เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยซื้อมันได้ด้วยเงินถอยหนี และดื้อด้าน เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยรู้จัก
เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยซื้อมันได้ด้วยเงินถอยหนี และดื้อด้าน เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยรู้จัก
ตอนที่1 เรื่องวุ่นๆ ของพรลภัส
สายตาคมเข้มของชนะวิทร์หนุ่มนักธุรกิจวัยสามสิบปีมองไปที่เรือนร่างของสาวพริตตี้คนหนึ่งอย่างละสายตาไปไหนไม่ได้จนเพื่อนที่มาด้วยกันสังเกตเห็น
“เอามั้ย กูดีลให้”
“เด็ก”
“มึงไม่เอาก็มีคนเอาไปอยู่ดี” ชายหนุ่มเหลือบมองเพื่อนด้วยสายตาดูแคลน คนที่พูดเรื่องนี้กับเขามันเป็นถึงหมอศัลยแพทย์ชื่อดังที่มีคนเคารพมากมาย ‘เบื้องหน้ามันเป็นหมอเทวดาแต่เบื้องหลังมันถูกเรียกว่าหมอปีศาจ’
“น้องภัสเสิร์ฟเครื่องดื่มโต๊ะนั้นด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวที่เขาแอบสำรวจรูปร่างของเธอ และคำนวณสัดส่วนไว้ในสมองส่วนความกระหายเข็นรถเครื่องดื่มมาตามที่ผู้จัดการสั่ง ราวกับเธอรู้ว่าเขาสนใจอยู่จึงได้แทรกเอาเครื่องดื่มมาวางตรงระหว่างเขากับหมอนพดล กลิ่นหอมหวานของน้ำหอมจากตัวเธอยิ่งกระตุ้นอารมณ์บางอย่างขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งเธอเข็นรถเครื่องดื่มไปที่โต๊ะอื่นต่อเขาก็ยังไม่คิดทำอะไรสักอย่าง
“สรุปไม่เอา?”
“ถ้าเจออีกครั้ง ค่อยว่ากัน”
หนึ่งปีต่อมา
“แล้วอย่างผมเนี่ย น้องภัสว่าเหมาะกับน้ำหอมกลิ่นไหนครับ” หนุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่มาดเจ้าชู้ถามเธอตาหวานเชื่อมทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่กี่นาที หญิงสาวยังยิ้มให้ตามหน้าที่เธอแม้ไม่ชอบเอาเสียเลย
“คุณผู้ชายน่าจะเหมาะกับกลิ่นสปอร์ตแมนค่ะ น้องภัสขออนุญาตนะคะ” เธอฉีดน้ำหอมตัวทดลองใส่ข้อมือของเขาเหมือนที่ทำให้กับลูกค้าทุกคนที่อยากลอง ใจก็รู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจน้ำหอมมากขนาดนั้น
“อื้ม กลิ่นนี้เหมาะกับผมจริง ๆ ด้วย”
“รับกี่ขวดดีคะ”
“ปกติผมใช้พวกเคาต์เตอร์แบรนด์นะ แต่วันนี้ผมจะช่วยน้องภัสทำยอดก็แล้วกัน เอาห้าขวดนะ”
“ได้เลยค่ะรอสักครู่นะคะ” เธอรีบส่งหันไปบอกให้ทีมงานเบื้องหลังรีบจัดแพคน้ำหอมใส่ถุงกระดาษเล็ก ๆ 5 ถุง ก่อนจะนำมันไปยื่นให้ชายหนุ่มที่ชำระเงินกับแคชเชียร์เรียบร้อยแล้ว แต่เขากลับคว้าเข้าที่มือนุ่ม
“นี่นามบัตรผม อยากมีเงินใช้ติดต่อมาแล้วกัน”
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานกลับพร้อมดึงนามบัตรนั้นมาไว้ในมือตัวเองตามมารยาท...เธอไม่เก็บมันไว้ด้วยซ้ำ
“ท่าทางขี้หลีเกิ้น”
“นารา! หายไปเข้าห้องน้ำหรืออู้เนี่ยเมื่อกี้ลูกค้าเยอะมากเลย”
“ไปเข้าห้องน้ำจริง ๆ เราท้องผูก” นารายิ้มตาหยีให้อย่างมีพิรุธ จริง ๆ แล้วเมื่อยขาที่ยืนบนส้นสูงเป็นเวลานาน
“มะรืนมีงานเบียร์ รับมั้ย”
“ที่คุยกันวันนั้นน่ะเหรอ”
“นั่นแหละ”
“เดี๋ยวดูก่อนนะ มันไกล”
“ไปเถอะ ตั้งห้าพันนะงานนี้ทิปดีด้วยนอนรีสอร์ทแถวนั้นแล้วค่อยกลับก็ได้”
“อื้ม ไปก็ได้”
พรลภัส เลิศปัญญา ปัจจุบันนักศึกษาสาวปี3 ส่งตัวเองเรียนตั้งแต่มัธยมปลายเพราะพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถกลางสายฝนเสียชีวิตทั้งคู่ ไม่ใช่แค่เธอที่ปากกัดตีนถีบเพราะยังมีณัฐดนัยน้องชายที่คลานตามกันมาชะตาก็ไม่ต่างกับเธอ
ตืด..
น้องรัก
“กลับดึกมั้ย”
“กำลังกลับ อีกหนึ่งชั่วโมงน่าจะถึงเอาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เอาอะไรหรอก แค่โทรถาม” พรลภัสวางสายน้องชายที่โทรถามเป็นกิจวัตรก่อนจะเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาวโบกมือลาเพื่อนร่วมงานก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน...บ้านที่ผ่อนอยู่ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า
เมื่อมาถึงบ้านน้องชายที่นั่งรอก็เปิดประตูให้ ทั้งที่ควรจะนอนได้แล้ว
“กลับดึก?”
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ก็รอพี่ภัส”
“ก็บอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมง ทีหลังไม่ต้องรอนอนเลยนะ”
“อืม” คนน้องตอบพลางก้มหน้าลงเล่นเกมในมือถือต่อ ณัฐดนัยทำงานเสิร์ฟอาหารช่วงเลิกเรียนกว่าจะเลิกงานก็สี่ทุ่ม แถมคืนนี้ยังอยู่รอเธอจนเที่ยงคืนอีก
“เล่นรอบนี้จบแล้วก็ไปนอนนะ ดึกแล้ว”
“โอเค” เรียวคิ้วสวยขมวดเมื่อเห็นน้องนั่งตัวงอนิด ๆ ดูไม่ปกติ
“เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ”
“อือ กินยาแก้ปวดแล้ว”
“ถ้าไม่หายก็บอกนะ จะได้ไปหาหมอ”
“ปวดนิดเดียว ขึ้นไปนอนเถอะเดี๋ยวณัฐจะปิดไฟเอง”
…..
พรลภัสทำงานหนักเพราะรู้ว่าเธอกับน้องชายไม่ได้มีเบาะนุ่ม ๆ รองรับเหมือนลูกคนรวยที่มีกันพร้อมหน้าพร้อมตา มันเหนื่อยที่ต้องนอนดึกแล้วตื่นมาเรียนให้ไหว หลายครั้งที่ต้องนั่งหลับบนแท็กซี่ทั้งที่รู้ว่ามันอันตราย
“หนู ถึงมหาลัยแล้วนะ” พรลภัสเหยียดหลังตรงฉับทั้งที่ยังงัวเงียไม่หาย
“ขอโทษที่ต้องให้ปลุกนะคะ”
“อย่าไปนอนแบบนี้กับคันอื่นนะลูก มันอันตราย”
“จะพยายามค่ะลุง”
เธอเดินไปยังหน้าห้องสมุดที่ประจำ ก็เจอนารานั่งรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับยื่นชุดที่ต้องใส่ทำงานคืนนี้ให้เธอ
“โห”
“ปกติ งานแบบนี้” ยังไม่ทันที่เธอจะบ่นนาราก็ชิงแก้ต่าง ก่อนเธอจะนั่งลงคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยรอถึงเวลาเรียน
“ปีหน้าณัฐก็เข้ามหาลัยแล้วหนิ”
“อืม สอบเข้าที่นี่แหละ”
“บ้านก็ส่ง น้องก็เรียนต่ออีก”
“แค่คิดก็เหนื่อยเลยอะนารา” พรลภัสแกล้งบ่นทั้งที่เธอนั้นเหนื่อยแบบนี้จนชินเสียแล้ว โชคดีของเธอที่เป็นผู้หญิงพอใช้หน้าตาหากินได้ และงานที่ทำมันก็ได้เงินมากกว่าน้องชายเยอะ ....
เรียนเสร็จเธอกับนาราก็ขึ้นแท็กซี่จะไปลงที่หน้างานไม่ได้แวะกลับบ้านเพราะที่จัดงานอยู่ค่อนข้างไกลต้องเผื่อเวลา
ตืด..ตืด..
“ฮัลโหล”
“พี่สาวของณัฐดนัยใช่มั้ยคะ”
“ชะ..ใช่ค่ะ มีอะไรเหรอคะ” แม้ไม่รู้ว่าปลายทางโทรมาด้วยเรื่องอะไรแต่พรลภัสก็ชิงเสียงสั่นไปก่อนแล้ว
“ฉันเป็นครูประจำชั้นของณัฐดนัยนะคะ แกปวดท้องรุนแรงเลยพามาส่งโรงพยาบาลค่ะ”
“ที่ไหนคะ”
.....
หญิงสาวในชุดนักศึกษาวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชน หลังให้แท็กซี่จอดส่งเธอก่อน และไปส่งนาราต่อ มือนิ่มทั้งสองข้างเย็นเฉียบกลัวณัฐดนัยเป็นอะไรไป... ‘เธอไม่เหลือใครแล้วนะ’
“หนูเป็นญาติของนายณัฐดนัยค่ะ”
“เชิญที่ห้องคุณหมอนพดลห้องแรกเลยนะคะ คุณหมอรอคุณอยู่” พรลภัสรีบไปห้องที่ว่าอย่างไม่ลังเล และลืมเคาะประตูตามมารยาทด้วยความร้อนใจ
“ญาติณัฐดนัยใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ น้องหนูเป็นยังไงบ้างคะ”
“เป็นพี่สาวเขาสินะ” พรลภัสพยักหน้าซื่อ แต่ในใจนึกบ่นความลีลาของหมอไปแล้ว
“คนไข้ไส้ติ่งอักเสบนะ ต้องรีบผ่าตัด”
“แล้วยังไม่ได้ผ่าเหรอคะ!”
“รอญาติเซ็นต์ยินยอม ตามกฏของโรงพยาบาลครับ”
"ถ้าไม่ใช่เพราะหวงก็เลิกยุ่งกันไปได้มั้ย ฉันจะได้เริ่มต้นใหม่" "อยากเริ่มต้นใหม่ เพื่อจะลืมฉันน่ะเหรอ" อชิรญากวาดสายตามองไปทางอื่นเมื่อที่เขาพูดมันก็คือเรื่องจริง ขอแค่เขาหยุด เธอก็จะลืม "ฉันไม่ชอบเวลามีใครมาพูดว่าได้ผู้หญิงที่ฉันเอามาแล้ว มันดูซ้ำรอย" "กับพี่พระแพงตามระรานเขาแบบนี้ด้วยหรือเปล่า" "พระแพงพูดอะไร"
ซื้อเป็นของขวัญ ติดตาม แชร์ "คุณพาย" พิยดาหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้า แม้ภายนอกจะดูเป็นอย่างไรแต่ใจเธอนั้นหล่นวูบไปเสียแล้ว "คุณท้องกี่เดือนแล้ว" "นึกว่าใคร คุณเหมนี่เอง สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ" "คุณช่วยตอบคำถามผมที คุณท้องกี่เดือนแล้ว" พิยดาก้าวถอยหลังในขณะที่เหมันต์เดินหน้าเข้าหาเธอ เขาเหมือนเดิมจนทำให้เธอเผลอนึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยทำด้วยกัน ก่อนที่บาดแผลนั้นจะร้องเตือนตัวเองว่าถ้าเธอยังฝังกลบความรู้สึกนั้นไม่ได้เธอนั่นแหละจะตาย
“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’
“ที่ทำ... มันเกินไป” “น้อยไป ฉันยังอยากสั่งสอนเธออีกสักรอบ” “ที่ฉันด่าว่าเหี้ยมันไม่คู่ควรกับนายตรงไหน คนดี ๆ ที่ไหนเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกแบบนั้นวะ”
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY