“อารักศรัย รักศรัยมากๆ รู้ไหม อาถึงอยากมีลูกกับศรัยหลายๆ คน” “รักมากนะหนูรู้ แต่มันไม่เกี่ยวกันเลยที่ต้องมีลูกหลายคน” “ก็จริงค่ะ ไม่ว่าจะมีลูกมากหรือน้อยหรือไม่มีเลยความรักที่อามีต่อยายหนูของอาก็ไม่ได้ลดลงเลย แต่ที่อยากมีลูกหลายคนเพราะนึกถึงตัวเอง นึกถึงหนู การเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องอยู่ใกล้ๆ มันเหงาค่ะหรือหนูไม่เหงา” เขาถามในตอนท้าย “ไม่เหงาเลยเพราะอาศิลาอยู่ใกล้หนูตลอดเวลา ถึงตัวจะไกลกันแต่หนูรู้ว่าหัวใจอาศิลาอยู่กับหนู” “รู้ได้ยังไงคะ” “เพราะหนูสวย หนูเก่ง หนูคือศรัย ชัชวาลโชติเด็กหัวแข็งของบ้านไงคะ” “ฮ่าๆ มันเกี่ยวกันได้ยังไงนี่” “หรืออาจะเถียง” หล่อนหันไปจ้องตาเขา ศิลาก้มลงมาจูบแก้มนวลเนียนแล้วพูด “ไม่เถียงครับเพราะหัวใจของอาอยู่กับเด็กหัวแข็งคนนี้มานานแล้วจริงๆ อารักศรัยนะครับ” “หนูก็รักอาศิลาค่ะ”
พรหมลวง
บทนำ
อาคารสองชั้นดูเก่าทรุดโทรมด้วยคราบน้ำฝนเหลืองปนเขียวคล้ำของตะไคร่เกาะผนังภายนอก ต้นไม้ใหญ่ริมหน้าต่างยืนต้นตายทิ้งใบเหี่ยวแห้งกองเต็มพื้นเหลือไว้แต่กิ่งแห้งผุคาต้น เถาวัลย์เหี่ยวเฉาโรยเถาย้อยลงเรี่ยเกลี่ยดิน โคนต้นสุมด้วยใบไม้เหี่ยวแห้งทับถมจนเน่าเปื่อยน่าขยะแขยงหากจะเดินย่ำไป
มองไม่เห็นความเจริญหูเจริญตาจนหญิงสาวเผลอคิดในใจ
‘บ้านคนแน่หรือ’
ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบดังขึ้นทันที
“ถ้าหล่อนเป็นคน ที่นี่ก็บ้านคนย่ะ”
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวกับเสียงคุ้นหูแต่น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากเหมือนโกรธกันมาสักสิบชาติ แต่ที่แน่ๆ หล่อนมาที่นี่คนเดียว แล้วใครกันที่มาตะคอกใส่
หญิงสาวหันกลับไปช้าๆ ใจสั่นมือเย็นเหงื่อชื้น แล้วเบิกตาโพรงกับเจ้าของคำพูดที่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นั่งห้อยขาอยู่บนยอดไม้สูงจนไม่คิดว่าจะมีใครปีนขึ้นไปเล่น เด็กคนนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเติบโตเป็นหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนหล่อนราวกับส่องกระจก
“กรี๊ด!”
หญิงสาวลืมตาโพรง ตกใจตื่นกับเสียงกรีดร้องในความฝันที่ยังจำติดตา
นางสาวศรัย ชัชวาลโชติมองหน้ามารดาแทนคำถามว่าแน่ใจหรือ พูดอีกครั้งได้ไหมและพูดจริงๆ หรือนี่ เพราะมัทนาแม่วัยกลางคนของหล่อนบอกในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการกระทำในอดีตที่เคยหลีกหนีมาจากอาณาจักรชัชวาลโชติของผู้เป็นปู่ตั้งแต่หล่อนยังอยู่ในท้องเสียด้วยซ้ำ แม่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมหอบท้องมาอยู่กับตายายที่ออสเตรเลียทั้งที่พ่อกับแม่ก็ยังรักกันดี พ่อบินมาหาเยี่ยมเยียนพวกเราบ่อยๆ บางครั้งก็พาแม่กับหล่อนกลับไปเยี่ยมปู่กับย่า แต่แม่ไม่เคยพำนักในคฤหาสน์หลังใหญ่ของปู่เลย เราเข้าพักที่โรงแรมแล้วไปหาปู่กับย่าอยู่ปรนนิบัติท่านทั้งสองทั้งวันจนค่ำมืดจึงกลับมานอนที่โรงแรมโดยมีพ่อตามมานอนด้วย
อันที่จริงหล่อนก็เห็นว่าแม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวของพ่อซึ่งประกอบไปด้วย ปู่แสวง ย่าคิ้ม อาศิตาน้องสาวแสนสวยของพ่อกับอามานิตย์สามี ที่อยู่รวมกันในบ้านหลังใหญ่พร้อมด้วยอสิตาลูกสาวที่อายุน้อยกว่าหล่อนหนึ่งปี แบบนี้เรียกว่าลูกอิจฉาก็คงไม่ผิด เพราะอาศิตาอยู่กินกับอามานิตย์ก่อนพ่อกับแม่จะแต่งงานกันเสียด้วยซ้ำแต่ไม่มีลูกเสียที พอแม่มีหล่อนอาศิตาก็มีอสิตา แต่หล่อนกับลูกผู้น้องคนนี้ก็รักใคร่สนิทสนมกันดี
แม้กระทั่งย่าน้อยประยงค์ภรรยารองของปู่หรือที่อาศิตาเรียกว่านังเมียน้อย กับอาศิลาลูกชายคนเล็กที่เกิดจากย่าน้อยซึ่งอายุมากกว่าหล่อนประมาณห้าหกปี ทั้งสองคนพักในตึกเล็กหลังคฤหาสน์ใหญ่ ก็สนิทสนมกันดีกับแม่
ทุกคนต่างเป็นมิตรที่ดียามกลับไปเยี่ยมเยียน หากพ่อบินมาหาพวกเราคนที่ชัชวาลโชติต่างก็ฝากของมาให้สม่ำเสมอ และอาศิลาเองเมื่อครั้งที่มาเรียนต่อก็แวะมาหาเยี่ยมเยียนบ่อยๆ เรียกได้ว่าสนิทสนมกันมากทีเดียว ขนาดหล่อนโตเป็นสาวแล้วอาศิลายังฝากขนมมาให้เรื่อยๆ จนเมื่อพ่อบินมาหาครั้งล่าสุดก่อนพ่อจะจากไปก็ยังฝากขนมที่หล่อนชอบมามากมาย
เมื่อพ่อเสียชีวิตจากเหตุคาดไม่ถึงทุกอย่างเหมือนจะเปลี่ยนไป พวกเรากลับไปร่วมงานศพพ่อท่ามกลางความห่างเหินของคนในครอบครัว พวกเขามองเหมือนเราทำให้พ่อตายเหมือนแม่เป็นฆาตกรทั้งที่ตอนพ่อทำอัตวินิบาตกรรมนั้นหล่อนกับแม่อยู่ต่างประเทศ ส่วนพ่อก็ยิงตัวตายในห้องทำงานที่โรงงานแปรรูปอาหารทะเลซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวซึ่งปู่แสวงเป็นผู้บุกเบิกและริเริ่ม การกระทำของพ่อไม่มีเค้ารางใดๆ ให้คิดว่าพ่อมีเรื่องอัดอั้นตันใจหรือหาทางออกไม่ได้จนต้องตัดช่องน้อยลาโลกไปตามลำพัง
เมื่อตอนได้รับข่าวร้ายหล่อนแทบช็อกร้องไห้ฟูมฟายกอดอาศิลาที่มาส่งข่าวด้วยตนเองเพราะมาติดต่อการค้าให้ปู่ที่ออสเตรเลียพอดี แต่แม่กลับนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนบอกให้เตรียมตัวเดินทางกลับ แล้วแม่ก็รีบไปบอกตากับยาย ส่วนอาศิลารีบจองตั๋วเครื่องบินให้พวกเรา
งานศพพ่อผ่านไปอย่างอาดูรแต่บรรยากาศในครอบครัวดูห่างเหินแตกแยก และแม่พาพวกเราบินกลับออสเตรเลียทันทีที่เก็บเถ้ากระดูกพ่อไปลอยอังคารเสร็จ จากวันนั้นมาร่วมสองปีแล้วที่ไม่ได้กลับไปเยี่ยมปู่ย่าเลย แต่มาบัดนี้แม่ทำให้หล่อนแปลกใจด้วยการเดินเข้ามาบอกว่าจะย้ายกลับไปอยู่เมืองไทย กลับไปดูแลปู่ย่าและพักในคฤหาสน์ชัชวาลโชติ
“อยากถามแม่ใช่ไหมว่าทำไม” แม่ถามอย่างรู้ใจ ศรัยจึงพยักหน้าพร้อมยิ้มขวยเขินที่ไม่เคยเก็บสีหน้าหรือแววตาได้
“แม่กลับไปดูแลปู่กับย่า ศรัยก็ต้องไปช่วยทำงานที่บริษัท ปู่จะให้ลูกทำงานแทนพ่อ ไหวหรือเปล่า” แม่มีคำถามต่อท้าย
“ทำงานนะไหวอยู่แล้วค่ะ แต่งานที่พ่อเคยทำมีคนอื่นทำแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“แต่ปู่บอกให้ลูกกลับไปทำ เพราะศรัยคือทายาทคนเดียวที่จะรับสืบทอดกิจการของชัชวาลโชติ”
“เอ๊ะ! ทำไมปู่พูดแบบนี้ละคะ อาศิตากับอาศิลาก็ยังอยู่”
“ไม่รู้สิ อาจหมายถึงทายาทรุ่นหลานกระมัง”
“รุ่นหลานยังมีอสิอีกคนนะคะแม่”
“แม่ไม่รู้ใจปู่หรอกหนูอย่าถามให้มากเรื่องเลย เตรียมตัวเดินทาง แล้วไปลาคุณตาคุณยายกัน”
“ต้องรีบขนาดนั้นเลยหรือคะ”
“ปู่จองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว” แม่บอกแล้วเดินกลับเข้าห้องนอน คงจะเตรียมของเพื่อเดินทางกลับเมืองไทย ซึ่งย่อมไม่เหมือนการกลับไปในช่วงสั้นๆ อย่างที่ผ่านมา
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"