“เพ่ยอินเหยาข้านี่แหละยอดขุนพลสตรี เล่ม 1” นิยายรักจีนโบราณสายบู๊และบุ๋น ‘อินตูตู’ ขุนพลสตรีผู้มีศักดิ์เป็นแม่ทัพคุมค่ายพลทหารชาวฉินเพื่อออกรบในสมรภูมิทีเดิมพันด้วยชีวิตอย่างแคว้นฉี หากการมาแคว้นฉีไม่ได้มีเพียงแค่สงครามระหว่างแคว้นเท่านั้น ทว่าการมาครั้งนี้ของนางมาเพื่อแก้ปมปริศนาสตรีที่หายไปในแคว้นฉินด้วยต่างหาก สงครามระหว่างแคว้นฉินและฉีจะจบลงเช่นไร แล้วใครกันเป็นผู้บงการเกมที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
ท้ายหมู่บ้านเซิงหยาง
“เอาของข้ามานี่นะ” เสียงเข้มของเพ่ยอินเหยาดังขึ้นพลางยื้อแย่งตุ๊กตาผ้ามาจากกลุ่มเด็กชายสามคนที่กำลังทำตัวเป็นอันธพาลครองเมือง
“นี่อินเหยา…เจ้าไม่มีวันสู้แรงข้าได้หรอก ยอมแพ้ข้าซะเถอะ” เสียงเข้มของเสี่ยววู่เอ่ยพลางโยนตุ๊กตาเพียงตัวเดียวของเพ่ยอินเหยาทิ้งอย่างไม่ไยดี
“ไม่…นี่ของข้า” เพ่ยอินเหยาเอ่ยพลางผลักเสี่ยววู่ออกไปจนล้มลงไปกระแทกกับแผงขายของอย่างแรง
ร่างยักษ์ของเสี่ยววู่กระแทกแผงขายผักอย่างจังจนผ้าเนื้อดีของเด็กหนุ่มตัวใหญ่ฉีกออกไปติดกับตะปูที่ตอกบนแผงขายของ
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของเด็กหนุ่มตัวใหญ่ทำให้โทสะของเสี่ยววู่เดือดดาลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ไหนแต่ไรมา…เขาไม่เคยเจอดรุณีนางใดที่ร้ายกาจเท่าเพ่ยอินเหยา สตรีที่อาจหาญมาต่อกรกับเสี่ยววู่ บุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเซิงที่ยิ่งใหญ่มาก่อน
ความไม่พอใจที่ฉายชัดผ่านแววตากลมโตของเพ่ยอินเหยายิ่งทำให้เสี่ยววู่หมดความอดทนราวกับฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้นลงทันใด
เสี่ยววู่เหลียวมองดูแขนเสื้อของเขาที่ขาดอย่างเกรี้ยวกราดกว่าเดิม ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงราวกับลูกมะเขือเทศสุกจัด
“เพ่ยอินเหยา…เจ้านี่บังอาจมาก” เสี่ยววู่กล่าวพลางลุกขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจในดรุณีวัยเยาว์ตรงหน้าที่มองพวกเขาอย่างไม่กระพริบตา
“เจ้านั่นแหละที่บังอาจ” เพ่ยอินเหยากล่าวอย่างไม่กลัวเกรงในอำนาจที่มีทั้งหมดของอีกฝ่าย
ยามนี้นางไม่ผิดนางย่อมมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวของนาง และชิงชิง ตุ๊กตาผ้าของนาง
อินเหยายืนสงบนิ่งท่ามกลางเด็กหนุ่มทั้งสามที่ย่างเท้าหมายจะทำร้ายนางอย่างไม่กลัวเกรงต่อบุรุษผู้ใด
แววตาของดรุณีวัยเยาว์สาดประกายวาววับราวกับราชสีห์จ้องตะครุบเหยื่อเพียงแค่รอเหยื่อให้ตายใจ…ไวเท่าธูปหมด ร่างของเสี่ยววู่ก็กระเด็นลงไปกองกับพื้นด้วยแรงทั้งหมดของเพ่ยอินเหยา
เสี่ยวชิง และ เสี่ยวฮ่าวที่เห็นลูกพี่ของตนเสี่ยววู่ลงไปนอนกองกับพื้นดินทำให้พวกเขารีบขอโทษเด็กสาวที่ยืนกำหมัดแน่น
“ข้าไม่คิดว่า…เจ้าจะมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้” เสี่ยวฮ่าวกล่าวพลางเข้าไปสนทนากับอินเหยาอย่างประจบสอพลอ
“เจ้าทำให้เสี่ยววู่ลงไปกองกับพื้นได้อย่างไรอินเหยา” เสี่ยวชิงเอ่ยพลางเดินไปหยิบตุ๊กตาที่ถูกทิ้งขว้างลงกับพื้นอย่างไม่ไยดีส่งให้นาง
อินเหยารับตุ๊กตาชิงชิงที่ได้มาจากมือเล็กของเสี่ยวชิงอย่างรวดเร็ว
“ฝากไว้ก่อนเถอะเพ่ยอินเหยา” เสียงเข้มของเสี่ยววู่ตะโกนออกมาแล้วรีบสาวเท้าวิ่งหนีออกไปด้วยความหวาดกลัวในพละกำลังของดรุณี
“ข้าไม่ได้ทำอะไรมากหรอก…แค่โกรธนะ” เพ่ยอินเหยากล่าวพลางรับตุ๊กตามาจากเสี่ยวฮ่าวด้วยมือข้างขวา นางกำตุ๊กตาผ้าไว้แน่นราวกับว่าวัตถุชิ้นนี้จะหลุดลอยหายลับเข้ากลีบเมฆาเสี่ยนี่
“เสี่ยววู่เป็นคนเช่นนั้นมานานแล้ว…ข้าว่าลูกพี่อย่าใส่ใจเขาเลยจะหาเรื่องเดือดร้อนมาสู่ท่านเปล่า” เสี่ยวชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิวราวกับว่ากลัวใครจะมาได้ยินเข้า
อินเหยาคิ้วกระตุกข้างขวาทันทีที่เสี่ยวชิงถือโอกาสเรียกนางว่าลูกพี่ ดวงหน้าของดรุณีวัยเยาว์หันขวับมาทางเสี่ยวชิง
“ข้าสองคนต้องขออภัยในความมีตาหามีแววไม่ด้วยขอรับ
“ทำไมเสี่ยววู่ถึงเป็นคนเช่นนั้นเล่า” เหยาเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาหากแต่หนักแน่นในคราเดียวกัน
แม้เพ่ยอินเหยาจะเคยได้ยินมาว่าสกุลวู่จะมีบุตรชายคนโตและคนเล็กแต่ก็ไม่คิดว่าเสี่ยววู่ หรือวู่อู่เจิ้น จะมีนิสัยร้ายกาจน่ารังเกียจเช่นนี้มาก่อน
“อินเหยาเจ้าเหม่ออันใด” สำเนียงคุ้นหูของบุรุษหนุ่มดังขึ้นใกล้สตรีผู้หนึ่งที่กำลังคุกเข่าเฝ้ามองเศษผ้าที่แหลกลาญอย่างไม่มีชิ้นดี
“ขออภัยท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าเพียงแต่ไตร่ตรองบางสิ่งอยู่เท่านั้น” เพ่ยอินเหยาเอ่ยกลับพลางหยิบเศษผ้าที่ขาดวิ่นขึ้นมาเพ่งดู
“เจ้าคิดเช่นไรอินเหยา” แม่ทัพจินหู่เอ่ยถามสตรีตรงหน้าที่กำลังเพ่งสายตาอ่านตัวอักขระที่เขียนขยุกขยิกอยู่
เศษผ้าขาดวิ่นที่อินเหยาตูตูถืออยู่มิอาจทำให้ใจของแม่ทัพใหญ่จินหู่สงบลงได้เลย โลหิตสีแดงฉานอาบอาภรณ์ไปครึ่งเสี้ยว
“ข้าน้อยเพียงแต่คิดว่านี่เป็นเศษอาภรณ์ของสตรีที่ถูกพวกมันจับมาสังหารอย่างโหดเหี้ยม” เพ่ยอินเหยาเอ่ยผ่านหมวกเกราะรบที่นางสวมใส่
แม่ทัพจินหู่ยกยิ้มขึ้นพลางมองดูทหารรับใช้ตนเองที่นับวันเริ่มฉายรอยความฉลาดมากกว่าเดิม เดิมทีเพ่ยอินเหยากับเซี่ยจินหู่เคยสาบานเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกันมานาน
ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงวันที่แม่ทัพจินหู่ พยัฆค์ร้ายผู้หยิ่งทระนงจะตกหลุมรักตูตูไปเสียแล้ว
เพ่ยอินเหยาเป็นบุตรีของพ่อค้าคหบดีสหายรักของบิดาของแม่ทัพเซี่ยจินหู่ บิดาของเหยาเอ๋อร์ฝากฝังนางไว้กับบิดาของเขา ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดาของเขาตามใจนางเสียจนเขาอยากจะฟาดนางให้ขาลาย
แต่เยาว์วัยเหยาเอ๋อร์เป็นดรุณีอัปลักษณ์ แม้นางจะมีดวงหน้าหมดจดแต่กลับมีปานแดงที่ใหญ่มากข้างแก้มซ้ายของนางทำให้ถูกต่อว่าเป็นตัวอัปลักษณ์อยู่บ่อยครั้ง แม้เขาเองก็คิดเช่นนั้น
ทว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปปานแดงที่แก้มซ้ายของดรุณีหายราวกับไม่เคยเกิดขึ้นสร้างความประหลาดใจให้กับบิดาของเขาอย่างมาก
เพ่ยอินเหยากลายเป็นสตรีผู้งดงามที่สุดในจวนแม่ทัพเซี่ย
ดวงตาของนางสุกใสราวกับหยาดน้ำค้างยามรุ่ง ริมฝีปากหยักบางไร้ซึ่งการแต้มสีชาดแต่อย่างใด
เมื่ออยู่จวนอินเหยามักปล่อยผมของนางทิ้งตัวลงอย่างเป็นอิสระ หากมีแขกเหรื่อขุนนางใหญ่มาจวนเท่านั้น นางจึงค่อยทำตามธรรมเนียม
ฟิ้ว
ลูกดอกลูกหนึ่งพุ่งฝ่าวงล้อมของพวกเขา อินเหยาที่ได้สติก่อนจึงรีบดึงร่างกำยำของแม่ทัพเซี่ยให้หมอบลง
“ท่านแม่ทัพระวัง” อินเหยาตะโกนด้วยความตระหนกพลางรีบดึงร่างกำยำให้ก้มหมอบลงใกล้นาง
แม้ในระยะประชิดแม่ทัพเซี่ยกลับได้กลิ่นหอมอ่อนจางจากเรือนไหมที่ม้วนซ่อนใต้หมวกเกราะรบของนาง
ดวงตาคู่คมของเซี่ยจินหู่ลอบมองไปยังตูตูตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง ทว่าไม่ว่าแม่ทัพจินหู่ผู้นี้จักอุตสาหะมากเพียงใด หากแต่คงทำได้เพียงแต่มองเห็นนางอย่างไกล ๆ
“แม่ทัพเซี่ยท่านเป็นอันใดหรือไม่” อินตูตูเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมเมื่อเห็นแม่ทัพใหญ่นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์สงครามเมื่อครู่
เสียงของอินเหยาที่เอ่ยเรียกแม่ทัพจินหู่เมื่อครู่กลับดังก้องกว่าเดิม ยามเมื่อนางเห็นว่าแม่ทัพที่เป็นดั่งสหายของนางเอาแต่จับจ้องมองมายังอินเหยาอย่างตะลึงงัน
“ท่านแม่ทัพเซี่ย อินตูตู ทัพของเราถูกล้อมไว้หมดขอรับ” ทหารกล้าผู้หนึ่งกล่าว
แม่ทัพเซี่ยจินหู่ได้ยินก็พลันอดรู้สึกตกใจไม่ได้ ทว่าอินตูตูที่ได้สติเร็วกว่ารีบเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว
“ข้ากับท่านแม่ทัพขอปรึกษากันชั่วครู่” เพ่ยอินเหยากล่าวพลางรีบพยุงร่างกำยำสูงโปร่งของแม่ทัพจินหู่ให้ลุกขึ้น
“ขอรับอินตูตู” ทหารกล่าว
“เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรเพ่ยอินเหยา” แม่ทัพจินหู่เอ่ยถามอินตูตูอย่างประเมินขุนพลสตรีเบื้องหน้า
“ข้าเห็นควรให้ตีบุกฝ่าวงล้อมออกไปทางด้านหน้า” อินตูตูเอ่ย
“ช้าก่อน ศัตรูอยู่ทางด้านหลังแต่เจ้าให้ไปตีด้านหน้าเช่นนั้นรึ” แม่ทัพจินหู่เอ่ยถามอย่างขับข้องใจ
“ท่านเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว ข้าเลือกวิธีนี้กลับถึงจวนท่านค่อยไต่ถามข้าก็ยังได้” ขุนพลสตรีเอ่ยพลางกระชับหมวกเกราะรบไว้แน่นกว่าเดิม
“เช่นนั้นตามเจ้าแล้วกัน” แม่ทัพจินหู่เอ่ยพลางกระชับอาวุธในมือแน่นพลางเร่งสาวเท้าออกมาเพื่อสั่งการ
“สั่งการตามนี้ให้ให้นำทัพบุกตีฝ่าไปด้านหน้าเท่านั้น พวกเจ้าเข้าใจที่ข้าเอ่ยหรือไม่สหาย” แม่ทัพเซี่ยจินหู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขึงขัง
“รับคำสั่งท่านแม่ทัพ”
รองเท้าของเพ่ยอินเหยาสืบไปด้านหน้าอย่างระแวดระวัง ขุนพลสตรีกระชับง้าวในมือแน่นแล้วจ้วงฟันลงไปยังกิ่งพฤกษาด้านหน้าอย่างระแวดระวัง
อ้ากกกกกก
เสียงเข้มของบุรุษหวีดร้องลั่นพลางล้มลงไปดีดดิ้นอย่างทุรนทุราย โลหิตสีแดงฉานไหลอาบเจิ่งนองไปทั่งพื้นสีขาวหิมะ
ไม่ทันที่ขุนพลสตรีจะกระชากง้าวออกจากศพเนื้อส่วนท้องของทหารฝ่ายศัตรู อาวุธเล่มคมก็พุ่งเข้ามาหมายจะปลิดชีวิตของนาง
เพ่ยอินเหยาไม่รอช้ารีบชักอาวุธง้าวคมของนางออกแล้วจ้วงแทงทหารฝ่ายศัตรูอีกคนจนขาดใจตายทันที
แม่ทัพจินหู่ไม่รอช้า ร่างสูงโปร่งกำยำรีบนำกำลังทหารออกปะทะกับกองกำลังฝ่ายศัตรูนับสิบทันที
ง้าวในมือของแม่ทัพจินหู่จ้วงแทงทหารนับสิบที่เข้ามาฟาดฟันอย่างไม่วางมือ
แม่ทัพจินหู่ได้ฉายาว่าพยัคฆ์ทองคำไร้พ่ายมาตั้งแต่เขาก้าวขึ้นมาตำแหน่งแม่ทัพใหญ่
ด้วยความเร็วที่ว่องไวผสมผสานกับกำลังของร่างกำยำทำให้เขากลายเป็นพยัคฆ์ทองคำที่ไร้เทียมทาน น่าเกรงขามเป็นที่หวาดหวั่นแก่ข้าศึก ด้วยเหตุนี้ทำให้ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยมากในการวางตำแหน่งเซี่ยจินหู่ไว้ใกล้พระหัตถ์ขององค์เอง
เซี่ยจินหู่หันไปมองอินตูตูด้วยความเป็นห่วง นางเพิ่งได้รับแต่งตั้งตำแหน่งตูตูได้ไม่นาน
แม้ไหวพริบของนางจะเป็นเลิศแต่การศึกไม่ได้ง่ายและจำเป็นต้องใช้กำลังเป็นอย่างเดียว
นับเป็นโชคดีที่อินตูตูฉลาดและมีไหวพริบปราดเปรื่องทันกลศึกมิเช่นนั้นพวกเขาคงพ่ายแก่ทัพแคว้นอื่นเสียแล้ว
เพ่ยอินเหยาใช้กลศึกอั้นตู้เฉินชางถึงตีนำทัพมาได้ นางรู้อย่างแน่ชัดว่าหากนำทัพฝ่าไปด้านหลังสหายและพี่น้องทหารคงเสียชีวิตมากกว่าสองคนเป็นแน่
ในสมรภูมิรบมิมีผู้ใดได้เปรียบจนกว่าจะมีผู้ใดเสียเปรียบ นี่เป็นคำพร่ำสอนของผู้เป็นบิดาของแม่ทัพเซี่ยจินหู่
ทหารนับร้อยเข้าโจมตีกองกำลังทหารของฝ่ายศัตรูจนแตกพ่ายและฝ่าวงล้อมออกมายังพื้นที่ใหม่ที่ห่างไกลออกไปแล้วถอยกลับไปตั้งรับในอีกแคว้นศัตรูได้อย่างแยบยล
นิยายจอมใจฮิปปาเรียนี้จะถูกเรียกว่าหนังสือชุด #อาณาจักรฮิปปาเรีย ค่ะ โดยซีรีส์อาณาจักรฮิปปาเรียมีนิยายทั้งหมด 10 เล่ม ดังต่อไปนี้ 1.จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนีย 2. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 2 ผจญภัยป่าดงดิบฮานาบี 3. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 1 กำเนิดรัชทายาทฮิปปาเรีย 4. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 2 นางบรรณาการแคว้นดิมาเรีย 5. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ปราบกบฎบัลลังก์สราเนีย 6. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ห้าเจ้าหญิงผู้นำทางปริศนา 7. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 1 หนึ่งเดียวในหทัย 8. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 2 อาณาจักรฮิปปาเรีย 9. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 1 เจ็ดขุนนางผู้พิทักษ์ 10. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 2 ราชอาณาจักรฮิปปาเรีย นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจาก จินตนาการของ "ดวงดาหลา" เองค่ะ ดินแดนฮิปปาเรียเป็นดินแดนสมมติที่ผู้เขียนเฝ้าฝันถึง จอมใจฮิปปาเรีย มีสี่ภาค แต่ละภาคแบ่งเป็น 2 เล่มค่ะ รับรองค่ะว่า เข้มข้น หวานซึ้ง ตรึงใจทุกคนแน่นอนค่ะ เนื้อเรื่องจะสนุกขนาดไหน ขอเชิญนักอ่านทุกท่านเพลิดเพลินไปกับ จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนียได้แล้ว ณ บัดนี้ Duangdala Talk ดวงดาหลากลับมาเเล้วค่ะ หลังจากติดภารกิจมานาน รี้ดทุกคนสามารถคอมเม้น หรือกดใจทั้ง 5 ให้ดวงดาหลาได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ #ดวงดาหลา ป.ล. นักอ่านท่านใด หรือ ใครอ่านเเล้วมารีวิว มาเม้นมาพูดคุยกันกับดวงดาหลา ได้น้า
พจน์ศรัช โคฟาวเดอร์ หนุ่มที่ได้โคจรมาพบกับธาสิกา คู่หมั้นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เรื่องราวชุลมุนยิ่งขึ้นเมื่อคู่หมั้นคนก่อนเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนาในสถานอโคจรที่เขาต้องมีเอี่ยวไปด้วย งานนี้ธาสิกาจึงต้องลงมือสืบสาวเรื่องราวด้วยตัวเอง งานแต่งยังคงดำเนินต่อไป และใครกันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของยศรินทรา แฝดพี่ของธาสิกา ไม่รู้ว่าจะเรียกพรหมลิขิตเขียนไว้หรือจะเป็นบาปเวรแต่ชาติปางไหน...เมื่อหัวใจรักของเขาทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว
ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ จุดเริ่มต้นความน่าสะพรึงกลัวของทุกสิ่งที่จารีย์ได้เจอนั้นมาจากคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่าแห่งนี้ ภายนอกงดงามหากแต่ภายในกลับรกร้างราวกับไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อน แรงแค้น แรงพยาบาท แรงอาฆาต ของสิ่งลี้ลับยังคงวนเวียนตามจองกรรมทวงถามความเป็นธรรมอย่างที่พวกมันรอคอยตลอดมา! +++ นรีกุลรับรู้ถึงอุณหภูมิที่กำลังทวีความคุกรุ่นในเรือนกายของหล่อน เรียวปากบางของเขาซอนไซ้ไปยังใบหูของนรีกุลจนหญิงสาวเผลอไผลร้องซี้ดปากด้วยความสุขใจ มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมปลดตะขอชุดที่นรีกุลสวมใส่อยู่ เขาแนบเรือนกายของหล่อนให้ผสานกับเขาอย่างลุ่มหลงในตัวของนรีกุล หญิงสาวปิดเปลือกตาของหล่อนลงอย่างพลั้งเผลอ ความหวามไหวแทรกไปทั่วอณูของนรีกุล ภรรยาของนัฐธวีร์ปิดเปลือกตาลงไปแล้ว หากแต่เวลานี้ดวงวิญญาณร้ายของกรวีร์ยังคงทำงานตามคำสั่งของเดรัจฉานต่อไป นิ้วเรียวของวิญญาณร้ายซอนไซ้เข้าไปยังปากถ้ำสวรรค์ของหญิงสาว นรีกุลบิดตัวแล้วครวญเสียงหวานจนนัฐธวีร์สะดุ้งเล็กน้อยทว่าความอ่อนเพลียจากการเดินทางในระยะเวลานานทำให้เขาฟุบหลับไป หนุ่มสาวสองคนหารู้ไม่ว่าเวลานี้ดวงวิญญาณของกรวีร์ได้เสพสมเรือนกายของนรีกุลอย่างอุกอาจ และดวงจิตของนัฐธวีร์ได้ถูกเรียกจิตไปโดยสัตว์ร้ายในคราบของสาวงามเสียแล้ว!
"วันดับนางริษยา" นิยายแนวสยองขวัญกระตุกประสาทที่จะมาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ มาร่วมค้นหาบทสรุปในนิยายเล่มนี้กันค่ะ
"วันดับนางริษยา" นิยายสยองขวัญกระตุกประสาท #ดวงดาหลา ที่จะพาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง เมื่อรักไม่อาจแบ่งใจนรีกุลจึงต้องแบกรับทั้ง นัฐธวีร์ คนเป็น และคนตายในคราเดียวกัน นรีกุลจะทำเช่นไรต่อไป...ความรัก แรงอาฆาตเปลวพยาบาทของพวกเขาจะเผาหญิงสาวให้ตายทั้งเป็นหรือไม่! มาร่วมค้นหาคำตอบในนิยายเล่มนี้กันค่ะ ++++++++++++ โปรปราย เวลานี้นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าร่างกายของตนขยับไม่ได้อีกแล้วหากแต่ท้องของหล่อนกับปวดมากราวกับเป็นไส้ติ่งอักเสบ หญิงสาวพยายามดีดดิ้นให้รอดพ้นจากการเกาะกุมของวิญญาณร้ายที่เธอเชื่อว่าติดตามมา หญิงสาวเปิดตามองไปยังด้านบนก็พบว่าเธฮนอนใกล้คาน ไม่นานนักหญิงสาวก็ต้องหวีดร้องสุดเสียงอีกครั้ง ยามเมื่อเวลานี้มีวิญญาณร้ายนั่งอยู่บนคานสูงเหนือหัวของเธอ วิญญาณร้ายที่นั่งแกว่งขาไป,kอยู่นั้นราวกับว่าจะเห็นเธอ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นเหม็นเน่าโชยไปเข้าจมูกของหญิงสาวอย่างจัง จนเธอต้องลืมตาขึ้นมามอง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหล่อนทำให้หญิงสาวช็อคสุดขีดเมื่อเวลานี้ศีรษะของวิญญาณร้ายค่อยๆห้อยลงมาจรดยังจมูกของเธอ นรีกุลหวีดร้องอย่างดังลั่นพลางออกปากไล่อย่างตระหนกสุดขีด หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผล เธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า
กรี๊ด” พราวนภาหวีดร้องสุดเสียงยามเมื่อเรือนร่างอรชรกำลังเสียหลัก พราวนภาหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว “คุณครับ...เป็นอะไรไหมครับ” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เวลานี้พราวนภากำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขา ธนพรั้งเอวอรชรมาใกล้ตัว พราวนภาลืมตาโพลง แม่ม่ายสาวใหญ่สังเกตเห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายระยับ คิ้วเข้มจนเน้นให้ใบหน้าหล่อดูคมคาย ดวงหน้าคมคายอยู่ใกล้ใบหน้านวลผ่องแค่คืบ พราวนภาสัมผัสได้ถึงหัวใจของตนเองที่เต้นระรัว “ฉันไม่เป็นไรค่ะ” พราวนภาเอ่ยขึ้นขณะยืนตัวตรง ม่ายสาวจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยกว่าเดิม “ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” พราวนภาเอ่ยขณะสบสายตาชวนหวามใจของชายหนุ่มตรงหน้า “ไม่เป็นไรครับ” ธนพเอ่ยขึ้นขณะลอบมองใบหน้าของสตรีตรงหน้าที่เว้นระยะห่างออกมา “ฉันสายแล้วยังไงก็ขอบคุณคุณมากค่ะ” พราวนภาเอ่ยขณะก้มเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือของตนเอง “ไม่เป็นไรครับ” ธนพเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มส่งยิ้มให้หญิงสาวอย่างสุภาพ หญิงสาวเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปแล้ว หากแต่ธนพยังยืนอยู่ที่เดิม เหตุการณ์เมื่อครู่อดทำให้ใจของเขาสั่นระรัวไม่ได้ ดวงหน้านวลผ่องหมดจดไร้ไฝฝ้าทำให้เขาคาดคะเนไม่ถูกว่า สตรีคนนั้นมีอายุเท่าใดกันแน่ ++++ พราวนภาร้องครางเสียงหลงยามเมื่อมือหนาของธนูเอื้อมมาใกล้กับกระโปรงของเธอ ธนูถลกกระโปรงของพราวนภาขึ้นแล้วบรรจงใช้นิ้วเรียวสอดไปในช่องทางสวรรค์ นิ้วมือเรียวของธนูดั้นเข้าไปอย่างซุกซน พราวนภาสัมผัสได้ราวกับตนกำลังโผผินบินได้ดั่งใจหมาย พราวนภาครวญกระชั้นยามเมื่อธนูขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แววตาคู่นั้นเบิกกว้างกว่าเดิม ยามเมื่อริมฝีปากบางบดขยี้จูบอย่างรุนแรง หญิงสาวรู้สึกราวกับนกผกผินได้ เมื่ออารมณ์ของเธอเตลิดจนกู่ไม่กลับ
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ