“ที่ทำ... มันเกินไป” “น้อยไป ฉันยังอยากสั่งสอนเธออีกสักรอบ” “ที่ฉันด่าว่าเหี้ยมันไม่คู่ควรกับนายตรงไหน คนดี ๆ ที่ไหนเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกแบบนั้นวะ”
ตอนที่1 คืนพลาด
ไมเคิลเดินตามเจเลอร์ลงมาเมื่ออยู่ ๆ คนแอบหวงแมวก็หมดอารมณ์สนุกและหนีมานั่งเฝ้าแมวของมันที่ชั้นล่าง เขามองตามสายตาคมดุไปก็เห็นแผ่นหลังนวลเนียนของสองสาวที่ไอ้เคนกำลังนั่งคุม ปากพูดกับอีกคนแต่สายตายังส่งซิกไปหาผู้หญิงปากเก่งอย่างแสนดี
“อ๊ะอายจะรู้ตัวมั้ยวะว่าเจ้าของมันจ้องตะคุบอยู่ตรงนี้”
“...”
“หวงเค้าสิมึง” เจเลอร์ยังเข้มขรึมทำเพียงตวัดสายตามองเขาอย่างรำคาญเท่านั้น ก่อนจะเอาสายตานั้นไปเฝ้าผู้หญิงที่มันเคยบอกว่าไม่เอาแล้ว เขายกมือขึ้นเรียกพนักงานคนหนึ่งในร้านให้มาหา ก่อนจะช่วยเพื่อนที่นั่งหน้าตึงด้วยวิธีที่เจเลอร์คิดไม่ได้อย่างแน่นอน
“มึงหาคนเอาฝาเบียร์ไปขูดรถไอ้เคนให้รอบคัน แล้วให้คนไปบอกมัน”
“อะไรนะครับ!”
“มึงได้ยินไม่ผิด เสร็จงานแล้วไอ้เจเลอร์จะจ่ายให้หมื่นนึง” เขาถูกเจเลอร์มองด้วยหางตาแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน...แสดงว่าความคิดมันก็เข้าท่าดี
.....
“แสน! เดี๋ยวก็เมาหรอก” อชิรญาแกล้งรั้งมือของเธอ และเธอก็แกล้งกรอกน้ำเมาสีสวยลงคอทีเดียวจนหมด ก่อนจะหันไปพูดพร้อมยิ้มแฉ่ง
“กลับแท็กซี่”
“เดี๋ยวเถอะ” เธอละสายตาหยาดเยิ้มจากใบหน้าจิ้มลิ้มของเพื่อนกวาดมองตั้งแต่บาร์เทนเดอร์ คนที่ยืนเต้นโซนธรรมดา ไปยังหน้าเวทีที่ชอบที่สุด ก่อนจะเอาสายตากลับมามองเพื่อนที่นั่งข้างกันเห็นว่าใบหน้าของอชิรญาเอนซบบนบาร์แล้ว และเคนก็มองมาที่เธอแววตาวาวระยับไม่ต่างจากที่มองเพื่อนเธอ
“เราไปล้างหน้าก่อนนะ นั่งอยู่นี่ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
“ให้ไปด้วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก นั่งอยู่ตรงนี้นะเข้าใจมั้ย”
หญิงสาวรีบใช้น้ำเย็น ๆ ประพรมกรอบหน้าที่ร้อนผ่าว สงสัยบาร์เทนเดอร์จะใส่เหล้าเยอะไปเธอถึงได้จะเมาง่ายขนาดนี้ ‘ที่พูดเล่นว่าจะกลับแท็กซี่คงได้ทำมันจริง ๆ’
เธอยืนใช้มือค้ำกับขอบอ่างล้างมือจนรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยจึงรีบพาตัวเองกลับไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่กับเคนซึ่งระหว่างทางเธอก็เจอพวกน่ารำคาญมาชวนไปต่อ หรือมาหยุดมองหน้าอกที่โผล่พ้นเสื้อเกาะอกสีขาวของเธออย่างตั้งใจ
“คืนนี้มีคนไปส่งหรือยังครับ”
“เอารถมาค่ะ”
“เดี๋ยวสิคุณคุยกันก่อน”
“โทษนะคะฉันรีบ” เธอสะบัดมือคนแปลกหน้าออกอย่างไม่มีเวลาหันไปด่าเพราะมองเห็นแล้วว่าเพื่อนของเธอกับเคนหายไปแล้ว เหลือแค่กระเป๋าของเธอที่วางอยู่
“เพื่อนเราที่นั่งอยู่กับผู้ชายตรงนี้ไปไหนแล้วคะ”
“อ๋อ เพื่อนคุณเมาพี่เคนพาขึ้นไปห้องวีหนึ่งแล้ว”
จิ๊!
หญิงสาวร้องขึ้นอย่างหงุดหงิดแค่ไม่กี่นาทีไอ้พี่เคนนี่ก็ไวจริง ๆ เธอรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองฝั่งขวามือที่เป็นห้องวีไอพีพรีเมี่ยมและผลักประตูห้องที่อยู่ด้านในสุดอย่างไม่ลังเล
ความมืดเกือบสนิททำเอาต้องยืนตั้งหลักก่อนหลายวินาที และในที่สุดก็เห็นร่างกำยำนั่งหันหลังพาดท่อนแขนกับพนักพิง แล้วเพื่อนเธอล่ะ?
“พี่เคน! อ๊ะอาย...นาย!” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบไหวเมื่อในห้องนี้ไม่มีเพื่อนเธอ และเขาก็ไม่ใช่เคน ไม่มีเวลาตกใจนานเพราะห่วงอชิรญามากกว่าสิ่งใดจึงหวังจะรีบออกไปจากที่นี่แต่กลับถูกกระชากลงมาบนโซฟาตัวเดียวกับเขาหัวคะมำลำตัวพาดบนหน้าตักแกร่ง แต่เมื่อเธอจะลุกหนีก็ทำไม่ได้เพราะถูกรัดไว้แน่น
“นี่! อย่ามายุ่งกับฉันนะ!”
“บังเอิญอยากยุ่งซะด้วยสิ”
“ปล่อยนะฉันรีบไม่มีเวลามาเล่นกับนายหรอก!”
“หาอ๊ะอายอยู่เหรอ”
กึก
“อ๊ะอายอยู่ไหนนายรู้เหรอ”
“รู้สิ”
“ก็บอกมาสิว่าอ๊ะอายอยู่ไหน”
“เอาตัวเข้าแลกสิ แล้วจะบอก” ทั้งคำพูดและมือที่กำลังลูบต้นขาของเธออย่างจาบจ้วงทำให้แสนดีดีดดิ้นอย่างไม่ยอม แต่เขายังลุกล้ำเธอด้วยการปัดรวบผมหลบทางเพื่อนฝังกลีบปากที่ต้นคอทางด้านหลัง
“ปล่อยนะไอ้โรคจิต!”
“ไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าเพื่อนอยู่ไหน ป่านนี้โดนไอ้เคนเอาไปแล้วมั้ง”
“ก็บอกมาสิโว๊ย!”
“พูดกับคนที่จะช่วยเธอแบบนี้เหรอ”
“ก็เพราะรู้ว่านายไม่ช่วยไง ปล่อยสิฉันรีบ! อ๊าย!” ร่างบางถูกจับพลิกไปนอนราบบนโซฟาหนังและถูกขังไว้ในคนตัวโตที่คร่อมทับเธออย่างแนบชิด เธอกรีดร้องหวังให้ใครได้ยินและทำให้เขาหยุดสักทีเธอเหลือเวลาตามหาเพื่อนน้อยลงทุกที
“กรี๊ด อ็อกก” ไมเคิลแกล้งกรอกเหล้าขวดเล็ก ๆ รสบาดคอลงโพรงปากของหญิงสาว ดีกรีเหล้ามันมากถึง 80% ‘ตัวเล็ก ๆ แค่นี้แก้วเดียวก็น็อก’
“ไอ้บ้าแกเอาอะไรให้ฉันกิน แค่ก ๆ”
“เหล้าธรรมดา คิดว่ามียาหรือไง”
“ถ้ามียานายก็ชาติชั่วเกินไปแล้วแหละ” ตัวของหญิงสาวฟุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าที่มันไหลลงคอไม่หมด เธอยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากและคางที่เหล้าไหลย้อยก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้น แต่ปรากฏว่าภาพมันเบลอหมุนไปหมด
“ฉันล่ะโคตรเกลียดเวลาถูกใครด่า และยิ่งเป็นผู้หญิงนะ...”
“นาย...”
“เพื่อนเธออยู่กับไอ้เจเลอร์ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“...”
“เมาไวจัง เหล้ายังเหลืออีกนะ” แสนดีเริ่มรู้สึกว่าเปลือกตามันหนักเกินจะลืมขึ้นไหว รสชาติเหล้ายังติดอยู่ในโพรงปากจนเธอต้องกลืนน้ำลายลงคอล้างความขมของมัน ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างพึงพอใจในผลงาน ยิ่งตอนที่เธอใช้มือขยุ้มเส้นผมตัวเองเขาก็แทบจะขาดสติลง
“เหล้านี้นำเข้าเลยนะ ปกติมันขายไม่ดีหรอกเพราะเมาง่าย”
“ลุก...ออกไป”
ไมเคิลกรีดนิ้วไล้บนเนินอกอวบแผ่วเบาแต่ทำให้คนใต้ร่างสยิวซ่านวูบวาบด้วยความที่ไม่เคยมีใครได้ทำแบบนี้กับเธอ ก่อนที่เกาะอกตัวเล็กจะถูกนิ้วชี้เกี่ยวลงมากองใต้ฐานอก
“อย่า..”
“จุกของเธอมันจะสีอะไรกันนะ” ขณะที่ถามมุมปากก็ยกยิ้ม ดูจากผิวขาว ๆ แล้วคิดว่าภายใต้ที่ปิดจุกนั่นน่าจะแป็นสีชมพูสด คนเมาพยายามดึงเกาะอกของเธอขึ้นปิดโดยไม่รู้เลยว่ามือข้างหนึ่งของเขากำลังรั้งมันไว้ ก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างไปหยิบรีโมทเล็ก ๆ ข้างแก้วเหล้ามาเปลี่ยนโหมดจากไฟปาร์ตี้เป็นสีวอร์มไลท์ ไมเคิลถึงกับกัดริมฝีปากที่แห้งผากเมื่อได้เห็นทรวดทรงของเธออย่างถนัดตา
“นมนี่ของจริงป้ะ?”
"ถ้าไม่ใช่เพราะหวงก็เลิกยุ่งกันไปได้มั้ย ฉันจะได้เริ่มต้นใหม่" "อยากเริ่มต้นใหม่ เพื่อจะลืมฉันน่ะเหรอ" อชิรญากวาดสายตามองไปทางอื่นเมื่อที่เขาพูดมันก็คือเรื่องจริง ขอแค่เขาหยุด เธอก็จะลืม "ฉันไม่ชอบเวลามีใครมาพูดว่าได้ผู้หญิงที่ฉันเอามาแล้ว มันดูซ้ำรอย" "กับพี่พระแพงตามระรานเขาแบบนี้ด้วยหรือเปล่า" "พระแพงพูดอะไร"
เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยซื้อมันได้ด้วยเงินถอยหนี และดื้อด้าน เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยรู้จัก
ซื้อเป็นของขวัญ ติดตาม แชร์ "คุณพาย" พิยดาหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้า แม้ภายนอกจะดูเป็นอย่างไรแต่ใจเธอนั้นหล่นวูบไปเสียแล้ว "คุณท้องกี่เดือนแล้ว" "นึกว่าใคร คุณเหมนี่เอง สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ" "คุณช่วยตอบคำถามผมที คุณท้องกี่เดือนแล้ว" พิยดาก้าวถอยหลังในขณะที่เหมันต์เดินหน้าเข้าหาเธอ เขาเหมือนเดิมจนทำให้เธอเผลอนึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยทำด้วยกัน ก่อนที่บาดแผลนั้นจะร้องเตือนตัวเองว่าถ้าเธอยังฝังกลบความรู้สึกนั้นไม่ได้เธอนั่นแหละจะตาย
“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น