“ที่ทำ... มันเกินไป” “น้อยไป ฉันยังอยากสั่งสอนเธออีกสักรอบ” “ที่ฉันด่าว่าเหี้ยมันไม่คู่ควรกับนายตรงไหน คนดี ๆ ที่ไหนเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกแบบนั้นวะ”
“ที่ทำ... มันเกินไป” “น้อยไป ฉันยังอยากสั่งสอนเธออีกสักรอบ” “ที่ฉันด่าว่าเหี้ยมันไม่คู่ควรกับนายตรงไหน คนดี ๆ ที่ไหนเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกแบบนั้นวะ”
ตอนที่1 คืนพลาด
ไมเคิลเดินตามเจเลอร์ลงมาเมื่ออยู่ ๆ คนแอบหวงแมวก็หมดอารมณ์สนุกและหนีมานั่งเฝ้าแมวของมันที่ชั้นล่าง เขามองตามสายตาคมดุไปก็เห็นแผ่นหลังนวลเนียนของสองสาวที่ไอ้เคนกำลังนั่งคุม ปากพูดกับอีกคนแต่สายตายังส่งซิกไปหาผู้หญิงปากเก่งอย่างแสนดี
“อ๊ะอายจะรู้ตัวมั้ยวะว่าเจ้าของมันจ้องตะคุบอยู่ตรงนี้”
“...”
“หวงเค้าสิมึง” เจเลอร์ยังเข้มขรึมทำเพียงตวัดสายตามองเขาอย่างรำคาญเท่านั้น ก่อนจะเอาสายตานั้นไปเฝ้าผู้หญิงที่มันเคยบอกว่าไม่เอาแล้ว เขายกมือขึ้นเรียกพนักงานคนหนึ่งในร้านให้มาหา ก่อนจะช่วยเพื่อนที่นั่งหน้าตึงด้วยวิธีที่เจเลอร์คิดไม่ได้อย่างแน่นอน
“มึงหาคนเอาฝาเบียร์ไปขูดรถไอ้เคนให้รอบคัน แล้วให้คนไปบอกมัน”
“อะไรนะครับ!”
“มึงได้ยินไม่ผิด เสร็จงานแล้วไอ้เจเลอร์จะจ่ายให้หมื่นนึง” เขาถูกเจเลอร์มองด้วยหางตาแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน...แสดงว่าความคิดมันก็เข้าท่าดี
.....
“แสน! เดี๋ยวก็เมาหรอก” อชิรญาแกล้งรั้งมือของเธอ และเธอก็แกล้งกรอกน้ำเมาสีสวยลงคอทีเดียวจนหมด ก่อนจะหันไปพูดพร้อมยิ้มแฉ่ง
“กลับแท็กซี่”
“เดี๋ยวเถอะ” เธอละสายตาหยาดเยิ้มจากใบหน้าจิ้มลิ้มของเพื่อนกวาดมองตั้งแต่บาร์เทนเดอร์ คนที่ยืนเต้นโซนธรรมดา ไปยังหน้าเวทีที่ชอบที่สุด ก่อนจะเอาสายตากลับมามองเพื่อนที่นั่งข้างกันเห็นว่าใบหน้าของอชิรญาเอนซบบนบาร์แล้ว และเคนก็มองมาที่เธอแววตาวาวระยับไม่ต่างจากที่มองเพื่อนเธอ
“เราไปล้างหน้าก่อนนะ นั่งอยู่นี่ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
“ให้ไปด้วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก นั่งอยู่ตรงนี้นะเข้าใจมั้ย”
หญิงสาวรีบใช้น้ำเย็น ๆ ประพรมกรอบหน้าที่ร้อนผ่าว สงสัยบาร์เทนเดอร์จะใส่เหล้าเยอะไปเธอถึงได้จะเมาง่ายขนาดนี้ ‘ที่พูดเล่นว่าจะกลับแท็กซี่คงได้ทำมันจริง ๆ’
เธอยืนใช้มือค้ำกับขอบอ่างล้างมือจนรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยจึงรีบพาตัวเองกลับไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่กับเคนซึ่งระหว่างทางเธอก็เจอพวกน่ารำคาญมาชวนไปต่อ หรือมาหยุดมองหน้าอกที่โผล่พ้นเสื้อเกาะอกสีขาวของเธออย่างตั้งใจ
“คืนนี้มีคนไปส่งหรือยังครับ”
“เอารถมาค่ะ”
“เดี๋ยวสิคุณคุยกันก่อน”
“โทษนะคะฉันรีบ” เธอสะบัดมือคนแปลกหน้าออกอย่างไม่มีเวลาหันไปด่าเพราะมองเห็นแล้วว่าเพื่อนของเธอกับเคนหายไปแล้ว เหลือแค่กระเป๋าของเธอที่วางอยู่
“เพื่อนเราที่นั่งอยู่กับผู้ชายตรงนี้ไปไหนแล้วคะ”
“อ๋อ เพื่อนคุณเมาพี่เคนพาขึ้นไปห้องวีหนึ่งแล้ว”
จิ๊!
หญิงสาวร้องขึ้นอย่างหงุดหงิดแค่ไม่กี่นาทีไอ้พี่เคนนี่ก็ไวจริง ๆ เธอรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองฝั่งขวามือที่เป็นห้องวีไอพีพรีเมี่ยมและผลักประตูห้องที่อยู่ด้านในสุดอย่างไม่ลังเล
ความมืดเกือบสนิททำเอาต้องยืนตั้งหลักก่อนหลายวินาที และในที่สุดก็เห็นร่างกำยำนั่งหันหลังพาดท่อนแขนกับพนักพิง แล้วเพื่อนเธอล่ะ?
“พี่เคน! อ๊ะอาย...นาย!” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบไหวเมื่อในห้องนี้ไม่มีเพื่อนเธอ และเขาก็ไม่ใช่เคน ไม่มีเวลาตกใจนานเพราะห่วงอชิรญามากกว่าสิ่งใดจึงหวังจะรีบออกไปจากที่นี่แต่กลับถูกกระชากลงมาบนโซฟาตัวเดียวกับเขาหัวคะมำลำตัวพาดบนหน้าตักแกร่ง แต่เมื่อเธอจะลุกหนีก็ทำไม่ได้เพราะถูกรัดไว้แน่น
“นี่! อย่ามายุ่งกับฉันนะ!”
“บังเอิญอยากยุ่งซะด้วยสิ”
“ปล่อยนะฉันรีบไม่มีเวลามาเล่นกับนายหรอก!”
“หาอ๊ะอายอยู่เหรอ”
กึก
“อ๊ะอายอยู่ไหนนายรู้เหรอ”
“รู้สิ”
“ก็บอกมาสิว่าอ๊ะอายอยู่ไหน”
“เอาตัวเข้าแลกสิ แล้วจะบอก” ทั้งคำพูดและมือที่กำลังลูบต้นขาของเธออย่างจาบจ้วงทำให้แสนดีดีดดิ้นอย่างไม่ยอม แต่เขายังลุกล้ำเธอด้วยการปัดรวบผมหลบทางเพื่อนฝังกลีบปากที่ต้นคอทางด้านหลัง
“ปล่อยนะไอ้โรคจิต!”
“ไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าเพื่อนอยู่ไหน ป่านนี้โดนไอ้เคนเอาไปแล้วมั้ง”
“ก็บอกมาสิโว๊ย!”
“พูดกับคนที่จะช่วยเธอแบบนี้เหรอ”
“ก็เพราะรู้ว่านายไม่ช่วยไง ปล่อยสิฉันรีบ! อ๊าย!” ร่างบางถูกจับพลิกไปนอนราบบนโซฟาหนังและถูกขังไว้ในคนตัวโตที่คร่อมทับเธออย่างแนบชิด เธอกรีดร้องหวังให้ใครได้ยินและทำให้เขาหยุดสักทีเธอเหลือเวลาตามหาเพื่อนน้อยลงทุกที
“กรี๊ด อ็อกก” ไมเคิลแกล้งกรอกเหล้าขวดเล็ก ๆ รสบาดคอลงโพรงปากของหญิงสาว ดีกรีเหล้ามันมากถึง 80% ‘ตัวเล็ก ๆ แค่นี้แก้วเดียวก็น็อก’
“ไอ้บ้าแกเอาอะไรให้ฉันกิน แค่ก ๆ”
“เหล้าธรรมดา คิดว่ามียาหรือไง”
“ถ้ามียานายก็ชาติชั่วเกินไปแล้วแหละ” ตัวของหญิงสาวฟุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าที่มันไหลลงคอไม่หมด เธอยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากและคางที่เหล้าไหลย้อยก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้น แต่ปรากฏว่าภาพมันเบลอหมุนไปหมด
“ฉันล่ะโคตรเกลียดเวลาถูกใครด่า และยิ่งเป็นผู้หญิงนะ...”
“นาย...”
“เพื่อนเธออยู่กับไอ้เจเลอร์ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“...”
“เมาไวจัง เหล้ายังเหลืออีกนะ” แสนดีเริ่มรู้สึกว่าเปลือกตามันหนักเกินจะลืมขึ้นไหว รสชาติเหล้ายังติดอยู่ในโพรงปากจนเธอต้องกลืนน้ำลายลงคอล้างความขมของมัน ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างพึงพอใจในผลงาน ยิ่งตอนที่เธอใช้มือขยุ้มเส้นผมตัวเองเขาก็แทบจะขาดสติลง
“เหล้านี้นำเข้าเลยนะ ปกติมันขายไม่ดีหรอกเพราะเมาง่าย”
“ลุก...ออกไป”
ไมเคิลกรีดนิ้วไล้บนเนินอกอวบแผ่วเบาแต่ทำให้คนใต้ร่างสยิวซ่านวูบวาบด้วยความที่ไม่เคยมีใครได้ทำแบบนี้กับเธอ ก่อนที่เกาะอกตัวเล็กจะถูกนิ้วชี้เกี่ยวลงมากองใต้ฐานอก
“อย่า..”
“จุกของเธอมันจะสีอะไรกันนะ” ขณะที่ถามมุมปากก็ยกยิ้ม ดูจากผิวขาว ๆ แล้วคิดว่าภายใต้ที่ปิดจุกนั่นน่าจะแป็นสีชมพูสด คนเมาพยายามดึงเกาะอกของเธอขึ้นปิดโดยไม่รู้เลยว่ามือข้างหนึ่งของเขากำลังรั้งมันไว้ ก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างไปหยิบรีโมทเล็ก ๆ ข้างแก้วเหล้ามาเปลี่ยนโหมดจากไฟปาร์ตี้เป็นสีวอร์มไลท์ ไมเคิลถึงกับกัดริมฝีปากที่แห้งผากเมื่อได้เห็นทรวดทรงของเธออย่างถนัดตา
“นมนี่ของจริงป้ะ?”
"ถ้าไม่ใช่เพราะหวงก็เลิกยุ่งกันไปได้มั้ย ฉันจะได้เริ่มต้นใหม่" "อยากเริ่มต้นใหม่ เพื่อจะลืมฉันน่ะเหรอ" อชิรญากวาดสายตามองไปทางอื่นเมื่อที่เขาพูดมันก็คือเรื่องจริง ขอแค่เขาหยุด เธอก็จะลืม "ฉันไม่ชอบเวลามีใครมาพูดว่าได้ผู้หญิงที่ฉันเอามาแล้ว มันดูซ้ำรอย" "กับพี่พระแพงตามระรานเขาแบบนี้ด้วยหรือเปล่า" "พระแพงพูดอะไร"
เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยซื้อมันได้ด้วยเงินถอยหนี และดื้อด้าน เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยรู้จัก
ซื้อเป็นของขวัญ ติดตาม แชร์ "คุณพาย" พิยดาหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้า แม้ภายนอกจะดูเป็นอย่างไรแต่ใจเธอนั้นหล่นวูบไปเสียแล้ว "คุณท้องกี่เดือนแล้ว" "นึกว่าใคร คุณเหมนี่เอง สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ" "คุณช่วยตอบคำถามผมที คุณท้องกี่เดือนแล้ว" พิยดาก้าวถอยหลังในขณะที่เหมันต์เดินหน้าเข้าหาเธอ เขาเหมือนเดิมจนทำให้เธอเผลอนึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยทำด้วยกัน ก่อนที่บาดแผลนั้นจะร้องเตือนตัวเองว่าถ้าเธอยังฝังกลบความรู้สึกนั้นไม่ได้เธอนั่นแหละจะตาย
“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากการหย่าร้าง เธอไปหมั้นกับศัตรูของเขา ไปมีความรักกับชายหนุ่มน้อย เล่นงานมือที่สาม แก้แค้นอดีตสามี ตัวตนที่แท้จริงของเธอค่อยๆ ถูกเปิดเผย นักเปียโนอันดับหนึ่งของโลก? ดีไซเนอร์ Elan ที่หาตัวยาก? นักลงทุนลึกลับ? หลังจากการหย่าร้างหลี้จิงถิงถึงค้นพบว่าอดีตภรรยาของเขามีความลับมากมายอย่างนี้ เขาอยากตามตื้ออดีตภรรยาของเขากลับมาคบกัน แต่ยังเป็นไปได้ไหมล่ะ มีอยู่วันหนึ่ง เมื่อปริศนาแห่งประสบการณ์ชีวิตของเธอถูกเปิดเผยจริงๆ หัวใจของเขาแตกสลายอย่างสิ้นเชิง...
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด