เมียเพื่อนที่สนิทกันมาก บ้านอยู่ใกล้กัน เห็นหน้ากันเกือบทุกวัน ความใกล้ชิด สนิทสนม และเป็นกันเอง อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้
เมียเพื่อนที่สนิทกันมาก บ้านอยู่ใกล้กัน เห็นหน้ากันเกือบทุกวัน ความใกล้ชิด สนิทสนม และเป็นกันเอง อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้
ในตำบลเล็กๆ ของจังหวัดแถบภาคอีสาน ซึ่งยังไม่เจริญมากนัก มีชาวบ้านอาศัยอยู่กันหลายหลังคาเรือน แต่ที่สนิทกันมากเพราะปลูกบ้านใกล้กัน มีอยู่ 3 หลัง แต่ละหลังก็มีผู้อยู่อาศัยรุ่นราวคราวเดียวกัน
บ้านหลังแรกอยู่กันสองคนผัวเมีย คนเป็นผัวชื่อพันธ์ อายุ 28 ปี ส่วนคนเป็นเมียชื่อยุ้ย อายุ 25 ปี มีอาชีพทำไร่ทำสวน ช่วยกันทำมาหากินตามประสาคนชนบท
บ้านหลังที่สองก็อยู่กัน 2 คนผัวเมีย คนเป็นผัวชื่อเทียน อายุ 29 ปี คนเป็นเมียชื่ออ้อย อายุ 26 ปี เปิดร้านขายของชำเลี้ยงชีพ
ส่วนบ้านหลังที่สาม ฐานะดีกว่าเพื่อน ดูจากบ้านที่หลังใหญ่ มีเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้น และมีรถปิ๊กอัพไว้ใช้งาน อยู่กันสองคนผัวเมีย เพิ่งแต่งงานกัน และเข้ามาปลูกบ้านอยู่ทีหลังสุด ประมาณ 6 เดือน
บ้านหลังนี้อยู่กันสองคนผัวเมีย ผัวชื่อชาติ อายุ 27 ปี เมียชื่อจุ๋ม อายุ 24 ปี อาชีพออกเงินกู้ให้ชาวบ้านแถวนั้น เพราะชาติได้มรดกจากทางบ้านเป็นเงินก้อนหนึ่ง จึงมีทุนออกเงินกู้
บ้านทั้งสามหลังอยู่ละแวกเดียวกัน จึงเห็นหน้ากันบ่อย สังคมคนชนบทมักจะมีน้ำใจต่อกัน ใครทำอาหารเยอะ ก็จะเผื่อแผ่บ้านใกล้เรือนเคียง จึงสนิทสนมกันมากกว่าสังคมคนเมือง
ความที่มีวัยใกล้กันทั้งผัวและเมีย และมีนิสัยคล้ายๆกัน ทำให้สามครอบครัวนี้สนิทกันเป็นพิเศษ มีอะไรก็แบ่งปันกัน ไปมาหาสู่กันตลอด พูดกูๆมึงๆอย่างสนิทสนม
วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน นายพันธ์กับนางยุ้ยที่มีอาชีพทำสวน โดยยุ้ยถือหม้อแกงเดินเข้ามาในบ้านนายชาติและนางจุ๋มที่ออกเงินกู้
“เฮ้ยพันธ์ วันนี้ให้เมียถือหม้ออะไรมาวะ”
นายชาติถามอย่างเป็นกันเอง
“วันนี้มีแกงป่ากบว่ะ ยุ้ยทำมาเยอะ เลยเอามาแบ่งให้มึงลองชิมดู รับรองแซ่บถึงใจ”
“ดีๆ กำลังอยากกินพอดี แต่หม้อใหญ่มาก ไม่แบ่งให้ไอ้เทียนกับอ้อยชิมบ้าง กูกลัวกินไม่หมด”
“มันไม่อยู่บ้าน น่าจะไปซื้อของในเมืองมาใส่ร้านชำมั้ง เดี๋ยวถ้ามันมาค่อยแบ่งไปให้มัน ที่บ้านยังมีอีกเยอะ”
ทักทายจบนายพันธ์นางยุ้ยเดินเข้ามาในบ้านนายชาติ เห็นจุ๋มเมียนายชาตินอนเล่นโทรศัพท์ ก็ทักทายกันตามมารยาท นายชาติเห็นยุ้ยถือหม้อแล้วมองหาที่วาง เลยบอก
“วางไว้บนโต๊ะกินข้าวเลย เออ..พันธ์.. วันนี้มึงว่างรึเปล่า นี่ก็ 4 โมงเย็นแล้ว น้ำลายเหนียวว่ะ ดื่มกันหน่อยมั้ย ได้แกงป่ามึงซดน้ำคงจะคล่องคอดี”
“ได้ แต่ไม่นานนะ วันนี้กูทำสวนกลางแดด กูเพลีย อยากรีบนอน”
นายพันธ์ตอบด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก เพราะรู้ว่าถ้าเหล้าเข้าปาก ก็อาจติดลมได้
“เออน่า จะกลับกี่โมงก็แล้วแต่มึง บ้านอยู่แค่นี้เอง”
นายชาติพูดจบก็เดินเข้าครัว หยิบขวดเหล้ากับน้ำแข็งโซดามาวางที่พื้น ส่วนนางจุ๋มเมียชาติเอาจานชามมาแจกทุกคน แล้วตักแกงป่าใส่ถ้วยมาวางพื้นบ้าน คนชนบทชอบกินกับพื้น ไม่ชอบนั่งโต๊ะกินข้าว เพราะไม่เคยชิน
ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงกินเหล้ากับแกงป่า แล้วก็คุยกันตามประสาเพื่อนบ้านที่สนิทกัน
“เป็นไง แกงป่าฝีมือยุ้ย แซ่บถึงใจรึเปล่า”
นายพันธ์ถามเมื่อเห็นนายชาติซดน้ำแกงป่า แล้วซู๊ดปาก
“จัดจ้านดีว่ะ ยุ้ยทำอาหารแซ่บจริงๆ ว่างๆทำมาอีกนะ”
“ได้จ้ะพี่ชาติ วันไหนยุ้ยทำเยอะๆ จะแบ่งมาให้พี่อีก พี่พันธ์เค้าก็ชอบกินเหมือนกัน”
นางจุ๋มเห็นผัวชิมแล้วชอบ ก็ตักชิมบ้าง
“อืม.. รสชาติเข้มข้นจริงๆ ยุ้ยทำแกงป่าอร่อย สงสัยจุ๋มต้องขอไปฝึกทำกับยุ้ยบ้างแล้ว”
“ได้เลยจ้ะจุ๋ม วันไหนยุ้ยทำแกงป่า จะไปเรียกนะ”
ทั้งสี่คนนั่งดื่มไป คุยกันไปจนมืด แต่ละคนเริ่มมีอาการเมาเพราะฤทธิ์สุรา เสียงอ้อแอ้ ก็เป็นอย่างนี้ประจำ ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่วันนี้ดูเหมือนนางจุ๋มจะเมามากกว่าปกติ เธอใส่ผ้าถุง และนั่งชันเข่า ผ้าถุงร่นขึ้นมาถึงหัวเข่า ทำให้เกิดช่องว่างตรงกลาง ภาษาชาวบ้านเรียกนั่งหวอออก แล้วเธอนั่งตรงข้ามกับพันธ์ นายพันธ์เห็นแวบนึงแล้วรีบหันหน้าไปทางอื่น เพราะกลัวเสียมารยาท
แต่ในใจนายพันธ์เริ่มว้าวุ่น อยากมองก็อยากมอง แต่กลัวนายชาติเห็นแล้วไม่พอใจที่ไปมองข้างในผ้าถุงของเมีย จึงข่มใจไว้
ความชื่นชอบในเรื่องเพศของคนไม่เหมือนกัน.. บางคนชอบแบบเรียบง่าย บางคนชอบแบบโลดโผน จึงคิดค้นหาวิธีเพื่อให้ตัวเองมีความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการ..
หมอทำเสน่ห์ที่เป็นผู้หญิง ทั้งสาวและสวย จะสามารถทำเสน่ห์ได้จริงหรือ.. หรือมีอย่างอื่นแอบแฝง หาคำตอบได้ใน.. หมอเสน่ห์สาวฉาวรัก
หมวยเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่ มีผัวแล้ว แต่รายได้ไม่พอใช้ จึงขายขนมหวานหน้าบ้าน เพื่อหารายได้ช่วยผัวอีกทางหนึ่ง.. ความที่หมวยมีรูปร่างหน้าตายั่วยวน และชอบแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมังสา ทำให้มีลูกค้าผู้ชายแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย.. และแล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น.. นายหมวยได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต.. สำคัญที่สุดคือ..ผัวที่ไม่ค่อยทำการบ้าน กลับมาลุ่มหลงเธออย่างโงหัวไม่ขึ้น..
อาจารย์เรืองได้เปิดสำนักหมอเสน่ห์ และตั้งตนเป็นหมอเสน่ห์... ผู้ที่มาหามักจะโดนเล่ห์เหลี่ยมอันแยบยลของหมอเสน่ห์หลอกละเมิดทางเพศเกือบทั้งสิ้น... เรื่องจะได้ผลหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคน
ฉันได้มีโอกาสเล่นเกมสวิงอีกครั้งหนึ่ง... ยอมรับเลยว่าครั้งนี้สนุกกว่าทุกครั้ง... เพราะรอบนี้พี่วิทย์คนคิดเกม... และที่สำคัญ มีสามีภรรยาชาวต่างชาติคู่ใหม่มาร่วมด้วย... โดยเฉพาะสามีของคู่ใหม่ เพียงแค่เห็นครั้งแรกฉันก็แอบหลงใหลจนสุดหัวใจ...
ฉันแอบปลื้มหนุ่มหล่อข้างบ้านมานาน... แต่ก็ได้แค่มอง เพราะทั้งฉันและเขาต่างมีคู่ของตัวเองอยู่แล้ว.. อยู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อคู่ฉันและคู่เขาได้มาร่วมเต้นแอโรบิค ความเร้าใจจึงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเหลือเชื่อ...
เมื่อเขาต้องเลือกเจ้าสาวจากลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อที่มีอยู่2คน คนพี่สวยเซ็กซี่หยิ่งทนง คนน้องสวยน่ารักใสซื่อไม่ถือตัว เขาควรจะเลือกใครดี
+++++++++++++ “อือ... พริบีนา... จะ...เจ็บค่ะ” “ฉันชอบ... เวลาเธอเจ็บเพราะฉัน” สิ้นคำเขาก็ขบอีกครั้ง จนร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงๆ เหมือนกลีบกุหลาบช้ำๆ “คนบ้า!” “ฉันดูดเธอได้ทั้งคืน... ดูดแรงๆ ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัว...” ‘รวิสรา’ ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อจู่ๆ ‘พริบีนา เอล เชสตัค’ มกุฎราชกุมารผู้หล่อเหลาแห่งเอล มอร์เรเวีย ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า และบอกว่าเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของเพนต์เฮาส์หรูใจกลางปารีส ที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากเรื่องกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม... เมื่อรู้ว่าน้องชายวัยขวบเศษของเธอ คือทายาทที่เกิดจากการขโมยสเปิร์มของเขา หญิงสาวจึงจำใจสุ่มเสี่ยงต่อความหวั่นไหว แล้วยอมใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกัน กับเจ้าชายหนุ่มผู้เร่าร้อนตลอดหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ในตัวเด็กน้อย โดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์ของตัวเอง
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด