คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
ณ จวนตระกูลกู้ จวนของตระกูลขุนนางที่มีรั้วสูงท่วมศีรษะ ภายในเรือนใหญ่ของผู้นำตระกูล ปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่งในลักษณะท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นเรือน มือข้างหนึ่งของนางยันพื้นเอาไว้ มืออีกข้างถูกยกขึ้นมากุมหน้าอกเพราะความรู้สึกเจ็บปวด ด้านนอกเรือนมีร่างของสาวรับใช้คนสนิทที่เพิ่งจะสิ้นใจไปก่อนหน้า เพราะถูกลูกน้องของผู้ชายสารเลวตรงหน้าแทงด้วยมีดอันแหลมคม แม้แต่ตัวนางเองในยามนี้ก็คงไม่อาจจะมีชีวิตรอดไปได้แล้วเช่นกัน
“เพราะเหตุใด ท่านกับนางถึงได้ร่วมมือกันสังหารข้าได้ลงคอ ข้าคือภรรยาของท่านนะ กู้อี้เหวิน อ๊อก!!”
โลหิตสีดำกระเด็นออกมาจากริมฝีปากที่เคยงดงาม ยามนี้มันเริ่มเปลี่ยนสีเป็นม่วงคล้ำจนไม่น่ามอง สาเหตุมาจากยาพิษที่นางเพิ่งจะดื่มเข้าไป นัยน์ตากลมยามนี้แดงก่ำจ้องมองสามีอันเป็นที่รัก โอบกอดร่างบางของสหายสนิทของนางเอาไว้ในอ้อมอก ด้วยความเคียดแค้น
“โถๆๆ ซูเยว่ซิน เจ้าช่างเป็นสตรีที่น่าสงสารยิ่งนัก ไหนๆ เจ้าก็จะตายอยู่แล้ว ข้าจะเมตตาบอกความจริงทั้งหมดให้เจ้ารับรู้ก็แล้วกัน ข้ากับท่านพี่อี้เหวิน เรารักกันมานาน ก่อนที่เขาจะได้พบกับเจ้าเสียอีก แต่เป็นเจ้าที่โง่เอง คิดว่าเขารักเจ้าจริง จนยอมทำทุกอย่างให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ”
สตรีที่เคยเป็นสหายที่สนิท และหวังดีกับนางที่สุด ตั้งแต่ที่นางย้ายจากเมืองโหย่วถิง มาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ ยามนี้ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ราวกับว่าไม่ใช่คนที่เคยรู้จักกันมาก่อน
ที่แท้รอยยิ้มและมิตรภาพก็แฝงไปด้วยคมมีด เหตุใดนางถึงไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน พี่ชายของนางต้องมาตายเพราะช่วยงานเขา บิดาของนางถูกโจรป่าสังหาร ทั้งๆ ที่เป็นแม่ทัพที่มีฝีมือ มารดาของนางต้องมาตรอมใจตายเพราะสูญเสียทั้งสามีและบุตรชายเพียงคนเดียวไปในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน พี่ชายของสามีต้องตายเพราะถูกลูกน้องของสามีลอบสังหาร โดยที่นางเองก็มีส่วนรู้เห็น
สาวรับใช้คนสนิทของนางต้องมาสิ้นใจตายไปอย่างทรมาน เพราะจับได้ว่าชายหญิงสารเลวลอบวางยาพิษนาง ยังไม่ทันได้บอกความจริงให้นางรับรู้ สาวรับใช้ของนางก็ถูกพวกคนชั่วสังหารนางจนสิ้นใจ เหตุใดนางถึงได้เป็นสตรีที่โง่งมได้ถึงเพียงนี้ ไปหลงเชื่อในคำว่ารักที่ผู้ชายสารเลวผู้นี้พูดออกมา จนมองไม่เห็นความจริงรอบๆ กาย
“ท่านพ่อของข้า เขามิได้ตายเพราะเงื้อมมือของพวกโจรป่าใช่หรือไม่” ซูเยว่ซินตัดสินใจเอ่ยถามออกมาแม้ภายในลำคอจะรู้สึกเจ็บปวดจากพิษที่นางได้รับเข้าไป
“แม่ทัพผู้องอาจ ฟาดฟันศัตรูมามากมายอย่างท่านพ่อของเจ้าน่ะหรือ จะพลาดท่าให้พวกโจรป่าพวกนั้นเอาง่ายๆ หากไม่ใช่เพราะท่านพี่อี้เหวินสั่งคนให้ไปลอบสังหารเขา อ้อ....ยังมีพี่ชายของเจ้าอีกคน เขาต้องตายไปก็เพราะความรักที่มีให้เจ้า เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้านะ ซินเอ๋อร์... เป็นเพราะเจ้าที่เกิดมาโง่งม หลงเชื่อในความรักของผู้อื่นจนมองไม่เห็นความรักของครอบครัว”
หลูเจียงหลี เล่าความจริงให้อดีตสหายสนิทฟังด้วยความสะใจ ที่ผ่านมานางนั้นต้องเสแสร้งแกล้งทำว่านางนั้นหวังดี กับสตรีที่เกิดมามีชะตาชีวิตที่สูงส่งน่าอิจฉา เป็นบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกของจวนแม่ทัพ ต้องการสิ่งใดทั้งบิดามารดา และพี่ชายต่างสรรหามาให้ ทว่านางนั้นกลับมีชีวิตที่ต่างกัน นางก็เป็นเพียงบุตรีที่เกิดจากอนุภรรยาลำดับที่ห้าของตระกูลหลู มีบิดาก็เมินเฉย พี่สาวน้องสาวต่างมารดาก็แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน มีชีวิตอยู่ภายในจวนสุดแสนจะลำบาก
“เจ้าอย่าชิงชังพวกข้านักเลย หากอยากจะเอาความจากผู้ใด ก็ต้องโทษตัวเจ้าเองนั่นแหละ ที่มองไม่เห็นเองว่าผู้ใดนั้นรักเจ้าจริง” กู้อี้เหวินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซูเยว่ซินตระหนักได้ในทันทีว่าชายสารเลวตรงหน้านี้กำลังเอ่ยถึงผู้ใด เป็นพี่ชายของเขา คุณชายใหญ่ตระกูลกู้ กู้มู่เฉินนั่นเอง ที่มีใจให้แก่นาง ทว่านางกลับไม่เคยมองเห็นถึงความรักของเขา ถ้าเช่นนั้นที่นางได้รับผลกรรมเยี่ยงนี้ก็คงถูกแล้วกระมัง เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลงทว่าความแค้นภายในใจของซูเยว่ซินกลับร้อนแรงดังเปลวไฟ นางมิอาจปล่อยวางเรื่องชายหญิงสารเลวคู่นี้ได้
และก่อนที่นางจะได้ยินคำพูดของชายหญิงสารเลวตรงหน้าพูดออกมาอีกครา นางก็กระอักโลหิตออกมากองโต เพียงไม่นานนักร่างที่ยังนั่งอยู่บนพื้น ก็ล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแทน นัยน์ตาแดงก่ำยังคงจ้องมองไปที่ชายหญิงทั้งสอง ที่ยามนี้ยืนมองมายังนางอย่างเย็นชา ไร้ความเมตตาสงสาร มองดูนางราวกับมองสัตว์ตัวหนึ่งที่กำลังจะตาย
แค้นนี้ถึงเยี่ยงไรก็ต้องได้รับการชำระ หากสวรรค์มีเมตตาโปรดช่วยให้ข้าได้หวนคืน ชาตินี้ตัวข้านั้นได้ทำความดีเอาไว้มากมาย นี่น่ะหรือคือผลตอบแทนของการเป็นคนดี หากจะถามถึงความผิด ก็มีเพียงความรักที่ทำให้ตัวข้าตามืดบอด ทำให้ข้าผิดต่อบิดามารดาและพี่ชาย และทำให้ข้าทำผิดต่อเขา เพียงเพื่อช่วยให้ชายชั่วผู้นั้นได้กลายเป็นผู้นำตระกูลตามที่ตั้งใจ จนถึงขั้นยอมทำเป็นมองไม่เห็นในยามที่เขาต้องถูกลอบสังหารจนสิ้นใจตาย
ราวกับสวรรค์ได้ยินคำคร่ำครวญของหญิงสาวที่มีชะตาชีวิตที่น่าเวทนา แสงสีขาวสว่างวาบเข้ามาภายในดวงจิตของผู้ที่กำลังจะสิ้นใจ พานางย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ยามที่นางยังไม่ได้พบกับชายหญิงสารเลว ย้อนกลับไปในยามที่นางได้ใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบกับบิดาและพี่ชาย เสียงเหล็กดังปะทะกันจากการฝึกฝนวิชาดาบของเหล่าทหารกล้าดังสะท้อนมาปลุกนางให้ลืมตาตื่น
“ที่นี่คือที่ใด สวรรค์หรือว่านรก”
เสียงแหบหวานดังออกมาจากร่างของคุณหนูรองที่นอนอยู่บนเตียงไม้ภายในกระโจมของค่ายทหาร ทำให้สาวรับใช้ข้างกายที่ทำหน้าที่เฝ้าไข้นางอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่น
“คุณหนูรอง...ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ บ่าวจะรีบออกไปตามนายท่านมาหาท่านนะเจ้าคะ”
ชิงหลวนรีบถามออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี เพราะคุณหนูรองเป็นไข้นอนไม่ได้สติมาสามวันสามคืนแล้ว นายท่านร้อนใจจึงออกไปตามหาท่านหมอเทวดาจากนอกค่ายทหาร เพื่อให้มารักษาอาการเจ็บไข้ของคุณหนู ยามนี้นายท่านเพิ่งจะกลับมา แต่ทว่ายังไม่พบกับท่านหมอเทวดาที่พวกทหารเล่าลือ
ซูเยว่ซินมองเห็นสาวรับใช้คนสนิทที่นางจำได้ว่าสิ้นใจไปแล้ว ก็รีบผุดลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ามือของอีกฝ่ายที่กำลังจะจากไปเอาไว้
“ชิงหลวน!!! นี่เจ้าจริงๆ น่ะหรือ” พลันน้ำตาของนางก็หลั่งลงมา จนชิงหลวนเองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก
“ข้าน้อยชิงหลวนเองเจ้าค่ะ คุณหนูรอง ท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ”
สาวรับใช้วัยสิบห้ารีบตอบคุณหนูรองวัยสิบสามออกมาด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ พลันรีบเข้าไปดึงร่างเล็กมาสวมกอดเอาไว้อย่างระมัดระวัง
ซูเยว่ซินร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ นางไม่คิดเลยว่า นางจะได้ย้อนเวลากลับมาจริงๆ แท้จริงนางตายไปแล้วมิใช่หรอกหรือ ตายอย่างน่าอนาถท่ามกลางสายตาเย็นชา ไร้เมตตาของชายหญิงสารเลวคู่นั้น หรือแม้แต่ชิงหลวนเอง ก็ต้องตายเพราะช่วยเหลือนางเช่นกัน
“ชิงหลวน นี่พวกเราอยู่ที่ใดกันรึ” นางต้องการแน่ใจว่านางได้ย้อนเวลากลับมาจริงๆ หรือเพียงแค่ฝันไปจึงถามสาวรับใช้ออกมา
“ค่ายทหารชายแดนเมืองโหย่วถิงเจ้าค่ะ ก็คุณหนูติดตามนายท่านกับคุณชายใหญ่มายังค่ายทหารเมื่อหลายวันก่อน คุณหนูจำไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ”
คำตอบของชิงหลวนทำให้ซูเยว่ซินรับรู้ได้ในทันที ว่านี่หาใช่ความฝันไม่ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นางติดตามบิดาและพี่ชายออกมายังค่ายทหาร แต่หลังจากนั้นอีกไม่นานนางก็เดินทางกลับจวนตระกูลซู เพราะนางร่างกายอ่อนแอ ถ้าเช่นนั้นนางก็ได้ย้อนเวลากลับมาในวัยสิบสามปี ย้อนกลับมาก่อนที่นางจะได้พบกับชายหญิงสารเลวคู่นั้น และย้อนกลับมาก่อนที่นางจะตายเพียงห้าปีเท่านั้น
จากนี้อีกสองปี ที่บิดาและพี่ชายของนางจะสู้รบชนะ และได้ย้ายกลับเข้าไปประจำการในเมืองหลวง นางยังมีเวลาอีกสองปีในการเตรียมการ ที่จะรับมือกับชายหญิงสารเลวคู่นั้น และตอบแทนชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียว ที่มีใจรักนางอย่างแท้จริง ชาตินี้นางจะช่วยชีวิตเขา และคอยผลักดันให้เขาได้เป็นผู้นำตระกูล หนทางแห่งความสุขของกู้อี้เหวินกับหลูเจียงหลี นางจะขัดขวางพวกมันทุกวิถีทาง
“ซินเอ๋อร์...เจ้าฟื้นแล้วรึลูกพ่อ” ท่านแม่ทัพใหญ่ซูเยว่จงรีบเข้ามาในกระโจมพร้อมเอ่ยถามบุตรสาวที่นั่งอยู่บนเตียงไม้ด้วยความดีใจ
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกอกตัญญู ทำให้ท่านพ่อต้องเป็นกังวลแล้ว”
ซูเยว่ซินตอบพลางยิ้มจางๆ ออกมา น้ำตาคลอเบ้าตาทั้งสองข้าง นางไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้มาเห็นว่าท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่อีกครั้ง ท่านพ่อที่ต้องสิ้นชีพไปเพราะความโง่งมของนาง
“โถ่...พูดอันใดเยี่ยงนั้น เจ้าหายป่วยก็ดีแล้ว” ท่านแม่ทัพซูดึงร่างบอบบางของบุตรสาวเข้ามาในอ้อมกอดพลางกล่าวออกมาอย่างโล่งใจ ซูเยว่คงที่ได้ยินว่าน้องสาวฟื้นจากไข้แล้วก็รีบตามมาที่กระโจมของนางเช่นกัน
“ซินเอ๋อร์...เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง” เสียงของพี่ชายเรียกสายตาของซูเยว่ซินให้มองไปยังเขา
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ วัยเพียงสิบหกปีแต่ทว่ากลับมีร่างกายกำยำ เพราะออกกำลังอยู่ทุกวัน พี่ชายของนางในยามนี้ช่างดูมีความสุขยิ่งนัก อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่ได้เข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจของผู้ใด ชาติก่อนเป็นเพราะนางเอง ที่เป็นฝ่ายดึงเขาเข้าไปในแผนการของชายชั่วผู้นั้น ได้ย้อนกลับมาครานี้นางจะไม่ยอมให้ผู้ใดต้องมาตายเพราะความโง่งมของนางอีก เพราะนางจะกลายเป็นซูเยว่ซินคนใหม่ คนที่พร้อมจะช่วงชิงเส้นทางแห่งความสุขของชายหญิงสารเลวคู่นั้นมาเป็นของนางเอง
“ข้ามิเป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะพี่ใหญ่” ซูเยว่ซินตอบออกมา จากนั้นจึงส่งยิ้มจางๆ ให้แก่เขา
ทั้งบิดา พี่ชายและสาวรับใช้ต่างมองมายังนางด้วยแววตาโล่งใจ แต่ถึงกระนั้นท่านแม่ทัพซูก็ยังคงเรียกท่านหมอในค่ายทหาร ให้มาช่วยตรวจดูอาการบุตรสาวอีกครา ครั้นได้ยินว่านางไม่เป็นอันใดแล้วจริงๆ เขาจึงวางใจ
เช้าวันต่อมาท่านแม่ทัพซูสั่งให้บุตรสาวเดินทางกลับไปรักษาตัวต่อที่จวนตระกูลซู ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองโหย่วถิง ทว่านางกลับปฏิเสธ ซูเยว่ซินตั้งใจเอาไว้แล้วว่า การที่นางได้หวนกลับมาในครานี้ นางจะต้องมีวรยุทธ์ติดตัว เพื่อไม่ให้ตนเองอ่อนแอจนถูกคนรังแก และมิอาจปกป้องผู้คนที่รักนางได้
แม่ทัพซูครั้นถูกบุตรสาวออดอ้อนก็ใจอ่อน ยอมให้บุตรชายคอยช่วยฝึกวรยุทธ์ให้ผู้เป็นน้องสาว ทุกคราที่เขามีเวลา ซูเยว่คงรู้สึกยินดียิ่งนักที่น้องสาวของเขามีใจนึกอยากฝึกวรยุทธ์ขึ้นมา เพราะถ้าหากนางมีวรยุทธ์ติดตัว ต่อไปภายภาคหน้าก็จะสามารถปกป้องตัวนางเองได้ เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง หากนางต้องออกเรือนไปกับผู้ใด
ซูเยว่ซินเองก็มีเป้าหมายของนาง จึงไม่เคยล้มเลิกการฝึกวรยุทธ์ ถึงแม้บางวันนางจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยก็ตาม ซูเยว่คงเห็นน้องสาวมีความพยายาม มุมานะก็ไม่ย่อท้อในการสอนนางเช่นกัน ทุกคราที่เขากลับมาจากการลาดตระเวน เขาก็จะช่วยฝึกวรยุทธ์ให้กับน้องสาวทุกคราไป จนฝีมือของซูเยว่ซินค่อยๆ พัฒนาขึ้นจากเดิม ผ่านมาไม่ถึงหนึ่งเดือน นางก็สามารถรับมือกับทหารยอดฝีมือของค่ายได้แล้ว
“คุณหนูรองช่างมีความสามารถยิ่งนักขอรับ มิอาจดูเบาในฝีมือของนางได้เลย สมแล้วที่เป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพ”
อู่จง กุนซือของแม่ทัพซูกล่าวออกมาอย่างชื่นชม ในขณะที่กำลังมองบุตรีของท่านแม่ทัพ ยืนอยู่กลางลานประลอง นายทหารคนแล้วคนเล่าที่เข้าไปประดาบกับนาง ต่างก็ต้องแพ้พ่ายให้แก่นางอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ทว่านายทหารทุกคนต่างก็ยืนยันว่า พวกเขาหาได้ยอมอ่อนข้อให้นาง เพียงเพราะเห็นว่านางเป็นบุตรีที่ท่านแม่ทัพหวงแหนไม่ แต่ทว่าพวกเขาพ่ายแพ้ให้แก่ฝีมือและสติปัญญาของนางอย่างแท้จริง
“ข้าดีใจที่เห็นนางแข็งแกร่งขึ้นไปทุกวัน นางต่างคุณหนูสกุลอื่นที่เอาแต่เล่น หรือสนใจแต่งานในเรือนหลัง สมแล้วที่นางมีเป็นสายเลือดของข้า หากวันหน้านางมิได้ออกเรือน ข้าก็ยินดีที่จะดูแลนางไปจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่”
ท่านกุนซือรู้ดีว่าท่านแม่ทัพรักบุตรีของเขามากเพียงใด เรื่องที่เขากล่าวออกมาในวันนี้ ย่อมเป็นจริงอย่างเช่นที่เขาว่า หากนางยากที่จะแต่งออกไป เขาก็คงจะยินดีดูแลบุตรสาวเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิตแน่นอน
เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
คำว่ารัก...ไม่ควรจำกัดไว้แค่คำว่าเพศ เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เหมือนกับเขาสองคน ที่คิดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ในชาติภพก่อนนางคือวีรสตรีของแผ่นดินสยาม ปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกศัตรูจนตัวตาย เกิดชาติภพใหม่ในยุคจีนโบราณ นางนั้นเติบโตขึ้นเป็นสตรีที่งดงามแต่ทว่าภายใต้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา นางจึงเปิดใจและอยากแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน
[ตามง้อเมียแบบเจ็บลึก + รักสองทางต่างมุ่งหน้าเข้าหากัน + โฟกัสเรื่องงาน/สร้างอาชีพ] แต่งงานกันแบบปิดเงียบมาได้สามปี เหอซือชิงเคยคิดว่าความอุ่นร้อนจากหัวใจเธอจะละลายหลู่เป่ยหลินได้สักวัน แต่สุดท้าย ต่อให้เธอทุ่มเททั้งใจเท่าไหร่ ก็สู้การหวนคืนอย่างสวยงามของหญิงคนรักเก่าที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดไม่ได้เลย “หย่ากันเถอะ ในเมื่อเราทั้งคู่เห็นหน้ากันก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย งั้นปล่อยให้เราต่างคนต่างเป็นอิสระจะดีกว่า ”หัวใจของเหอซือชิงเหมือนมอดไหม้จนไร้ความรู้สึกแล้ว หลู่เป่ยหลินปฏิเสธอย่างเย็นชา “ฉันไม่เห็นด้วย เธอไม่มีวันได้หย่าจากฉันเด็ดขาด!” เขาคิดจะกักเธอไว้ข้างกาย แต่ยิ่งบีบก็ยิ่งผลักเธอให้ห่างออกไปเรื่อย ๆจนสุดท้าย…ก็สูญเสียเธอไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้พบกันอีกครั้ง เธอกลับรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงาน ชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์ ผู้ชายที่ตามจีบล้อมรอบไม่ขาดสาย ชีวิตไปได้สวย และที่สำคัญ เธอลืมเขาไปอย่างหมดสิ้น หลู่เป่ยหลิน “ลืมเหรอ? ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอนึกขึ้นได้เอง!” จากนั้นเป็นต้นมา— เหอซือชิงกุมเอว หน้าแดงจัดพร้อม “ต่อว่า” ไปว่า “หลู่เป่ยหลิน คุณมันเผด็จการ จะพอได้รึยัง!” หลู่เป่ยหลินยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่มีวันพอหรอก!”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY