เมื่ออยู่ๆ 'นิตย์รดี โขคฉลุย' ต้องมาตกงานกะทันหัน เสียงานออกแบบภายในดีกรีปริญญาโทไปในพริบตา ต้องระเห็ดกลับมาอยู่บ้านเกิดที่พังงา สถานการณ์บังคับให้ต้องทำงานที่เลือกไม่ได้ หญิงสาวมาสมัครงานที่บ่อทรายของ 'นายหัวศิธา' ในตำแหน่งคนจดคิวรถ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดช่วงพายุถนนขาดกลับไม่ได้ เลยต้องค้างที่่บ่อทราย โชคยังดีเพราะมีห้องว่างแต่เธอดันเข้าห้องผิด!
เพราะพิษเศรษฐกิจ ทำให้ตกงานกะทันหัน
เป็นเหตุให้ ‘นิตย์รดี โชคฉลุย’ ต้องกลับมาอยู่บ้านที่จังหวัดพังงา เธอเรียนจบปริญญาโทสาขาวิชาสถาปัตยกรรมภายใน ก่อนหน้านี้หน้าที่การงานฉลุยเหมือนนามสกุล แต่พอเกิดโรคระบาดใหญ่ติดกันหลายปี บริษัทข้ามชาติที่เธอทำงานด้วยขาดสภาพคล่องทางการเงิน เพราะไม่มีใครมาจ้างงาน จากที่เคยมีมหาเศรษฐีมาใช้บริการ ก็เงียบหายจนเกือบกลายเป็นบริษัทร้าง พนักงานแทบจะนั่งตบยุงไปวันๆ และในที่สุดเธอก็ถูกเลิกจ้างแม้เพิ่งเริ่มทำงานได้เพียงสามปีเท่านั้น
เงินชดเชยได้มาจำนวนหนึ่งก็จริง แต่เมื่อนำมาใช้หนี้แล้วก็แทบไม่เหลืออะไร พ่อกับแม่อยากให้นิตย์รดีเรียนสูงๆ ก็เพื่อหน้าที่การงานที่มั่นคง เลยไปเอาบ้านไปจำนองไว้กับนายหัว ใช้หนี้ไปยังไม่ถึงครึ่งก็ถูกเลิกจ้างเสียก่อน กลับมาอยู่บ้านจะนั่งๆ นอนๆ ก็ไม่ได้อีกเพราะไม่มีจะกิน หญิงสาวจึงอยากหางานทำไปพลางๆ ก่อน
“นิ้ง แม่เห็นบริษัทนายหัวรับคนงานอยู่นิ ลองไปสมัครดูก่อนม้าย”
“งานอะไรจ้ะแม่” พอมารดาพูดถึงเรื่องงานก็สนใจ ตกงานนานๆ เงินหมดหดหาย ไหนจะต้องใช้หนี้ ลำพังพ่อกับแม่ก็หาเช้ากินค่ำเลยไม่อยากรบกวน
“อะนี่ ดูเอา งานจดคิวรถอะไรนี่แหละ แม่ก็อ่านไม่ถนัด”
“รับสมัครคนงานจดคิวรถ...”
นิตย์รดีรับมือถือจากมารดามาดู เป็นงานจดคิวรถตักทราย จากโฆษณามีชื่อบริษัทและสถานที่ตั้ง ซึ่งอยู่ไกลจากที่พักพอสมควร แต่รู้สึกคุ้นชื่ออยู่เหมือนว่าบริษัทนี้จะมีธุรกิจหลายอย่างในพังงา คลับคล้ายคลับคลาว่ามีโรงแรมชื่อนี้ด้วย
“นิ้งเอ้ย ทำไปก่อนเถอะลูก ระหว่างรองานที่กรุงเทพ ดีกว่าอยู่เฉยๆ นิ” เห็นลูกสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดก็รู้ได้ทันทีว่าคิดอะไรอยู่ นิตย์รดีจบปริญญาโทคงกระอักกระอ่วนใจกับงานแบบนี้ เงินเดือนน่าจะไม่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ลูกเคยได้รับด้วยซ้ำ
“นิ้งรู้จ้าพ่อ แต่งานนี้มัน...” ทำใจได้ยากที่จะต้องไปทำงานแบบนั้น ไม่ใช่ว่าหัวสูงหรอกนะ แต่ว่า...เธอจบปริญญาโทสาขาตกแต่งภายใน แต่งานนี้มันห่างไกลจากสิ่งที่เรียนมาก แทบไม่ต้องใช้ความคิดเลย
“ไม่เลือกงานไม่ยากจนนะลูก”
“งั้นขอนิ้งนอนคิดสักคืนนะ” เธอรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรเลือกงาน แต่ขอคิดก่อนเผื่อว่าจะมีตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ
“นายหัวคนนี้มีกิจการหลายอย่าง บ้านเราก็เอาไปจำนองไว้กับเขานั่นแหละ ถ้านิ้งไปทำงานที่นั่น บางทีอาจได้พูดคุยเรื่องการผ่อนผันหนี้”
“นายหัวคนนี้คงรวยมากใช่ไหมจ้ะแม่” ถามพลางค้นหาข้อมูลของนายหัว ตามชื่อบริษัทในโฆษณาประกาศหาคนงาน
รูปของเขามีน้อยมากเหลือเกิน ส่วนใหญ่เป็นมุมที่เห็นหน้าไม่ชัด นิตย์รดีพยายามซูมเข้าไปดูในรูปถ่ายที่ลงไว้บนโซเชียล ‘ศิธา มูลเลอร์’ นั่นคือชื่อของเขา ชายหนุ่มสวมชุดสูทเป็นทางการสีดำสนิท อยู่ในงานเลี้ยงอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นงานระดับจังหวัด บุคลิกก็ดูดีตามสไตล์คนรวย แต่เสียดายที่เห็นหน้าไม่ชัด
“รวยมากลูก รวยเป็นหมื่นล้านเลยมั้ง เห็นเขาพูดๆ กันนะ แม่ก็ไม่รู้เอไร๊ รู้แค่ว่ามีธุรกิจหลายอย่าง ที่ทางก็มากมาย ทำบ่อทราย โรงไฟฟ้า โรงแรม แล้วก็เอไร๊อีกหลายอย่าง” ฟังมาจากที่เขาพูดๆ ว่ากันว่านายหัวคนนี้รวยล้นฟ้า แต่ทำตัวธรรมดาติดดิน โดยเฉพาะมารดาของเขา ชอบใช้ชีวิตแบบสมถะมาก
“ทำหลายอย่างขนาดนั้น น่าจะมีงานด้านอื่นให้ทำบ้าง” พยายามค้นหางานอื่นจากบริษัทในเครือของนายหัวหนุ่ม แต่ทว่ามีแค่งานรับจดคิวรถเท่านั้นที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว ธุรกิจในมือของเขาไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับสายงานเลย แต่งานโรงแรมก็น่าสนใจเพราะเธอได้เรื่องภาษา เสียดายที่ยังไม่ประกาศรับพนักงานเพิ่ม
“ก็ลองไปคุยดูก่อนสิลูก”
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดแล้วกันนะจ้ะ ว่าแต่เย็นนี้มีอะไรกินบ้าง” ไม่อยากพูดคุยเรื่องงาน เพราะดูเหมือนมารดาอยากให้ไปทำงานนี้มากเหลือเกิน
เข้าใจพ่อกับแม่ว่าหวังดี อยากให้เธอมีงานอย่างน้อยก็ยังได้เงิน ระหว่างนี้ก็สมัครงานที่อื่นทิ้งไว้ด้วย แต่งานจดคิวรถมัน....ท้าทายเกินไปหน่อย
“หลายอย่างเลยลูก วันนี้แม่ทำผัดสตอกุ้ง แกงน้ำเคยปลาของโปรดพ่อเขานิ แล้วก็แกงคั่วหอยขมใบชะพลูเบอะ” พอลูกสาวถามเรื่องกับข้าวกับปลาก็พร้อมนำเสนอ ตั้งแต่นิตย์รดีไปทำงานที่กรุงเทพ ก็ไม่ค่อยได้ทำอาหารจัดชุดใหญ่ อยู่กันสองคนผัวเมียก็กินกันแค่อย่างสองอย่างเท่านั้น
“ดีเลยจ้า กำลังอยากกินอยู่พอดี” คิดถึงแกงคั่วหอยขมใบชะพลูฝีมือแม่ แล้วผักที่นี่ก็อร่อยมาก เพราะพ่อกับแม่ทำสวนครัวไม่ใช่แค่เก็บกินเท่านั้น แต่ปลูกไว้ขายด้วย พื้นที่หลังบ้านทำเป็นแปลงผักขนาดใหญ่ เช้าๆ พ่อกับแม่จะเอาผักไปขายที่ตลาด
“งั้นเดี๋ยวแม่ไปเข้าครัวก่อนนิ ไปพ่อ ไปหาผักมาให้แม่ทีเบอะ”
นิตย์รดีมองดูแม่กับพ่อพากันเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะก้มลงดูมือถือหาข้อมูลบริษัทมูลเลอร์ของนายหัว ถ้ามันจะไม่มีทางเลือกจริงๆ ก็ขอดูรูปแบบการทำงานของบ่อทรายหน่อยแล้วกัน หน้าที่จัดคิวรถไม่มีอะไรมาก แค่คอยจดรายชื่อกับป้ายทะเบียนที่เข้ามาขนทราย มองในแง่ดีมันก็สบาย ไม่ต้องใช้สมอง แค่ทำตามคำสั่งวนลูปไปเรื่อยๆ นอกจากข้อมูลงานแล้ว เธอยังหาข้อมูลของนายหัวเพิ่มเติม โดยมากจะเป็นประวัติของมารดาเขา
คุณแหวว มูลเลอร์ แต่งงานกับ สก็อต มูลเลอร์ เศรษฐีชาวเยอรมัน เริ่มก่อตั้งอาณาจักรด้วยการทำโรงไฟฟ้าและบ่อทราย จนกลายเป็นเจ้าใหญ่ในจังหวัด และแตกแขนงธุรกิจอื่นๆ ทั้งโรงแรมอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ปัจจุบันธุรกิจต่างๆ ถูกส่งต่อให้กับ ศิธา มูลเลอร์ บุตรชายเพียงคนเดียว ดีกรีนักเรียนนอกจบโทด้านบริหารมาสานงานต่อ...
จากประวัติคร่าวๆ ที่ได้อ่านทำให้ทราบว่าครอบครัวของนายหัวรวยจริง! จบนอกมาด้วย ดูจากบุคลิกแล้วน่าจะเป็นแนวคุณชายไฮโซ แต่จะเป็นอย่างไรมันคงไม่เกี่ยวกับเธอหรอก คนอย่างเขามีธุรกิจมากมายให้จัดการ คงไม่มาขลุกอยู่กับงานบ่อทรายหรอกมั้ง? ตอนนี้ไม่มีตัวเลือกเสียด้วย คงต้องลองทำงานนี้ไปก่อน...
เอาว่ะ! ดีกว่าไม่มีเงินใช้!
ในชาติก่อนจางหลินซินเคยเป็นนักฆ่าผู้เก่งกาจ แต่ถูกครอบครัวทรยศและถูกยิงอย่างโหดเหี้ยม เฉินจือหานล้างแค้นแทนเธอและไปสวรรค์พร้อมกัน ในชาตินี้เธอได่เกิดใหม่และต้องการล้างบางพวกที่มันทำกับเธออย่างสาสม!!!
เมื่อท่านประธานสุดเหลี่ยมมาเจอกับเด็กที่เหลี่ยมกว่า! ชีิวิตของท่านประธานน่านฟ้าถึงคราวปั่นป่วนเมื่อใช้เล่ห์เหลี่ยมในคลับหรู จนได้เด็ก N มานั่งแบบฟรีๆ แต่ดันโดนเด็กเหลี่ยมกลับท่านประธานถึงกับไปไม่เป็น!
เพราะหน้าตาเขาถูกใจอย่างจัง คุณหนูโรสจึงทำสารพัดวิธีเพื่ออ่อยมาเฟียหนุ่มให้ยอมตกเป็นของเธอ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะเขาทั้งไล่ ทั้งด่าทำปากแจ๋วใส รสรินทร์จึงต้องงัดกลเม็ดความเด็ดที่มี พิชิตตัวพิชิตใจทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามาครอบครอง “เหนือเพชร” เธอเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสุดยั่วยวน ทำใจกล้าส่ายสะโพกลงบนตัวตนที่รับรู้ได้ว่ากำลังพองขยาย เขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่นา มีอะไรเหมือนคนปกติแต่ทำไมเล่นตัวจัง “ต้องการอะไร” เขานอนนิ่งจ้องมาด้วยแววตาที่เย็นชาจัด “ก็ต้องการนายไง” ถามมาได้ก็บอกอยู่ทุกวันว่าอยากได้ๆ ยอมๆ มาก็จบ ฟินๆ กันทั้งสองฝ่าย เธอก็ปากดีไปงั้นแหละประสบการณ์เป็นศูนย์ แต่เต็มใจมากถ้าครั้งแรกของเธอเป็นของเหนือเพชร “เห็นเป็นที่ระบาย?” เขาไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ รู้จักกันก็เปล่าคุยกันนับคำได้ เขาทั้งไล่ทั้งด่าแต่เธอก็ยังไม่หยุดตื้อ เขาไม่มีความคิดที่จะคบหาใครในตอนนี้ และไม่อยากมีสัมพันธ์กับโรสเพราะกลัวว่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง “ไม่ใช่สักหน่อย ฉันอยากได้ตัวนาย แล้วก็ตรงนี้...ของนายด้วย” โรสจิ้มนิ้วลงไปที่กลางอกของเขา เธออยากได้หัวใจมากกว่าร่างกายเสียอีก แต่เขาไม่อ่อนให้เธอเลย “ฝัน?” เหนือเพชรจับตรึงสะโพกของเธอไว้ เพราะลีลาการส่ายที่เย้ายวนของคนสวย เริ่มปลุกให้แก่นกายของเขาตื่นเต็มลำ ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างอันตราย “ไม่ฝันหรอกคอยดูเถอะ นายก็ไม่ได้รังเกียจฉันนี่นา”
ริชาร์ด คาลเวิร์ตเจ้าของเรือสำราญสุดหรูกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถูกสาวน้อยลูบคมด้วยการใช้ลูกได้ตุกติกในการเล่นคาสิโน แต่ยังไม่ทันที่ปานฟ้า เฮนเดอร์สัน ยังไม่ได้ทันหอบเงินไปใช้ เธอก็โดนจับได้เสียก่อน ปานฟ้ามีเหตุให้ต้องตัดสินใจเข้ามาเสี่ยงโชคในเกมคาสิโน เพราะต้องการเงินก้อนใหญ่ไปใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ ปานฟ้าไม่อยากโดนจับเธอขอแลกกับการทำงานบนเรือเพราะเธอเชี่ยวชาญด้านงานช่างเป็นอย่างดี ริชาร์ดเห็นว่าจะส่งเธอกลับตอนนี้ก็ไม่ทันเพราะเรือออกจากฝั่งมาไกลมาก จึงให้เธอทำงานและจับตาอยู่อย่างใกล้ชิด แต่สงสัยจะใกล้ชิดเกินเหตุ จากจับตากลายเป็นจับใจหลงไม่ไหว อยากได้นางโจรมาเป็นเมีย!
เมื่อกี้มีใครได้จูบคุณหรือเปล่าคะ” ดวงตาคู่หวานจ้องมองอย่างจับผิด ไม่มี” เดร็ครีบตอบ แต่เมื่อเห็นความหวงในแววตานั้นเขารู้สึกถูกใจ ถ้าเป็นคนอื่นอาจผลักลงจากเตียงไปแล้ว แต่เป็นคามิล่าที่แสดงความหวงแหน และเขาก็ชอบมัน “อืม แต่ชักแน่ใจแล้ว บางทีอาจจะมี…” พูดยังไม่ทันจบคามิล่าก็ก้มลงประกบริมฝีปาก เธอจูบไม่เป็นแต่พยายามขบริมฝีปากหนา แล้วแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเขา เดร็คจูบตอบทันทีความเงอะงะไม่เป็นภาษา กระตุ้นอารมณ์ร้อนภายในร่างกาย จูบของคามิล่าเต็มไปด้วยความหวงแหน แสดงความเป็นเจ้าของผ่านจูบดูดดื่ม“มาลองคิดดูดีๆ ไม่น่ามี” เดร็คถอนริมฝีปากออกแล้วกดจูบที่ข้างแก้มสวย เธอน่ารักน่าเอ็นดู มีเสน่ห์แบบที่ไม่ต้องทำอะไร เขาก็หลงหัวปักหัวปำไปหมดแล้ว
ปฐวีเจ้าของนิตยสาร SEXY ISSUE วัย 24 ปี แต่ต้องกลายมาเป็นเสี่ยซะงั้น เพราะสาวหน้าเด็ก 'น้ำมนต์' เสนอตัวขอเป็นเด็กแลกกับเงิน ก็นะเด็กมันเดือดร้อนคนหล่อใจบุญ จะปล่อยไปได้ไง ตอนแรกกะจะไม่สนใจหรอกแค่ส่งเสียเฉย ๆ แต่ไหงไป ๆ มา ๆ กลายเป็นสมภารกินไก่วัดซะงั้น ก็เธอน่ะ ทั้งน่ารัก ทั้งใสซื่อจนอดใจไว้ไม่ไหว พอผมเริ่มคิดจะจริงจัง ขึ้นมาเรื่องราวกับพลิกผันเพราะเธอดันไปมีเสี่ยคนอื่น แล้วรู้มั้ยว่าสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือ....การทรยศ!!!
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"