รุ่นใหญ่ใจถึง…ขี้หึงด้วย
รุ่นใหญ่ใจถึง…ขี้หึงด้วย
“เจ้าหญิงของอา น่ารักที่สุดเลยค่ะ” เมธีนั่งคุกเข่าเพื่อชื่นชมหลานสาวตัวน้อยที่อยู่ในชุดนักเรียน ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถักเป็นเปียสองข้างผูกด้วยโบขาว เธอตื่นเต้นจนแก้มนุ่มนิ่มขึ้นสีระเรื่อ
“คิดว่าอาธีจะไม่มาซะแล้วค่ะ”
“มาแน่นอนค่ะ เจ้าหญิงของอาจะไปโรงเรียนวันแรก อาก็ต้องมาส่งสิคะ”
“หนูกลัวจังเลยค่ะอาธี”
“ทำอะไรครั้งแรก เมลก็ตื่นเต้นแบบนี้ทุกครั้งแต่ก็ผ่านมาได้ตลอด ความกลัวความตื่นเต้นเป็นเรื่องปกติ พอได้เจอเพื่อนเจอคุณครู เรียนเรื่องสนุกๆ เมลก็จะลืมความกลัวไปเอง เมลจำตอนที่เล่นน้ำทะเลครั้งแรกได้ไหมคะ”
เมธีถามเด็กสาวตัวน้อย ไม่รู้ว่าเธอจำได้ไหมแต่เขาจำได้ขึ้นใจ
วันนั้นที่ชายหาด เธอจ้องคลื่นลูกโตที่ซัดเข้าหาฝั่ง เมื่อเทียบกับตัวเล็กจ้อยของตัวเองเธอจึงกลัวจับใจ ทะเลกว้างใหญ่เหลือเกินแถมคลื่นยังส่งเสียงดังโครมคราม
“เมลอยากลงไปเล่นไหมคะ” เมธีถามหลานสาวที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง
“อาธีจะลงไปกับหนูไหมคะ พ่อล่ะคะ”
“แน่นอนค่ะ” เมธีกับภูวนัยตอบพร้อมกัน เมื่อข้างกายขนาบด้วยคนที่รักและไว้ใจ คาเมเลียจึงออกเดิน ผ่านไปไม่กี่นาทีความกลัวก็หายหมดสิ้น เหลือไว้แค่ความสนุก
“ได้ค่ะอาธี” คาเมเลียตอบแล้วหวนนึกถึงวันอันแสนสุขที่ได้วิ่งเล่นท่ามกลางหาดทราย สายลม แสงอาทิตย์สดใส
“คุยอะไรกันอยู่ อาหลาน” ภูวนัยมาสมทบ อีกไม่กี่นาทีรถคงมาถึง
“คุยเรื่องที่ไปทะเลวันแรกน่ะ” เมธีตอบ
“วันนี้ก็วันแรกเหมือนกัน นางฟ้าของพ่อ เก่งอยู่แล้ว”
“ค่ะพ่อ” คาเมเลียรับปากแต่ไม่ค่อยแน่ใจนัก ถ้าเธอร้องไห้ขอกลับบ้านตั้งแต่ไปถึงโรงเรียน พ่อจะมารับไหม อาธีจะคิดว่าเธอเป็นเด็กไม่น่ารักรึเปล่า
“วันหยุดนี้เราไปทะเลกันดีไหมคะ” เมธีชวน อย่างน้อยหลานสาวจะได้มีเรื่องให้ตั้งตาคอย
“ดีค่ะ สัญญานะคะ”
“สัญญาค่ะแต่ต้องขอพ่อก่อนนะ”
“ถ้าเมลอยากไป พ่อก็อยากไปค่ะ … รถมาแล้ว”
เมธีกับภูวนัยเดินไปส่งสาวน้อยขึ้นรถโรงเรียน ทั้งสองมองจนรถหายไปจากสายตา
“คุณเมธีคะ ได้ยินไหมคะ” ชมนาดถามหัวหน้างานที่ไม่รู้ใจลอยไปถึงไหน
“ขอโทษทีครับ คิดเรื่องงานเพลินไปหน่อย คุณชมมีอะไรให้ผมช่วยครับ”
“เที่ยงแล้วค่ะ วันนี้คุณเมธีกินข้าวกับชมได้ไหมคะ”
“ได้ครับ คุณชมอยากไปกินที่ไหนครับ ร้านข้างนอกใช่ไหมครับ”
“โรงอาหารในบริษัทนี่แหละค่ะ ชมยังไม่เคยกินข้าวพร้อมคุณเมธีเลย”
“ไปกันเลยไหมครับ” เมธีผายมือให้สุภาพสตรีเดินนำไปก่อน เขาแอบถอนหายใจเพราะอึดอัดนิดหน่อย
เมธีคือพนักงานระดับสูงด้านวิเคราะห์ความเสี่ยงเกี่ยวกับการลงทุนแต่แน่นอนว่ายังมีตำแหน่งสูงกว่า นั่นก็คือเจ้าของบริษัทซึ่งก็คือชานนท์ มันคงเป็นข้อมูลธรรมดาเหมือนบริษัททั่วๆ ไป ถ้าชานนท์ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของชมนาด นักศึกษาที่มาฝึกงานและเมธีรับหน้าที่เป็นคนดูแล
เมธีก็งานล้นมืออยู่แล้วแต่เมื่อเจ้าของบริษัทออกปากให้ช่วยฝึกงานลูกสาวใครจะกล้าปฏิเสธ เขาไม่เคยสอนงานใคร ทำงานมาเป็นสิบปีก็ไม่เคยต้องยุ่งเกี่ยวกับเด็กใหม่หรือเด็กฝึกเพราะไม่ใช่หน้าที่
“ผมอยากให้ลูกชมได้เรียนรู้งานจากคนที่เก่งที่สุด” ชานนท์บอกในวงร่ำสุราเมื่อหลายเดือนก่อน
“คุณชาพูดเกินไปแล้วครับ มีคนเก่งกว่าผมตั้งหลายคน ไอ้ภูนี่ไง ไอ้แวนอีก” เมธีบอก
“ผมไม่เถียงหรอกว่าภูกับแวนก็เก่งไม่แพ้กันแต่สองคนนั้นเขามีครอบครัวแล้ว มีลูกมีเมียต้องดูแล ไม่เหมือนคุณที่ยังโสดไร้พันธะ”
“ถึงไอ้ภูจะมีลูกแต่มันก็สอนงานได้นะครับคุณชา”
“สอนน่ะสอนได้อยู่แล้วแต่ผมไม่อยากรบกวน หนูเมลก็มีแค่พ่อ ส่วนแวนลูกก็ยังแบเบาะ คนใกล้ตัวที่ผมไว้ใจก็อยู่ในวงนี้แหละซึ่งคุณเหมาะสมที่สุดเมธี”
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับคุณชา” เมธีรู้ว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เพราะได้รับความไว้วางใจ เขาจึงต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยง คอยสอนงานให้ลูกสาวเจ้าของบริษัทเป็นเวลาสามเดือน
ลำพังแค่เรื่องงานไม่ใช่ปัญหาเลยแต่เมธีกำลังกลุ้มใจกับเรื่องส่วนตัวที่รุงรังขึ้นเรื่อยๆ
เมธีคบกับผู้หญิงคนหนึ่งทั้งสองเจอกันไม่บ่อย หากจะพูดให้ชัดเจนก็คือเจอกันแค่ตอนทำกิจกรรมก็ไม่ผิดนัก เมธีรู้ว่าเธอคบคนอื่นด้วยแต่ก็ไม่เดือดร้อนเพราะระหว่างเขากับเธอมีแค่เรื่องทางกายและเงินตรา ทุกครั้งที่เจอกันเธอจะได้เงินหรือสิ่งของเสมอ
นับเป็นความสัมพันธ์ที่ต่างพึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย
แต่ตอนนี้เมธีร้อนรุ่มแทบบ้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจมันน่าละอายเหลือเกิน
เขาคิดว่าหัวใจกำลังคิดไม่ซื่อกับหลานสาวที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่คาเมเลีย เจ้าหญิงน้อยของเขา
เธอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เป็นสาวสะพรั่งอวบอิ่มที่ใครหลายคนหมายปองซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มาเสมอเพราะเธอน่ารักสดใสใครเจอก็ต้องเหลียวมองแต่เมื่อก่อนมันไม่เป็นปัญหาเพราะเธอไม่เคยสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จนมาเป็นนักศึกษานี่แหละ
“ทำไมวันนี้คุณพ่อภูกลับดึกได้ครับเนี่ย” เมธีแซวเพื่อนสนิทที่นั่งดื่มอยู่ข้างกัน ปกติภูวนัยจะกลับบ้านไม่เกินสี่ทุ่มเพื่อไปเจอหน้าลูกสาวแล้วคุยกันก่อนนอนแต่วันนี้จะเที่ยงคืนแล้ว ภูวนัยยังอ้อยส้อยดื่มน้ำรสขมอย่างสบายใจ
“เมลไปทำรายงานกับเพื่อนน่ะ จะกลับดึกหน่อย สักตีสอง”
“รายงานบ้าอะไร !” เมธีโพล่งขึ้นมา
“ก็รายงานไง เป็นนักศึกษาก็ต้องทำงานส่งอาจารย์”
“เมลเป็นผู้หญิงนะไอ้ภู มึงปล่อยลูกให้กลับบ้านดึกๆ แบบนั้นได้ไง”
“มึงคิดว่ากุลืมรึไงว่าลูกสาวคนเดียวของกูเป็นผู้หญิง” ภูวนัยถามแล้วหัวเราะร่วน
“มึงไว้ใจลูกเหรอ”
“ไว้ใจสิ ต่อให้เมลจะโกหกกูก็ไม่โกรธหรอก เมลเป็นสาวแล้วนะไอ้ธี บรรลุนิติภาวะแล้ว จะทำอะไรก็ได้ จะหอบผ้าออกไปอยู่คนเดียวยังได้เลย ทำยังกับมึงไม่เคยเป็นวัยรุ่น”
“มันไม่เหมือนกัน มึงกับกูเป็นผู้ชาย เมลเป็นผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย”
“นี่มันยุคไหนแล้วไอ้ธี ไม่มีใครได้ใครเสียทั้งนั้นแหละ มีแต่เรื่องให้เรียนรู้ ศึกษากันไป สักวันเมลก็ต้องมีแฟน”
“เฮ้ย ! เร็วไป” เมธีตะโกนจนคอปูด
“มึงล่อหญิงตั้งแต่เท่าไหร่ สิบสามไหม เมลสิบแปดแล้ว ยังไม่เคยเลย”
“มึงเป็นพ่อ มึงต้องหวงลูกสิวะ” เมธีว้าวุ่นจนหน้าแดงก่ำ
“หวงมันก็หวงแหละแต่จะให้ทำไง ขังลูกไว้ในกรงตลอดชีวิตเหรอ”
“กูไม่ยอม !” เมธีบอกแบบหัวเสียสุดๆ
“ไม่ยอมอะไร มึงแทบไม่คุยกับเมลแล้วด้วยซ้ำตั้งแต่มีโรซี่ ไหนจะคลิปหลุดสุดสยิวอีก มึงห้ามไม่ให้หลานมีแฟนแต่ตัวมึงเองล่อไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเนี่ยนะ”
“มึงก็เว่อร์ไปไอ้ภู มันแค่คลิปนัวเนียในรถเฉยๆ ไม่ได้แก้ผ้าด้วยซ้ำแล้วกูก็ไม่ได้ล่อไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำด้วย ไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
“กูเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่ามึงน่ะ ห้ามอะไรไม่รู้บ้าๆ บอๆ แต่ตัวเองก็ทำเรื่องที่ห้าม กูไม่มีปัญหาเลยถ้าเมลจะคบกับเจ้าบีม ไอ้หนุ่มนั่นมันโอเคนะ สุภาพ ไม่รุ่มร่าม เมลก็บอกว่านิสัยดีจริงๆ งานกลุ่มก็ช่วยทำ ไม่หายหัวเหมือนผู้ชายคนอื่น”
“ไอ้หน้าจืดนั่นอะน่ะ”
“หน้าจืดแล้วก็หนุ่มกว่ามึงเป็นสิบๆ ปีด้วย” ภูวนัยบอกแล้วกระดกเหล้าเข้าปาก
สรุปว่าตอนนี้เมธีกำลังว้าวุ่นกับหลานสาวตัวเอง ทั้งหึงทั้งหวงที่หลานสาวเริ่มเปิดใจกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับคนต่างเพศ
แค่นี้ก็ปวดประสาทจะแย่แล้วแต่ก็ยังมีเรื่องมาเพิ่มอีก … ก็ชมนาดนี่ไง
อยู่ด้วยกันแค่วันเดียวเมธีก็รู้แล้วว่าความต้องการจริงๆ ของชมนาดคืออะไร เธอไม่ได้อยากมาฝึกงานเธออยากเป็นเจ้าของคนฝึกงาน เมธีไม่ใช่เด็กอมมือที่จะไม่เข้าใจสายตาและท่าทางของชมนาดที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบัง ไหนจะคำพูดของเธอที่ล่อแหลมสองแง่สองง่ามอีก เขาได้แต่บอกตัวเองว่าแค่สามเดือนเท่านั้นแล้วทุกอย่างจะกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม
แต่นี่เพิ่งเดือนเดียวแล้วเขาก็คงอดทนเป็นพระอิฐพระปูนจนถึงวันสุดท้ายไม่ได้แน่ๆ
ชมนาดไม่ใช่คนขี้เหร่ เธอสวยคม ผิวสีน้ำผึ้ง ริมฝีปากรูปกระจับ มองเพลินๆ ก็เคลิ้มได้ง่ายๆ แต่มันจะเกินเลยไม่ได้
ตอนนี้ก็วุ่นวายกับลูกสาวเพื่อนที่อยู่บริษัทเดียวกันอยู่แล้วจะมาเพิ่มลูกสาวเจ้าของบริษัทอีกคนไม่ได้หรอก ตกงานตอนเฉียดสี่สิบไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
เมธีรู้ว่าไม่ว่าจะเลือกทางไหนหรือพลั้งพลาดทางใดก็เสียหายทั้งหมดแต่มันเลือกได้ว่าต้องการความเสียหายแบบไหน ระดับธรรมดาที่ยังพอมีทางแก้ไขหรือระดับวอดวายแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
ไหนจะโรซี่อีก แม้จะเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่ถ้าต้องจากกันจริงๆ คงใจหายพอดู
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
“หยุดนะดอน หยุดเดี๋ยวนี้ อือ อูยยย” ขาของวิรามรอ้ากว้างยินยอมให้ใบหน้าสามีคุณชายซุกซบเข้าหาจุดกระสัน ปากสั่งให้หยุด ตรงข้ามกับปฏิกิริยาแอ่นกายรับการปรนเปรอ “วิจะ...โกรธ อูยส์...เกลียด โอ๊ะ...อ๊ายส์...อีตาบ้า” วิรามรกระเสือกกระสนตัวหนี แต่นายดอนหรือจะยอมพ่าย ปากหยักไม่ละจากกลีบแคมอวบ ลิ้นแบกว้างไล้เลียแยะแยงรูฉ่ำที่กำลังหลั่งน้ำหวานให้ดื่มกิน “หยุด...ดะเดี๋ยวนี้...โอย..ไม่ คุณมัน...ซาตานจริงๆ นะดอน อ้ายซ์...คุณกัดฉัน” “ดูดจ้ะยาหยีไม่ใช่กัด” ดูเถอะ ยังมีหน้าเงยขึ้นมาแจกแจงเสียอีก วิรามรนึกอยากจะยกเท้าขึ้นถีบร่างหมอบคู้ระหว่างกลางขาเรียวให้กระเด็น ถ้าขาหล่อนมันจะไม่ทรยศผู้เป็นเจ้าของ เพราะนอกจากจะไม่ทำอย่างที่ใจคิดแว่บๆ ยังกระหวัดโอบไหล่หนาไว้แน่น “อะ...อูยส์...ดอน นี่จะ...ฆ่าวิใช่มั้ย” ดอนเหลือบมองสีหน้าเสียวสุขของภรรยาแว่บหนึ่งไม่ตอบ ก็ปากไม่ว่างนี่ ใครไม่ได้ลิ้มรสไม่รู้หรอกว่าที่หอยสวยๆ ของภรรยาสุดรักของเขาขับหลั่งออกมายามเกิดอารมณ์ซ่านเสียวหวานหอมแค่ไหน ชวนลุ่มหลงแค่ไหน
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
นางขอสมรสพระราชทานเพราะรัก แต่คืนแต่งงาน เขารังเกียจนางและทิ้งไป ห้าปีผ่านไปพระชายาที่ถูกลืม กลับเป็นสตรีที่เขาต้องตามจีบ และศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเขาก็คือลูกชายของตนเอง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด