เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
เสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดของสตรี ดังมาจากเรือนหลังหนึ่ง ภายในจวนสกุลหลัว สาวรับใช้วิ่งสวนทางกันให้วุ่น เพราะฮูหยินน้อยกำลังจะคลอดบุตรแล้ว ฮูหยินใหญ่หลัวเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้อง นางรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย เพราะยามนี้บุตรชายของนาง ได้ออกไปปราบปรามโจรป่า ทำให้ไม่ได้อยู่รอภรรยาคลอดลูก
“นางยังไม่คลอดอีกรึ” หลัวฮูหยินถามสาวรับใช้ที่เดินเข้าออกห้อง
“ปะ...ปากมดลูกยังไม่เปิดเจ้าค่ะ หมอตำแยนางบอกว่า ตะ...ต้องรีบไปเชิญท่านหมอมาฝังเข็ม ให้ฮูหยินน้อยก่อนเจ้าค่ะ”
สาวรับใช้รีบรายงานออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าที่แสดงออกมานั้นก็ซีดเผือด เพราะอาการของฮูหยินน้อย ค่อนข้างน่าเป็นห่วง
“แล้วยังจะรออันใดอยู่เล่า เร็ว...รีบให้คนไปเชิญท่านหมอหลินมา” หลัวฮูหยินกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ กลับยังไม่รีบจัดการ
“ฮูหยิน...เจ้าเองก็นั่งลงก่อนเถิด หลูซื่อแต่ไรมาร่างกายก็แข็งแรงมาโดยตลอด นางย่อมคลอดหลานชายของพวกเราออกมา ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”
นายท่านหลัวปลอบใจภรรยา แม้ภายในใจจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติเช่นกัน ทว่าเขาก็ต้องตั้งสติให้ดี
หลัวฮูหยินย่อมฟังสามี นางยินยอมนั่งลงในที่สุด ทว่าจิตใจนั้นก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว นางเป็นห่วงลูกสะใภ้
นางเห็นเด็กคนนี้มาตั้งแต่ตระกูลหลัว ยังเป็นเพียงแค่ตระกูลสามัญชนต้อยต่ำ ทว่าเด็กสาวที่เป็นถึงบุตรีเพียงคนเดียว ของเจ้าสำนักคุ้มภัยต้าฟง กลับไม่คิดรังเกียจ
ยอมคบหาและแต่งงานกับบุตรชายของตน ตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นขุนนาง พอมาบัดนี้ ตระกูลหลัวกำลังรุ่งเรือง นางกลับต้องมาพบเจอกับเรื่องที่ยากลำบาก อย่างเช่นการคลอดบุตร
ผู้ใดกันจะไม่รู้บ้าง ว่าการคลอดบุตร ก็เท่ากับการก้าวเข้าปากประตูผีไปก้าวหนึ่งแล้ว อีกทั้งอีกฝ่ายก็รอคลอดนานถึงเพียงนี้ จะไม่ให้นางรู้สึกเป็นห่วง และกระวนกระวายใจได้อย่างไร
“ท่านหมอหลินมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวรับใช้รีบรายงาน หลังจากที่คนข้างกายของนายท่านใหญ่ ออกไปเชิญท่านหมอหลินกลับมาถึงจวนแล้ว
“ท่านหมอหลิน...รีบเข้าไปดูลูกสะใภ้ของข้าทีเถิด ป่านนี้แล้วนางยังไม่คลอดเลยเจ้าค่ะ”
หลัวฮูหยินรีบกล่าวออกมา หลังจากที่คำนับทักทายท่านหมอหลินเสร็จ หมอวัยกลางคน รีบสาวเท้าเข้าไปภายในห้อง ที่ฮูหยินน้อยหลัวรอคลอดอยู่อย่างเร่งรีบ ก่อนที่เขาจะช่วยจับชีพจร และฝังเข็มให้นาง
“ข้าได้ทำการฝังเข็มให้ฮูหยินน้อยแล้ว อีกไม่เกินครึ่งเค่อ นางก็คงจะคลอด”
ท่านหมอหลินใจคอไม่ดี เขาเห็นใบหน้าซีดเซียวไร้ชีวิต ของฮูหยินน้อยแล้ว ขอเพียงอีกฝ่ายคลอดทายาทสกุลหลัวออกมา ได้อย่างปลอดภัยก็นับว่าโชคดี อย่าให้เกิดอันใดกับสองแม่ลูกก็พอ
“ท่านหมอหลินได้โปรดรั้งรอ อยู่ที่นี่ก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าเกรงว่าจะเกิดเหตุอันใดร้ายแรงขึ้นกับลูกสะใภ้”
แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่มารดา ทว่ากลับห่วงใยสตรีที่เป็นเพียงลูกสะใภ้ ยิ่งกว่ามารดาผู้ให้กำเนิด ความจริงใจของหลัวฮูหยิน แสดงผ่านออกมาทางแววตา ท่านหมอหลินรู้สึกนับถือนางจากใจ จึงยอมรั้งอยู่ตามความต้องการของหลัวฮูหยิน
บ่าวรับใช้เชิญท่านหมอหลินให้ไปนั่งจิบน้ำชา กินของว่างรอที่ห้องข้างๆ ไม่เกินครึ่งเค่อ อย่างที่ท่านหมอหลินบอก เสียงร้องของหลูชิงเหลียนก็ดังขึ้น นางใช้แรงทั้งหมดที่มี เบ่งส่งบุตรชายที่นางเฝ้ารอมานานนับเก้าเดือน ให้ออกมาลืมตาดูโลก แม้จะเป็นลมหายใจ เฮือกสุดท้ายของนางก็ไม่เสียดาย
“อุ…แว๊….” เสียงของทารกแผดร้อง ทำให้คนที่เฝ้ารออยู่ข้างนอกรู้สึกยินดี
ทว่าไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงสาวรับใช้คนสนิท ของลูกสะใภ้กรีดร้องดังออกมา เสียงร่ำไห้น่าเวทนาดังขึ้น นายท่านหลัว ฮูหยินใหญ่ และท่านหมอหลิน จึงรีบพากันเข้าไปข้างในห้อง
ท่านหมอหลินนั่งลงตรวจชีพจรให้กับฮูหยินน้อยทันที ก่อนที่เขาจะมองไปยังทารกน้อย ที่ถูกห่อกายด้วยผ้าสีขาว แววตาของเขาฉายแววแห่งความเวทนาออกมา เขาสูดลมหายใจเข้า แล้วจึงหันหลังลุกขึ้นยืน กล่าวแสดงความยินดีและความเสียใจ ให้กับการเกิดใหม่ และการสูญเสียของสกุลหลัวในวันนี้
“นายท่านหลัว ฮูหยินใหญ่ ข้าขอแสดงความยินดีกับพวกท่านด้วย คุณชายน้อยคลอดออกมา มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี และข้า…ก็ต้องขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวของพวกท่าน ฮูหยินน้อย…ได้จากไปอย่างสงบแล้ว”
สองสามีภรรยายังไม่ทันได้ดีใจ ที่หลานชายคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย พวกเขากลับต้องรับรู้ถึงการสูญเสียลูกสะใภ้อันเป็นที่รัก ไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลัวฮูหยินได้ยินแล้วก็เป็นลมล้มพับลงไปทันที นายท่านหลัวรีบประคองภรรยาขึ้นมา แล้วอุ้มนางออกไปนอนยังตั่งตัวยาวด้านนอก เชิญท่านหมอหลินให้ช่วยไปตรวจอาการของนาง
แม่นมซิ่ว แม่นมของหลูชิงเหลียน แม้จะเสียใจเป็นที่สุด แต่นางก็กลายเป็นผู้ที่มีสติดีที่สุด คอยจัดการเรื่องพิธีศพของฮูหยินน้อย บ่าวในจวนสกุลหลัว ไม่มีผู้ใดที่ไม่เสียน้ำตา
เพราะตลอดระยะเวลาสองปี ที่ฮูหยินน้อยแต่งเข้าสกุลหลัวมา นอกจากนางจะเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง สามารถเป็นคู่ซ้อมให้กับคุณชายได้ นางยังมีจิตใจเมตตากรุณาต่อพวกเขาอีกด้วย
เพียงไม่นาน จวนสกุลหลัวที่ควรจะจัดงานเลี้ยง กลับกลายมาเป็นจัดงานเศร้าโศกแทน ผ้าขาวดำถูกประดับไปทั่วทั้งจวน ผู้คนที่รับรู้ถึงเรื่องการจากไปของฮูหยินน้อยสกุลหลัว ต่างก็พากันรู้สึกเวทนา บุตรชายเกิดมา มารดาสิ้นใจ
แม้ในยุคสมัยนี้ จะมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ผู้ใดเล่าจะคิดว่า คนดีๆ อย่างเช่นฮูหยินน้อยสกุลหลัว จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบพบเจอกับโชคร้ายเช่นนั้น
หลัวอี้เฉินที่ออกไปปราบปรามโจรป่า รู้สึกใจคอไม่ดีเช่นกัน หลังจากที่เขานำกำลังเข้ากวาดล้างฐานลับ และจับกุมพวกโจรป่า ที่หนีไม่ทันเหล่านี้ได้ทั้งหมดแล้ว เขาจึงรีบควบคุมตัวพวกมัน ไปส่งยังศาลต้าตงเพื่อรอตัดสินโทษ ก่อนที่จะควบอาชากลับไปยังจวนสกุลหลัวทันที
กว่าจะถึงจวนฟ้า ก็มืดค่ำลงเสียแล้ว ภายนอกประตูจวน ถูกประดับไปด้วยผ้าขาวดำ โคมถูกแขวนเอาไว้ สองขาของหัวหน้ามือปราบหนุ่มอ่อนแรง กู้อี้รีบปรี่เข้ามาประคองคุณชายของตน เขารู้สึกใจคอไม่ดีแล้วเช่นกัน ยามที่เห็นจวนถูกประดับประดา ด้วยสิ่งของที่ใช้ตกแต่งในงานอวมงคลเช่นนี้
“นายท่าน…ท่านกลับมาแล้ว…” บ่าวรับใช้คนหนึ่งที่เปลือกตาบวมเป่งวิ่งออกมาต้อนรับ
“เกิดเหตุอันใดขึ้น เหตุใดจวนถึงได้ถูกประดับด้วยผ้าขาวดำ ประดับโคมไฟไว้อาลัยเช่นนี้” กู้อี้เป็นฝ่ายถามบ่าวรับใช้ที่เฝ้าหน้าประตูจวนออกมา อีกฝ่ายคุกเข่าลงบนพื้น หลั่งน้ำตาลงมาอีกหน
“ฮึก…คุณชายน้อยกำลังรอนายท่านอยู่ขอรับ…ตะ..แต่ว่า ฮูหยินน้อย ดะ…ได้จากไปแล้วฮึก….ฮือๆๆๆ”
บ่าวรับใช้พยายามกลั้นใจรายงานออกมา ทว่าสุดท้ายก็ฝืนทนต่อความเศร้าโศกไม่ได้ เขาร้องไห้ราวกับฟ้าจะถล่ม หลัวอี้เฉินหน้าซีดเข่าอ่อนทันที เขารีบวิ่งเข้าไปภายในจวนที่เงียบสงัดราวกับไร้ผู้คน
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
คำว่ารัก...ไม่ควรจำกัดไว้แค่คำว่าเพศ เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เหมือนกับเขาสองคน ที่คิดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ในชาติภพก่อนนางคือวีรสตรีของแผ่นดินสยาม ปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกศัตรูจนตัวตาย เกิดชาติภพใหม่ในยุคจีนโบราณ นางนั้นเติบโตขึ้นเป็นสตรีที่งดงามแต่ทว่าภายใต้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา นางจึงเปิดใจและอยากแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
+++++++++++++ “อือ... พริบีนา... จะ...เจ็บค่ะ” “ฉันชอบ... เวลาเธอเจ็บเพราะฉัน” สิ้นคำเขาก็ขบอีกครั้ง จนร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงๆ เหมือนกลีบกุหลาบช้ำๆ “คนบ้า!” “ฉันดูดเธอได้ทั้งคืน... ดูดแรงๆ ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัว...” ‘รวิสรา’ ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อจู่ๆ ‘พริบีนา เอล เชสตัค’ มกุฎราชกุมารผู้หล่อเหลาแห่งเอล มอร์เรเวีย ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า และบอกว่าเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของเพนต์เฮาส์หรูใจกลางปารีส ที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากเรื่องกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม... เมื่อรู้ว่าน้องชายวัยขวบเศษของเธอ คือทายาทที่เกิดจากการขโมยสเปิร์มของเขา หญิงสาวจึงจำใจสุ่มเสี่ยงต่อความหวั่นไหว แล้วยอมใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกัน กับเจ้าชายหนุ่มผู้เร่าร้อนตลอดหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ในตัวเด็กน้อย โดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์ของตัวเอง
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด