/0/16333/coverbig.jpg?v=22c39942b22b55780432a9173035239e)
ในชาติภพก่อนนางคือวีรสตรีของแผ่นดินสยาม ปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกศัตรูจนตัวตาย เกิดชาติภพใหม่ในยุคจีนโบราณ นางนั้นเติบโตขึ้นเป็นสตรีที่งดงามแต่ทว่าภายใต้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
ปีพุทธศักราช ๒๓๐๘
อาณาจักรอยุธยา สมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวง พม่าส่งกองทัพเข้าโจมตีทั่วแคว้นแดนสยาม ข้าศึกได้เหิมเกริมรุกรานเข้ามาทั่วแดน จนทำให้ชาวบ้านล้มตายไปเป็นจำนวนไม่น้อย บ้างก็ถูกจับไปเป็นเชลย บ้างก็ถูกฆ่าตาย บ้างก็ถูกข่มเหงรังแก จนทำให้มีชาวบ้านหลายกลุ่มพากันลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อปกป้องชีวิตและบ้านเมืองจากทหารของข้าศึก เช่นเดียวกับหมู่บ้านแห่งนี้ที่มีชาวบ้านลุกขึ้นมาฝึกฝนตนเองเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับมือในการถูกพวกข้าศึกเข้ามารุกราน
“เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!’
เสียงของคมดาบปะทะกันดังไปทั่วทั้งบริเวณลานฝึกภายในหมู่บ้านบางระกำ หมู่บ้านที่ห่างไกลออกมาจากเมืองอยุธยามากโข แม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ทว่ากลับมีความแข็งแกร่งจนข้าศึกไม่อาจตีพ่ายได้ในคราเดียว เพราะสถานที่แห่งนี้มีทั้งบุรุษและสตรีแกร่งรวมตัวกันอาศัยอยู่มากมาย จึงถือเป็นด่านหน้าคอยปกป้องเมืองอโยธยาได้เป็นอย่างดี
“ย๊าก.....”
“เคร้ง!!!” ดาบยาวที่มือหนาของบุรุษหนุ่มร่างโตถืออยู่กระเด็นหลุดออกจากมือร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน
“เฮ้อ!!! นี่ข้าแพ้ให้เอ็งอีกแล้วรึ นังคำเอื้อย” นายดู่กล่าวออกมาก่อนที่จะเดินไปเก็บดาบของตน
“พี่ดู่ก็อย่ามัวแต่เกียจคร้านที่จะฝึกฝนสิ ไอ้พวกข้าศึกมันจะพากันบุกมาถึงเพลาใดก็หารู้ไม่” สตรีรูปร่างอวบอัดแต่ทว่ามีกล้ามเนื้อราวกับบุรุษเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
คำเอื้อยเป็นหญิงสาวชาวบ้านบางระกำวัยสิบเจ็ดปีที่ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับชาวบ้านบางระกำนับตั้งแต่ที่ข้าศึกบุกเข้ามา นางฝึกฝนการฟันดาบและศิลปะการต่อสู้จนเก่งกาจ
“โถ่!!! นังคำเอื้อย เอ็งก็ให้ข้าพักเสียบ้างเถิด ถึงเพลาที่ไอ้พวกข้าศึกบุกมา พวกเราก็ต้านมันได้ทุกครามิใช่หรือเยี่ยงไร”
นายดู่ถอนหายใจให้กับหญิงสาวที่มีใจกล้าเฉกเช่นเหล่าบุรุษ ไม่ว่าข้าศึกจะมามากเพียงใด นางก็ไม่เคยหลบลี้หนีหน้าไปไหน นางมักจะถือดาบประจันหน้ากับพวกมันเคียงบ่าเคียงไหล่พวกเขาเสมอ
“พี่ดู่จ๊ะ ไอ้ผุดบอกว่าเสบียงของหมู่บ้านเราเริ่มจะร่อยหรอเสียแล้ว เหตุการณ์ภายนอกเมืองก็มิค่อยจะดีเท่าใดนัก แล้วเช่นนี้พวกเราจะทำเยี่ยงไรกันดีล่ะจ๊ะ”
แก้ว หญิงสาวในหมู่บ้านที่ทำหน้าที่คอยดูแลเสบียงอาหารกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล เพราะถ้าให้คนออกไปหาเสบียงด้านนอกหมู่บ้าน ก็คงไม่พ้นได้พบเจอกับพวกทหารของพม่าเป้นแน่
“เดี๋ยวข้าจะพาพวกออกไปหาเสบียงมาเพิ่มเองจะ พี่แก้วไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ”
คำเอื้อยบอกออกมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หากเสบียงอาหารร่อยหรอ ทุกคนในหมู่บ้านก็จะใช้ชีวิตอยู่กันด้วยความลำบาก
“ข้าไปด้วย”
นายอ้นรีบเอ่ยออกมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หากปล่อยให้คำเอื้อยพาพวกออกไปแล้วเจอกับพวกศัตรู เขาจะได้ร่วมต่อสู้ไปพร้อมกับนาง
“ถ้าเยี่ยงนั้นพวกเราไปเตรียมตัวกันเถิด ออกไปสักสิบคนก็พอ หากออกไปมากนักจะทำให้พวกข้าศึกรู้ตัวเอาได้”
“ไม่รู้ว่าเพลานี้ข้าศึกมันอยู่ทิศทางใดกัน เหตุใดพักนี้หมู่บ้านของพวกเราถึงได้ดูเงียบจนแปลกประหลาดยิ่งนัก” นายชดเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ให้มันพักกันเสียบ้างเถิด หากพวกมันหมั่นเข้ามาโจมตีพวกเราคงจะต้านเอาไว้ไม่อยู่เป็นแน่” ทองกล้ากล่าวออกมาพลางใช้ผ้าเช็ดดาบเล่มยาวของตน
“ถ้าเช่นนั้นเอาตามนี้แหละจ้ะ ข้า ไอ้อ้น แม่จำปี แม่ลำดวน พี่คล้าว พี่เข้ม พี่คม พี่เสือ พี่ผา และก็พี่ชิด พวกเราทั้งสิบจะออกไปหาเสบียงมาเพิ่มเอง” คำเอื้อยหันไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านอย่างลุงทองเย็น
ผู้อาวุโสไม่ห้ามปรามอันใดเพราะหากไม่มีผู้ที่เสียสละตนออกไป ชาวบ้านทุกคนจะต้องพากันอดตายก่อนที่จะตายด้วยน้ำมือของพวกข้าศึก ทุกคนจึงได้แยกย้ายกันไปเตรียมตัวและมาพร้อมกันในเพลานัดพบ นายดู่และนายชดจะคอยดูแลหมู่บ้านในยามที่ทั้งสิบคนไม่อยู่ คำเอื้อยและสหายร่วมรบทั้งเก้าคนจึงวางใจ
บุรุษร่างสูงใหญ่ทั้งเจ็ดและสตรีอีกสามคนที่แต่งกายเยี่ยงชายชาตรี ในมือทั้งสองข้างถือดาบประจำกายพากันเยื้องย่างออกไปทางด้านหลังของหมู่บ้านในเพลากลางคืน เพื่อมิให้ข้าศึกภายนอกได้รู้ว่ามีคนในหมู่บ้านออกไป พวกคำเอื้องจึงต้องออกไปเพลานี้ เพลาที่ทิวาได้ลาลับนภาไป
เสียงนกแสกและนกฮูกร้องดังไปทั่วทั้งแนวป่าหลังหมู่บ้าน กลุ่มบุรุษและสตรีหาญกล้ามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านที่ถูกข้าศึกตีจนแตกพ่ายที่อยู่ห่างไกลออกไปจากหมู่บ้านบางระกำสองชั่วเพลาในการเดินทาง เพื่อลองหาเสบียงที่น่าจะยังคงมีหลงเหลืออยู่บ้าง ในระหว่างทางทุกคนเดินไปด้วยความเงียบเพื่อไม่ให้ข้าศึกได้ยินเสียงฝีเท้า
หนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนในที่สุดเหล่าผู้กล้าทั้งสิบคนก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านที่ถูกเผาทำลายจากการรุกรานของข้าศึก ภาพของชาวบ้านที่นอนตายอยู่ทั่วหมู่บ้าน ทำให้คำเอื้องรู้สึกเจ็บแค้นใจโดยเฉพาะพวกหญิงสาวที่ถูกพวกมันข่มเหงรังแกจนตาย หากชาวบ้านลุกขึ้นมาต่อสู้ไม่รอความช่วยเหลือจากพวกทหาร หมู่บ้านนี้ก็คงจะไม่พ่ายแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้
“คงจะเพิ่งถูกตีพ่ายไปไม่ได้นาน ศพชาวบ้านบางคนตัวยังอุ่นอยู่เลย พวกเอ็งระวังตัวเองกันด้วยล่ะ”
นายคล้าวตะโกนบอกสหายร่วมรบทั้งเก้าคนหลังจากที่เขาก้มลงไปจับชีพจรของชาวบ้านที่น่าจะเพิ่งถูกฆ่าตายได้ไม่นาน
“รีบหาเสบียงที่พอจะนำกลับไปยังหมู่บ้านเสียก่อนเถิด ข้าว่าพวกเราไม่ควรจะรั้งอยู่ที่นี่นานนัก เพราะไม่รู้ว่าพวกข้าศึกจะยังอยู่แถวนี้หรือว่าจากไปแล้ว”
คำเอื้อยร้องบอกทุกคนในขณะที่นางเดินไปสำรวจตามเรือนชานที่เสียหายจากการถูกไฟไหม้ ร่องรอยนั้นราวกับเพิ่งจะเกิด ชาวบ้านที่ล้มตายก็ยังเนื้อกายอุ่นอยู่ นางจึงคิดว่าพวกมันคงเพิ่งจะบุกมาทำลายหมู่บ้านนี้ได้ไม่นานนัก
เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
คำว่ารัก...ไม่ควรจำกัดไว้แค่คำว่าเพศ เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เหมือนกับเขาสองคน ที่คิดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา นางจึงเปิดใจและอยากแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"