว่าฉันจะให้อภัยเขา เขามั่นใจแบบนั้นเสมอ เขาไม่ได้มองว่าการเสียสละของฉันคือของขวัญ แต่เป็นเหมือนสัญญาที่ผูกมัดให้ฉันต้องยอมจำนนต่อเขา ดังนั้น เมื่อในที่สุดเขาโทรเข้ามายังสถานที่จัดงานที่ว่างเปล่าในภูเก็ต ฉันจึงปล่อยให้เขาได้ยินเสียงลมภูเขาและเสียงระฆังโบสถ์ ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากพูด “งานแต่งของฉันกำลังจะเริ่มแล้ว” ฉันบอกเขา “แต่ไม่ใช่กับคุณ”
จี้ฮันโจวเป็นคนมีฝีมือร้ายกาจและเด็ดขาด แต่กลับเอ็นดูรักใคร่เสิ่นชือมาก เสิ่นชือ ซึ่งเกือบจะเสียชีวิตเนื่องจากการสมรู้ร่วมคิดจากพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ และเธอได้ช่วยชีวิตหัวจี้ฮันโจว นายน้อยของตระกูลใหญ่ที่สุดใน เมืองเซิ่นจิน ส่งผลให้ทั้งสองบรรลุความร่วมมือ และสุดท้ายตกหลุมรักกัน คนนอก: "ไหนบอกว่าคุณชายจี้จะไม่ชอบผู้หญิง ไหนบอกว่าไร้ความปรารถนา และไม่แยแสกับผู้หญิงล่ะ!"
“ฉันไม่ชอบเธอ! อย่าเข้ามายุ่งกับฉันอีก” “ชะเอมก็ไม่เคยคิดที่จะชอบคนอย่างพี่เหมือนกัน แต่ที่ทำก็เพราะ..”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY