อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ
“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ อย่าลืมทำรายงานมาส่งกันนะครับ”
อาจารย์สุดหล่อบอกลาชั่วโมงเรียน สั่งย้ำเรื่องรายงาน นักศึกษาต่างขอบคุณ ไหว้ลา อาจารย์เดินไปจากห้องไม่กี่ก้าว หลายเสียงก็บ่นพร้อมกัน เหตุเพราะอาจารย์คนนี้ ไม่เคยไม่มีรายงานไม่ว่าวันไหนที่เข้าสอน
“ฉันยอมเพราะหล่อหรอกนะยายตุ้ม ถ้าไม่หล่อจะประท้วง ปะท้วงที่ไม่ให้ฉันได้ไปพักมองผู้ชายบ้าง”
อทิตยาหรือตุ้ม สาวร่างอวบ ผมเป็นลอนสีดำยาวถึงกลางหลังกอดหนังสือ มือเล็กๆ เล็บตัดสั้นนั้นหยิกแก้มสมชายซึ่งหน้าใสราวผู้หญิง สมชายตีมือเพื่อน
“ไม่ต้องเลย ปล่อยนะ ฉันไม่ใช่อาจารย์นะ รู้นะว่าแกจ้องอยู่เหมือนกัน แหม ทำเป็นไม่ค่อยกล้ามอง แต่สายตาเธอมันฟ้องว่าแอบมองเขาอยู่เหมือนกัน ระดับอาจารย์ภัทรกร ใครจะไม่มองล่ะใช่ม่ะ เอ่อ ว่าแต่ที่บ้านมองแบบนี้หรือเปล่า”
อทิตยาไม่ทันได้ตอบเพราะเพื่อนอีกคนพูดแทรกขึ้น
“ทำไมมองไม่ได้ สวยเลือกได้ย่ะยายสมชาย ตุ้มเขาสวยมีสิทธิ์ฝันหวานนิไม่เหมือนฉัน แก”
นิลดาสาวแว่น ใบหน้าไม่โดดเด่นกระซิบที่หูเพื่อน สมชายหน้าบูด เอ่ยเรื่องที่เพื่อนมาจี้ใจดำตน
“คอยดูนะเรียนจบ ฉันจะบอกที่บ้านว่าขอเปลี่ยนชื่อ ไม่ทนอีกแล้ว ไม่ทน และจะทำงานให้หนักเพื่อไปทำหน้าสวยๆ ที่เกาหลี”
นิลดาหันไปยิ้มกับอทิตยาแต่เพื่อนดูเหม่อๆ ซ้ำเดินออกจากห้อง ในระหว่างนั้นสองสาวเห็นอาจารย์ภัทรกรเดินเคียงข้างไปกับสาวคนหนึ่ง นิลดาชะเง้อ
“ใครวะแก ใครเหรอ แกอยู่บ้านเดียวกับอาจารย์รู้จักหรือเปล่า เหมือนมารออยู่ หุ่นดีนะ อย่าบอกว่าอาจารย์แอบมีแฟน โอ้ย ถ้าเป็นเช่นนั้นสงสารหัวใจสาวๆ ที่คณะ ในจะคณะอื่นอีก อิ อิ รวมทั้งแกด้วย”
คนที่แปลกใจ หวาดหวั่นกับภาพตรงหน้าไม่ตอบอะไร นิลดาเขย่าแขน “ได้ยินเปล่าเนี่ย เห็นเปล่า เคยเจอเปล่า”
“อาจเพื่อนอาจารย์ก็ได้ แล้วจะถามมากทำไม อาจารย์เขาอยู่คอนโดฯ นี่ ยายตุ้มเคยบอกแล้ว พอๆ ไปกินข้าว”
สมชายดึงแขนนิลดา อทิตยาเอ่ยเสียงเบาออกมา
“ใช่ อาจเป็นเพื่อน”
“แหม อยากหลอกตัวเองว่างั้น ตามใจแกเลย ถ้าอย่างนั้นเพ้อต่อไปเถอะ ฉันขอไปกินข้าวก่อนนะ อยากกินก็ตามมา”
เพื่อนๆ หายไปจากที่ตรงนั้นกันเกือบหมด นิลดาที่พูดให้ใจเจ็บจี้ดก็เดินไปไกล อทิตยาจึงเร่งไปยังห้องพักของอาจารย์ที่เป็นดั่งดวงใจของเธอ ลืมเลือนไปชั่วขณะว่าอาจารย์ภัทรกรเคยสั่งห้ามอะไรไว้ ในสัมพันธ์ที่ไร้สถานะ เธอห้ามทำอะไรให้ใครรับรู้ สงสัย…
ภัทรกร ดลจิตร อายุ 35 ปี เป็นบุตรชายคนโตของนายพลภัทร คุณหญิงนพคุณ รูปร่างสูง 190 เซนฯ ขาวตี๋ราวดาราหนุ่มที่หลุดมาจากซี่รี่จีน ดวงตาเขาคมคาย รับจมูกโด่งคมสัน ริมฝีปากแดงระเรื่อ จนสาวๆ ต่างอิจฉา บัดนี้เขากำลังรวบเอวคนที่มาหาไม่บอกกล่าว ซึ่งฝ่ายนั้นเอียงอายจนหน้าแดงก่ำ และรีบผลักอกกว้าง
“พี่ภัทรล็อคประตูห้องก่อนค่ะ นี่มหาลัยฯ นะคะ”
มือยาวนั้นยังรั้งเอวคอดมาใกล้ จุมพิตหน้าผากคนที่ใจปรารถนาเบาๆ สายตาคมคายบัดนี้หวานฉ่ำจ้องเธอ
“จะขัดขืนพี่เหรอ ปล่อยให้คอยเก้อมาสามเดือนเชียวนะ รู้มั้ยจะลงแดงแล้วนะ”
“พี่กรเนี่ยพูดอะไรก็ไม่รู้” มือเล็ก นิ้วเรียวยังดันอกกว้างไว้เช่นเคย แต่ใบหน้าสวยราวตุ๊กตาซึ่งมีเส้นผมสีน้ำตาลกลับซบอกกว้างเมื่อเขาไม่ยอมปล่อย อาจารย์หนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เรื่องจริงทั้งนั้นนะ คิดถึงมาก”
“ปากหวานจัง”
“แน่นอนอยากพิสูจน์เปล่าล่ะครับ” มือใหญ่ไล้ตรงแก้มนวล ปูนิ่ม หรือจิรวรรณจ้องดวงตานั้น ใจเต้นระส่ำ
เขาหล่อแบบนี้ เธอไม่ใจเต้นก็แปลก กำลังจะยินยอมให้เขาจูบ ทว่าเสียงประตูกลับเปิดขึ้น จิรวรรณถอยห่างด้วยความตกใจ เดินไปนั่งที่โซฟาทันที
“มีอะไรหรือ”
กระทั่งเสียงเจ้าของห้องพักดังขึ้น จิรวรรณหันมองนักศึกษาสาวแวบเดียวฝ่ายนั้นกำลังมองมาที่เธอ ก่อนจะรีบถอยไปตรงประตู จิรวรรณนิ่งตั้งใจฟัง
“แค่จะมาถามเรื่องรายงานค่ะ…”
อทิตยาที่ไม่คิดว่าจะมาเห็นภาพแบบนี้ ใจเธอสั่นแต่มือเธอกลับชา ชาจนทำหนังสือร่วงเมื่อตอบอาจารย์หนุ่มแล้ว เธอก้มลงเก็บ จิรวรรณนั้นยังไม่โล่งใจแม้คนที่เข้ามาเป็นนักศึกษา เธอกำลังจะขอตัวภัทรกรกลับ แต่เสียงเข้มๆ ทำเอาต้องนั่งลงเหมือนเดิม
“ถามมาสิ”
สำหรับอทิตยารู้ว่าคำพูดสั้นๆ คือการไล่ ตอนนี้เธอต้องออกจากห้องหญิงสาวรีบเอ่ยขอโทษเสียงแผ่ว
“ขอโทษค่ะไม่รู้ว่าอาจารย์มีแขก เดี๋ยวค่อยถามในชั่วโมงเรียนดีกว่าค่ะ”
ภัทรกรหันมองแขกที่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสือซึ่งอยู่ใกล้มือ ทันใดนั้น จิรวรรณก็ว่า “เอ่อ ปูไปก่อนดีกว่านะคะ”
“ไม่ต้องหรอก” ภัทรกรสั่งห้าม แขกที่รู้สึกหน้าบางจำต้องตามใจเขา ยิ่งมือแข็งแรงรั้งเธอไว้ก็อายหน้าแดงก่ำ อทิตยารีบถอยห่างประตูอีกครั้งเมื่อเห็นภาพนั้น ในขณะที่รีบเท้าเธอไปครูดกับขอบประตูจนมีเลือดซิบ ทว่าเธอก็เดินห่างห้องพักอาจารย์หนุ่มมาได้ ก่อนจะมานั่งมองเท้าตนเอง หากระดาษทิชชู่มาซับเลือดสีแดงเข้ม
เจ็บเท้ามาก เพราะแผลค่อนข้างลึก แต่ตอนนี้ตรงหัวใจเจ็บยิ่งกว่า และเหมือนกำลังเต้นระรัวราววิ่งมาหลายกิโลเมตร
อทิตยาหันไปมองที่ตึกอีกครั้ง เกิดคำถามในใจ
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
เมื่ออยากรู้เธอก็รีบเดินออกจากรั้วมหาลัย ฯ โบกรถเพื่อกลับบ้าน เรื่องอาหารนั้นค่อยไปหากินที่บ้านอย่างเคย จะได้ไม่เปลืองเงินทอง ถึงแม้ว่าท้องจะร้องโคกครากก็ไม่สนใจ หญิงสาวหลับตาเมื่อรถวิ่งออกมาจากหน้ามหาลัยฯ ได้สักพัก ห้ามไม่ให้คิดเรื่องที่เห็นคาตาอีก
รถแท็กซี่ติดไฟแดง เธอก็ลืมตามองถนนที่มากไปด้วยยวดยาน และในช่วงจังหวะนั้นเรื่องที่ไม่อยากคิดถึงก็มาอยู่ตรงหน้าราวกำลังตามมาหลอกหลอน มือเล็กๆ ทั้งสองเกาะกระจกรถแน่น
กัญญายอมมาเป็นผู้หญิงของรอน กวี อลอนโซแทนน้องเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ แม้เธอจะต้องทิ้งรักแรกแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ ทว่าวันหนึ่งกลับเจอว่าน้องสาวและคนรักเก่ากำลังคบหาจะแต่งงานกัน เธอได้รับรู้ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจถึงความเสียสละของเธอแม้แต่น้อย กัญญารู้สึกโดดเดี่ยว เสียใจเป็นที่สุด และในเวลานั้นรอนก็กำลังจะแต่งงาน ยุติความสัมพันธ์กับเธอ ซ้ำจะยกเธอให้ลูกน้องเขา เธอไม่มีค่ากับใครเลยหรือ?
เขาทิ้งเธอไว้ไปในวันฝนพร่ำเพื่อไปหาคนรักที่รอคอยมาเนิ่นนาน ความฝันที่จะได้เคียงคู่พลันมลายลง เธอเป็นแค่คนผ่านทาง เธอจะไม่ร้องไห้ แต่ทำไม น้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้เล่า ------------------------ เพราะยินยอมพร้อมใจเป็นเด็กเลี้ยงของหมอดลทัช เมื่อเขาจะจากไป โดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ชลรัมภาจำต้องยอมรับความทุกข์ ความปวดร้าวให้ได้ ทว่าเมื่อต้องเจอหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพราะเธอคือเพื่อนรักน้องสาวเขา เธอจะทำตัวเช่นไรดี ให้เขาไม่สมเพช ไม่เห็นน้ำตาที่ไม่มีค่าของเธอ
เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ
เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง
เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก
จังหวะนั้นประตูเปิดออกสุดแรง พูดหันมองก่อนจะหดมือ ทำตัวเล็กลีบ “เป็น เป็นลมไปเรียบร้อยครับ” วงศกรไม่ถามอะไร จับชีพจรที่ข้อมือ จับแก้มแดงแจ๋ “ทำไมหน้าแดงขนาดนี้” อายหมอมั้งครับ “เอ่อ โดดแดดครับ” “ก็ไอ้พูดไม่มีหมวก ไม่มีเสื้อให้เลย พาไปสอนเก็บองุ่นทั้งที่แดดเปรี้ยงครับคุณหมอ” วงศกรหันมองพูด “ผมไม่รู้ว่าคุณเค้ากระหม่อมบาง อีกอย่างคุณบอกโอเค” “ออกไปก่อน” สองพ่อลูกลุกขึ้นพร้อมกัน วงศกรหาผ้าเย็นมาเช็ดใบหน้า ลำคอที่เปลี่ยนสีชัดเจน โง่ที่สุด หรือไม่ก็เรียกร้องความสนใจ “โอ้ย!” วงศกรมองมือที่หยาบกร้านซึ่งจับหน้าท้อง หมอหนุ่มเริ่มการตรวจทันที ขณะนั้นคนป่วยรู้สึกตัว เธอถอยห่างร่างใหญ่ที่นั่งใกล้ๆ พลางลำดับเหตุการณ์
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"