พจน์ศรัช โคฟาวเดอร์ หนุ่มที่ได้โคจรมาพบกับธาสิกา คู่หมั้นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เรื่องราวชุลมุนยิ่งขึ้นเมื่อคู่หมั้นคนก่อนเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนาในสถานอโคจรที่เขาต้องมีเอี่ยวไปด้วย งานนี้ธาสิกาจึงต้องลงมือสืบสาวเรื่องราวด้วยตัวเอง งานแต่งยังคงดำเนินต่อไป และใครกันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของยศรินทรา แฝดพี่ของธาสิกา ไม่รู้ว่าจะเรียกพรหมลิขิตเขียนไว้หรือจะเป็นบาปเวรแต่ชาติปางไหน...เมื่อหัวใจรักของเขาทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว
เวลา 17.00 น.
ลิฟต์แก้วของโรงแรมหรู ‘ท็อปฟอร์เอฟเวอร์’ ไต่ระดับขึ้นจากล่างสุดไปจนถึงชั้นสิบห้า
ร่างสูงเงยหน้ามองไปยังตัวเลขดิจิทัลที่แสดงบนหน้าปัดบอกเวลาเล็ก
ไม่นานนักประตูลิฟต์พลันเปิดขึ้นตามด้วยร่างโปร่งก้าวเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
งานสัมมนาโรงแรมหรูระดับห้าดาว ท็อปฟอร์เอฟเวอร์
แชนเดอเลียส่องประกายวาววับจับตาถูกแขวนไว้บนเพดานลายสวยของดอกกุหลาบพันปีเกี่ยวกระหวัดกับเถาวัลย์เครือใหญ่ที่คุณมาร์กจิตรกรมากฝีมือบรรจงวาดเอาไว้
แขกเหรื่อในงานนี้ล้วนเป็นนักธุรกิจพันล้าน พจน์ศรัชมองเหล่านักธุรกิจซีอีโอสาวที่แต่งตัวในลุคทำงานอย่างตื่นเต้น…ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที
สายตาคู่คมกวาดตามองกลุ่มนักผู้ประกอบการสุภาพบุรุษ พวกเขาสวมชุดสูทจากห้องเสื้อเกรดดีทับกับเชิ้ตราคาแพงที่พจน์ศรัชคาดว่า ดูแล้วน่าจะอิมพอร์ตมาจากเมืองนอกพากันเดินเข้างานอย่างพร้อมเพรียง
บริกรของโรงแรมเริ่มทยอยเตรียมของว่างและเครื่องดื่มใส่ถาดสแตนเลสชุบสีทองให้ผู้เข้าร่วมงาน
ทันทีที่พจน์ศรัชสังเกตเห็นบริกรเริ่มเดินเสิร์ฟน้ำ มือหนาของเขารีบกดรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาทันที…ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องประชุมอีกห้องอย่างรวดเร็ว
เสียงปลายสายถามขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดจนพจน์ ศรัชที่เอาหน้าแนบลงกับโทรศัพท์สมาร์ตโฟนต้องสะดุ้งโหยง
“ตาพัชมาหรือยังพจน์ศรัช” ปลายสายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเสียเต็มประดา
“ผมคิดว่าตอนนี้คุณพัชกำลังมาครับ”
“ถ้าคุณพัชไม่มาโทรตามฉัน”
“ครับ...คุณผู้หญิง” ชายหนุ่มในวัยยี่สิบเก้าปีเอ่ยขึ้นพลางกดวางสายโทรศัพท์ลงในทันที
พจน์ศรัชสาวเท้าออกไปจากห้อง ในหัวของชายหนุ่มครุ่นคิดถึงคำพูด ‘คุณผู้หญิงจิตรา’ อย่างไม่สบอารมณ์มากนัก
เขายืนสงบสติอารมณ์อยู่เพียงชั่วครู่ แต่แล้วพจน์ศรัชพลันได้ยินเสียงเรียกของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากข้างหลัง
ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มหันไปตามเสียงเรียกของสตรีตรงหน้า
“ขอโทษนะคะ ห้องน้ำไปทางไหนคะ” เสียงหวานดังมาจากหญิงร่างเล็ก
ดวงตาคู่สีดำสนิทภายใต้แว่นกันแดดสีชาลอบมอง ‘ผู้ถามทาง’ อย่างจับสังเกต
คนตรงหน้ามีรูปร่างผอมบาง หล่อนสวมเดรสสั้นสีครีมอ่อนมีระบายตรงปกเสื้อ ชุดที่เธอสวมใส่มีป้าย GUUZZI ติดอยู่ที่ด้านหลัง
แบรนด์กูดสิเป็นร้านห้องเสื้อที่โด่งดังจากเมืองน้ำหอม อาภรณ์ใส่อยู่บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าตัวว่ามั่งคั่งเพียงใด
ดวงตาของสาวปริศนากลมโตสุกใสราวกับหยาดน้ำค้างยามอรุณรุ่ง เรียวปากอวบอิ่มได้รูปแต้มสีชมพูระเรื่อชวนให้หลงใหลอยู่ไม่น้อย
“อ้อ ห้องน้ำไปทางขวาครับ” พจน์ศรัชหันไปเอ่ยกับหญิงสาวคนนั้นอย่างสุภาพ แล้วผายมือออกทางด้านขวา
ธาสิกาลอบมองอากัปกิริยาของชายหนุ่มตรงหน้อย่างงุนงง
ภาพที่อยู่ด้านหน้าเจ้าหล่อนเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เขาสวมแว่นกันแดดสีชา ชายคนนี้สวมสูทสีขาวสะอาดตา ธาสิกาอดรู้สึกไม่ได้ว่าเธออาจเคยพบกับชายผู้นี้มาก่อน
ธาสิการีบสะบัดไล่ความคิดยุ่งเหยิงในหัวของเธอออกอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของหล่อนขยับเพียงเล็กน้อย
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณชายหนุ่มวัยกลางคนตรงหน้า ดวงหน้าหวานของธาสิการะบายรอยยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรครับ” พจน์ศรัชกล่าวอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ชายหนุ่มหันมองไปทางอื่นราวกับว่าเขากำลังสนใจบางสิ่งที่อยู่ด้านนอก
‘หญิงคนเมื่อครู่’ หายไปแล้ว ทว่าพจน์ศรัชยังคงได้กลิ่นหอมอ่อนเบาคล้ายดอกมะลิโชยมาแตะจมูกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ชายหนุ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาเคยเจอหญิงสาวที่ไหนมาก่อน หากแต่นึกเท่าไหร่ พจน์ศรัชก็ยังนึกไม่ออก
“กริ๊ง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งดึงสติชายหนุ่มออกจากภวังค์
มือเรียวดึงโทรศัพท์เจ้าปัญหาออกจากกระเป๋ากางเกงออกอย่างรวดเร็ว
พจน์ศรัชมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอมือถือรุ่นล่าสุดแล้วถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ นิ้วเรียวกดสไลด์หน้าจอปัดขึ้นทันที
“ศรัช...วันนี้ฉันไม่ไปแล้วนะ นายขึ้นพูดแทนได้เลย” ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงเริงร่า
ทันทีที่แฝดน้องได้ยินเสียงอันคุ้นหูของแฝดพี่ คิ้วดำของพจน์ศรัชขมวดเป็นปมขึ้นมาทันที
“หมายความว่าอย่างไรครับคุณพัช ตอนนี้คุณพัช อยู่ที่ไหนเหรอครับ” พจน์ศรัชพยายามเอ่ยถามอย่างควบคุมสติตนเอง เขาเค้นหาความจริงจาก ‘แฝดผู้พี่’ ด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เออน่า...ฉันให้นายขึ้นพูดแทนแล้วกันนะแฝดน้อง” คนปลายสายตอบมาอย่างไม่ยี่หระ ท้ายประโยคคล้ายกับอีกฝ่ายกลั้วเสียงหัวเราะหึ ๆในลำคอ
“ครับ” พจน์ศรัชเอ่ยขึ้นอย่างยอมรับจำนนในโชคชะตาของเขา ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้ถามต่อ หูเจ้ากรรมพลันได้ยินบางอย่าง
“พี่พัชขา” เสียงหวานแหลมมีจริตเล็ดลอดเข้ามาในสายโทรศัพท์ ก่อนที่ปลายสายจะตัดลงอย่างรวดเร็ว
“เวร” พจน์ศรัชสบถขึ้นอย่างอารมณ์เสียถึงที่สุด
หุ้นส่วนหนุ่มกรอกตาบนอย่างเบื่อหน่าย…
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่กันที่แฝดพี่ปัดความรับผิดชอบเรื่องงานใน HK กรุ๊ปแล้วปล่อยให้พจน์ศรัชเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวทุกครั้งไป
“คุณพัชนะ เฮ้อ” พจน์ศรัชเอ่ยอย่างแผ่วเบากับตนเอง เขาพ่นลมหายใจอย่างกลัดกลุ้มกับการกระทำแฝดพี่และคุณจิตราแม่เลี้ยงที่ชอบบงการชีวิตพวกเขา
ทว่าความคิดชายหนุ่มต้องหยุดลงเพียงเท่านั้นเมื่อเลขานุการประจำบริษัทเดินเข้ามาหาด้วยทีท่ากระหืดกระหอบ
“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณพจน์ศรัช ติดต่อคุณพัชได้ไหมครับ” เสียงเข้มของพนักงานหนุ่มที่จัดคิวอีเว้นท์ร้องถามเขา
“ไม่ได้ แต่นักธุรกิจหน้าใหม่ ๆ มาร่วมงานกันเยอะแล้วใช่ไหม” พจน์ศรัชถามพนักงาน HK กรุ๊ปอย่างสุภาพ เขารีบซ่อนโทรศัพท์ด้านหลังจนมิดชิดเพื่อกัน ‘คนจัดคิว’ เห็น
“ใช่ครับ ผู้ลงทะเบียนมากันครบจำนวนที่แจ้งแล้วครับ” เลขาหนุ่มตอบคำถามพจน์ศรัช พลางมองสีหน้าของเจ้านายหนุ่มอย่างวิตก
“ถ้าอย่างนั้น คุณพจน์ศรัชขึ้นบรรยายแทนคุณพัชได้ไหมครับ”
พจน์ศรัชมองผ่านแว่นกันแดดสีชาอย่างลังเลเล็กน้อย แต่ในเวลาเชานนี้เขาไม่มีทางเลือกอีกต่อไป
“ครับ” พูดจบเขาก็รีบจัดเสื้อสูทให้เรียบร้อยแล้วเดินนำเข้างานประจำปีไป
+++
นิยายจอมใจฮิปปาเรียนี้จะถูกเรียกว่าหนังสือชุด #อาณาจักรฮิปปาเรีย ค่ะ โดยซีรีส์อาณาจักรฮิปปาเรียมีนิยายทั้งหมด 10 เล่ม ดังต่อไปนี้ 1.จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนีย 2. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 2 ผจญภัยป่าดงดิบฮานาบี 3. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 1 กำเนิดรัชทายาทฮิปปาเรีย 4. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 2 นางบรรณาการแคว้นดิมาเรีย 5. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ปราบกบฎบัลลังก์สราเนีย 6. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ห้าเจ้าหญิงผู้นำทางปริศนา 7. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 1 หนึ่งเดียวในหทัย 8. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 2 อาณาจักรฮิปปาเรีย 9. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 1 เจ็ดขุนนางผู้พิทักษ์ 10. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 2 ราชอาณาจักรฮิปปาเรีย นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจาก จินตนาการของ "ดวงดาหลา" เองค่ะ ดินแดนฮิปปาเรียเป็นดินแดนสมมติที่ผู้เขียนเฝ้าฝันถึง จอมใจฮิปปาเรีย มีสี่ภาค แต่ละภาคแบ่งเป็น 2 เล่มค่ะ รับรองค่ะว่า เข้มข้น หวานซึ้ง ตรึงใจทุกคนแน่นอนค่ะ เนื้อเรื่องจะสนุกขนาดไหน ขอเชิญนักอ่านทุกท่านเพลิดเพลินไปกับ จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนียได้แล้ว ณ บัดนี้ Duangdala Talk ดวงดาหลากลับมาเเล้วค่ะ หลังจากติดภารกิจมานาน รี้ดทุกคนสามารถคอมเม้น หรือกดใจทั้ง 5 ให้ดวงดาหลาได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ #ดวงดาหลา ป.ล. นักอ่านท่านใด หรือ ใครอ่านเเล้วมารีวิว มาเม้นมาพูดคุยกันกับดวงดาหลา ได้น้า
“เพ่ยอินเหยาข้านี่แหละยอดขุนพลสตรี เล่ม 1” นิยายรักจีนโบราณสายบู๊และบุ๋น ‘อินตูตู’ ขุนพลสตรีผู้มีศักดิ์เป็นแม่ทัพคุมค่ายพลทหารชาวฉินเพื่อออกรบในสมรภูมิทีเดิมพันด้วยชีวิตอย่างแคว้นฉี หากการมาแคว้นฉีไม่ได้มีเพียงแค่สงครามระหว่างแคว้นเท่านั้น ทว่าการมาครั้งนี้ของนางมาเพื่อแก้ปมปริศนาสตรีที่หายไปในแคว้นฉินด้วยต่างหาก สงครามระหว่างแคว้นฉินและฉีจะจบลงเช่นไร แล้วใครกันเป็นผู้บงการเกมที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ จุดเริ่มต้นความน่าสะพรึงกลัวของทุกสิ่งที่จารีย์ได้เจอนั้นมาจากคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่าแห่งนี้ ภายนอกงดงามหากแต่ภายในกลับรกร้างราวกับไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อน แรงแค้น แรงพยาบาท แรงอาฆาต ของสิ่งลี้ลับยังคงวนเวียนตามจองกรรมทวงถามความเป็นธรรมอย่างที่พวกมันรอคอยตลอดมา! +++ นรีกุลรับรู้ถึงอุณหภูมิที่กำลังทวีความคุกรุ่นในเรือนกายของหล่อน เรียวปากบางของเขาซอนไซ้ไปยังใบหูของนรีกุลจนหญิงสาวเผลอไผลร้องซี้ดปากด้วยความสุขใจ มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมปลดตะขอชุดที่นรีกุลสวมใส่อยู่ เขาแนบเรือนกายของหล่อนให้ผสานกับเขาอย่างลุ่มหลงในตัวของนรีกุล หญิงสาวปิดเปลือกตาของหล่อนลงอย่างพลั้งเผลอ ความหวามไหวแทรกไปทั่วอณูของนรีกุล ภรรยาของนัฐธวีร์ปิดเปลือกตาลงไปแล้ว หากแต่เวลานี้ดวงวิญญาณร้ายของกรวีร์ยังคงทำงานตามคำสั่งของเดรัจฉานต่อไป นิ้วเรียวของวิญญาณร้ายซอนไซ้เข้าไปยังปากถ้ำสวรรค์ของหญิงสาว นรีกุลบิดตัวแล้วครวญเสียงหวานจนนัฐธวีร์สะดุ้งเล็กน้อยทว่าความอ่อนเพลียจากการเดินทางในระยะเวลานานทำให้เขาฟุบหลับไป หนุ่มสาวสองคนหารู้ไม่ว่าเวลานี้ดวงวิญญาณของกรวีร์ได้เสพสมเรือนกายของนรีกุลอย่างอุกอาจ และดวงจิตของนัฐธวีร์ได้ถูกเรียกจิตไปโดยสัตว์ร้ายในคราบของสาวงามเสียแล้ว!
"วันดับนางริษยา" นิยายแนวสยองขวัญกระตุกประสาทที่จะมาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ มาร่วมค้นหาบทสรุปในนิยายเล่มนี้กันค่ะ
"วันดับนางริษยา" นิยายสยองขวัญกระตุกประสาท #ดวงดาหลา ที่จะพาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง เมื่อรักไม่อาจแบ่งใจนรีกุลจึงต้องแบกรับทั้ง นัฐธวีร์ คนเป็น และคนตายในคราเดียวกัน นรีกุลจะทำเช่นไรต่อไป...ความรัก แรงอาฆาตเปลวพยาบาทของพวกเขาจะเผาหญิงสาวให้ตายทั้งเป็นหรือไม่! มาร่วมค้นหาคำตอบในนิยายเล่มนี้กันค่ะ ++++++++++++ โปรปราย เวลานี้นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าร่างกายของตนขยับไม่ได้อีกแล้วหากแต่ท้องของหล่อนกับปวดมากราวกับเป็นไส้ติ่งอักเสบ หญิงสาวพยายามดีดดิ้นให้รอดพ้นจากการเกาะกุมของวิญญาณร้ายที่เธอเชื่อว่าติดตามมา หญิงสาวเปิดตามองไปยังด้านบนก็พบว่าเธฮนอนใกล้คาน ไม่นานนักหญิงสาวก็ต้องหวีดร้องสุดเสียงอีกครั้ง ยามเมื่อเวลานี้มีวิญญาณร้ายนั่งอยู่บนคานสูงเหนือหัวของเธอ วิญญาณร้ายที่นั่งแกว่งขาไป,kอยู่นั้นราวกับว่าจะเห็นเธอ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นเหม็นเน่าโชยไปเข้าจมูกของหญิงสาวอย่างจัง จนเธอต้องลืมตาขึ้นมามอง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหล่อนทำให้หญิงสาวช็อคสุดขีดเมื่อเวลานี้ศีรษะของวิญญาณร้ายค่อยๆห้อยลงมาจรดยังจมูกของเธอ นรีกุลหวีดร้องอย่างดังลั่นพลางออกปากไล่อย่างตระหนกสุดขีด หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผล เธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า
กรี๊ด” พราวนภาหวีดร้องสุดเสียงยามเมื่อเรือนร่างอรชรกำลังเสียหลัก พราวนภาหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว “คุณครับ...เป็นอะไรไหมครับ” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เวลานี้พราวนภากำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขา ธนพรั้งเอวอรชรมาใกล้ตัว พราวนภาลืมตาโพลง แม่ม่ายสาวใหญ่สังเกตเห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายระยับ คิ้วเข้มจนเน้นให้ใบหน้าหล่อดูคมคาย ดวงหน้าคมคายอยู่ใกล้ใบหน้านวลผ่องแค่คืบ พราวนภาสัมผัสได้ถึงหัวใจของตนเองที่เต้นระรัว “ฉันไม่เป็นไรค่ะ” พราวนภาเอ่ยขึ้นขณะยืนตัวตรง ม่ายสาวจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยกว่าเดิม “ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” พราวนภาเอ่ยขณะสบสายตาชวนหวามใจของชายหนุ่มตรงหน้า “ไม่เป็นไรครับ” ธนพเอ่ยขึ้นขณะลอบมองใบหน้าของสตรีตรงหน้าที่เว้นระยะห่างออกมา “ฉันสายแล้วยังไงก็ขอบคุณคุณมากค่ะ” พราวนภาเอ่ยขณะก้มเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือของตนเอง “ไม่เป็นไรครับ” ธนพเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มส่งยิ้มให้หญิงสาวอย่างสุภาพ หญิงสาวเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปแล้ว หากแต่ธนพยังยืนอยู่ที่เดิม เหตุการณ์เมื่อครู่อดทำให้ใจของเขาสั่นระรัวไม่ได้ ดวงหน้านวลผ่องหมดจดไร้ไฝฝ้าทำให้เขาคาดคะเนไม่ถูกว่า สตรีคนนั้นมีอายุเท่าใดกันแน่ ++++ พราวนภาร้องครางเสียงหลงยามเมื่อมือหนาของธนูเอื้อมมาใกล้กับกระโปรงของเธอ ธนูถลกกระโปรงของพราวนภาขึ้นแล้วบรรจงใช้นิ้วเรียวสอดไปในช่องทางสวรรค์ นิ้วมือเรียวของธนูดั้นเข้าไปอย่างซุกซน พราวนภาสัมผัสได้ราวกับตนกำลังโผผินบินได้ดั่งใจหมาย พราวนภาครวญกระชั้นยามเมื่อธนูขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แววตาคู่นั้นเบิกกว้างกว่าเดิม ยามเมื่อริมฝีปากบางบดขยี้จูบอย่างรุนแรง หญิงสาวรู้สึกราวกับนกผกผินได้ เมื่ออารมณ์ของเธอเตลิดจนกู่ไม่กลับ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"