รุ่นใหญ่ใจถึง…ขี้หึงด้วย
“เจ้าหญิงของอา น่ารักที่สุดเลยค่ะ” เมธีนั่งคุกเข่าเพื่อชื่นชมหลานสาวตัวน้อยที่อยู่ในชุดนักเรียน ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถักเป็นเปียสองข้างผูกด้วยโบขาว เธอตื่นเต้นจนแก้มนุ่มนิ่มขึ้นสีระเรื่อ
“คิดว่าอาธีจะไม่มาซะแล้วค่ะ”
“มาแน่นอนค่ะ เจ้าหญิงของอาจะไปโรงเรียนวันแรก อาก็ต้องมาส่งสิคะ”
“หนูกลัวจังเลยค่ะอาธี”
“ทำอะไรครั้งแรก เมลก็ตื่นเต้นแบบนี้ทุกครั้งแต่ก็ผ่านมาได้ตลอด ความกลัวความตื่นเต้นเป็นเรื่องปกติ พอได้เจอเพื่อนเจอคุณครู เรียนเรื่องสนุกๆ เมลก็จะลืมความกลัวไปเอง เมลจำตอนที่เล่นน้ำทะเลครั้งแรกได้ไหมคะ”
เมธีถามเด็กสาวตัวน้อย ไม่รู้ว่าเธอจำได้ไหมแต่เขาจำได้ขึ้นใจ
วันนั้นที่ชายหาด เธอจ้องคลื่นลูกโตที่ซัดเข้าหาฝั่ง เมื่อเทียบกับตัวเล็กจ้อยของตัวเองเธอจึงกลัวจับใจ ทะเลกว้างใหญ่เหลือเกินแถมคลื่นยังส่งเสียงดังโครมคราม
“เมลอยากลงไปเล่นไหมคะ” เมธีถามหลานสาวที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง
“อาธีจะลงไปกับหนูไหมคะ พ่อล่ะคะ”
“แน่นอนค่ะ” เมธีกับภูวนัยตอบพร้อมกัน เมื่อข้างกายขนาบด้วยคนที่รักและไว้ใจ คาเมเลียจึงออกเดิน ผ่านไปไม่กี่นาทีความกลัวก็หายหมดสิ้น เหลือไว้แค่ความสนุก
“ได้ค่ะอาธี” คาเมเลียตอบแล้วหวนนึกถึงวันอันแสนสุขที่ได้วิ่งเล่นท่ามกลางหาดทราย สายลม แสงอาทิตย์สดใส
“คุยอะไรกันอยู่ อาหลาน” ภูวนัยมาสมทบ อีกไม่กี่นาทีรถคงมาถึง
“คุยเรื่องที่ไปทะเลวันแรกน่ะ” เมธีตอบ
“วันนี้ก็วันแรกเหมือนกัน นางฟ้าของพ่อ เก่งอยู่แล้ว”
“ค่ะพ่อ” คาเมเลียรับปากแต่ไม่ค่อยแน่ใจนัก ถ้าเธอร้องไห้ขอกลับบ้านตั้งแต่ไปถึงโรงเรียน พ่อจะมารับไหม อาธีจะคิดว่าเธอเป็นเด็กไม่น่ารักรึเปล่า
“วันหยุดนี้เราไปทะเลกันดีไหมคะ” เมธีชวน อย่างน้อยหลานสาวจะได้มีเรื่องให้ตั้งตาคอย
“ดีค่ะ สัญญานะคะ”
“สัญญาค่ะแต่ต้องขอพ่อก่อนนะ”
“ถ้าเมลอยากไป พ่อก็อยากไปค่ะ … รถมาแล้ว”
เมธีกับภูวนัยเดินไปส่งสาวน้อยขึ้นรถโรงเรียน ทั้งสองมองจนรถหายไปจากสายตา
“คุณเมธีคะ ได้ยินไหมคะ” ชมนาดถามหัวหน้างานที่ไม่รู้ใจลอยไปถึงไหน
“ขอโทษทีครับ คิดเรื่องงานเพลินไปหน่อย คุณชมมีอะไรให้ผมช่วยครับ”
“เที่ยงแล้วค่ะ วันนี้คุณเมธีกินข้าวกับชมได้ไหมคะ”
“ได้ครับ คุณชมอยากไปกินที่ไหนครับ ร้านข้างนอกใช่ไหมครับ”
“โรงอาหารในบริษัทนี่แหละค่ะ ชมยังไม่เคยกินข้าวพร้อมคุณเมธีเลย”
“ไปกันเลยไหมครับ” เมธีผายมือให้สุภาพสตรีเดินนำไปก่อน เขาแอบถอนหายใจเพราะอึดอัดนิดหน่อย
เมธีคือพนักงานระดับสูงด้านวิเคราะห์ความเสี่ยงเกี่ยวกับการลงทุนแต่แน่นอนว่ายังมีตำแหน่งสูงกว่า นั่นก็คือเจ้าของบริษัทซึ่งก็คือชานนท์ มันคงเป็นข้อมูลธรรมดาเหมือนบริษัททั่วๆ ไป ถ้าชานนท์ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของชมนาด นักศึกษาที่มาฝึกงานและเมธีรับหน้าที่เป็นคนดูแล
เมธีก็งานล้นมืออยู่แล้วแต่เมื่อเจ้าของบริษัทออกปากให้ช่วยฝึกงานลูกสาวใครจะกล้าปฏิเสธ เขาไม่เคยสอนงานใคร ทำงานมาเป็นสิบปีก็ไม่เคยต้องยุ่งเกี่ยวกับเด็กใหม่หรือเด็กฝึกเพราะไม่ใช่หน้าที่
“ผมอยากให้ลูกชมได้เรียนรู้งานจากคนที่เก่งที่สุด” ชานนท์บอกในวงร่ำสุราเมื่อหลายเดือนก่อน
“คุณชาพูดเกินไปแล้วครับ มีคนเก่งกว่าผมตั้งหลายคน ไอ้ภูนี่ไง ไอ้แวนอีก” เมธีบอก
“ผมไม่เถียงหรอกว่าภูกับแวนก็เก่งไม่แพ้กันแต่สองคนนั้นเขามีครอบครัวแล้ว มีลูกมีเมียต้องดูแล ไม่เหมือนคุณที่ยังโสดไร้พันธะ”
“ถึงไอ้ภูจะมีลูกแต่มันก็สอนงานได้นะครับคุณชา”
“สอนน่ะสอนได้อยู่แล้วแต่ผมไม่อยากรบกวน หนูเมลก็มีแค่พ่อ ส่วนแวนลูกก็ยังแบเบาะ คนใกล้ตัวที่ผมไว้ใจก็อยู่ในวงนี้แหละซึ่งคุณเหมาะสมที่สุดเมธี”
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับคุณชา” เมธีรู้ว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เพราะได้รับความไว้วางใจ เขาจึงต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยง คอยสอนงานให้ลูกสาวเจ้าของบริษัทเป็นเวลาสามเดือน
ลำพังแค่เรื่องงานไม่ใช่ปัญหาเลยแต่เมธีกำลังกลุ้มใจกับเรื่องส่วนตัวที่รุงรังขึ้นเรื่อยๆ
เมธีคบกับผู้หญิงคนหนึ่งทั้งสองเจอกันไม่บ่อย หากจะพูดให้ชัดเจนก็คือเจอกันแค่ตอนทำกิจกรรมก็ไม่ผิดนัก เมธีรู้ว่าเธอคบคนอื่นด้วยแต่ก็ไม่เดือดร้อนเพราะระหว่างเขากับเธอมีแค่เรื่องทางกายและเงินตรา ทุกครั้งที่เจอกันเธอจะได้เงินหรือสิ่งของเสมอ
นับเป็นความสัมพันธ์ที่ต่างพึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย
แต่ตอนนี้เมธีร้อนรุ่มแทบบ้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจมันน่าละอายเหลือเกิน
เขาคิดว่าหัวใจกำลังคิดไม่ซื่อกับหลานสาวที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่คาเมเลีย เจ้าหญิงน้อยของเขา
เธอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เป็นสาวสะพรั่งอวบอิ่มที่ใครหลายคนหมายปองซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มาเสมอเพราะเธอน่ารักสดใสใครเจอก็ต้องเหลียวมองแต่เมื่อก่อนมันไม่เป็นปัญหาเพราะเธอไม่เคยสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จนมาเป็นนักศึกษานี่แหละ
“ทำไมวันนี้คุณพ่อภูกลับดึกได้ครับเนี่ย” เมธีแซวเพื่อนสนิทที่นั่งดื่มอยู่ข้างกัน ปกติภูวนัยจะกลับบ้านไม่เกินสี่ทุ่มเพื่อไปเจอหน้าลูกสาวแล้วคุยกันก่อนนอนแต่วันนี้จะเที่ยงคืนแล้ว ภูวนัยยังอ้อยส้อยดื่มน้ำรสขมอย่างสบายใจ
“เมลไปทำรายงานกับเพื่อนน่ะ จะกลับดึกหน่อย สักตีสอง”
“รายงานบ้าอะไร !” เมธีโพล่งขึ้นมา
“ก็รายงานไง เป็นนักศึกษาก็ต้องทำงานส่งอาจารย์”
“เมลเป็นผู้หญิงนะไอ้ภู มึงปล่อยลูกให้กลับบ้านดึกๆ แบบนั้นได้ไง”
“มึงคิดว่ากุลืมรึไงว่าลูกสาวคนเดียวของกูเป็นผู้หญิง” ภูวนัยถามแล้วหัวเราะร่วน
“มึงไว้ใจลูกเหรอ”
“ไว้ใจสิ ต่อให้เมลจะโกหกกูก็ไม่โกรธหรอก เมลเป็นสาวแล้วนะไอ้ธี บรรลุนิติภาวะแล้ว จะทำอะไรก็ได้ จะหอบผ้าออกไปอยู่คนเดียวยังได้เลย ทำยังกับมึงไม่เคยเป็นวัยรุ่น”
“มันไม่เหมือนกัน มึงกับกูเป็นผู้ชาย เมลเป็นผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย”
“นี่มันยุคไหนแล้วไอ้ธี ไม่มีใครได้ใครเสียทั้งนั้นแหละ มีแต่เรื่องให้เรียนรู้ ศึกษากันไป สักวันเมลก็ต้องมีแฟน”
“เฮ้ย ! เร็วไป” เมธีตะโกนจนคอปูด
“มึงล่อหญิงตั้งแต่เท่าไหร่ สิบสามไหม เมลสิบแปดแล้ว ยังไม่เคยเลย”
“มึงเป็นพ่อ มึงต้องหวงลูกสิวะ” เมธีว้าวุ่นจนหน้าแดงก่ำ
“หวงมันก็หวงแหละแต่จะให้ทำไง ขังลูกไว้ในกรงตลอดชีวิตเหรอ”
“กูไม่ยอม !” เมธีบอกแบบหัวเสียสุดๆ
“ไม่ยอมอะไร มึงแทบไม่คุยกับเมลแล้วด้วยซ้ำตั้งแต่มีโรซี่ ไหนจะคลิปหลุดสุดสยิวอีก มึงห้ามไม่ให้หลานมีแฟนแต่ตัวมึงเองล่อไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเนี่ยนะ”
“มึงก็เว่อร์ไปไอ้ภู มันแค่คลิปนัวเนียในรถเฉยๆ ไม่ได้แก้ผ้าด้วยซ้ำแล้วกูก็ไม่ได้ล่อไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำด้วย ไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
“กูเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่ามึงน่ะ ห้ามอะไรไม่รู้บ้าๆ บอๆ แต่ตัวเองก็ทำเรื่องที่ห้าม กูไม่มีปัญหาเลยถ้าเมลจะคบกับเจ้าบีม ไอ้หนุ่มนั่นมันโอเคนะ สุภาพ ไม่รุ่มร่าม เมลก็บอกว่านิสัยดีจริงๆ งานกลุ่มก็ช่วยทำ ไม่หายหัวเหมือนผู้ชายคนอื่น”
“ไอ้หน้าจืดนั่นอะน่ะ”
“หน้าจืดแล้วก็หนุ่มกว่ามึงเป็นสิบๆ ปีด้วย” ภูวนัยบอกแล้วกระดกเหล้าเข้าปาก
สรุปว่าตอนนี้เมธีกำลังว้าวุ่นกับหลานสาวตัวเอง ทั้งหึงทั้งหวงที่หลานสาวเริ่มเปิดใจกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับคนต่างเพศ
แค่นี้ก็ปวดประสาทจะแย่แล้วแต่ก็ยังมีเรื่องมาเพิ่มอีก … ก็ชมนาดนี่ไง
อยู่ด้วยกันแค่วันเดียวเมธีก็รู้แล้วว่าความต้องการจริงๆ ของชมนาดคืออะไร เธอไม่ได้อยากมาฝึกงานเธออยากเป็นเจ้าของคนฝึกงาน เมธีไม่ใช่เด็กอมมือที่จะไม่เข้าใจสายตาและท่าทางของชมนาดที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบัง ไหนจะคำพูดของเธอที่ล่อแหลมสองแง่สองง่ามอีก เขาได้แต่บอกตัวเองว่าแค่สามเดือนเท่านั้นแล้วทุกอย่างจะกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม
แต่นี่เพิ่งเดือนเดียวแล้วเขาก็คงอดทนเป็นพระอิฐพระปูนจนถึงวันสุดท้ายไม่ได้แน่ๆ
ชมนาดไม่ใช่คนขี้เหร่ เธอสวยคม ผิวสีน้ำผึ้ง ริมฝีปากรูปกระจับ มองเพลินๆ ก็เคลิ้มได้ง่ายๆ แต่มันจะเกินเลยไม่ได้
ตอนนี้ก็วุ่นวายกับลูกสาวเพื่อนที่อยู่บริษัทเดียวกันอยู่แล้วจะมาเพิ่มลูกสาวเจ้าของบริษัทอีกคนไม่ได้หรอก ตกงานตอนเฉียดสี่สิบไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
เมธีรู้ว่าไม่ว่าจะเลือกทางไหนหรือพลั้งพลาดทางใดก็เสียหายทั้งหมดแต่มันเลือกได้ว่าต้องการความเสียหายแบบไหน ระดับธรรมดาที่ยังพอมีทางแก้ไขหรือระดับวอดวายแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
ไหนจะโรซี่อีก แม้จะเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่ถ้าต้องจากกันจริงๆ คงใจหายพอดู
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ