...ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขามันหยั่งรากแก้วไปถึงกระดูกทุกมวลในร่างกายเธอแล้ว ถ้าให้เธอถอนมันตอนนี้มันจะต่างอะไรกับการเลาะกระดูกกันเล่า! 🌼 🌼 🌼 ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนไหนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันมาก่อน มันไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้นแต่มันค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงต่างหาก ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขามันหยั่งรากแก้วไปถึงกระดูกทุกมวลในร่างกายเธอแล้ว ถ้าให้เธอถอนมันตอนนี้มันจะต่างอะไรกับการเลาะกระดูกกันเล่า! ปิ้ง! นั่งอยู่แบบนี้นานแค่ไหนเธอแทบไม่รู้ตัวจนมีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ ‘พี่จะออกไปข้างนอก อยากได้อะไรอยากกินอะไรส่งข้อความมานะ’ ลำธารมองประโยคที่ปรากฎบนหน้าจอด้วยใบหน้าซีดเผือก ‘...ส่งข้อความมานะ’ ไม่มีช่องโหว่ตรงไหนให้เธอได้มีความหวังเลยว่าเขาจะชวนเธอไปด้วย “พี่หัสพาลำธารไปด้วย” หญิงสาวพร่ำเพ้อเพียงลำพัง แม้ได้ไปแล้วจะต้องเจ็บปวดยามที่ต้องเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้าเธอได้ไปด้วยช่วงกลับเวลาตรงนั้นก็จะเป็นของเธอกับเขาเพียงลำพังสักนิดก็ยังดี แต่เธอก็ได้แต่หลับตาและเอาความต้องการนี้ไปยังความฝัน
เอี๊ยดดดด เสียงยางรถหรูบดบล็อกปูพื้นเสียงดังจากด้านหน้าประตูเป็นเหตุให้คนในบ้านที่กำลังกินมื้อเย็นให้ความสนใจในทันที
“นั่นใช่เสียงรถคุณพ่อหรือเปล่า” คุณแขไขเอ่ยกับหััสวีร์ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอและคุณหาญรัช
แต่คำถามของเธอไม่ทันที่ผู้เป็นลูกจะได้ตอบ คำตอบก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร ใบหน้าของผู้มาเยือนบ่งบอกชัดเจนไม่ปิดบังอำพรางอารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้แม้สักนิด
“ไอ้ลูกเลว!” คำทักทายแรกที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชายเพียงคนเดียว คนเป็นแม่ที่รักลูกชายยิ่งถึงกับเปลี่ยนสีหน้าไปทันที
“คุณหาญรัช! ทำไมคุณถึงพูดกับตาหัสแบบนั้น” สัญชาติญาณการปกป้องในตัวผู้เป็นแม่แผ่ขยายเป็นวงกว้างในทันที
“วันนี้ผมจะไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น ผมจะเอาเลือดหัวโง่ๆ ของมันออกมาด้วย”
โอ้ย! “นี่คุณจะทำอะไร!” แขไขเข้าขวางระหว่างพ่อลูกไว้ในทันที สองมือของเธอพลักหาญรัชให้ออกห่างไปอย่างสุดแรง หาญรัชที่ไม่ทันตั้งตัวจึงเซถลาถอยหลังไปชนเก้าอี้ โครม! ดีที่สิ่งที่ล้มไปคือเก้าอี้ไม่ใช่ร่างสูงใหญ่ของเขา
แขไขยังยืนมั่นขวางร่างสูงเพรียวของบุตรชายวัยสิบหกกับบิดาของบุตรชายที่กำยำสูงใหญ่กว่าเธอและลูกชายมากนัก หากมีการลงไม้ลงมือกันจริง ทั้งเธอและบุตรชายคงไม่อาจต้านทานผู้ที่เป็นบิดาได้
“ปกป้องมัน...ดี! ถ้างั้นเธอก็ดูนี้!!” หาญรัชโยนซองเอกสารที่ถือมาโยนใส่หน้าแขไขไร้ความปราณีอย่างสิ้นเชิง แขไขก้มลงหยิบมันขึ้นมาและเมื่อเธอเห็นเอกสารดวงตาเธอก็เบิกกว้าง และหันกลับไปมองลูกชายสุดรักสุดหวงแหน
“หัส นี่ลูก...ลูกทำอะไรลงไป” แขไขกล่าวออกไปอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ตนเห็นอยู่ในตอนนี้ “ไม่...ไม่เป็นไร” หัสวีร์ยังไม่ทันได้เอ่ยคำตอบแขไขก็เอ่ยตัดบทเขา และเธอก็หันกลับไปหาสามีทันที
“เราแจ้งทางโรงเรียนขอให้ลูกกลับไปเรียนเหมือนเดิมได้ใช่มั้ย ไม่สิ! มันต้องได้ ผู้อำนวยการโรงเรียนกับคุณเป็นเพื่อนกันนิค่ะ...”
“ผมไม่กลับไปครับ” หัสวีร์แสดงจุดยืนของตนด้วยความนิ่งสงบ จะว่าไป ณ สถาณการณ์ตอนนี้คนที่สงบที่สุดก็คงมีเพียงหัสวีร์ผู้เป็นสาเหตุของความวุ่นวายในวันนี้
“แกกล้า!” หาญรัชชี้หน้าปรามาสข่มลูกชาย
“ผมเป็นคน ผมมีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของผมเอง”
“เลือก! แกตาบอดหรือไงถึงมองไม่เห็นว่าฉันพ่อแกทำมาหากินอะไรเลี้ยงดูจนแกเติบโตขึ้นมาปีกกล้าขาแข็งอวดดีกับฉันอยู่ตลอดเวลา”
“นั่นคือหน้าที่ของคนเป็นพ่อ แล้วคุณพ่อคนเดียวบนโลกใบนี้หรือครับที่มีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง”
“ไอ้หัส!”
“นี่!” แขไขแม้จะตกใจและเสียใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ แต่ลูกชายเพียงคนเดียวก็ยังคงสำคัญที่สุดยิ่งกว่าชีวิตของเธอ เธอขวางสามีที่กำลังจะเข้าทำร้ายลูกชายอีกครั้ง
“ตกลงคุณอยากให้มันทำตามที่มันต้องการอย่างงั้นเหรอ”
“ไม่! แต่ฉันไม่ยอมให้คุณทำร้ายลูกเด็ดขาด” หาญรัชพยักหน้าถี่ๆ เพราะภายในใจเขาก็ยังมีพวกอยู่
“ถ้าฉันไม่เซ็นต์ แกก็ไม่สมหวัง”
“ถ้าคุณพ่อไม่เซ็นต์ ผมก็จะปลอมลายเซ็นต์คุณพ่อแต่ถ้าหากในวันข้างหน้าทางโรงเรียนทราบ ในตอนนั้นผมก็ยินดีรับโทษทัณฑ์ทางกฎหมาย ผมก็ขออภัยคุณพ่อล่วงหน้าที่จะต้องอับอายขายหน้า”
“คุณได้ยินมั้ย...” หาญรัชโกรธจนตัวสั่นเสียงสั่น เมื่อไหร่กันเขาก็จำไม่ได้แล้วที่จู่ๆ ลูกชายที่เขารักและรักเขากลับกลายเป็นดั่งน้ำกับไฟที่ไม่อาจอยู่ใกล้กันได้ “ฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก” เสียงคำรามบ่งบอกถึงที่สุดของทุกอย่าง สองคนที่ได้ยินจะต้องเกรงกลัวคำประกาศิตนี้ แต่หาญรัชถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะผู้ที่เกรงกลัว
กรี๊ดดดด แขไขกรีดร้องเสียงดังลั่น “คุณหาญรัช!” พร้อมเสียงตะโกนดังลั่น “คุณมันสารเลว คุณมันชั่ว คุณรอโอกาสนี้มาตลอดใช่มั้ย เอาสิ! ถ้าคุณกล้าทำร้ายลูก ฉันจะฟ้องคุณให้คุณสูญเสียทุกอย่าง” หาญรัชเม้มปากแน่น เมียเขาทำไมถึงโง่งี่เง่าขนาด ซึ่งถ้าเธอไม่โง่ไม่งี่เง่าสถานการณ์วันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
“ก็ได้!” หาญรัชคล้านจะเอ่ยอะไรทั้งสิ้น เขาดึงปากกาออกมาจากกระเป๋าด้านในของเสื้อสูทและดึงเอกสารในมือภรรยาคืนมา เขาจรดปากกาเซ็นต์ชื่อยินยอมในเอกสารที่ถือมาในทันที “ขอให้ลูกบังเกิดเกล้าของคุณจงเจริญ!” สิ้นคำประชดประชันเอกสารดังกล่าวก็ปลิวว่อนและค่อยๆ ล่วงหล่นสู่พื้น ความเงียบบังเกิดขึ้นโดยรอบโดยทันที
เป็นหัสวีร์ที่ก้มลงหยิบเอกสารขึ้นมาเขาเก็บใส่ซองด้วยใบหน้าราบเรียบ และเขาก็หันไปยิ้มให้คุณแขไข แม่ผู้ที่รักและปกป้องเขาอย่างไร้ข้อจำกัด
“หัส! ทำไมลูกถึงทำแบบนี้...” หัสวีร์ก็ยังคงยิ้มอบอุ่น แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับทำให้คุณแขไขอยากจะเป็นลม
“เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต” พูดจบเขาก็โอบกอดร่างผู้เป็นแม่ที่แข็งทื่อทีหนึ่งก่อน ก่อนที่จะกล่าวขอตัวและเดินกลับขึ้นห้องนอนของตัวเองไปอย่างสงบ
รวมเรื่องสั้น_เรื่องราวความรัก อ่านเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ -- เมื่อเขาต้องการ -- มายผู้ที่ไม่เคยปฎิเสธยามเมื่อคุณอาหนุ่มต้องการ ซึ่งเธอไม่ปฎิเสธเขาอยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม เสแสร้งแกล้งเล่นตัวทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เหลือความสดใหม่ให้ค้นหาอีกต่อไปแล้ว ทำได้เพียงร่วมมือกับเขาอย่างเร้าร้อนในทุกที่ทุกเวลา ‘เมื่อเขาต้องการ’ -- ชนท้องน้องสาว -- หากน้องสาวที่ผมหวังจะท้องชนกัน กำลังจะมีความรักกับผู้ชายคนอื่น...คุณจะทำอย่างไร? -- ค่าคุ้มครองมาเฟีย -- กานต์ จะว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มก็ได้ ชายหนุ่มวัยขบเผาะก็ไม่ผิด เมื่อเขากลายเป็นค่าตอบแทนชดเชยการล้างแค้น อันแสนเร้าใจ ให้กับ คุณเชอร์รี่ พี่สาวที่มักจะปรากฎตัวในชุดรัดรูปอวดส่วนเว้าส่วนโค้ง ต่อหน้าเขา... เอือก!...เสียงลูกกระเดือกขยับเมื่อกานต์พยายามกลืนน้ำลายไม่ให้ไหลออกมา -- ผู้ชายแพร่พันธุ์ -- “หากภรรยาที่แต่งงานกันมาได้ 5 ปี บอกกับคุณว่า จะให้คุณทำกับผู้หญิงอื่น เพื่อมีลูกให้กับเธอ...คุณจะทำอย่างไร?
พันธะรักวิวาห์จำเป็น [Bond of Love - Wedding] #รุ่งอรุโณทัย เขาเรโนลต์ที่ต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียวตามคำสั่งพ่อ ซึ่งทำให้เขาต้องเสียทั้งเงินและเสียสถานะโสด เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางที่จะต้องแต่งเมียคนนี้แล้วเอาขึ้นหิ้งบูชาเป็นแน่ พ่อจะจัดหนักให้อย่างไม่แทงกั๊กในทุกๆ ทั้งเรื่องXXXทั้งแสวงหาผลประโยชน์จากเมียที่ได้มาจากวิวาห์จำเป็นคนนี้เท่าทบทวีเงินที่เขาต้องลงทุนจ่ายไปไม่น้อยคืนมาจนครบพร้อมดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่าย... คำโปรย:: … เรโนลต์ เงียบ! เขาประธานผู้มากด้วยอำนาจ เพียบพร้อมไปด้วยรูปร่างหน้าตาที่สามารถขึ้นแท่นสามีแห่งชาติได้อย่างไร้ข้อกังขา ฐานะการเงินแม้ตอนนี้จะเหลือเพียงอสังหาริมทรัพย์กับรถสามคันและเงินเดือนแต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ในหมู่สาวๆ และเหล่าไก่วัดที่เต็มใจให้สมภารอย่างเขากัดแทะเล่นเป็นครั้งคราว คนโสดทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดไม่ผิด แต่จากคำพูดล่าสุดของคุณพ่อไม่กี่คำ เขาที่เป็นฝ่ายกระดิกนิ้วเรียกสาวๆ กลายมาเป็นคนที่ถูกกระดิกนิ้วเรียกไปแล้วอย่างงั้นเหรอ “เธอเป็นหม่อมเจ้าหรือครับ...ผมหมายถึงว่าที่สะใภ้นะครับ” เขาขยายความเมื่อจู่ๆ เขาเงียบไปนานและเอ่ยขึ้นมาคุณพ่อจึงมุ่นคิ้วไม่เข้าใจในตอนแรก คุณอำพลส่ายหน้า “นางสาวธรรมดา” “เธอเป็นลูกนักการเมืองใหญ่หรือเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของผู้ทรงอิทธิพล” เรโนลต์ยังพยายามต่อ “คุณอำพลส่ายหน้า “กำพร้า” … เรโนลต์ เงียบ! “เป็นผู้มีพระคุณของคุณพ่อ” เรโนลต์ไม่ละความพยายาม “แกดูละครมากไปมั้ย” … เรโนลต์ เงียบ! ======================= SET : Bond Of Love พันธะรักโดยไม่ตั้ง [Bond Of Love - Accidence] พันธะรักวิวาห์จำเป็น [Bond Of Love - Wedding] พันธะรักราคีแค้น [Bond Of Love - Revenge]
“ถอยไปนะ!!!” “ไม่สู้แล้วเหรอ” น้ำใสกำปมผ้าขนหนูไว้แน่น ดวงตากลมจดจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาของเขาเขม็ง แม้ตัวเองจะเสียเปรียบแต่เธอไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ “จะเอายังไง” “นั่นสินะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าอย่างเราสองคนจะมาถึงจุดนี้ได้เหมือนกัน...ใครกันนะที่บอกรักกันได้ทุกเวลา...ไม่อายปากบ้างเหรอ” คำเย้ยหยันที่ถูกพ่นออกมามันไม่ได้แค่ทำร้ายจิตใจคนฟังเพียงฝ่ายเดียว ในทางตรงข้ามคนพูดน่าจะอาการสาหัสยิ่งกว่า “แล้วไง! คุณก็เหมือนของกินมีใครบ้างที่กินของเดิมซ้ำๆกันทุกวัน คำแรกมันก็ชื่นมื่นน่าลิ้มลองเป็นธรรมดา คำที่สองก็ยังน่าพิสมัย แต่คำต่อๆไปใครจะยังกลืนมันลงละในเมื่อรู้รสชาติแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ต้องหารสชาติใหม่ๆมาลอง...ใช่มั้ย” แววตาของเอ็ดเวิร์ดเปลี่ยนไป สีหน้าและแววตาของน้ำใสมันช่างเข้าได้กับคำพูดของเธอเสียจริง นี่เขาเกิดหวั่นไหวใช่เหรอเปล่าว่าเธอคิดอย่างที่พูดจริงๆ ความเบื่อหน่ายอย่างงั้นเหรอ... “ได้!!! ในเมื่อเธอเบื่อรสชาติที่ฉันอุตส่าห์ปรุงแต่งมันเพื่อเธอคนเดียว งั้นลองรสชาติใหม่ก็...แล้ว...กัน!” อร้ายยยย!!! น้ำใสร้องดังลั่นเมื่อเอ็ดเวิร์ดกระชากผ้าขนหนูออกจากการปกป้องเรือนกายเปลือย ควับ!!! แรงเขากับแรงเธอมันเทียบกันไม่ได้หรอก ควับ!!! และอีกผืนที่หลุดล่วงไปคือของเขา สองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดกัน เมื่อน้ำใสพยายามจะหนีให้พ้นจากรัศมีไอร้อนของร่างกายเขาที่พวยพุ่งออกมากระทบพื้นผิวเนียนของเธอ
“พามาที่นี่ทำไม” “กินมื้อเช้า” ณิชาเบิกตากว้างมองเขา นี่เขาไปรับเธอมากินมื้อเช้า ดวงตากลมมองนาฬิกาด้านหน้ารถ และหันกลับมามองเขา เขาอยู่ในชุดกึ่งสูท เป็นทางการมาก โอ้! นี่เขาอายุเท่าไหร่กัน ปกติเขาตื่นกี่โมงกัน เพราะตอนนี้พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า “ปกติคุณตื่นกี่โมง” “ตีห้าเป็นประจำทุกวัน” “ทุกวันเลยเหรอ” ภีมะพยักหน้า “แล้วนอนกี่โมง” “ก็แล้วแต่...อยากรู้ไปทำไม” “สงสัยบ้างไม่ได้เหรอ...” พวกเขาแปลกหรือเปล่านะ พี่เหนือก็เป็นคนตื่นเช้าเช่นกัน “คุณออกกำลังตอนเช้าทุกวันเลยใช่มั้ยคะ” ภีมะพยักหน้าอีกครั้ง “คนในตระกูลเราไม่สอนให้ลูกหลานนอนตื่นสาย...แต่สะใภ้อย่างเธอฉันจะให้เวลาค่อยๆปรับตัว”
ฉันเป็น ขวัญชนก วงศ์ษา ตั้งแต่อายุ 1 วัน ถึง อายุ 18 ปี 1 วัน อายุ 18 ปี 2 วัน ฉันเป็น ขวัญชนก ฟง เขาคือ ดีแลน ฟง อายุอานามก็ 30 ปี ชายร่างสูงเมื่อสามปีก่อน ปัจจุบันเขาคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอย้ำว่าถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น คำโปรย : “ห้าแสน!” “เจ็ดแสน!” เสียงประมูลราคาจากคนด้านล่างเวทีดังแข่งกัน “หนึ่งล้าน” การประมูลยังคงดำเนินกันต่อไปเรื่อยๆ ขวัญชนก สาวน้อยวัยใสวัยย่างสิบเก้าสอดส่ายสายตามองไปยังกลุ่มคนด้านหน้า “หนึ่งล้านสองแสน” เอาสิ! ถ้าเขาไม่มา เธอก็...ขวัญชนกยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ กระตุ้นราคาประมูลจนสูงลิ่วถึงสองล้าน “สองล้านครั้งที่หนึ่ง...” ในมุมมืดชายร่างสูงยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง เมื่อเห็นดวงตากลมโตแสดงความหวาดหวั่นในที่สุด “ห้าล้าน!” ก่อนที่ราคาสองล้านจะถูกเคาะครั้งที่สาม เสียงบอกราคาใหม่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนในงาน แต่กลับสร้างรอยยิ้มให้หญิงสาวบนเวที เธอไม่เคยลืมเสียงของเขา “ชนะแล้ว” ขวัญคิดในใจ “ห้าล้านครั้งที่สาม...ขาย!”
หมับ! สุ่ยถิงตกใจเพราะเธอกำลังสนใจลังบรรจุหนังสือมากมายก่ายกองอยู่ แต่จู่ๆต้าเซียนก็จับไหล่เธอทั้งสองข้างและดึงเธอเข้าไปกอดแนบอกอุ่นๆเขาไว้ เธอยังไม่ชินกับการกระทำแบบนี้ของเขาจึงไม่รู้ว่าจะต้องตอบสนองกลับไปแบบไหนดี เธอจึงยืนนิ่งๆ แม้แต่จะหายใจเธอยังต้องคิดดูก่อนว่าควรหายใจดีมั้ย “ถ้าพี่อยากกอดเธอแบบนี้ทุกวัน วันละหลายๆครั้ง ครั้งละนานๆ พี่จะกลายเป็นฆาตกรฆ่าเธอทางอ้อมหรือเปล่านะ” “พี่พูดอะไรนะ” สุ่ยถิงนิ่งเงียบอยู่นานก่อนเอ่ยถามออกไป “จะกลั้นหายใจทำไม พี่แค่กอดไม่ได้พาเธอไปดำน้ำเสียหน่อย” ^//^ ควรบอกเขามั้ยว่า หัวใจเธอเต้นแรงเกินรับได้เสียแล้ว ห่างกันไปเจ็ดวันเท่านั้น ทำไมต้าเทียนเซียนคนเคร่งขรึมถึงได้หายไปอย่างเรียกกลับมาไม่ได้เสียแล้ว
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"