"อุบัติรักสามีจอมบงการ" SET อุบัติรักอุบัติร้ายนิยายรักโรมานซ์พาฝันที่จะพาหญิงสาวทุกคนโบยบินไปกับนุชลตรี สตรีชาวไทยผู้โชคดีได้จับพลัดจับพลูมาแต่งงานกับมาฮันห์ มหาเศรษฐีเมืองมัทราส อินเดียใต้ นุชลตรีไม่รู้สึกว่าหล่อนโชคดีเลยสักนิดที่มหาเศรษฐีแห่งมัทราสมาสู่ขอเธอแต่งงานถึงบ้านหลังเล็กที่กำลังจะสิ้นเนื้อประดาตัวของหล่อนกับแม่ เพราะเธอรู้ดีว่าไม่นานมาฮันห์จะต้องเฉดหัวเธอทิ้งสักวันหนึ่งหากเธอมีทายาทให้กับเขา แม้ว่ามาฮันห์จะมีรูปงามดั่งเจ้าชาย หากในสายตาของนุชลตรีเขาดุร้ายยิ่งกว่าราชสีห์ ทั้งยังมีจิตใจอำมหิตเมื่อเห็นว่าหล่อนมีลูกไม่ได้ เขาจึงส่งเธอไปนอนในห้องใต้ดิน และกุเรื่องใส่ร้ายหล่อนว่าภรรยาคนแรกของเขาเป็นสตรีที่ห้ามคนในบ้านรับใช้เว้นแต่เพียงกุลลี หญิงรับใช้ใบ้ที่เขาส่งมา ไฉนมาฮันห์จึงย่ำยีจิตวิญญาณของนุชลตรีได้ถึงเพียงนี้ หรือแค่เพราะว่าหล่อนไร้ทายาทสืบสกุลให้กับเขามาค้นหาคำตอบในนิยายเล่มนี้กันค่ะ สรีสามัญยังได้จับมือร่วมกันส่งมอบความสนุกกับนักเขียนมากฝีมือหลายท่าน โดยมีผลงานในเซ็ตดังต่อไปนี้ 1.) อุบัติรักนายบอดี้การ์ด #คุณธิดา 2.) อุบัติร้ายเจ้าสาวจำเป็น #พิมพ์พิชญ์ 3.) อุบัติรักนางฟ้า #Chertampmy 4.) อุบัติรักสามีจอมบงการ #สรีสามัญ 5.) อุบัติรักเล่ห์กามเทพ #Waraarphon 6.) อุบัติร้ายเจ้าสาวไร้ศักดินา #อรอินทุ์ 7.) อุบัติรักเมียนายหัว #ฉัตรขวัญ ขอบคุณจากหัวใจ สรีสามัญ
ภาพวาดสีดำขาวถูกวางแขวนไว้บนฝาผนังลายเรียบอย่างจงใจ นุชลตรีสัมผัสได้ถึงความนัยที่แฝงไว้ในภาพวาดดอกไม้รูปกุหลาบบนรูปเขียนสีนั้น
ดอกไม้สีดำสนิทแซมเป็นช่อตั้งอยู่ท่ามกลางโลงศพแสดงถึงความรักอันเป็นอมตะ กุหลาบดำเบ่งบานสะพรั่งตรงปลายของกุหลาบดำเคลือบผิวมันเงาคล้ายหยดน้ำไหลเปรอะอยู่กลางภาพเขียนสี
หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าหล่อนกำลังตกหลุมรักภาพวาดภาพเขียนสีกวอชที่แขวนเรียงรายเหล่านี้อยู่อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
นุชลตรีมองภาพเขียนสีกวอชอย่างหลงใหล หล่อนเกือบเอื้อมมือไปจับภาพนั้น โชคยังดีที่สายตาของเธอเหลือบมองเห็นป้ายสีทองตัวอักษรสีน้ำตาลเข้มเขียนไว้ว่าห้ามจับไม่งั้นโดนปรับ
หญิงสาวหักห้ามใจไว้ได้ทันพลางเดินไปชมงานศิลปะในโซนถัดไปอย่างรวดเร็ว
นุชลตรีจำได้ว่าโซนแสดงงานนิทรรศการ ‘เสพก่อนตาย’ มีประมาณ ห้าส่วนด้วยกัน สามส่วนแรกหญิงสาวได้ไปเสพมาจนจุใจแล้ว อีกสองโซนนั้นจะอยู่ในอาคารถัดไปซึ่งอยู่ตรอกซอยเล็ก ๆในเมืองฝรั่งเศส
ปารีสเป็นหนึ่งในเมืองแห่งความรุ่มรวยไปด้วยศิลปะนานาชนิด ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์มากมายหลายแห่งเปิดรองรับนักท่องเที่ยวผู้คนสายอาร์ตที่หลั่งไหลมาอย่างเนืองแน่น
หญิงสาวเดินผ่านออกมาจากหน้าประตูซุ้มต้อนรับเพื่อจะเดินไปชมงานศิลป์จัดแสดงในโซนถัดไป
นุชลตรีอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ นั่นก็เพราะว่าโซนที่อยู่ห่างไกลถัดไปเป็นผลงานศิลปะของสรากาเดีย นักประพันธ์ที่ผันตัวมาเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว
เธออดมองภาพโปสเตอร์ที่แปะผนังไม่ได้ งานในเปเปอร์เป็นวัสดุคล้ายกระดาษเคลือบผิวมันวาวที่วางเรียงรายคล้ายกับกระจกในโบสถ์อาสนวิหารนัวยงที่แคว้นโอดฟร็องส์ที่เธอเห็นเมื่อทริปก่อนจะมาลองเที่ยวคนเดียว
ฟรานซ์เป็นเมืองที่นุชลตรีชื่นชอบมากที่สุดในบรรดาเมืองต่างประเทศที่หล่อนเคยไปเยือน เพราะความงดงามของศิลปะตั้งแต่ประตูเมืองไปยังรูปเขียนสี…หล่อนอดหัวใจพองโตขึ้นมาไม่ได้
พิพิธภัณฑ์ วูลฟ์ แด มาเรีย ที่เชิญหล่อนมาดูนิทรรศการของศิลปินหญิงในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งมิวเซียมที่เลื่องชื่อในฟรานซ์เป็นอย่างมาก นุชลตรีรู้ดีว่าคนในวงการอาร์ตทุกคนรักศิลปะ และพวกเขาก็เชื่อว่าศิลปะก็รักพวกเขาเช่นกัน
นุชลตรีจบจากคณะนิเทศศิลป์ในประเทศไทย ทว่าวันนี้หล่อนได้รับโบนัสจากแม่ของเธอให้มาชื่นชมผลงานเป็นรางวัลที่หญิงสาวเรียนจบ
ปลายเท้าสองข้างของหญิงสาวเดินออกมานอกพิพิธภัณฑ์ นุชลตรียกมือขึ้นมากอดอกตนเองไว้เพื่อกันความหนาวเย็นของอุณหภูมิที่ลดต่ำลงในปารีส
หญิงสาวสวมเสื้อสเวตเตอร์สีชมพูสด ด้านในของเสื้อสเวตเตอร์เป็นเสื้อไหมพรมตัวเล็ก หากแต่บางแนบเนื้อของหญิงสาว
นุชลตรีเลือกใส่เสื้อสเวตเตอร์กับกระโปรงอัดพลีซคล้ายกับกระโปรงนักศึกษาเวลาที่หล่อนไปเรียนมหาวิทยาลัย
หญิงสาวเดินออกมาข้างนอก แสงแดดอ่อนๆสาดประกายลงมาเล็กน้อย ดวงอาทิตย์ในกรุงปารีสทอแสงอ่อนจางหากแต่ฉายรัศมีอาบไล้ลงมาจนฟากฟ้าสีครามกลายเป็นสีฟ้าสดใสจนนุชลตรีเห็นเมฆที่รายล้อมบนท้องนภา
หญิงสาวเดินไปตามทางก้อนหินที่เรียงรายต่อกันอย่างรวดเร็วเพียงเพื่อหมายจะชมนิทรรศการกุหลาบหินแสนปีของพิพิธภัณฑ์ที่หล่อนวาดฝันวางแผนไว้ว่าจะต้องดูให้สักครั้งหนึ่งให้ได้ในชีวิตนี้ของเธอ
“พี่สาว…กุหลาบไหมจ้ะ” เสียงหนึ่งเอ่ยดังขึ้นขณะหญิงสาวกำลังเดินผ่านทางเข้าออกหน้าพิพิธภัณฑ์ไปเพื่อไปอย่างอีกอาคารหนึ่งที่กำลังจัดแสดงงานที่เธอใฝ่ฝันว่าจะมาดู
นุชลตรีหยุดมองมือเล็กของเด็กชายที่ส่งกุหลาบสีแดงสดมาให้เธอเพียงชั่วครู่ หญิงสาวสังเกตเห็นเด็กชายมีใบหน้ากลมแก้มของเขามีสีแดงคล้ายมะเขือเทศสุกแต้มอยู่ ดวงตาของชายหนุ่มมีสีน้ำตาลเปล่งประกายแวววับคล้ายกับเมล็ดถั่วอัลมอนด์
เวลานี้นุชลตรีต้องเดินทางไปชมนิทรรศการกุหลาบแสนปีให้ได้ ทว่าหล่อนไม่สามารถที่จะรับของจากเด็กชายผู้ขายดอกกุหลาบแดงสดนี้ได้
หญิงสาวอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ว่าเหตุไฉนพวกเขาจะมาขายกุหลาบดอกไม้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ หรือว่าพวกเขาจะเป็นโจรกันแน่นะ
ในหนังสือพิมพ์คอลัมน์นิตยสารเตือนภัยผู้หญิงได้เคยลงเตือนสาว ๆ เอาไว้ว่าในประเทศนี้มักมีโจรชุกชุมและเหล่าโจรจะมีวิธีในการหาเหยื่อที่แตกต่างกันออกไป
หญิงสาวอดรู้สึกขนลุกไม่ได้เลยเพราะเวลานี้หล่อนอดรู้สึกไม่ได้เลยว่าเด็กชายตรงหน้าอาจเป็นมิจฉาชีพก็เป็นได้
จิตใจฝ่ายดีและฝ่ายชั่วของเธอตีกันมั่วซั่วไปหมด ใจหนึ่งหล่อนเองก็สงสารหากแต่อีกใจหล่อนนั้นก็กลัว เหลือเกินว่าเขาจะเป็นคนร้าย และอาจร้ายกว่าที่หล่อนคิดไว้มาก ๆ
ดวงตาคู่สีสนิมของสาวเอเชียทอดมองวงหน้าของเด็กน้อยด้วยดวงตาระยับระยับพร่างพรมแสงนัยน์ตาของเด็กชายคนนั้นพร่างพราว หากแต่ว่ากลับมีหยาดน้ำตาไหลคลอหน่วยตา
ในที่สุดจิตใจฝ่ายดีก็ชนะจิตใจฝ่ายต่ำของนุชลตรีได้ จิตใจฝ่ายดีกลับสามารถเอาชนะความหวาดกลัวในใจของหล่อนลง
หญิงสาวโน้มตัวลงมาเพียงเล็กน้อยเพื่อคุยกับเด็กชายตัวน้อยแล้วจึงเอ่ยถามกับเด็กชายว่า
“เท่าไหร่จ้ะ” หญิงสาวเอ่ยถามเด็กน้อยตัวเล็ก ขณะที่ไหล่ข้างซ้ายของหล่อนสะพายกระเป๋าแบรดน์เนมราคาแพงเหยียบแสน
ภาพที่อยู่ด้านหน้าของนุชลตรีเป็นเด็กชายสวมหมวกไหมพรมละม้ายคล้ายหมวกศิลปะ กรอบหน้าของเด็กน้อยนั้นคมคายเสียจนนุชลตรีอดรู้สึกประหม่าเขินอายไม่ได้
“ราคาไม่แพงหรอกจ้ะพี่สาวแค่ 10 เซน” เด็กน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้เล็กน้อย
หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่นานนักหล่อนก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมราคาแพงหูฉี่ของเธอ
ดวงตาของนุชลตรีทอแสงประกายระยับวาววับ หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เด็กชายตัวน้อยที่ยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้หยิบเงินจ่ายให้กับดอกกุหลาบที่อยู่ในมือของเด็กชายตัวน้อย ไวเท่าความคิด กระเป๋าสตางค์หรูหราลวดลายสวยในมือของหญิงสาวก็ถูกกระชากออกไปจากมือหล่อนเสียก่อน
นุชลตรีมองบุรุษที่สวมหมวกคลุมปิดบังใบหน้าด้วยความตระหนก หญิงสาวหวีดร้องขึ้นสุดเสียง
ฉับพลันร่างของนุชราตรีล้มลงสุดแรงเกิด เวลานี้กระเป๋าสะพายราคาแพงหูฉี่ของเธอก็ถูกวิ่งราวไปเสียแล้ว
“ช่วยด้วยจ้ะ…ช่วยด้วย” หญิงสาวร้องเรียกให้คนช่วย แต่แล้วก็หามีใครสนใจเสียงร้องเรียกของเธอไม่
ผู้คนแถวนั้นหันมามองและซุบซิบนินทาเธอ
อย่างรวดเร็วไม่มีแม้สักคนที่มีน้ำใจกับนุชลตรี
นุชลตรีตั้งสติได้จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าสตางค์ของหล่อนเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่อย่างพยายามนะงับแรงโทสะที่พวยพุ่งออกมา
ในที่สุดหญิงสาวชาวเอเชียตัดสินใจวิ่งตามโจรผู้ร้ายที่เข้ามาขโมยกระเป๋าของเธอในทันทีที่หล่อนได้สติ
หญิงสาววิ่งตามคนร้ายไปอย่างติด ๆจนเห็นหลังของคนร้ายอยู่ไม่ไกลจากหล่อนมากนัก
เมื่อคนร้ายเหลียวมองข้างหลังก็พบว่าหญิงสาวนั้นวิ่งตามมาจนใกล้ถึงตัวของมัน มันจึงเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบและมืดทึบไร้ซึ่งแสงจากโคมไฟ
นุชลตรีเลี้ยวไปตามตรอกทางที่มืดทึบทันที หญิงสาวได้กลิ่นอับของท่อน้ำทิ้งที่หล่อนวิ่งเข้าไปใกล้ทว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาคิดเรื่องท่อน้ำทิ้งที่ไม่ควรมาอยู่ในซอยนี้
นาทีความเป็นความตายของนุชลตรีอยู่เบื้องหน้าต่างหากล่ะ เพราะในกระเป๋าของหล่อนมีพาสปอร์ต หล่อนจะไม่ยอมให้วายร้ายอย่างมันได้ย่ามใจแม้แต่น้อย
‘รอบนี้ตายเป็นตายยัยนุช’
โชคยังดีที่ในซอยนั้นเป็นตรอกซอยตัน และเวลานี้ยังเช้าอยู่มากในซอยนั้นจึงยังมีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาบ้างประปราย
+++
นิยายจอมใจฮิปปาเรียนี้จะถูกเรียกว่าหนังสือชุด #อาณาจักรฮิปปาเรีย ค่ะ โดยซีรีส์อาณาจักรฮิปปาเรียมีนิยายทั้งหมด 10 เล่ม ดังต่อไปนี้ 1.จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนีย 2. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 2 ผจญภัยป่าดงดิบฮานาบี 3. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 1 กำเนิดรัชทายาทฮิปปาเรีย 4. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 2 นางบรรณาการแคว้นดิมาเรีย 5. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ปราบกบฎบัลลังก์สราเนีย 6. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ห้าเจ้าหญิงผู้นำทางปริศนา 7. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 1 หนึ่งเดียวในหทัย 8. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 2 อาณาจักรฮิปปาเรีย 9. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 1 เจ็ดขุนนางผู้พิทักษ์ 10. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 2 ราชอาณาจักรฮิปปาเรีย นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจาก จินตนาการของ "ดวงดาหลา" เองค่ะ ดินแดนฮิปปาเรียเป็นดินแดนสมมติที่ผู้เขียนเฝ้าฝันถึง จอมใจฮิปปาเรีย มีสี่ภาค แต่ละภาคแบ่งเป็น 2 เล่มค่ะ รับรองค่ะว่า เข้มข้น หวานซึ้ง ตรึงใจทุกคนแน่นอนค่ะ เนื้อเรื่องจะสนุกขนาดไหน ขอเชิญนักอ่านทุกท่านเพลิดเพลินไปกับ จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนียได้แล้ว ณ บัดนี้ Duangdala Talk ดวงดาหลากลับมาเเล้วค่ะ หลังจากติดภารกิจมานาน รี้ดทุกคนสามารถคอมเม้น หรือกดใจทั้ง 5 ให้ดวงดาหลาได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ #ดวงดาหลา ป.ล. นักอ่านท่านใด หรือ ใครอ่านเเล้วมารีวิว มาเม้นมาพูดคุยกันกับดวงดาหลา ได้น้า
พจน์ศรัช โคฟาวเดอร์ หนุ่มที่ได้โคจรมาพบกับธาสิกา คู่หมั้นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เรื่องราวชุลมุนยิ่งขึ้นเมื่อคู่หมั้นคนก่อนเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนาในสถานอโคจรที่เขาต้องมีเอี่ยวไปด้วย งานนี้ธาสิกาจึงต้องลงมือสืบสาวเรื่องราวด้วยตัวเอง งานแต่งยังคงดำเนินต่อไป และใครกันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของยศรินทรา แฝดพี่ของธาสิกา ไม่รู้ว่าจะเรียกพรหมลิขิตเขียนไว้หรือจะเป็นบาปเวรแต่ชาติปางไหน...เมื่อหัวใจรักของเขาทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว
“เพ่ยอินเหยาข้านี่แหละยอดขุนพลสตรี เล่ม 1” นิยายรักจีนโบราณสายบู๊และบุ๋น ‘อินตูตู’ ขุนพลสตรีผู้มีศักดิ์เป็นแม่ทัพคุมค่ายพลทหารชาวฉินเพื่อออกรบในสมรภูมิทีเดิมพันด้วยชีวิตอย่างแคว้นฉี หากการมาแคว้นฉีไม่ได้มีเพียงแค่สงครามระหว่างแคว้นเท่านั้น ทว่าการมาครั้งนี้ของนางมาเพื่อแก้ปมปริศนาสตรีที่หายไปในแคว้นฉินด้วยต่างหาก สงครามระหว่างแคว้นฉินและฉีจะจบลงเช่นไร แล้วใครกันเป็นผู้บงการเกมที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ จุดเริ่มต้นความน่าสะพรึงกลัวของทุกสิ่งที่จารีย์ได้เจอนั้นมาจากคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่าแห่งนี้ ภายนอกงดงามหากแต่ภายในกลับรกร้างราวกับไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อน แรงแค้น แรงพยาบาท แรงอาฆาต ของสิ่งลี้ลับยังคงวนเวียนตามจองกรรมทวงถามความเป็นธรรมอย่างที่พวกมันรอคอยตลอดมา! +++ นรีกุลรับรู้ถึงอุณหภูมิที่กำลังทวีความคุกรุ่นในเรือนกายของหล่อน เรียวปากบางของเขาซอนไซ้ไปยังใบหูของนรีกุลจนหญิงสาวเผลอไผลร้องซี้ดปากด้วยความสุขใจ มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมปลดตะขอชุดที่นรีกุลสวมใส่อยู่ เขาแนบเรือนกายของหล่อนให้ผสานกับเขาอย่างลุ่มหลงในตัวของนรีกุล หญิงสาวปิดเปลือกตาของหล่อนลงอย่างพลั้งเผลอ ความหวามไหวแทรกไปทั่วอณูของนรีกุล ภรรยาของนัฐธวีร์ปิดเปลือกตาลงไปแล้ว หากแต่เวลานี้ดวงวิญญาณร้ายของกรวีร์ยังคงทำงานตามคำสั่งของเดรัจฉานต่อไป นิ้วเรียวของวิญญาณร้ายซอนไซ้เข้าไปยังปากถ้ำสวรรค์ของหญิงสาว นรีกุลบิดตัวแล้วครวญเสียงหวานจนนัฐธวีร์สะดุ้งเล็กน้อยทว่าความอ่อนเพลียจากการเดินทางในระยะเวลานานทำให้เขาฟุบหลับไป หนุ่มสาวสองคนหารู้ไม่ว่าเวลานี้ดวงวิญญาณของกรวีร์ได้เสพสมเรือนกายของนรีกุลอย่างอุกอาจ และดวงจิตของนัฐธวีร์ได้ถูกเรียกจิตไปโดยสัตว์ร้ายในคราบของสาวงามเสียแล้ว!
"วันดับนางริษยา" นิยายแนวสยองขวัญกระตุกประสาทที่จะมาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ มาร่วมค้นหาบทสรุปในนิยายเล่มนี้กันค่ะ
"วันดับนางริษยา" นิยายสยองขวัญกระตุกประสาท #ดวงดาหลา ที่จะพาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง เมื่อรักไม่อาจแบ่งใจนรีกุลจึงต้องแบกรับทั้ง นัฐธวีร์ คนเป็น และคนตายในคราเดียวกัน นรีกุลจะทำเช่นไรต่อไป...ความรัก แรงอาฆาตเปลวพยาบาทของพวกเขาจะเผาหญิงสาวให้ตายทั้งเป็นหรือไม่! มาร่วมค้นหาคำตอบในนิยายเล่มนี้กันค่ะ ++++++++++++ โปรปราย เวลานี้นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าร่างกายของตนขยับไม่ได้อีกแล้วหากแต่ท้องของหล่อนกับปวดมากราวกับเป็นไส้ติ่งอักเสบ หญิงสาวพยายามดีดดิ้นให้รอดพ้นจากการเกาะกุมของวิญญาณร้ายที่เธอเชื่อว่าติดตามมา หญิงสาวเปิดตามองไปยังด้านบนก็พบว่าเธฮนอนใกล้คาน ไม่นานนักหญิงสาวก็ต้องหวีดร้องสุดเสียงอีกครั้ง ยามเมื่อเวลานี้มีวิญญาณร้ายนั่งอยู่บนคานสูงเหนือหัวของเธอ วิญญาณร้ายที่นั่งแกว่งขาไป,kอยู่นั้นราวกับว่าจะเห็นเธอ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นเหม็นเน่าโชยไปเข้าจมูกของหญิงสาวอย่างจัง จนเธอต้องลืมตาขึ้นมามอง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหล่อนทำให้หญิงสาวช็อคสุดขีดเมื่อเวลานี้ศีรษะของวิญญาณร้ายค่อยๆห้อยลงมาจรดยังจมูกของเธอ นรีกุลหวีดร้องอย่างดังลั่นพลางออกปากไล่อย่างตระหนกสุดขีด หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผล เธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน