"ไม่ใช่ นี่มันเกียร์ฉัน!" "Oh! ขะ ... ขอโทษค่ะ ขอโทษ ก็คุณลุงไม่ให้มองมิลก์ก็กำผิดกำถูกสิคะ แล้วข้ามมาทำไมตอนรถไม่นิ่งละคะ" "ใครมันจะไปคิด ว่าเธอจะคิดทำมิดีมิร้ายกับฉันเล่า" "มิลก์เหรอคะ ที่คิดทำมิดีมิร้ายกับคุณลุงน่ะ ไม่ใช่ใช่คุณลุงเหรอคะ มาสอนมิลก์ขับรถแท้ๆ ตรงนั้นยังจะตั้งอยู่อีก"
"ฉันจะไปฝึกงานที่นี่แหละ"
น้ำเสียงใสเอ่ยบอกเพื่อนสาวคนสนิทของตัวเองหลังจากที่ได้รับเอกสารแนะแนวการทำงานของสถานีโทรทัศน์ช่องรันซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์อันดับหนึ่งที่ใครต่างก็เฝ้าฝันอยากจะเข้าไปทำงานด้วย ค่าตอบแทนที่มากกว่าที่อื่น แม้จะทำงานหนักกว่าที่อื่นแต่มันก็คุ้มค่ามากๆ สำหรับเศรษฐกิจแบบนี้
"ฉันไปด้วย"
"มีเธอแล้วจะไม่มีฉันได้ไง"
ฐานิดา และ ธนัสพร ต่างก็พูดขึ้นพวกเธอเรียนอยู่คณะสื่อสารมวลชนด้วยกัน แม้จะเพิ่งรู้จักกันตอนเรียนปีหนึ่งแต่พวกเธอก็สนิทกันอย่างมากในชั้นปีไม่มีใครสนิทกันเท่ากับพวกเธออีกแล้ว
"งั้นเราเขียนใบสมัครกัน อย่างน้อยต้องได้ฝึกงานที่นี่สองปี ถึงจะมีการพิจารณารับเข้าทำงานจริง"
"ว่าแต่ยัยป้ามหาภัยของเธอจะยอมเหรอมิลก์"
มารตี เพียงแค่ยักไหล่ให้เป็นคำตอบเธออยู่กับป้ามาตั้งแต่อยู่ ม.5 เพราะพ่อเธอเกิดอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิตกะทันหัน ส่วนแม่เธอก็ไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เธอเรียนอยู่ ม.2 ทำให้เธอต้องมาอยู่กับป้าที่มีลูกชายโตกว่าเธอหนึ่งปี และลูกสาวรุ่นเดียวกับเธอ แต่ก็นะ อาศัยบ้านเขาอยู่ เขาไม่ทิ้งขว้างเธอก็ดีเท่าไหร่แล้ว
"อย่าไปสนใจเลย"
"ฉันก็ต้องห่วงเธอไหม ดูเธอสิ เธอทั้งเรียบร้อย ทั้งน่ารัก แต่ที่ห่วงมากๆ ก็คือเธอไม่เคยทันคนเลยสักนิด ยังดีหน่อยที่มีนิสัยดื้อด้านอยู่มาก"
"นี่! ยัยนิดาเธอว่าฉันอยู่นะย่ะ!"
"คิก คิก" มารตีทำสีหน้าบูดบึ้งใส่ฐานิดาเพื่อนรักก่อนจะเอียงศีรษะไปซบไหล่ของธนัสพรอ้อนขอความเห็นใจที่ถูกฐานิดากลั่นแกล้ง ธนัสพรใช้มือเรียวลูบศีรษะของมารตีเบาๆ ใบหน้าหวานของทั้งสามคนประดับไปด้วยรอยยิ้มของสาวใสในวัย 21 ปี
ปกติมหา'ลัยจะต้องฝึกงานตอนเทอมสุดท้ายของปีสี่ แต่เนื่องจากนักศึกษาคนไหนก็ตามที่สามารถสัมภาษณ์การฝึกงานผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องรัน ทางมหา'ลัยจะพิจารณาเรื่องการศึกษาให้เป็นพิเศษ เพราะนักศึกษาที่ได้ฝึกงานกับสถานีโทรทัศน์ช่องรันต้องฝึกงานทุกวันตามกฎของสถานีฯ โดยไม่ต้องเข้ามหา'ลัย แต่ให้เข้ามาเพียงแค่ช่วงก่อนสอบหนึ่งสัปดาห์ไปจนถึงหลังสอบเสร็จ แล้วถึงไปฝึกงานต่อได้โดยเริ่มตั้งแต่การศึกษาปีสามไปจนจบหลักสูตร
นั่นหมายความว่าระหว่างที่ฝึกงานอยู่นักศึกษาก็ยังคงต้องเรียนเป็นปกติผ่านทางช่องทางออนไลน์ หากใครรับได้ก็ให้ไปทำเรื่องที่ห้องธุรการของทางมหา'ลัยได้เลย
แปะ!
"โอ๊ยยย! คิน"
อาคิน เพื่อนชายเพียงคนเดียวของกลุ่มใช้ม้วนกระดาษตีเข้าที่หน้าผากมนของมารตีเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะยื่นเอกสารการสมัครฝึกงานให้กับเพื่อนสาวทั้งสามของตัวเอง
"ไปเอามาได้ไงอะ เห็นว่าใบสมัครหมดแล้วไม่ใช่เหรอ"
"เขียนๆ ไปเถอะน่า ฉันไปเอามาให้พวกเธอได้แล้วกัน"
อาคินลูกชายเพียงคนเดียวของผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ช่องรันแต่เขาปกปิดตัวตนเอาไว้เพราะไม่ชอบให้มีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลังเพื่อนๆ ของเขาไม่มีใครรู้ว่าที่บ้านของอาคินทำธุรกิจอะไร ทุกคนรู้เพียงแค่ทำสื่อโฆษณาการตลาดออนไลน์เท่านั้น
"นายนี่ ฉลาดสุดยอด ว่าแต่จะไปฝึกงานกับพวกเราไหมอ่า~"
"นัส เธอได้ดูเอกสารที่ฉันส่งให้ปะเห็นชื่อฉันอยู่บนหัวกระดาษไหมยัยบื่อ!"
"เอ้า! ใครเขาจะไปดูอะไรละเอียดขนาดนั้นอะ"
"กรอกให้มันเร็วๆ หน่อยฉันหิวจะตายอยู่แล้วจะไปกินไหมสุกี้น่ะ"
อาคินบ่นเข้าให้กับเพื่อนสาวของตัวเองฐานิดา กับธนัสพรไม่เท่าไหร่หรอกแต่ยัยมารตีสมองช้าเนี่ยสิ ทำให้เขาต้องปวดหัวหลายต่อหลายครั้ง
"คุณมารตีครับ ตรงนี้เขาให้เขียนแต่ชื่อไม่ใช่ให้เขียนนามสกุลด้วยครับ"
"อ้าว เราลืมยกมือดูอะ คินนนน~ มีใบใหม่ไหม~"
"จะรอดไหมเนี่ยมิลก์เอ๊ย!"
อาคินบ่นไปเพียงแค่นั้นเขารู้ว่าแม้มารตีจะซื่อบื้อ เรียบร้อย แต่เธอก็ยังมีความดื้อรั้น และฉลาดแฝงอยู่บ้างนิดหน่อย เวลาผ่านไปไม่นานนักทุกคนก็ส่งเอกสารการฝึกงานพร้อมกับเดินออกไปนอกห้องเรียนทันที เรียกง่ายๆ ว่าโดดคาบสุดท้ายเนี่ยแหละ เพราะถ้าชักช้าที่นั่งร้านสุกี้ในห้างฯ ดังก็จะเต็มไงละ
- ร้านสุกี้ชื่อดัง @ห้างสรรพสินค้าxxx–
"เกือบไม่ทันแล้ว มิลก์เร็วหน่อย"
"นี่นัส นิดา อย่าวิ่งสิมันดูไม่ดีนะ"
"โอ๊ย คุณมารตีขา~ ขืนชักช้าได้ยืนกินแน่!"
"อะ! รอเราด้วยสิ"
อาคินเองก็เอากับเขาด้วย วิ่งไปจองที่นั่งก่อนเป็นคนแรก แล้วตามด้วยฐานิดากับธนัสพร ทุกคนต่างหัวเราะคิกคักหยิบเมนูขึ้นสั่งอาหารเพราะรู้ว่ามารตีนั้นเรียบร้อย และชักช้า มันเป็นสิ่งที่พวกเขาและเธอชินกันแล้ว
"ตัวเล็กระวัง!"
มารตีเห็นเด็กผู้ชายตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเธอกลัวว่าเด็กคนนั้นจะล้มแล้วเกิดอันตรายจึงรีบวิ่งตามไป สองแขนเรียวตั้งท่าจะคว้าตัวเด็กชายคนนั้นเอาไว้แต่เด็กน้อยก็วิ่งไปไวเหลือเกินทำให้เธอเผลอคว้าเข้าที่แขนแข็งแรงของใครบางคนเข้าอย่างจัง
หมั่บ!
"อ่ะ นี่ตัวเล็ก!"
สองมือเรียวยังจับท่อนแขนแข็งแรงของใครบางคนอยู่ กลิ่นน้ำหอมของเขามันไม่เหมือนใครมือเรียวเริ่มสั่นเทิ้มเล็กน้อยสายตาสอดส่องหาเด็กน้อยแต่ก็ไม่พบ เธอมองเลยไปข้างหลังของชายหนุ่มกล้ามแน่นคนนี้ เห็นชายชุดดำยืนประกบด้านซ้ายและขวาอย่างน่ากลัว มารตีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนที่จะตัดสินใจค่อยๆ เงยหน้ามองเจ้าของแขนแข็งแรงที่เธอคว้าเอาไว้
"จะปล่อยได้ยัง ฉันไม่ชอบหรอกนะผู้หญิงที่เข้ามาหาฉันแบบนี้อ่ะ"
"ขะ ... ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ"
มารตีก้มศีรษะลงปลกๆ [1] โดยลืมที่จะปล่อยมือ ผู้ชายคนนี้มีเรือนผมสีทองประกายใบหน้าหล่อตามสไตล์ผู้ดีอังกฤษเสียอยู่อย่างเดียวปากสุนัขไปสักหน่อย เขามีดวงตาที่สวยราวกับเทพบุตรเพียงแค่ท่อนแขนของเขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อก็ทำให้หญิงสาวอย่างเธอตกใจในความแน่นหนัดนี้
"เออ ... ขะ ... ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ"
"เธอก็ ... ดูน่ารักดีนะ เสียดายที่วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์"
มือหนาจับที่ปลายคางมนของคนตัวเล็กตรงหน้า เขาโน้มใบหน้าเข้าใกล้เธอจนปลายจมูกแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ มารตีตกใจจนเผลอผลักเข้าที่แผงอกแกร่งของชายหนุ่มแต่เขากลับไม่ขยับเลยสักนิด
กินหิน กินปูนเข้าไปรึไง ตัวถึงได้หนักไม่ไหวติงขนาดนี้ ตาบ้า!
"หึ ไปให้พ้นหน้าฉันซะ แล้วอย่ามาให้ฉันเจอเธอเป็นครั้งที่สอง"
มารตีรีบหมุนตัวกลับแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาไปไหนเลยก็ถูกมือแกร่งของใครบางคนคว้าเอาไว้แล้วรั้งร่างเธอเข้าหาตัว แผ่นหลังบางชิดกับแผงอกแกร่งของเขา เธอตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่อยู่ในห้างดังจำนวนมาก ใบหน้าหวานเริ่มเห่อร้อนเพราะความโมโห แล้วเธอก็ต้องโมโหหนักขึ้นเมื่อคนตัวสูงก้มหน้าลงจูบเข้าที่หน้าผากมนของคนตัวเล็กอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
"คะ ... คุณ! ทำอะไรของคุณคะ"
"เธอผลักฉัน ฉันก็ต้องเอาคืนสิ"
"คุณก็ผลักฉันคืนสิคะ ไม่ใช่มา ... เอ่อ ... มา ... "
"มาอะไร ถ้าไม่พูดรอบนี้ไม่ใช่ที่หน้าผากแล้วนะ"
"โรคจิต คุณมันโรคจิตชัดๆ อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย!"
มารตีไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เธอรีบวิ่งออกมาทันทีโดยที่มือเรียวยังถูหน้าผากของเธอซ้ำๆ จนแดงเถือก เธอวิ่งเข้าไปนั่งข้างๆ อาคินที่เว้นที่ว่างเอาไว้ให้เธอหนึ่งที่เป็นประจำ
"ไปไหนมามิลก์ ทำไมนานจัง"
"ฉะ ... ฉันไปเข้าห้องน้ำมาน่ะ"
"อย่าโกหกนะ เธอโกหกไม่เก่งรู้ไหม"
"ไม่ได้โกหกนะ กินกันเถอะฉันหิวแล้ว"
ภายในร้านสุกี้ชื่อดังเป็นกระจกใสทำให้คนที่อยู่ด้านนอกจ้องมองเข้าไปได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มลูกครึ่งดวงตาสีน้ำตาลประกายทองระยิบระยับ เหลือบมองหญิงสาวที่อยู่กับเขาเมื่อครู่ ก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
"นายครับ ผู้หญิงคนนั้น นายต้องการเธอไหมครับ" ปกติแล้วเขาต้องการอะไร เขาต้องได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม
"ไม่ กูยังไม่มีอารมณ์"
"แล้ววันนี้กลับบ้านเลยหรือว่าจะเข้าบริษัทครับ"
"กูว่าจะไปเยี่ยมรัฐมนตรีสักหน่อย มันเลยกำหนดส่งเงินให้กูมาสองชั่วโมงแล้ว"
เขาเป็นทนายหนุ่มหล่อมากความสามารถที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะทางบ้าน สังคม เรียกได้ว่าเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะโสด ซิง หรือมีคู่ครองแล้วหากเสนอให้เขาก็พร้อมจะสนองทุกเมื่อ สาวๆ ต่างอยากควบคุม และครอบครองเขา แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างเขาน่ะ 'รักสนุก แต่ไม่ผูกพัน' ก็ตาม คนอย่างเขาไม่เคยคิดหยุดอยู่ที่ใคร ความซิงไม่สามารถผูกมัดเขาได้ จนกระทั่ง... เธอเดินเข้ามาในชีวิตเขา
❤ โปรเจกต์สุดฮอตต้อนรับวาเลนไทน์ Match Love Valentines ❤ เรื่องราวของสาวขี้เหงาทั้งสี่คนที่เกิดอาการ เปลี่ยวใจอยากมีใครสักคน เลยต้องเข้าแอปหาคู่อย่าง MATCH LOVE เพื่อตามหาคู่เดตที่มาทำให้วาเลนไทน์ของพวกเธอ ไม่ต้องเหงาใจอีกต่อไป และแอปนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการแมตช์รักของพวกเธอ...แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังจากแอปหาคู่สักหน่อย? ไปลุ้นกันว่าแอปนี้จะช่วยให้พวกเธอสละโสดได้ไหม...!!!!
เธอทำให้เขารัก เธอทำให้เขาแค้น และก็เป็นเธอที่กลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขา เขาที่พยายามลืมความรักของเธอกดความเจ็บแค้นเอาไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ เธอทำให้เขารู้จักคำว่า "ทั้งรัก ทั้งแค้น" เป็นอย่างดี ในเมื่อเธอเลือกจะกลับมาเขาก็จะสาดความเจ็บแค้นคืนกลับไปให้เธอได้รู้สึก ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บช้ำที่ไม่มีวันลืมได้ลง
ผอ. หนุ่มสุดหื่น พ่อปลาไหลตัวพ่อ รักและหวงความโสดยิ่งกว่าชีวิต ใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่างจนมาเจอเธอ หญิงสาวที่เขาจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ใจเธอสักที ความอยากเอาชนะของเขามันเป็นบ่อเกิดความรักที่ก่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"